บทที่ 226 พบเจออีกครั้ง

บทที่ 226 พบเจออีกครั้ง

“รถของคุณเหรอคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มองรถสปอร์ตคันเท่ตรงหน้า ร่องรอยความประหลาดใจแสดงชัดผ่านสายตาของเธอ

เธอเคยได้พบเห็นรถสปอร์ตมามาก แต่ไม่เคยมีคันใดที่ทำให้เธอต้องชะงักและนึกทึ่งได้ และขณะนี้ได้ปรากฏคันหนึ่งตรงหน้าแล้ว

“ครับ เป็นยังไงบ้าง ไม่เลวใช่ไหม?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“ค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้ารับ เธอไม่คิดปฏิเสธ

ขณะรถโลดแล่นไปบนท้องถนน เป็นอีกครั้งที่มันดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายจากรอบด้าน รถสปอร์ตคันเท่ที่โดดเด่นเช่นนี้ นับว่าหาได้ยากในเจียงโจว

ที่ทำอู๋ฝานประหลาดใจเล็กน้อยคือสถานที่ซึ่งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต้องการไปนั้น ก็บังเอิญเป็นจัตุรัสว่านลี่ ทว่าพิจารณาจากการที่จัตุรัสว่านลี่เป็นสถานที่ซึ่งอึกทึกและคึกคักที่สุดในเจียงโจว ก็ถือได้ว่าไม่น่าประหลาดใจ

ขณะเดินอยู่บริเวณจัตุรัสว่านลี่ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่พลาดที่จะดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบด้าน ไม่ว่าเป็นหญิงหรือว่าชาย พวกเขาจะถูกภาพลักษณ์ของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ดึงดูด ใบหน้าอันงดงามของเธอที่เปรียบดังเทพเซียน ท่าทางการวางตัวยิ่งขับเน้นให้เธอโดดเด่นกลางฝูงชน

จัตุรัสว่านลี่ค่อนข้างคึกคักและเป็นที่นิยม ไม่แปลกหากจะมีโฉมงามมากมายมาเดินเล่นกันที่นี่ เพียงแต่หากเปรียบเทียบกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ พวกเธอเหล่านั้นก็ดูจะหมองลงไประดับหนึ่ง

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจต่อสายตาของผู้คนที่มองมา เธอคุ้นชินกับสายตาเหล่านี้นานแล้ว ดังนั้นสายตาของผู้คนจึงไม่อาจทำอะไรเธอได้ อย่างมากก็เพียงทำให้เธอต้องหันมองสำรวจด้วยความสงสัย

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เคยได้ยินเรื่องของจัตุรัสว่านลี่มาก่อน ทว่าไม่เคยมาที่นี่ แท้จริงแล้วเธอแทบจะไม่ได้ออกมานอกมหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ครั้งนี้เพื่อ ‘เดท’ เธอจึงแสร้งทำเป็นสอบถามผู้คนในหอพัก ว่าสถานที่ที่เหมาะสมกับการเดทในเจียงโจวคือที่ใด และคำตอบนั้นหรือก็คือสถานที่แห่งนี้ ก็ได้ทราบจากรูมเมทของเธอ

ตอนที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยปากถามครั้งนั้นค่อนข้างใช้คำพูดกำกวม ดังนั้นจึงคิดว่ารูมเมทคงไม่สามารถเดาได้ว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร ทว่าความจริงแล้วรูมเมทของเธอเข้าใจดี เพราะหญิงสาวไม่เคยถามคำถามพวกนี้ นอกจากนั้นสีหน้าท่าทีที่ดูไม่เป็นธรรมชาติของเธอ ทำให้รูมเมทแค่มองก็สามารถคาดเดาได้

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์กำลังจะไปเดท!

ในฐานะรูมเมทย่อมต้องเกิดความสงสัยใคร่รู้ว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะไปเดทกับใคร ทว่าพวกเธอแทบไม่รู้เลยว่า ใครกันที่จะดึงดูดถึงขนาดคว้าใจของหญิงสาวเอาไว้ได้ ถึงขนาดอีกฝ่ายต้องเป็นฝั่งคิดเรื่องเดท

ทว่าพวกเธอทราบดีว่าด้วยท่าทีของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ต่อให้เอ่ยปากถาม พวกเธอก็คงไม่ได้คำตอบ ดังนั้นจึงไม่คิดถามให้มากความ เพียงแต่ความสงสัยในใจนั้นไม่อาจลดเลือนได้

อู๋ฝานมองท่าทีของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เขารู้ดีว่าเธอร่ำรวยกว่าคนปกติ เพียงแต่ด้วยท่าทีการวางตัวตามปกติของหญิงสาวแล้ว ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่เธอจะเป็นคนชอบช็อปปิง

ทว่าที่อู๋ฝานไม่ทราบก็คือหลิ่วเหยียนเอ๋อร์นั้นตามปกติแทบไม่ได้มาช็อปปิง เธอเพิ่งเคยมาที่นี่วันนี้เป็นครั้งแรก ที่หญิงสาวยอมออกมาก็เพราะมากับชายหนุ่มนั่นเอง

“อยากเข้าไปดูด้านในไหมครับ?” ขณะเดินผ่านร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง อู๋ฝานเห็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์มีท่าทีเหมือนอยากจะเข้าไปดู จึงเอ่ยถามเป็นการชี้นำ

“ค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้าตอบรับ

คนทั้งสองจึงเข้าไปด้านในร้าน

“ยินดีต้อนรับค่ะ” ขณะคนทั้งสองเดินเข้ามา พนักงานขายก็เร่งเข้ามาหาพร้อมเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น “ทั้งสองท่านสนใจเสื้อผ้าแบบไหนดีคะ?”

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ตอบ เธอมองสำรวจรอบ ๆ ด้วยตัวเอง ส่วนอู๋ฝานบอกกับพนักงานขายว่า “ขอพวกเราดูกันเองก่อนนะครับ ถ้าสนใจอะไร เดี๋ยวคงต้องรบกวนอีกที”

“ทราบแล้วค่ะ”

อู๋ฝานตามหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไปดูเธอเลือกชุดที่สนใจ

“พี่ชาย?”

ตอนนี้เองที่เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นใกล้ ๆ อู๋ฝาน เมื่อหันมองเขาก็ได้เห็นคนรู้จัก

ความจริงแล้วจะเรียกว่าเป็นรู้จักก็ไม่ถูกต้อง เพราะทั้งสองเพิ่งเคยได้พบกันเป็นครั้งที่สอง

“พี่ชาย เป็นคุณจริงด้วย บังเอิญเสียจัง” ชายหนุ่มที่เรียกอู๋ฝาน ตอนนี้เดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้นยินดี

“ครับ บังเอิญเสียจริง” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ

บังเอิญจริง ๆ ที่ได้เจออีกฝ่าย อู๋ฝานได้พบคนที่เคยกล่าวอ้างว่าเป็นนักรักแห่งเจียงโจว ตอนที่มาละแวกนี้กับถังอวี่เฟย ทว่าสุดท้ายชายคนนั้นก็ถูกคนรักฉุดกระชากลากตัวเอาไปไหนไม่ทราบ จนกระทั่งวันนี้ที่ได้เจอกันอีกครั้งหนึ่ง

“ถ้าถามผม คิดว่าเป็นพรหมลิขิตมากกว่า” ชายหนุ่มคล้ายยินดีไม่น้อยที่พบอู๋ฝาน จากนั้นอีกฝ่ายก็หันมองทางหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่กำลังหยิบเลือกเสื้อผ้า ในพริบตานั้นก็เริ่มกระซิบกับอู๋ฝาน “มาช็อปปิงกับแฟนงั้นเหรอ? แฟนใหม่? เปลี่ยนคนแล้ว? ครั้งก่อนไม่ใช่คนนี้นะ แต่ทั้งสองคนถือได้ว่าเป็นคนงามแถวหน้ากันทั้งนั้น พี่ชายยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว ทำได้ยังไงกัน? ผมกำลังคิดแล้วนะว่าพี่ชายต่างหากที่เป็นนักรักแห่งเจียงโจว”

ชายหนุ่มค่อนข้างประทับใจต่อถังอวี่เฟย อย่างไรแล้วการได้พบพานโฉมงามระดับนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่คนที่มากับอู๋ฝานในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่หญิงสาวที่เคยพบเจอกันเมื่อครั้งก่อน

สำหรับอู๋ฝาน คนที่สามารถควงสองสาวงามระดับแถวหน้ามาช็อปปิง แล้วเปลี่ยนคนในเวลาสั้น ๆ ได้ก็ไม่ใช่ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าชายหนุ่มคนนี้จะนับถือเขาขึ้นมา

หลังได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม อู๋ฝานก็รีบมองไปทางหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ก่อนจะเห็นว่าเธอยังไม่แสดงท่าทีผิดปกติอะไร ราวกับว่าไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น เขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พร้อมกับตอบอีกฝ่าย “เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วครับ พวกเธอไม่ใช่แฟนผม ครั้งก่อนก็ไม่ใช่ เป็นเพื่อนของผมกันทั้งนั้น”

“พี่ชาย อย่าถ่อมตัวเกินไปเลย ตอนนี้คุณเป็นไอดอลของนักรักอย่างพวกเราแล้ว ผมจะบอกความลับอะไรให้ก็แล้วกัน ผมเองก็เพิ่งได้เรียนรู้มา” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยท่าทีทำเป็นลึกลับ

อู๋ฝานมองทางด้านหลังของชายหนุ่มด้วยสีหน้าแปลกประหลาด อีกฝ่ายไม่ทันได้เห็นสิ่งผิดปกติใดทั้งสิ้น ขณะนี้ยังคงกล่าวกับเขาไม่หยุด “พี่ชาย การที่พวกเราได้เจอกันถือเป็นโชคชะตา ยังไงก็รบกวนสอนเคล็ดลับการจีบหญิงให้ผมด้วยเถอะ”

ทว่าก่อนอู๋ฝานจะตอบอะไรกลับไป หูของชายหนุ่มก็ถูกคว้าจากด้านหลัง จนสุดท้ายเขาต้องหันกลับไปเพราะทนแรงบิดทวนเข็มนาฬิกาไม่ไหว

“โอ๊ย! เจ็บ เจ็บ” ชายหนุ่มส่งเสียงร้องออกมา

“เจ็บงั้นเหรอ? อยากให้ฉันช่วยสอนเคล็ดลับอะไรนั่นด้วยดีไหม” แฟนของชายหนุ่มที่ยืนด้านหลังเข้ามาเอ่ยออกมาอย่างดุดัน

“ที่รัก! เข้าใจผิดกันแล้ว เข้าใจผิดแล้ว พี่ชายคนนี้กับผมก็แค่พูดคุยกันไปเรื่อยน่ะ” ชายหนุ่มเร่งอธิบาย

“เข้าใจผิดอะไร! ไม่มีเข้าใจผิดทั้งนั้น ไปเดี๋ยวนี้! กลับบ้านไปพร้อมกัน แล้วบอกความจริงมาให้หมด” หญิงสาวตอบกลับ พร้อมเดินดึงหูชายหนุ่มคนนั้นออกไปจากร้าน

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังออกไป เขาก็ยังหันมาโบกมือลาอู๋ฝาน มันถึงกับทำให้เขาต้องรู้สึกนึกนับถือขึ้นมา

มิตรสหายคนนี้ช่างโชคร้าย พยายามสองครั้งแล้วก็ยังถูกแฟนจับได้ทั้งสองครั้ง

“เพื่อนเหรอคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เข้ามาใกล้อู๋ฝาน ก่อนจะถามไปตามเรื่องราว

“ไม่ใช่ครับ” อู๋ฝานตอบรับ “วันนี้เพิ่งจะบังเอิญได้พบเขาเป็นครั้งที่สอง”

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าตอบรับ จากนั้นจึงเอ่ยอย่างไม่คิดใส่ใจอะไรว่า “แล้วครั้งก่อนมาที่นี่กับใครคะ?”

ที่แท้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มคนเมื่อครู่อย่างครบถ้วน

“ถังอวี่เฟย?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังคงถาม

“ครับ” อู๋ฝานตอบรับ

แล้วเพราะอะไรน้ำเสียงของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถึงดูแปลกออกไปกัน?

หลังได้ยินคำตอบของอู๋ฝาน หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรกลับมา เพียงแค่นำชุดที่เธอเลือกแล้ว เดินตรงเข้าไปยังห้องลองเสื้ออย่างเงียบงัน

อู๋ฝานมองตามหลังหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ และรู้สึกว่าออร่าที่เธอแผ่ออกมานั้นเย็นยะเยือกกว่าที่เคยเป็นเล็กน้อย