ในที่สุดก็ย้ายของเสร็จแล้ว

ถึงจะมีปัญหาเล็กน้อยเพราะเริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว แต่ก็เอาเฟอร์นิเจอร์มาวางที่บ้านใหม่ให้อยู่ในสภาพดีและไม่มีความเสียหายใดๆเรียบร้อยแล้ว ต้องขอบคุณบริษัทขนของจริงๆ

“ว้าววว……ย้ายมาอยู่ห้องที่ดีจังนะ รินทาโร่” (ฮิมิโกะ)

คนที่มองไปรอบๆ ห้องคืออาจารย์ ฮิมิโกะ ที่จ้างผมทำงานพาร์ทไทม์

ผมอดไม่ได้ที่จะบอกเธอที่ย้ายบ้าน เพราะเธอจ่ายค่าเช่าห้องเก่าของผม

นอกจากนี้ ผมยังบอกเธอแล้วว่าทำไมถึงตัดสินใจย้ายออก

“ถึงอย่างนั้น ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ารินทาโร่จะได้รับเงินจากไอดอลจริงๆ …… ฉันรู้นะว่ารินทาโร่อยู่โรงเรียนเดียวกับเธอ แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่ารินทาโร่จะมีความสัมพันธ์แบบนี้กับเธอ แต่พอได้มาเจอเรย์จังตัวจริง เธอนี่สวยยิ่งกว่าในทีวีสะอีก” (ฮิมิโกะ)

“ฉันขอโทษนะคะ อาจารย์ยูซึกิ” (เรย์)

เรย์ ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมก้มหัวให้อาจารย์ ฮิมิโกะi

วันนี้เป็นวันที่ “นายจ้าง” ของผมได้พบกัน

เมื่อบอกเรย์ว่าผมทำงานพาร์ทไทม์ให้กับอาจารย์ยูซึกิ ฮิมิโกะ เธอบอกว่าเธออยากคุยกับอาจารย์เรื่องนี้

แน่นอนว่ามีความเสี่ยงเสมอที่ความสัมพันธ์ของเราสองคนจะรั่วไหลได้ เพราะอาจารย์ ฮิมิโกะ เป็นคนดังในแง่หนึ่งเช่นกัน

ด้วยความไว้วางใจที่ผมกับอาจารย์เป็นญาติกัน ผมจึงตัดสินใจบอกเธอทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องของเรา

เรย์เป็นแฟนตังยงของอาจารย์ ยูซึกิ ฮิมิโกะ และเธอบังคับให้ผมนัดอาจารย์มาพบเธอ

“แต่ฉันคิดว่าเรย์จังพบกับคนที่ใช่แล้วล่ะ ถึงแม้รินทาโร่อาจจะปากไม่ดีบ้างในบางครั้ง แต่เขาเป็นคนที่เอาใจใส่จากก้นบึ้งของหัวใจ เขาทำงานบ้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ และใบหน้าของเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน และตอนอยู่ประถมรินทาโร่เนื้อหอมมากเลยนะ” (ฮิมิโกะ)

“……อาจารย์ยูซึกิ พูดมากเกินไปแล้วนะ” (รินทาโร่)

ยิ่งเธอยกยอผมมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งกังวลมากเท่านั้น และยิ่งยิ้มอย่างขมขื่นมากขึ้นเท่านั้น

แน่นอนว่ามันทำให้ผมอาย แต่ก็ใช่จะทำให้ไม่สบายใจสะทีเดียว

“ตอนเธออยู่ชั้นประถม……รินทาโร่คุงเนื้อหอมเหรอ?” (เรย์)

“อย่าถามไม่เข้าเรื่องสิ ในโรงเรียนประถม ถ้าเก่งกีฬาก็มักจะเนื้อหอมใช้มั้ยละ” (รินทาโร่)

ตอนที่อยู่ชั้นประถม ผมค่อนข้างแข็งแรงและมีโอกาสมากมายที่จะได้อยู่ร่วมกับสาวๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นและทักษะด้านกีฬาของผมก็เริ่มตกอยู่ในระดับปานกลาง ผมก็เข้าร่วมกับกลุ่มเด็กผู้ชายทั่วไป

และแน่อนว่าผมไม่เคยมีแฟนจนกระทั้งตอนนี้เลย

“ฟุฟุฟุ …… อยากรู้เหรอเรย์จัง เกี่ยวกับเรื่องเด็กผู้หญิงของรินทาโร่!” (ฮิมิโกะ)

“! ฉันอยากรู้คะ!” (เรย์)

“เอาล่ะ! ฉันจะบอกให้! ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มเรื่องตอนที่รินทาโร่เริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาลกันเถอะ ――――” (ฮิมิโกะ)

……พวกเธอพูดบ้าอะไรกัน

ผมไม่สนใจพวกเธออในตอนที่เริ่มตื่นเต้นผมก็ออกไปที่ห้องครัวเพื่อทำกาแฟ

ห้องครัวมีขนาดใหญ่กว่าบ้านหลังก่อนมาก

อย่างแรกเลย มีเตาเพิ่มจากสองเตาเป็นสามเตา

แถม ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว และเตาอบถูกแทนที่ด้วยอันที่ดีกว่า ผมเอามีดและกระทะที่ใช้ประจำมา แต่อุปกรณ์อื่นใช้ของที่ดีกว่าเดิม

“นี่ครับ กาแฟ” (รินทาโร่)

“…… รินทาโร่ เป็นผู้ชายที่ทำให้ผู้หญิงร้องไห้” (เรย์)

“ผมไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรนะเรย์ แต่สิ่งที่อาจารย์ฮิมิโกะพูดอย่าไปเชื่อมากล่ะ” (รินทาโร่)

ผมจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยทำให้ผู้หญิงร้องไห้มาก่อน

“ไม่ใช่เรื่องโกหกสักหน่อย! รินทาโร่เป็นคนเดียวที่สนับสนุนฉันตอนที่ทุกคนต่อต้านฉันในการเป็นนักเขียนการ์ตูน!” “ถ้าเป็นพี่ฮิมิโกะ ต้องเป็นนักเขียนการ์ตูนได้อย่างแน่นอน!” ตอนที่รินทาโร่พูดแบบนั้น ฉันถึงกับร้องไห้ออกมาเลยนะ!” (ฮิมิโกะ)

“เอาที่เธอสบายใจเลย……”

ผมนค่อนข้างแน่ใจว่ามันเคยเกิดขึ้นมาก่อน

ตอนนั้นผมอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และสนับสนุนอาจารย์ ฮิมิโกะi ที่ยังเป็นเด็กมัธยมปลาย

เมื่อผมคิดถึงมันตอนนี้ ตอนนั้นผมไม่รูัว่าคิดอะไรอยู่ แต่ผมแค่คิดว่าอยากผลักดันเธอเพียงเพราะว่าผมชอบภาพวาดของเธอ

ถ้าเธอมาเป็นนักเขียนการ์ตูนเพราะผม มันทำให้ผมรู้สึกดีใจนะ

“อื้ม……. แต่ฉันดีใจจริงๆ ที่รินทาโร่ไม่หยุดทำงานเป็นผู้ช่วย เพราะรินทาโร่ทำงานเก่งมาก เขาเอาอาหารมาให้ทุกครั้งที่ฉันลำบาก เขาชงกาแฟให้ฉันเมื่อฉันต้องการ และเขาก็กลายเป็นคนที่ขาดไม่ได้ในชีวิตเลย” (ฮิมิโกะ)

“อย่าพูดเกินจริงนักสิ…….” (รินทาโร่)

“ฉันไม่ได้พูดเกินจริงนะ! ผู้ช่วยทุกคนก็คิดเหมือนกัน ฉันจะไม่ยอมให้เรย์จังผูกขาดรินทาโร่หรอกนะ!” (ฮิมิโกะ)

หลังจากบอกกับเธอแล้ว อาจารย์ยูซึกิก็มองเรย์ด้วยท่าทางยับยั้งชั่งใจ

แล้วเธอก็หันมองมาทางผม

“รินทาโร่ ไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ย?” (ฮิมิโกะ)

“……อื้ม ไม่เป็นอะไรแล้ว ” (รินทาโร่)

“อืม งั้นก็ดีแล้ว” (ฮิมิโกะ)

คำถามของเธอเต็มไปด้วยความหมายที่หลากหลาย

เพราะอาจารย์ฮิมิโกะเป็นญาติเธอเลยรู้เรื่องในครอบครัวที่เกิดกับผมดี

นั่นคือเหตุผลที่คำตอบของผมดูเหมือนจะทำให้เธอสบายใจขึ้นเล็กน้อย

“เอาล่ะเรย์จัง ช่วยดูแลรินทาโร่ให้ฉันด้วย ฉันไม่ได้เป็นห่วงเขามากขนาดนั้น เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องที่นิสัยดีมากนะ” (ฮิมิโกะ)

“ค่ะ ฉันเข้าใจ ……อาจารย์ยูซึกิ” (เรย์)

“หืม? มันคืออะไรเหรอ?” (ฮิมิโกะ)

“สุดท้ายนี้ ฉันขอลายเซ็นหน่อยคะ…… (เรย์)

เรย์ดูประหม่าในตอนที่เธอหยิบกระดาษกับปากกาออกมา

ผมเดาว่าเธอเป็นแฟนจากก้นบึ้งของหัวใจ เธอดูประหม่ามากกว่าปกติ

“เอ่อ ฉันจะให้เท่าที่เรย์จังตามที่ต้องการเลย …… อ่าใช่! จากนั้นเอาลายเซ็นของเรย์จังมาให้ฉันด้วยนะ ถือว่าเป็นหการแลกเปลี่ยนกัน” (ฮิมิโกะ)

“เย้! ฉันมีความสุขมากเลยค่ะ……!” (เรย์)

ด้านหน้าผมมีไอดอลชื่อดังและนักวาดการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จกำลังแลกลายเซ็นกันอยู่———

ผมเคยชินกับพวกเธฮมากจนบางครั้งก็ลืมไปเลยว่าสองคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาสามารถเข้าใกล้ได้

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมจึงรู้ตัวดีว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน

“ฟุฟุฟุ ฉันจะเอาไปตั้งโชว์ไว้ที่ทำงาน รินทาโร่ เรย์จัง ไว้เจอกันใหม่นะ” (ฮิมิโกะ)

“ขอบคุณที่มานะ ทั้งที่กำลังยุ้งๆแท้ๆ แล้วเจอกันใหม่ตอนทำงานนะ” (รินทาโร่)

“อื้ม รินทาโร่ไว้ใจฉันใช่มั้ยล่ะ ลูกพี่ลูกน้องที่น่ารักของฉัน” (ฮิมิโกะ)

อาจารย์ฮิมิโกะออกจากห้องไปพร้อมกับขยิบตาที่ไม่น่ารักไว้

เหลือเพียงผม เจ้าของบ้าน และเรย์ที่กำลังถือลายเซ็นด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง

“เรย์ชอบงานของอาจารย์ฮิมิโกะจริงๆ ใช่ไหม” (รินทาโร่)

“ใช่ค่ะ ถึงจะเป็นการ์ตูนโชเน็น แต่กลับแสดงอารมณ์ได้อย่างงดงาม ละเอียดอ่อนเยอะมากและเร่าร้อนไปพร้อม ๆ กัน ……. ฉันมักจะอ่านมันระหว่างทางไปที่ทำงานหรือในช่วงพัก ฉันซื้อมันทั้งเป็นกระดาษ และแบบebookเลยค่ะ” (เรย์)

“……อื้ม” (รินทาโร่)

ผมเป็นแค่ผู่ช่วย ถึงจะไม่ได้คิดเนื้อเรื่องหรือสร้างตัวละคร แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมรู้สึกมีความสุขเมื่องานของอาจารย์ ฮิมิโกะi ได้รับการยกย่องราวกับว่าเป็นงานของตัวเอง

เธอเป็นเหมือนพี่สาว ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นนายจ้างก็ตาม

ไม่ใช่ความผิดของผมที่เห็นแต่ความเลอะเทอะในตัวเธอ แต่เธอก็เป็นคนที่ผมให้ความเคารพ

“แม้แต่เรย์ยังอ่านการ์ตูนแนวโชเน็น บอกตามตรงไม่นึกว่าเรย์จะอ่านแนวนี้” (รินทาโร่)

“ฉันชอบการ์ตูน ไม่ใช่แค่การ์ตูนแนวโชเน็น เพราะการ์ตูนเป็นสิ่งที่กระตุ้นหัวใจของผู้คน ฉันคิดว่าในส่วนนั้นของมันไม่ต่างจากดนตรีหรือการเต้น บางครั้งฉันก็ได้แรงบันดาลใจมาใช้ในการแต่งเพลง” (เรย์)

“อ๋อ เป็นอย่างงี้นี่เอง…….” (รินทาโร่)

ถ้าถามผม อาจารย์ ฮิมิโกะ ก็มักจะอ่านผลงานของอาจารย์ท่านอื่นมากมายในเวลาว่างเช่นกัน

นี้มีไว้หาไอเดีย!! เธอมักจะพูดแบบนั้น

บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงอยากให้ผมติดตามสิ่งที่กำลังเป็นที่นิยม

“รินทาโร่ไม่ค่อยอ่านการ์ตูนเหรอ?” (เรย์)

“ผมอ่านแต่เฉพาะอันที่ดังจริงๆ เพราะผมต้องประหยัดเงิน” (รินทาโร่)

“ถ้าอย่างนั้น ฉันอยากจะแนะนำเรื่องที่สนุกทีหลัง ฉันแน่ใจว่ารินทาโร่จะได้ผลงานที่ชอบมากขึ้นแน่นอน” (เรย์)

“ขอบใจนะ ถ้าผมชอบผมจะชื้อเอง” (รินทาโร่)

――――ในตอนนั้น เวลาใกล้จะค่ำแล้ว

อุณหภูมิยังคงค่อนข้างสูงเพราะยังอยู๋ในฤดูร้อน แต่ตอนนี้ก็ไกลเวลาอาหารเย็นแล้ว

“ใกล้ต้องเตรียมอาหารเย็นแล้ว” (รินทาโร่)

“ให้ฉันช่วยมั้ย?” (เรย์)

“ไม่ต้องหรอก แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง ห้องครัวที่นี้ใหญ่กว่าบ้านหลังก่อนมากผมเลยค่อนข้างจะตื่นเต้น ” (รินทาโร่)

“เข้าใจแล้ว ฉันจะฝากทุกอย่างไว้กับนาย” (เรย์)

“อือ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง” (รินทาโร่)

ผมสวมผ้ากันเปื้อนที่แขวนอยู่บนโซฟาแล้วเดินไปที่ห้องครัว

วันนี้เป็นวันขึ้นบ้านใหม่เลยจะจัดงานเลี้ยงซึ่งวางแผนโดยสมาชิกสามคนของ มิลเฟย์สตาร์

เดิมทีมีแผนจะใช้บริการร้านอาหารข้างนอก แต่ตอนนี้ผมมาอยู่ที่นี้แล้ว ผมมีหน้าที่ทำอาหาร

ผมได้เตรียมส่วนผสมมากมายสำหรับวันนี้

ผมรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นครัวที่ใหญ่ขนาดนี้ในบ้านใหม่จริงๆ

————————————————————–

สวัสดีครับ ผมคนแปลใหม่ เพจ คนเหงาและง่วง

เนื่องจากเรื่องนี้คนแปลเก่าไม่ได้แปลต่อ ผมเลยขออนุญาต NTR มาลงนะครับ

ตอนนี้(ตอนที่ 5.1) ยังเป็นของเพจ แปลเรื่องที่สนใจ อยู่นะครับ แต่ผมแค่ไปเอาจากในเพจของเขามาลงให้ แต่ว่าตอนหน้า(5.2)เป็นต้นไปผมจะเป็นคนแปล ซึ่งสำนวนการแปลอาจจะไม่เหมือนกัน และอาจมีเมาๆบ้างตามชื่อเพจ ผิดพลาดตรงไหนแจ้งได้ครับ

ตอนใหม่น่าจะลงในเพจก่อนนะครับ ถ้าว่างแล้วเดี๋ยวมาลงในนี้