บทที่ 207 เป็นพวกเดียวกันเมื่อมีศัตรูคนเดียวกัน
ในฐานะเพื่อนร่วมหมู่บ้าน เฉิงเฟยย่อมรู้ดีเกี่ยวกับความสำคัญของเยี่ยถิงที่มีต่อเฉิงปิง ทั้งสามคนอายุเท่ากัน เมื่อพวกเขายังเด็ก พวกเขามักจะไปเล่นน้ำและตกปลาด้วยกันและส่งเสียงดังในหมู่บ้าน
เยี่ยถิงเป็นลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน แม้ว่านางจะไม่งดงามเท่าสตรีในราชสำนัก แต่นางก็สดใสที่สุดในหมู่บ้าน เฉิงปิงรักสาวน้อยผู้นี้ที่มีลักยิ้มเล็ก ๆ และเขี้ยวเสือน่ารักเมื่อนางยิ้ม
เฉิงเฟยเป็นคนซื่อ ดังนั้นเขาจึงยอมรับการเตรียมการของครอบครัว ที่ให้เขาแต่งงานกับภรรยาที่อยู่หมู่บ้านถัดไป ในขณะที่เฉิงปิงต้องการแต่งงานกับเยี่ยถิง แต่หัวหน้าหมู่บ้านไม่ชอบบรรพบุรุษที่ทำงานด้านเกษตรกรรมของเฉิงปิง ครอบครัวของเขาจึงยากจนและไม่รู้หนังสือ ดังนั้นเขาจึงถูกกีดกันอยู่เสมอ
ต่อมาเฉิงปิงพาเฉิงเฟยเข้าร่วมกองทัพ และสาบานว่าจะแต่งงานกับเยี่ยถิงให้ได้
คาดไม่ถึงเลยว่าในปีที่สองของการเข้าร่วมกองทัพ บ้านเกิดของพวกเขาจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งที่หายากในรอบศตวรรษ คนหมู่บ้านใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียงอดอยากและกำลังจะตาย คนที่ยังมีชีวิตรอดจึงอพยพเข้าเมืองหลวงเพื่อไปอยู่กับญาติของตน
หัวหน้าหมู่บ้านเยี่ยก็พาเยี่ยถิงไปหาญาติด้วย ผลก็คือเพียงไม่กี่วันหลังจากที่พวกเขาออกเดินทาง หัวหน้าหมู่บ้านเยี่ยก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันกลางทางด้วยอาการป่วยรุนแรง ส่วนเยี่ยถิงก็หายตัวไปท่ามกลางผู้ลี้ภัย
เป็นเฉิงปิงผู้เป็นทหารใหม่ที่ออกตามหาเยี่ยถิง เขากล้าทำร้ายทหารองครักษ์ของต๋งชวนอย่างสาหัสระหว่างการตรวจสอบของต๋งชวน ซึ่งดึงดูดความสนใจของต๋งชวน
ในเวลานั้นต๋งชวนเห็นว่าเขาแข็งแกร่ง กระฉับกระเฉงและยังเยาว์วัย ซึ่งถือว่าเป็นต้นกล้าที่ดี ดังนั้นเขาจึงตกลงตามคำขอของเฉิงปิงและรับปากว่าจะช่วยเขาตามหาเยี่ยถิง
แต่ห้าปีผ่านไปก็ยังหาเยี่ยถิงไม่พบ ทุกครั้งที่เขาถามต๋งชวน คำตอบของต๋งชวนก็จะเหมือนเดิมเสมอว่า “ข้ามองหานางอยู่ ตอนนี้มีผู้ลี้ภัยที่มีชื่อเดียวกันมากเกินไป มันจึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ”
แม้ว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมาเฉิงปิงจะถามน้อยลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะลืมหรือเลิกตามหาเยี่ยถิง แต่รู้สึกว่าต๋งชวนดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยของเขา ดังนั้นเขาจึงแอบค้นหานางด้วยตัวเอง
แต่เขายังมีต๋งชวนเป็นความหวังอยู่ในใจ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดเขาจึงเต็มใจติดตามต๋งชวนมาโดยตลอด
“ท่านอ๋องต้องการจะบอกอะไร” คราวนี้เฉิงปิงเลิกยิ้มและหยุดแสร้งทำเป็นเกรงกลัวและมองขึ้นไปที่หมี่โม่หรู่ ดวงตาสีเข้มของเขาไม่แสดงความเกรงกลัวผู้ใดเลย
หมี่โม่หรู่ก้มศีรษะลงและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่าเขานึกถึงบางสิ่งที่ไม่น่าพอใจขึ้นมาได้ “เมื่อปีที่แล้วข้ายังเป็นคนพิการนั่งบนรถเข็นและปราศจากอำนาจในราชสำนัก ระหว่างทางไปส่งพระชายาถวายเครื่องหอมที่วัด อัครมหาเสนาบดีต๋งชวนได้ลักพาตัวพระชายาของข้าไป”
‘ฟืด’ เสียงสูดอากาศของชายสองคนที่อยู่กลางห้องโถงดังชัดเจน ทันใดนั้นหัวใจของเฉิงปิงก็กระตุก เขาไม่รู้ว่าเหตุใดท่านอ๋องจึงต้องการพูดสิ่งที่อาจฉีกหน้าของชายผู้นั้น แต่เขาก็คาดเดาผลที่จะตามมาได้อย่างคลุมเครือ
“ข้ารักพระชายามากจึงไล่ตามไปทันทีที่รู้เรื่อง ต่อมาด้วยความช่วยเหลือจากสหายของข้า เขาได้ช่วยพระชายาของข้าไว้ ในเวลานั้นเท้าของนางถูกมีดแทงทะลุ และต๋งชวนกำลังจะควักลูกตาของนางออกมา”
หมี่โม่หรู่กลืนน้ำลาย เขาพยายามไม่ให้อารมณ์ของตัวเองได้รับผลกระทบไปด้วย
“เพื่อแก้แค้นต๋งชวน สหายของข้าได้จุดไฟเผาจวนของต๋งชวนและปล่อยเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ทุกคนที่ถูกเลี้ยงไว้ในจวนของต๋งชวน ซึ่งบางคนที่พิการ เดินไม่ได้หรือสติวิปลาส และไม่สามารถออกมาได้ด้วยตัวเองยังคงอยู่ในจวนของต๋งชวน”
“ตรงกลางห้องมืดมีหญิงสาวคนหนึ่งถูกถอนฟันออกทั้งปาก ว่ากันว่าฟันของหญิงสาวผู้นั้นเรียงเป็นระเบียบ ขาวสะอาด และนางมีเขี้ยวเสือสองซี่ ตอนนั้นนางได้เสียสติไปแล้ว ถึงแม้ว่าประตูจวนจะเปิดออก แต่นางก็ไม่กล้าเดินออกมาจากห้องมืด…”
ปั้ง!
เฉิงปิงกำหมัดทุบโต๊ะในกระโจม เขาขัดจังหวะคำพูดของหมี่โม่หรู่อย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาแดงก่ำ
“ท่านอ๋องกำลังใช้วิธีนี้สร้างความบาดหมาง! อย่าคิดว่าท่านจะสามารถทำให้ข้ารู้สึกเห็นอกเห็นใจได้ด้วยการยกพระชายามาอ้าง!”
หมี่โม่หรู่เหลือบมองชายผู้โกรธเกรี้ยว ก่อนจะก้มศีรษะลงค้นหาของบนโต๊ะอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็โยนหนังสือเล่มเล็กลงตรงหน้าเฉิงปิง
“นี่คือรายชื่อหญิงสาวที่ต๋งชวนเลี้ยงไว้ที่จวนตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าเอามันมาจากจวนของเขา เจ้าสามารถดูได้ด้วยตัวเอง” เขาเว้นจังหวะพูด “เยี่ยถิงอยู่ในหน้าที่ห้าจากข้างหลังสุด”
ฟึ่บ ฟึ่บ
เฉิงปิงหยิบรายชื่อขึ้นมาพลิกดูอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงหลายสิบคนที่หน้าตาแตกต่างกันผ่านสายตาเขาไป ในที่สุดเขาก็หยุดในหน้าที่ห้าก่อนหน้าสุดท้าย
น้ำตาขนาดเท่าเม็ดถั่วหยดลงบนกระดาษสีเหลือง ช่อดอกไม้สีเหลืองเข้มบานสะพรั่ง หญิงสาวในหน้านี้ไม่ได้งดงามนักเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ด้วยคิ้วหนา ตาโตและลักยิ้มเล็ก ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์
เฉิงเฟยที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไปหยิบรายชื่อ หลังจากได้เห็นหน้าของเยี่ยถิงแล้ว เขาก็พลิกดูตั้งแต่แรก
แต่ละหน้ามีการระบุชื่อของสตรี อายุ และที่มา
“อัครมหาเสนาบดีทำทั้งหมดนี้เองหรือ? ข่าวลือเหล่านั้นเป็นเรื่องจริงหรือ?” ลิ้นของเฉิงเฟยสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เขารู้สึกว่าแม้ว่าตนเองจะสามารถตัดหัวศัตรูด้วยดาบได้ แต่ก็ไม่ได้โหดร้ายเท่ากับการทำกับคนที่อยู่ในรายชื่อนี้
“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้จักคนเยอะ หากเจ้าไม่เชื่อสิ่งที่ข้าบอก เจ้าก็สามารถไปหาคนที่เจ้ารู้จักเพื่อตรวจสอบความจริงได้”
เฉิงปิงกำหมัดแน่นและปาดน้ำตา “เชื่อ ข้าน้อยเชื่อ”
บางทีเขาอาจมีการคาดเดาในใจอยู่แล้ว แต่เขาไม่กล้าหาหลักฐานมายืนยัน
ทันใดนั้นเฉิงปิงก็ดึงกริชออกมาจากขาของเขา แล้วตัดปลอกแขนสีกากีที่แขนของเขาออก ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าหมี่โม่หรู่เสียงดัง ‘ฟึ่บ’
“เจ้าพร้อมที่จะเข้ามาเป็นทหารในค่ายของจวนผิงเล่อเฮ่าแล้วหรือยัง?”
“ไม่ ข้าน้อยต้องการเป็นอย่างเขา” เฉิงปิงยกมือขึ้นชี้ไปที่อู๋เหิน “ข้าน้อยอยากเป็นคนของท่านอ๋อง ตอนนี้ท่านอ๋องมีอำนาจและสามารถติดต่อกับผิงเล่อเฮ่าได้ ดังนั้นต๋งชวนย่อมไม่กล้าลักพาตัวพระชายาอีก ข้าน้อยอยากเป็นคนของท่านอ๋องที่ทำให้ต๋งชวนหวาดกลัว!”
หมี่โม่หรู่มองเขาอย่างลึกซึ้ง “มันยากลำบากนะ”
“ข้าน้อยไม่กลัวความยากลำบาก ไม่กลัวความทุกข์และไม่กลัวตาย!” เมื่อพูดจบเฉิงปิงก็คำนับสามครั้งติดต่อกันจนเกือบจะมีเลือดออกจากหน้าผากของเขา
“ก็ได้ ตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าจะหายตัวไปจากค่ายทหาร ชื่อของเจ้าจะไม่ปรากฏอีกต่อไป และศพของทหารที่ชื่อเฉิงปิงจะปรากฏในสนามรบ”
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง!” เมื่อเฉิงปิงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เขาก็กลับมาเป็นปกติ ไม่มีน้ำตาและอารมณ์ใด ๆ อีกต่อไป แต่เฉิงเฟยที่ยืนอยู่ข้างเขาเข้าใจดีว่าอารมณ์ของเพื่อนเขาเปลี่ยนไปแล้ว
คนที่ถูกพาเข้ามาและทำให้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เป็นคนเดียวกับองครักษ์ที่ชื่อว่า ‘อู๋เหิน’
“ส่วนชายผู้นี้ข้าจะให้หนึ่งพันตำลึง เจ้าต้องการจะทำภารกิจหรือไม่” หมี่โม่หรู่เหลือบมองเฉิงเฟยและถาม
“ทำพ่ะย่ะค่ะ” ความคิดของเฉิงเฟยเรียบง่ายมาก เพียงแค่เขาแสร้งทำเป็นส่งผู้หญิง เขาก็ได้เงินห้าร้อยตำลึง แม้จะถูกทุบกลางทางก็ตาม ดังนั้นภารกิจหนึ่งพันตำลึงก็ไม่น่าจะยาก
เฉิงปิงถูกอู๋เหินพาตัวไปแล้ว หมี่โม่หรู่ยกยิ้มเมื่อเขามองทหารที่ค่อนข้างซื่อบื้อตรงหน้าเขา “ข้าจะให้เจ้าแอบเข้าไปในเมืองเตียนหลัน แล้วพาเหลียวหลัน ลูกสาวของเหลียวชิ่งที่เป็นเจ้าเมืองเมืองเตียนหลันออกจากเมืองเตียนหลันอย่างปลอดภัย เจ้าทำได้หรือไม่”
“อะไรนะ?” เฉิงเฟยตกใจ เขาตระหนักได้ทันทีว่าตัวเองกำลังปวดหัว
………………………………………………………………………..