ตอนที่ 319 ลูกแกะที่โหดเหี้ยม (3)
มู่เฉินมองไปที่ ‘เคอฉังจวี’ อย่างไม่รู้ตัว ‘เคอฉังจวี’ เป็นคนสนิทของฉินเย่ว์ หากคำนี้ไปถึงหูของฉินเย่ว์ชีวิตของเด็กน้อยคนนี้ได้จบลงแน่ๆ
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ ‘เคอฉังจวี’ ไม่มีการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น ราวกับว่าสิ่งที่จวินอู๋เสียพูดไม่เกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย
“เจ้าไม่ต้องการหรือ เจ้าไม่ต้องการล้างแค้นให้ท่านพ่อของเจ้าหรือ เจ้าไม่ต้องการทำลายสำนักชิงอวิ๋น ที่เลวจนเข้ากระดูกนี่หรือ” จวินอู๋เสียมองไปที่มู่เฉินแล้วกล่าว
มู่เฉินหันไปมองจวินอู๋เสีย ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “เจ้าเป็นคนของสกุลจวินจากรัฐชีใช่หรือไม่”
“ใช่” ในที่สุด มู่เฉินก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดจวินอู๋เสียจึงอยากทำลายสำนักชิงอวิ๋นเยี่ยงนี้ เรื่องที่ฉินอวี่เยียนและเจียงเฉินชิงเสียชีวิตได้แพร่กระจายไปทั่วสำนักชิงอวิ๋นแล้ว แม้ว่าฉินเย่ว์จะยังไม่เริ่มแก้แค้นรัฐชีแต่ด้วยนิสัยของฉินเย่ว์แล้วรัฐชีจะต้องเกิดเรื่องอย่างแน่นอน
จวินอู๋เสียทำลายสำนักชิงอวิ๋นก็เพื่อปกป้องสกุลจวินอย่างแน่นอน
“เจ้ากล้าหาญเกินไปหรือไม่ หากฉินเย่ว์รู้ที่มาของเจ้า เจ้าจะไม่สามารถลงไปจากเทือกเขาเมฆานี้ได้เลย” มู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่โกรธแค้นจวินอู๋เสีย เหมือนอย่างที่จวินอู๋เสียได้กล่าว ความเกลียดชังที่เขามีต่อฉินเย่ว์ไม่น้อยไปกว่านางเลย
จวินอู๋เสียยักไหล่เล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อข้ากล้ามาข้าก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก หากสำนักชิงอวิ๋นไม่ถูกทำลายก็คือข้าที่ต้องตาย แต่ข้าเชื่อว่าสุดท้ายแล้วต้องเป็นข้าที่มีชีวิตอยู่แล้วเดินลงไปจากเทือกเขาเมฆา”
ท่านปู่และท่านอาเล็กยังรอนางอยู่ที่จวนหลินอ๋อง นางไม่มีวันล้มเหลวและนางไม่มีทางล้มเหลว!
“ความสัมพันธ์ของเคอฉังจวีและฉินเย่ว์นั้นดีมาก เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะลงมือกับเจ้าหรือ” มู่เฉินมองไปทาง ‘เคอฉังจวี’ ที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้าง ‘เคอฉังจวี’ ในตอนนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกับเขามาก โดยธรรมชาติแล้ว ‘เคอฉังจวี’ กับฉินเย่ว์นั้นต่างก็ชั่วเหมือนกัน
เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจวินอู๋เสียจึงสามารถพูดเรื่องราวทั้งหมดนี้ออกมาต่อหน้า ‘เคอฉังจวี’ ได้โดยไม่สนใจสิ่งใด และเพราะเหตุใด ‘เคอฉังจวี’ จึงไม่มีการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น
ดวงตาของจวินอู๋เสียเยือกเย็นลงแล้วกล่าวว่า “คนตายไม่สามารถทำอะไรข้าได้”
มู่เฉินจ้องไปที่จวินอู๋เสียไม่เข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไร
“ข้าต้องขอโทษด้วยที่ข้าไม่ใช่เคอฉังจวีที่เจ้าพูดถึง” ทันใดนั้นฮวาเหยาก็พูดขึ้นมา เขาดึงแขนเสื้อขึ้น เมื่อไม่ถูกแขนเสื้อปกปิด แขนทั้งสองข้างที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงก็ถูกเปิดเผยต่อหน้าของมู่เฉิน ผิวเรียบเนียนตรงแขนแตกต่างกับความหยาบกร้านตรงมือโดยสิ้นเชิง ความแตกต่างที่ชัดเจนนั้นทำให้ผู้คนเข้าใจในทันที
ดวงตาของมู่เฉินเบิกกว้าง มองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างเหลือเชื่อ
“เจ้าไม่ใช่เคอฉังจวีหรือ” น้ำเสียงของมู่เฉินเปลี่ยนไปทันที แม้ว่าเขากับเคอฉังจวีจะไม่ค่อยได้เจอกัน แต่เขาจำใบหน้าที่อัปลักษณ์นั้นได้ คนที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ ไม่ว่าจะรูปร่างหรือหน้าตาล้วนเหมือนกับเคอฉังจวีอย่าว่าแต่มู่เฉินเลยเกรงว่าหากฉินเย่ว์ยืนอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่มีวันพบความแตกต่าง
“ไม่ใช่” ฮวาเหยาพยักหน้า
“เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ที่การเปลี่ยนใบหน้าในโลกนี้จะเลียนแบบรูปร่างหน้าตาของบุคคลได้อย่างสมบูรณ์!” มู่เฉินไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับเคอฉังจวีราวกับออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ไม่ว่าการเปลี่ยนใบหน้าจะละเอียดอ่อนเพียงใดก็ไม่สามารถทำได้เช่นนี้
“แล้วถ้าอย่างนี้เล่า” จวินอู๋เสียเหลือบมองฮวาเหยา ฮวาเหยายื่นมือออกมานิ้วมือของเขาก็ยาวขึ้นหนึ่งท่อนทันที และภายใต้ความตกตะลึงอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูกของมู่เฉิน ไม่นานก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
มู่เฉินตกตะลึงเป็นเวลานานกว่าเขาจะรู้สึกตัว เขาไม่เคยเห็นใครที่สามารถเปลี่ยนกระดูกได้ตามต้องการ
“ถ้าเจ้าไม่ใช่เคอฉังจวี แล้วเคอฉังจวีตัวจริงอยู่ที่ใด” มู่เฉินกล่าวถาม
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบว่า “ตายแล้ว”
………….
ตอนที่ 320 ลูกแกะที่โหดเหี้ยม (4)
มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ ตั้งแต่จวินอู๋เสียกล่าวว่า ‘คนตายไม่สามารถทำอะไรข้าได้’ เขาก็เดาได้ลางๆ แล้วว่าผลมันต้องเป็นแบบนี้ แต่เมื่อได้รับการยืนยันจากปากของจวินอู๋เสียแล้ว เขาก็ยังคงตกใจมากเหมือนเดิม
“แม้ว่าเคอฉังจวีจะไม่มีพลังวิญญาณ แต่เขาเก่งกาจในการใช้พิษ เจ้าฆ่าเขาได้อย่างไร” มู่เฉินสงสัยเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ตอนที่เขายังเด็ก เขาคิดจะฆ่าเคอฉังจวีและฉินเย่ว์เพื่อแก้แค้นให้ท่านพ่ออยู่บ่อยครั้ง แต่พิษบนตัวของเคอฉังจวีทำให้เขาไม่รู้จะลงมืออย่างไร
แต่จวินอู๋เสียอายุเท่าไหร่กันเชียว แม้ว่าจะมีอีกสองคน แต่ดูจากผิวหนังและฟังจากเสียงของคนที่สวมรอยเป็นเคอฉังจวีแล้วเขาน่าจะอายุใกล้เคียงกับเฉียวฉู่
เคอฉังจวีที่น่ากลัวคนนั้นตายในมือของเจ้าเด็กสามคนนี้หรือ ช่างเหลือเชื่อจริงๆ!
เฉียวฉู่ที่อยู่ด้านข้างแอบทำปากยื่นตอนที่มู่เฉินกล่าว เคอฉังจวีเก่งกาจในการใช้พิษ นั่นเป็นเพราะเขาไม่เคยพบกับจวินอู๋เสียมาก่อน ถ้าเขาได้พบกับจวินอู๋เสียก่อนถ้าเขาตายเขาก็ไม่มีทางรู้ว่าเขาตายได้อย่างไร
แค่คิดถึงสภาพเคอฉังจวีก่อนที่จะเสียชีวิต เฉียวฉู่ก็ตัวสั่นในทันที
จวินอู๋เสียเป็นลูกแกะที่โหดเหี้ยมชัดๆ
“ฆ่าอย่างไรไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือเขาตายแล้ว และตอนนี้ฮวาเหยาได้เป็นผู้อาวุโสของยอดเขาเร้นเมฆาแทนเขา” จวินอู๋เสียขี้เกียจอธิบาย
มู่เฉินไม่ได้ถามอะไรอีก เมื่อทราบจุดประสงค์ของจวินอู๋เสียและรู้ว่านางมีความสามารถในการกำจัดเคอฉังจวีแล้วเขาจึงเริ่มเชื่อมั่นในความสามารถของจวินอู๋เสีย
แค่เรื่องที่ฆ่าเคอฉังจวีจวินอู๋เสียก็ถือว่าได้แก้แค้นให้ท่านพ่อแทนเขาแล้ว ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของเขา
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าจะทำลายสำนักชิงอวิ๋น เพราะว่าฉินเย่ว์ปกป้องตัวเองอย่างดี แขกพิเศษที่ถูกเชิญมาสำนักชิงอวิ๋นก็อยู่ที่ยอดเขาเมฆาครามที่เขาอาศัยอยู่ ฉะนั้นแม้ว่าคนที่มีพลังในระดับปราณสีครามอยากจะลงมือกับเขาก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับไปได้ นอกจากว่าพวกเจ้ามีใครที่ผ่านพลังในระดับปราณสีม่วงแล้ว ไม่เยี่ยงนั้นอย่าว่าแต่ฆ่าฉินเย่ว์เลย เกรงว่าแค่เข้าใกล้เขาก็ไม่สามารถทำได้” มู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าฉินเย่ว์ฆ่าง่ายเยี่ยงนั้นเขาก็คงไม่อดทนมานานขนาดนี้
“เรื่องที่เจ้าพูดไม่ใช่ปัญหา เพราะสำหรับน้องเสียแล้วไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา” เฉียวฉู่ที่อยู่ด้านข้างบ่นขึ้นมา เพราะแม้แต่เคอฉังจวีที่เก่งกาจในการใช้ยาพิษยังถูกจวินอู๋เสียล้มลงโดยที่ไม่ได้ออกแรงอะไรเลย แล้วมันจะไปยากอะไรถ้าต้องจัดการกับคนแข็งแกร่งที่ใช้แต่กำลังแต่ไร้สมองเหล่านั้น
มู่เฉินมองไปที่เฉียวฉู่ และพบว่ามีดสั้นในมือของเขายังอยู่บนคอลูกศิษย์ของเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนในทันที
“ในเมื่อเป้าหมายของเราเหมือนกัน พวกเจ้าช่วยปล่อยลูกศิษย์ของข้าก่อนได้หรือไม่” มู่เฉินกัดฟันกล่าว
เฉียวฉู่ไม่ขยับ แต่มองไปทางจวินอู๋เสีย เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียพยักหน้าเขาจึงเก็บมีดสั้นแล้วแบกลูกศิษย์ที่สลบคนนั้นขึ้นบนไหล่ เดินออกไปนอกประตูแล้วโยนลงกับพื้นอย่างไม่เกรงใจ
มู่เฉินขยับมุมปากของเขา แต่ก็สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
“เจ้าไม่ต้องทำอะไร เรื่องฆ่าฉินเย่ว์ข้าจะจัดการเอง จริงๆ แล้วเรื่องทำลายสำนักชิงอวิ๋นเจ้าก็ไม่ต้องทำอะไร เจ้าแค่ยุยงในหมู่ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็พอ” จวินอู๋เสียพูดอย่างช้าๆ เมื่อมีฮวาเหยาที่สวมรอยเป็นเคอฉังจวีแล้วก็ทำให้นางสะดวกมากขึ้นจนแทบไม่ได้ใช้วิธีที่ใช้กับมู่เฉินเมื่อครู่
เหตุผลที่เรียกมู่เฉินมา หนึ่งก็เพื่อให้แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น เหตุผลที่สองคือยอดเขาเทียมเมฆาเป็นสถานที่ที่เดียวในสำนักชิงอวิ๋นที่ขาวสะอาด แม้ว่าจวินอู๋เสียต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมดแต่นางก็มีหลักการของตัวเอง นางจะไม่ลงมือกับคนบริสุทธิ์เป็นอันขาด
………….