ตอนที่ 297 ไม่สนใจว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 297 ไม่สนใจว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร

ฉินหลิวซีคร้านที่จะโต้เถียงกับพวกเขา จะให้อภัยหรือไม่ นางไม่ใช่ฝูเซิง ไม่สามารถตอบแทนฝูเซิงได้

“เข้าไปดูคุณหนูเซียวเถิด”

เมื่อเซียวจั่นรุ่ยเห็นว่าอีกฝ่ายสีหน้าเรียบเฉย จึงเดาไม่ออกว่านางคิดอ่านอย่างไร ในเวลานี้บ่าวรับใช้ได้พยุงเซียวฮูหยินมาพอดี สามคนพ่อแม่ลูกจึงเข้าไปเยี่ยมเซียวชิงหันก่อน

ฉินหลิวซีนวดจุดไท่หยางที่ขมับ

“ท่านอาจารย์ เหตุใดน้องหญิงของข้ายังไม่ฟื้น” เซียวจั่นรุ่ยเอ่ยถาม

ฉินหลิวซีตอบว่า “นางซึมเศร้าเพราะเรื่องของฝูเซิงแต่เดิมอยู่แล้ว ต่อมาได้ถูกเข้าสิงเป็นเวลานาน พลังหยางไม่เพียงพอ จิตวิญญาณไม่มั่นคง ตอนนี้ข้าได้ฝังเข็มเพื่อสร้างการไหลเวียนพลังหยางในตัวของนางขึ้นมาใหม่ ต้องใช้เวลากว่าจะกลับมาเป็นปกติได้ ยังต้องกินยาเพื่อเสริมการรักษาด้วย”

“สำหรับจิตวิญญาณที่ไม่มั่นคงของนาง ข้าได้วาดยันต์ตรึงวิญญาณไว้ให้นางที่ใต้หมอน พรุ่งนี้ค่อยวาดยันต์บทสวดเทพจินกวงไว้ที่ชายคาเรือน ห้ามเอาออก มิเช่นนั้นวิญญาณชั่วร้ายอื่นๆ จะมารุกราน พรุ่งนี้ข้าจะฝังเข็มให้นางอีกครั้งหนึ่ง แล้วต่อไปก็รักษาด้วยการกินยาก็พอแล้ว”

“เช่นนั้นบุตรสาวข้าจะฟื้นเมื่อไหร่” ฮูหยินเซียวถามด้วยความกังวล

“พรุ่งนี้ยามเหม่า[1]ก็คงฟื้นแล้ว” ฉินหลิวซีเหลือบมองเซียวชิงหันที่กำลังหลับใหลอยู่ เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “มีอีกเรื่องหนึ่ง”

ทุกคนหันกลับมาทันที จ้องมองด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ฉินหลิวซีเอ่ย “คุณหนูเซียวอาจจะปลงแล้วเข้าสู่พระพุทธศาสนา”

ทุกคนตกตะลึง

ฮูหยินเซียวหน้ามืด ขาอ่อนแรงจนแทบล้มลง เซียวจั่นรุ่ยรีบเข้ามาพยุง เรียกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ท่านแม่”

ฮูหยินเซียวน้ำตาร่วง “เป็นไปได้อย่างไร จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร นางพึ่งจะทำพิธีปักปิ่น ข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียว ท่านอาจารย์ ท่านช่วยนางด้วย ช่วยนางด้วยเถิด”

ผู้ตรวจการเซียวเอ่ยด้วยสีหน้าหม่นหมอง “ในเมื่อท่านอาจารย์รู้วิชาแพทย์ มียาตัวใดหรือไม่ที่ทำให้คนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้”

“ไม่จำเป็นต้องใช้ยา เพียงแค่ฝังเข็มข้าก็สามารถผนึกความทรงจำของนางได้ แต่ว่าใต้เท้าเซียว บางความทรงจำหากถูกผนึกไปแล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่มีวันจำมันได้อีกตลอดไป เพียงแค่มีสิ่งมากระตุ้นก็จะทำให้ความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมา ในวันปกติทั่วไปก็จะเป็นการทรมาน นางจะสงสัยว่าเคยไปเจอใครที่ไหนหรือไม่ หรือว่าเคยทำอะไรไว้ เมื่อนางนึกขึ้นได้ก็อาจจะรับไม่ได้”

ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องการเลือกที่จะลืมอดีตหรือไม่ ก็ต้องเคารพความปรารถนาของตัวนางเอง ต่อให้เข้าสู่พุทธศาสนา นางก็ต้องชดใช้บาปนี้ให้ตัวเองและพวกท่าน นี่คือผลกรรม”

สีหน้าของผู้ตรวจการเซียวและคนอื่นๆ เปลี่ยนไปในที่สุด

ชดใช้บาป?

เพราะเขาสั่งฆ่าฝูเซิงอย่างทรมาน ตอนนี้บุตรสาวของเขาจึงเป็นผู้ชดใช้บาปอย่างนั้นหรือ

เหลวไหลเกินไปแล้ว!

มีคนเช่นเขามากมายในใต้หล้านี้ ไหนเลยจะต้องชดใช้บาปใหญ่หลวงเช่นนี้

ผู้ตรวจการเซียวจ้องไปที่ฉินหลิวซีด้วยความโกรธเล็กน้อย ทั้งยังรู้สึกไม่พอใจ อยากจะระเบิดออกมา แต่ก็อดกลั้นไว้

แต่ฉินหลิวซีกลับไม่กลัว เอ่ยว่า “ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อช่วยขับไล่วิญญาณชั่วร้ายและรักษาอาการป่วยให้คุณหนูจวนของท่าน ตอนนี้ธุระของข้าเสร็จสิ้นแล้ว จะไม่สนใจว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร พรุ่งนี้ข้าจะฝังศพของฝูเซิง จากนั้นก็ฝังเข็มให้คุณหนูอีกครั้งแล้วก็จะกลับไป”

หมายความว่าจะไม่สนใจแล้ว

ฮูหยินเซียวรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่เซียวจั่นรุ่ยรีบเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “ท่านอาจารย์วางใจได้ พวกเราเข้าใจแล้ว หลังจากนี้ข้าจะไปอารามของท่านเพื่อจุดธูปบูชาเจ้าลัทธิเต๋าและเต็มเติมปรารถนาของเจ้าลัทธิเต๋าด้วยตัวเอง”

ฉินหลิวซีพยักหน้า เอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าไม่ขอรบกวนแล้ว พรุ่งนี้ค่อยกลับมาฝังเข็ม”

“ข้าจะไปส่งท่านอาจารย์” เซียวจั่นรุ่ยพาอีกฝ่ายไปส่งที่ประตู

เมื่อเดินมาถึงประตูลาน เซียวจั่นรุ่ยก็ยกมือขึ้นประสานคารวะนาง เอ่ยขอโทษด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาจารย์ นิสัยท่านพ่อข้าก็เป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าไม่พอใจท่านอาจารย์ ขอท่านอาจารย์อย่างได้ถือสา”

ฉินหลิวซีไม่ได้ใส่ใจ เอามือไขว้หลังพลางเอ่ย “คุณชายเซียวไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ ใต้เท้าเซียวเป็นคนมีนิสัยตรงไปตรงมา ข้าเป็นเพียงแค่นักพรตย่อมไม่ถือสาอยู่แล้ว”

น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความดูหมิ่น

รอยยิ้มของเซียวจั่นรุ่ยดูอึดอัดเล็กน้อย เปลี่ยนเรื่องพลางถามว่า “ท่านอาจารย์ น้องหญิงของข้าจะเข้าสู่พุทธศาสนาจริงๆ หรือ”

ฉินหลิวซีสีหน้าเรียบเฉย มองตรงไปยังดวงตาทั้งสองข้างของเขา เอ่ย “ในบรรดาตระกูลใหญ่ๆ หากมีคนอย่างคุณหนู มีใครบ้างที่จะไม่ตายด้วยโรคอย่างกะทันหัน หรือไม่ก็มีวาสนาต่อพุทธศาสนาแล้วไปบวชชีเพื่อสวดมนต์ให้แก่คนในตระกูล”

คำเอ่ยนี้เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“ใต้เท้าเซียวใช่ว่าจะไม่มีความคิดนี้ เพื่อรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูลและอนาคตในหน้าที่การงาน หากคุณหนูเซียวเลือกเส้นทางนี้จริงๆ เจ้าคิดว่าเขาจะขัดขวางจริงๆ หรือ”

ฉินหลิวซีหรี่ตาพลางเอ่ยเตือน “ฮูหยินเซียวมีบุตรสาวเพียงคนเดียว แต่ใต้เท้าเซียวคงไม่ได้มีเพียงคนเดียวหรอกกระมัง”

สีหน้าของเซียวจั่นรุ่ยดูแย่ขึ้นมาทันที

ฉินหลิวซีพยักหน้าให้เขาแล้วจากไป

เซียวจั่นรุ่ยยืนอยู่ที่เดิมสักพักก่อนจะกลับไปอยู่หน้าประตูเรือนของน้องหญิง ได้ยินเสียงท่านพ่อกับท่านแม่ทะเลาะกันเบาๆ ไม่สิ ควรจะเป็นผู้ตรวจการเซียวกำลังด่า ส่วนเซียวฮูหยินกำลังร้องไห้ต่างหาก

ผู้ตรวจการเซียวไม่มีที่ให้ระบายความโกรธ เขาไม่ชอบที่ฉินหลิวซีบอกว่าบุตรของเขาจะต้องมาชดใช้บาปที่เขาก่อ ราวกับว่าเขาทำอะไรผิดไป

กำจัดนักแสดงคนหนึ่ง ฃนับว่าเป็นเรื่องปกติที่สุดในตระกูลใหญ่ แต่เหตุใดเมื่อมาถึงตระกูลของเขาจึงได้กลายเป็นเรื่องที่น่าเกลียดเช่นนี้

เมื่อผู้ตรวจการเซียวมองไปยังเซียวชิงหันที่กำลังหลับสนิทอยู่ ก็รู้สึกเกลียดที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ เอ่ย “หากไม่ใช่เพราะนางเต็มใจทำตัวเป็นคนต่ำต้อย ไหนเลยจะเกิดเหตุการณ์ดั่งเช่นวันนี้”

ฮูหยินเซียวเงยหน้าขึ้น เอ่ย “ท่านพี่ นางเป็นบุตรสาวภรรยาเอกเพียงคนเดียวของท่าน ท่านที่เป็นพ่อพูดเช่นนี้กับนางได้อย่างไร”

“หรือว่าข้าเอ่ยผิดไป ทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้าตามใจจนนางเสียนิสัย ทำให้นางไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร คุณหนูใหญ่ตระกูลขุนนางผู้สูงส่งกลับชอบชมละคร เพียงแค่ชอบชมไม่พอ ซ้ำยังทำราวกับนิยายน้ำเน่า ดันไปหลงรักนักแสดง แล้วนักแสดงผู้นั้นยังเป็นสตรีอีก ช่างเหลวไหลสิ้นดี” ผู้ตรวจการเซียวตะโกนเสียงดัง “ปกตินางก็เอาแต่ดูถูกพี่หญิงน้องหญิงที่เกิดจากอนุ แต่ตัวเองดันไปหลงรักนักแสดง บ้าไปแล้ว!”

ฮูหยินเซียวร้องไห้สะอึกสะอื้น

“ท่านพ่อ หยุดเอ่ยเถิด” เซียวจั่นรุ่ยเดินเข้ามา

ผู้ตรวจการเซียวสะบัดแขนเสื้อ ตะคอกด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง “หากรู้ว่าสุดท้ายแล้วอย่างไรก็ลงเอยโดยการเข้าสู่พุทธศาสนา น่าจะส่งนางไปบวชชีตั้งแต่แรก”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ฮูหยินเซียวตัวสั่น “ท่านบ้าไปแล้วหรือ!”

“เจ้าก็ได้ยินไม่ใช่หรือว่าท่านอาจารย์ผู้นั้นเอ่ยว่าอย่างไร เข้าสู่หนทางพุทธศาสนา” ผู้ตรวจการเซียวเอ่ยต่อว่า “จะช้าหรือเร็วจุดจบก็เป็นเช่นนี้ หากตัดสินใจตั้งแต่แรก ก็ไม่ถึงขั้นต้องกลายเป็นเรื่องน่าขันเช่นนี้ ซ้ำยังถูกผู้คนนินทา”

แม้ว่าจะไม่มีใครกล้าเผยแพร่ออกไป แต่หากเป็นการส่วนตัวก็ไม่แน่ว่าอาจจะกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่

เซียวจั่นรุ่ยเอ่ย “ท่านพ่อ ท่านแม่ เลิกพูดเถิดขอรับ ไม่แน่น้องหญิงอาจจะคิดจนเข้าใจแล้ว การทำนายดวงก็ใช่ว่าจะแม่นไปเสียทุกเรื่อง ไม่แน่ว่าท่านอาจารย์อาจดูผิดไป”

ผู้ตรวจการเซียวสบถอย่างเย็นชา สะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป

ฮูหยินเซียวรู้สึกผิดหวัง เอ่ยว่า “เจ้าดูสิ นี่เป็นถึงบุตรสาวภรรยาเอกของเขา แต่ก็เป็นเช่นนี้ ไม่ไยดีเลยแม้แต่นิด รุ่ยเอ๋อร์ นี่เป็นน้องหญิงร่วมท้องเพียงคนเดียวของเจ้า เจ้า…”

“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าน้องหญิงจะตัดสินใจอย่างไร ข้าในฐานะพี่ใหญ่จะปกป้องให้นางไร้กังวล”

ฮูหยินเซียวปวดใจ เอียงศีรษะมองเซียวชิงหัน ร้องไห้พลางเอ่ย “บุตรสาวที่น่าสงสารของข้า”

ฉินหลิวซีกลับมาที่เรือนรับรองแขกของตัวเอง ไม่ได้สนใจสายตาเป็นกังวลของมู่ซี เอ่ยว่า “อย่าถาม คำตอบคือข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ต้องพักผ่อน อีกอย่างพรุ่งนี้เมื่อเสร็จธุระข้าก็จะไปแล้ว ส่วนเจ้าก็แล้วแต่เจ้าจะตัดสินใจ”

ปัง

นางปิดประตู เมื่อล้มลงบนเตียงก็หลับไป

ไม่ว่าฟ้าถล่มหรือดินทลายก็ขอพักผ่อนก่อนแล้วค่อยว่ากัน กระดูกพุทธะที่ห่อด้วยผ้ายันต์ตรงเอวของนางมีแสงสว่างจางๆ วาบขึ้นมาแล้วก็หายไป ราวกับย้ายไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง

[1] ยามเหม่า 05.00-07.00 น.