ตอนที่ 228 ตบลงไปช่างสาแก่ใจ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 228 ตบลงไปช่างสาแก่ใจ

เพี๊ยะ!

ใบหน้าของฮ่องเต้หย่งไท่ถูกตบเสียงดังฟังชัด

ซุนปังเหนียนดวงตาเบิกโตด้วยความเหลือเชื่อ เขาจ้องมองเถาฮองเฮาเขม็ง

เถาฮองเฮากลับรู้สึกสาแก่ใจ นางอยากทำเช่นนี้มานานแล้ว

นางสัมผัสแรงบนมือ ระลึกถึงรสชาติที่ตบลงไป สาแก่ใจนางยิ่งนัก

ฮองเฮาที่ตบหน้าฮ่องเต้ นางเป็นคนแรกอย่างแน่นอน แต่หลังจากนี้จะมีหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ นางถือว่าเป็นผู้ริเริ่มคนแรก

“ฝ่าบาท!”

เถาฮองเฮาเรียกเสียงเบา ลองดูปฏิกิริยาของฮ่องเต้หย่งไท่

“ฝ่าบาท พระองค์ทรงมองหม่อมฉัน!”

ฮ่องเต้หย่งไท่ดึงสติกลับมาอย่างช้าๆ เขาลูบใบหน้าเบาๆ เจ็บเล็กน้อยเหมือนถูกตบ

ผู้ใดกล้าตบเขา

สายตาของเขาไม่เป็นมิตร

สีหน้าของเถาฮองเฮาเรียบเฉย “ฝ่าบาท พระองค์ทรงดีขึ้นหรือไม่ ซุนปังเหนียนบอกว่าพระองค์ถูกผีเข้า เรียกอย่างไรก็ไม่ได้ยิน หม่อมฉันได้ยินจึงตื่นตระหนกอย่างมาก รีบเดินทางมา ขอบคุณฟ้าดิน ฝ่าบาททรงดีขึ้นแล้ว”

ฮ่องเต้หย่งไท่ขมวดคิ้ว “ข้าถูกผีเข้า?”

“ใช่เพคะ! ฝ่าบาททอดพระเนตร ฟ้ามืดแล้ว”

ฮ่องเต้หย่งไท่เงยหน้ามองออกไปนอกตำหนัก ฟ้ามืดแล้วจริงด้วย

เวลาผ่านไปนานเช่นนี้โดยที่เขาไม่รู้ตัว

เขาถอนหายใจ “ข้าถูกผีเข้าหรือ”

หรือว่าวันนี้ได้รับการกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรงจึงเป็นเช่นนี้หรือ

ขุนนางกลุ่มนั้นช่างรังแกกันเกินไปแล้ว

เถาฮองเฮานั่งลงติดกับเขา ฮ่องเต้และฮองเฮานั่งเคียงกันอยู่บนขั้นบันได

“เรื่องที่ประชุมท้องพระโรง หม่อมฉันได้ยินคนพูดแล้ว ขุนนางเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนใจดำ บังอาจบีบเค้นฝ่าบาท สมควรตาย! แต่ว่าฝ่าบาทก็อย่าทรงโกรธมากไปเลย ระวังพระวรกาย ทำให้ขุนนางเหล่านั้นได้ใจ เวลานี้อากาศเริ่มเย็น ภัยแล้วยิ่งร้ายแรง ราษฎรต้องการฝ่าบาท แผ่นดินต้องการฝ่าบาท ราชสำนักยิ่งต้องการฝ่าบาท ฝ่าบาทจะทรงล้มลงในเวลานี้ไม่ได้นะเพคะ!”

ฮ่องเต้หย่งไท่มองนาง “เจ้าเป็นห่วงข้าจริงหรือ”

เถาฮองเฮาทำท่าทางเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม นางร่ำไห้ “ฝ่าบาทยังไม่ทรงเชื่อข้าหรือ ตระกูลเท้าไร้รากฐาน มีเพียงอาศัยฝ่าบาท หม่อมฉันกล้าพูด บนโลกไม่มีผู้ใดที่ต้องการให้ฝ่าบาททรงแข็งแรงยิ่งกว่าหม่อมฉันและตระกูลเถา”

ฮ่องเต้หย่งไท่หัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าไม่วางแผนแทนเจ้าสามหรือ เจ้าสามเป็นโอรสองค์โต อีกทั้งยังได้ใจคน ในใจเจ้าไม่อยากให้เจ้าสามสืบทอดราชบัลลังก์แทนข้าหรือ นับจากนี้เจ้าจะได้เป็นพระพันปี ตระกูลเถาก็จะสูงส่งยิ่งขึ้น”

เถาฮองเฮาถอนหายใจ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คำพูดนี้ช่างทำร้ายจิตใจข้า ฝ่าบาทต้องทรงให้ข้าตายจึงจะยอมหรือ หากข้าตายสามารถทำให้ฝ่าบาทวางพระทัย ข้าสามารถไปตายได้ เพียงแค่พระองค์ทรงปฏิบัติดีต่อตระกูลเถา เจ้าสอง เจ้าสามและติ้งเถา พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์”

“ไม่มีผู้ใดบริสุทธิ์ ภัยธรรมชาติคราวนี้ ตระกูลเถาหาเงินจากผู้ประสบภัย ซื้อที่ดินไปมากน้อยเพียงใด ทาสนามากน้อยเพียงใด เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ”

เถาฮองเฮาไม่ปฏิเสธ “ตระกูลเถาซื้อที่ดินและทาสนาจำนวนหนึ่งก็จริง แต่เมื่อเทียบกับตระกูลขุนนางเหล่านั้นก็เป็นจำนวนเพียงเล็กน้อย อีกทั้งก่อนการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง ตระกูลเถาก็ลามือแล้ว ฝ่าบาทเรียกร้องให้ขุนนางรราชสำนักบริจาคเสบียงบรรเทาภัยพิบัติ ตระกูลเถาก็กระตือรือร้นที่สุด บริจาคเสบียงทั้งสิ้นห้าร้อยหาบ ถือว่าอยู่ในสามอันดับต้น

ตระกูลเถาไม่ได้ร่ำรวยที่สุด อีกทั้งไม่ใช่ตระกูลที่มีอำนาจที่สุด แต่ด้านการสนับสนุนฝ่าบาท ตระกูลเถากระตือรือร้นที่สุดอย่างแน่นอน ฝ่าบาทไม่ทรงใช้ตระกูลเถา หากแต่ระแวงกดขี่ตระกูลเถาทุกทาง จะมีตระกูลใดเหมาะสมที่จะเป็นเหยี่ยวของฝ่าบาทยิ่งกว่าตระกูลเถาอีกหรือ ตระกูลขุนนางจะเชื่อฟังมากกว่าตระกูลเถาหรือ”

ฮ่องเต้หย่งไท่เงียบ

ใช่!

ไม่มีตระกูลใดที่เหมาะสมมากกว่าตระกูลเถา

ไม่มีตระกูลใดที่เชื่อฟังมากกว่าตระกูลเถา

ทันใดนั้น ฮ่องเต้หย่งไท่ก็ค้นพบข้อดีของตระกูลเถาขึ้นมา บางทีเขาสามารถใช้ประโยชน์ตระกูลเถาต่อ รีดเลือดหยดสุดท้ายของตระกูลเถา

เขาจ้องมองเถาฮองเฮา “ข้าไม่กดขี่ตระกูลเถาได้ เพียงแต่ตระกูลเถายังมีประโยชน์อยู่อีกหรือ”

เถาฮองเฮาคิ้วกระตุก

ฟังจากน้ำเสียงนี้ ฮ่องเต้คิดจะให้ตระกูลเถาไปทำเรื่องสกปรก

เถาฮองเฮาพูดอย่างจริงจัง “เพียงแค่ฝ่าบาทต้องการ ตระกูลเถายอมบุกน้ำลุยไฟเพคะ”

แม้จะเป็นเรื่องสกปรก แต่ก็เป็นโอกาสของตระกูลเถา

ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าอำนาจ

ตระกูลเถาเดินทางของตระกูลขุนนางไม่ได้ ก็มีเพียงอาศัยการเป็นเหยี่ยวของฮ่องเต้ได้มาซึ่งอำนาจ

เมื่อมีอำนาจ ยังกลัวไม่มีคนจงรักภักดีหรือ

ฮ่องเต้หย่งไท่หัวเราะออกมา เขากอบกุมมือของเถาฮองเฮา อ่อนโยนสนิทสนมเหมือนหลายปีก่อน

ราวกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในหลายปีนี้เป็นเพียงความฝัน ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ก็ตีสองหน้าเก่งเช่นเดียวกัน

เพียงแค่เขาเต็มใจ เขาก็สามารถแสดงออกมาได้ดีที่สุด

“มีฮองเฮาอยู่ข้างกายข้าช่างเป็นเรื่องที่โชคดี! ที่ผ่านมาลำบากฮองเฮาแล้ว นับจากนี้ต่อไป ข้ากับฮองเฮาละทิ้งความบาดหมาง กลับมาเป็นเหมือนเคย”

เถาฮองเฮาเม้มปากยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “หม่อมฉันและตระกูลเถาล้วนเชื่อฟังรับสั่งของฝ่าบาท”

ฮ่องเต้และฮองเฮาถือว่าบรรลุฉันทามติร่วมกัน

คืนนี้ ฮ่องเต้พักผ่อนอยู่ในตำหนักเว่ยยาง พร้อมทั้งพระราชทานสิ่งของมากมาย

เช้าตรู่

เถาฮองเฮานั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

สีหน้าของนางราบเรียบ ดวงตาเย็นชา ไร้ความอ่อนโยนเหมือนเมื่อวาน

นางมองตนเองภายในกระจก บริเวณหางตาเกิดริ้วรอย เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย หน้าผากก็มีริ้วรอยปรากฎขึ้น

นางลูบไล้ใบหน้าของตนเอง ยังคงเรียบลื่นขาวผ่อง แต่ว่าก็แก่ชราลงจริง

ผิวพรรณของนางไม่เต่งตึงเหมือนเมื่อก่อน มีริ้วรอยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

“ข้างดงามหรือไม่”

ข้าหลวงรีบเอ่ย “ฮองเฮาเป็นสตรีที่งามที่สุดที่บ่าวเคยเห็นเพคะ”

เถาฮองเฮายิ้ม ตอนที่นางเม้มปาก บริเวณมุมปากก็เกิดริ้วรอย

“ข้าแก่แล้ว ไม่อาจเทียบกับหญิงสาวอายุน้อยได้อีก มิน่าฝ่าบาทไม่ยอมมาตำหนักเว่ยยางก่อนหน้านี้”

พูดจบนางก็หัวเราะเยาะตนเอง

“ฮองเฮางดงามยิ่งกว่าหญิงสาวอายุน้อยเสียอีก!” นางในรีบเยินยอ

คำพูดนี้ฟังเอาไว้ก็พอ

เหมยเส้าเจี้ยนเดินเข้ามาจากด้านนอก โน้มตัวทูล “ฮองเฮา ใต้เท้าเถามาพ่ะย่ะค่ะ!”

“บอกให้เขารอ ข้าจะออกไปพบเขา”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

เถาฮองเฮาสวมใส่เรียบร้อย นางยังคงแต่งกายเรียบง่ายเหมือนเคย นางเดินทางมายังตำหนักด้านข้างภายใต้การรายล้อมของข้าหลวง

“ถวายบังคมฮองเฮา!”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาโน้มตัวถวายบังคม

“พี่ใหญ่ไม่ต้องมากพิธี!” เถาฮองเฮาโบกมือให้ข้าหลวงทั้งหมดถอยออกไป เหลือไว้เพียงเหมยเส้าเจี้ยนปรนนิบัติอยู่ข้างกาย

พี่น้องสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากันบนพื้น

เถาฮองเฮาชงชาด้วยตนเอง “วันนี้เรียกพี่ใหญ่เข้าวัง เพราะมีเรื่องที่ต้องบอกท่าน”

“เรื่องใด” นายท่านใหญ่ตระกูลเถากังวลเล็กน้อย เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิด

หลายปีนี้ ตระกูลเถาดวงตก ทุกสิ่งล้วนไม่ราบรื่น

เขาขุ่นเคืองอย่างมาก แต่ก็หมดหนทาง

ทำได้เพียงภาวนาให้ชีวิตสุขสงบ อย่าได้เกิดเหตุการณ์ใดอีก

เถาฮองเฮาเม้มปากยิ้ม “พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล เป็นเรื่องดี”

“ยังมีเรื่องดี?” นายท่านใหญ่ตระกูลเถาไม่กล้าเชื่อ

หลายปีนี้ เรื่องดีแทบจะตัดขาดจากตระกูลเถา

เถาฮองเฮาพูดอย่างจริง “ฝ่าบาททรงคิดจะใช้ตระกูลเถาอีกครั้ง”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาผงะ บนใบหน้าไร้ความดีใจ มีเพียงความกังวล

เขาถาม “ฮองเฮาทรงแน่ใจหรือ ฝ่าบาททรงคิดจะใช้ตระกูลเถาของพวกเราอีกครั้ง?”

“เมื่อคืน ข้ายืนยันเรื่องนี้กับฝ่าบาทด้วยตัวเอง พี่ใหญ่ไม่เชื่อฝ่าบาท แต่ควรเชื่อข้า”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาขมวดคิ้ว “มันเป็นเรื่องดีอย่างไร ฝ่าบาททรงคิดจะใช้ตระกูลเถาของพวกเราอีกครั้งก็เพียงต้องการให้ตระกูลเถาของพวกเราทำงานสกปรกแทน เมื่อเสร็จสิ้น พระองค์ก็จะทรงทอดทิ้ง ฮองเฮา หากข้าตายไป ตระกูลเถาก็จะจบสิ้นลงแล้วจริงๆ หลานชายของพระองค์ยังไม่อาจแบกรับภาระหนักของตระกูลได้”

เถาฮองเฮาส่งเสียงไม่พอใจ “ท่านคิดว่าข้าโง่จนนึกไม่ถึงเรื่องนี้หรือ”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาทำหน้าฉงน “ในเมื่อฮองเฮาทรงรู้ว่าฝ่าบาทจะทรงกลับคำ เหตุใดจึงยอมตกลงทำงานสกปรกแทนเขา”

เถาฮองเฮาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เวลานี้สิ่งที่ตระกูลเถาขาดแคลนที่สุดคือสิ่งใด คืออำนาจ! ทำงานสกปรกแทนฝ่าบาท ฉวยโอกาสได้มาซึ่งอำนาจ ท่านจะปล่อยโอกาสนี้ทิ้งไปจริงหรือ อีกอย่าง มีบทเรียนจากครั้งก่อนแล้ว ข้าย่อมไม่มีวันล้มลงที่เดิม ไม่ต้องรอให้เขาถีบหัวส่ง ข้าจะถีบเขาก่อน”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาหัวใจเต้นระรัว

เขากดเสียงต่ำ “จะถีบอย่างไร”

เถาฮองเฮาไม่ได้เปิดเผยมาก เพียงแค่เอ่ยว่า “รอเจ้าสามบรรเทาภัยพิบัติกลับมาค่อยหารือ”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาขมวดคิ้ว ถามอีก “ฮ่องเต้ทรงต้องการให้ตระกูลเถาทำงานสกปรกใด”

เถาฮองเฮาพูดอย่างจริงจัง “ฝ่าบาททรงแค้นตระกูลขุนนางอย่างมาก แต่ก็หมดหนทางกับพวกเขา ขาดข้ออ้างในการลงมือ ฝ่าบาททรงต้องการให้ตระกูลเถาสร้างข้ออ้างในการโจมตีตระกูลขุนนาง ฝ่าบาทก็จะทรงลงมือได้อย่างถูกต้อง”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาขมวดคิ้ว “ในมือขององครักษ์จินอู่คงไม่ขาดแคลนความผิดของตระกูลขุนนาง ฝ่าบาทจะทรงลงมือกับตระกูลขุนนาง เพียงแค่ให้องครักษ์จินอู่นำหลักฐานออกมา เหตุใดจึงต้องให้ตระกูลเถาเป็นทหารหน้าม้า”

“ในมือขององครักษ์จินอู่มีหลักฐานมากมายก็จริง แต่ยังไม่พอ ยังขาดโอกาสที่จะนำหลักฐานออกมา เรื่องที่ตระกูลเถาต้องทำคือสร้างโอกาส”

ภายในใจของนายท่านใหญ่ตระกูลเถาคัดค้านเล็กน้อย

คราวก่อนช่วยฮ่องเต้เข่าฆ่าเหล่าท่านอ๋อง จุดจบของตระกูลเถาทำให้เขากลัวอย่างมาก

ฮ่องเต้ไร้เยื่อใย เขาไม่อยากช่วยฮ่องเต้ทำงานสกปรกแล้วจริงๆ

แต่ว่า…

เถาฮองเฮาหวั่นไหวอย่างมาก

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาครุ่นคิด “เพียงแค่สร้างโอกาสให้ฮ่องเต้ลงมือได้สะดวก เรื่องอื่นไม่ต้องทำหรือ”

“การเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่ยิ่งดี ดีที่สุดคือเผยแพร่ไปทั่วทั้งแผ่นดิน” เถาฮองเฮารับสั่ง

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาขมวดคิ้ว การเคลื่อนไหวที่ใหญ่เพียงนี้ ต้องมีคนตาย!

สุดท้ายคนที่ตายเป็นคนตระกูลเถาหรือคนของตระกูลขุนนาง?

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาลำบากใจอย่างมาก “ฮองเฮาทรงเอ่ยให้ชัดเจนได้หรือไม่ว่าต้องทำถึงขั้นใด”

“ทำถึงขั้นเกิดสงคราม”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาตกใจ “ฮองเฮาทรงเหลวไหล! แม้เรื่องนี้จะทำสำเร็จ แต่ตระกูลเถาก็จะเกิดศัตรูเพิ่มขึ้นในทันที ไม่คุ้มค่า!”

“ตระกูลเถาไม่มีทางถอยแล้ว ท่านยังจะเป็นเต่าหดหัวไปถึงเมื่อใด หรือว่าท่านต้องการให้ตระกูลเถาไร้ตัวตนอย่างสิ้นเชิง ผู้ใดก็เหยียบย่ำได้อย่างนั้นหรือ หากท่านพ่อยังอยู่ ท่านต้องเห็นด้วยกับการตัดสินใจของข้า ต้องการอำนาจย่อมต้องแลกด้วยชีวิต ท่านไม่กล้าแม้แต่จะเสียงชีวิต ข้าจะหวังพึ่งท่านได้อย่างไร”

“ตระกูลเถาไม่มีต้นทุนในการเสี่ยงชีวิต หากพ่ายแพ้ ทั้งตระกูลล่มสลาย ผลลัพธ์นี้ พระองค์ทรงยอมรับได้หรือ” นายท่านใหญ่ตระกูลเถาคัดค้านเสียงดัง

เถาฮองเฮาหัวเราะ “ไม่เป็นก็ตาย! การมีชีวิตอยู่อย่างกระเสือกกระสน ท่านยังใช้ไม่พอหรือ ข้าพูดความจริงกับท่าน พระวรกายและสติของของฝ่าบาทไม่ดีนัก”

อึ้ง!

หูของนายท่านใหญ่ตระกูลเถาดับไปชั่วขณะ ดวงตาของเขาเป็นประกาย

เขาถามด้วยความอกสั่นขวัญแขวน “จริงหรือ”