บทที่ 157 เราค่อยเชิญเจ้าไปหาพี่ใหญ่

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

เหล่าโจรภูเขาแต่ละคนมีท่าทางคล้ายกับเจอแกะตัวอ้วน ต่างเดินเข้ามาใกล้พวกขี้ขลาดที่ทำได้แค่ก้มหน้างุดด้วยความหวาดกลัวจนไม่กล้าส่งเสียงกลุ่มนี้ พลางสั่งให้ควานหาเชือก

เฉินจิ่นเช็ดคราบดินและน้ำตาบนใบหน้า พร้อมวิงวอนต่อชายที่มีแผลเป็นว่า “เหล่าพี่ชายมัดพวกเราไว้ แล้วผู้ใดจะยกหีบห่อของเจ้าสาวเล่า?”

หากทุกคนล้วนถูกมัด มือและเท้าทำอะไรไม่สะดวกก็คงปฏิบัติการได้ไม่ดีนัก

ชายมีแผลเป็นกำลังจะขมวดคิ้ว แต่กลับได้ยินเซวียชางที่อยู่ข้างกายพูดสนับสนุน “ใช่ ๆ สี่คนยกเกี้ยว หกคนยกหีบห่อ หากพวกเราถูกมัดกันทั้งหมด พวกพี่ชายก็ทำได้แค่ต้องแบกกันเอง และก็ต้องแบ่งกำลังคนมาเฝ้าพวกเราด้วย…”

หัวหน้าโจรได้ยินดังนั้นก็คิดว่าสมเหตุสมผล จึงออกคำสั่งลูกน้องว่า “จับนายน้อยผู้นั้นและคนที่เล่นดนตรีสองคนนั้นมัดไว้!”

ชายร่างผอมมีลางสังหรณ์เกิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างโจรภูเขาเป็นประเภทที่ว่าผู้มีอำนาจสามารถข่มเหงผู้ที่ด้อยกว่าได้ ชายมีแผลเป็นมีตำแหน่งที่สูงกว่าเขา คงดีกว่าถ้าวันนี้เขายังไม่ทำการบุ่มบ่ามกับอีกฝ่าย

กระทั่งเห็นชายมีแผลเป็นชี้ไปทางหลินเหรา และข่มขู่สมาชิกในขบวนส่งตัวเจ้าสาวอย่างโหดเหี้ยมว่า “หากมีคนคิดหนีหนึ่งคน เจ้านายของพวกเจ้าจะโดนตัดมือหนึ่งข้าง! คิดหนีสองคนก็ตัดสองข้าง หนีสี่คน ก็ตัดทั้งมือและเท้า!”

เมื่อทุกคนได้ยินก็พากันหนาวสะท้าน และรับปากยกใหญ่ “ไม่หนี ไม่หนีแน่นอน!”

กระทั่งโจรภูเขามัดนักเป่าปี่ทั้งสองคนเสร็จ หัวหน้าโจรอย่างชายมีแผลเป็นก็แกว่งดาบใหญ่ในมือ แล้วเล็งคมดาบไปยังเกี้ยวโดยตรง

ใบหน้าของเซวียชางแสดงสีหน้าหวาดกลัวและตื่นตระหนก แต่กลับต้องส่งเสียงออกไป พร้อมทั้งรุดหน้าเข้าไปขวางไว้ “ท่านผู้กล้า ท่านวีรบุรุษ …ในเกี้ยวนั้นเป็นแม่นางน้อยที่ยังไม่ได้แต่งงานโดยสมบูรณ์ของเรา เช่นนี้…เช่นนี้ไม่เหมาะสม!”

ใบหน้าของชายมีแผลเป็นก็พลันเคร่งขรึมขึ้น และพูดอย่างเหี้ยมโหดว่า “หากยังไม่ถอย ข้าจะไม่สนใจเงินอันน้อยนิดสิบสองตำลึงแล้วนะ!”

ร่างกายของเซวียชางสั่นเล็กน้อย มือที่ขวางอยู่ก็กลัวจนสั่นระริก

ทว่าในตอนนั้นกลับได้ยินเสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นออกมาจากในเกี้ยว “ท่านวีรบุรุษ บ่าวรับใช้ของตระกูลหลินล้วนเป็นคนซื่อสัตย์ เพื่อไม่สร้างความลำบากใจให้กับพวกเขา…ข้าน้อยจะออกไปเอง”

เสียงนั้นไม่ได้ไพเราะเหมือนกับผู้หญิงทั่วไป แต่กลับแหบแห้งมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาดใจ

เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงที่ไพเราะเสนาะหู ทุกคนที่ร่วมขบวนล้วนพากันสั่นเทิ้ม ขนลุกขนพองไปทั่วทั้งตัว

แม้แต่สีหน้าของหลินเหราเองก็พลันว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อเห็นม่านของเกี้ยวสีแดงค่อย ๆ เปิดออก มือที่เปิดม่านข้างนั้นถูกแขนเสื้อปิดคลุมอย่างแน่นหนา เผยให้เห็นเพียงแค่นิ้วมือที่ขาวเนียนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จะปิดก็ไม่ปิด จะเปิดก็ไม่เปิด ทำให้ชายมีแผลเป็นพานรู้สึกจั๊กจี้ในหัวใจไปชั่วขณะ

ทุกคนพากันกลั้นหายใจ รอคนที่อยู่บนเกี้ยวค่อย ๆ เดินออกมา

นัยน์ตาของเหล่าโจรภูเขาเต็มไปด้วยความละโมบโลภมาก เหล่าทหารประจำจวนตรวจการกลับเผยสีหน้ากังวลใจ

โชคดีที่ความสนใจของทุกคนล้วนหยุดอยู่ที่เรือนร่างของ ‘เจ้าสาว’ เป็นตาเดียว ความผิดปกติของทหารประจำจวนเหล่านั้นจึงไม่ถูกสังเกตเห็น

ความสูงโปร่งของหญิงสาวนั้น สูงกว่าโจรโดยส่วนใหญ่ ณ ที่นี่ต่อหนึ่งด้วย

นางเปิดผ้าคลุมสีแดงบนศีรษะด้วยตนเอง และพูดด้วยเสียงเนิบนาบว่า “ท่านวีรบุรุษ ข้าน้อยออกมาแล้ว ไม่ทราบว่าจะปล่อยสหายตระกูลหลินผู้นี้ได้หรือไม่?”

เซวียชางที่ถูกกระชากเสื้อบริเวณหน้าอก ครั้นชำเลืองไปมองใบหน้าของ ‘เจ้าสาว’ ก็ตัวสั่นระริกอย่างรุนแรง ในใจก่อเกิดความรู้สึกที่ไม่รู้จักกาลเทศะอย่างหนึ่งออกมา

สตรีนางนี้ คือพี่รองตัวจริงหรือเนี่ย?!

ทุกคนล้วนเงียบไปชั่วพริบตาเดียว แม้แต่หลินเหราที่ดูมีตัวตนไม่มากนักมาโดยตลอดก็อดลอบมองเหยาเฉาไม่ได้

หญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดแต่งงานสีแดงสดปักดิ้นทอง ประดับกวานอยู่บนศีรษะ ผิวขาวเนียนดุจหิมะ ดวงตาดุจดอกท้อที่แฝงไปด้วยความรู้สึกรักใคร่ดูสุกสกาวอยู่ภายใต้คิ้วที่บางยาวละเอียดคู่นั้นกำลังทอดมองมา ประกอบกับเสียงที่ฟังดูแหบแห้งเล็กน้อยนั้น ทำให้ร่างกายของชายมีแผลเป็นอ่อนยวบลงไปกว่าครึ่งทีเดียว

“ฮ่า ๆ!” เมื่อชายมีแผลเป็นถูกหญิงงามมองเช่นนี้ พลันแสดงสีหน้าตื่นตระหนกที่ยากจะปิดบัง เรี่ยวแรงในมือพลันอ่อนกำลังลง “ในเมื่อแม่นางขอร้อง วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าคนไม่รู้ความผู้นี้แล้วกัน!”

เซวียชางถูกปล่อยจากการพันธนาการ จากนั้นก็รีบคลานไปหาเฉินจิ่นอย่างเงียบ ๆ สบสายตาที่ยังไม่คลายความตื่นตระหนกและยากที่จะเชื่อกับเขา

ไม่เพียงแค่เซวียชางเท่านั้น ทุกคนในจวนผู้ตรวจการก็คาดไม่ถึงว่าการแต่งหญิงของเหยาเฉา จะเหมือนกับสตรีมากเพียงนี้

กระทั่งได้ยินชายมีแผลเป็นถอนหายใจ ขยับตัวเข้ามาใกล้และพูดว่า “แม่นาง มีแซ่ว่าอย่างไรหรือ?”

‘เจ้าสาว’ หดตัวราวกับกำลังหวาดกลัวอย่างชัดเจน ใบหน้าเนียนดุจเครื่องกระเบื้องก็ปรากฏสีหน้าลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็เอ่ยเสียงเบา “ข้าน้อย แม่นางเหยา”

ชายมีแผลเป็นถูมือเบา ๆ พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่ไม่อาจจะควบคุมได้ออกมา จากนั้นก็ชี้ไปยังโจรกลุ่มสุดท้ายและถามว่า “แม่นางเหยา เจ้ายินดีจะขึ้นเขาไปพร้อมกับเหล่าพี่น้องข้าหรือไม่? บนเขาของเรายังขาดฮูหยินประจำค่ายลับ เจ้าตามข้าไปเป็นนายแห่งค่ายลับ เรื่องอาหารการกินไม่ต้องเอ่ยถึง เหล่าพี่น้องข้าจะเรียกเจ้าว่า ‘นายหญิง’!”

เหล่าโจรภูเขาชำเลืองไปมองท่าทางสง่างามของ ‘แม่นางเหยา’ ผู้นี้ ด้วยสายตาเปล่งประกายและตื่นเต้นอย่างมาก

นายใหญ่ของตนชื่นชอบหญิงงามมาก แต่กลับไม่มีผู้ใดสามารถสร้างความสดใหม่เกินครึ่งปี เหล่า ‘นายหญิง’ ที่แสนงดงามเหล่านั้น ล้วนเอาเปรียบเหล่าพี่น้องเหล่านี้ของเขา

ส่วนหญิงสาวที่ถูกจี้ปล้นขึ้นเขาในอดีตนั้น แม้ว่าจะมีคนที่หน้าตาดี แต่กลับไม่มีใครจะสู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ได้เลยสักคน

กระทั่งเห็นหญิงงามกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ และเอ่ยเสียงเบาว่า “ขอแค่ท่านวีรบุรุษทุกท่านรับปากคำขอของข้าน้อยหนึ่งข้อ ข้าแม่นางเหยาจะทำตามบทลงโทษของทุกท่าน”

หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ครั้นถูกโจรภูเขาจี้ปล้น หากยังกล้าเอ่ยข้อเสนอ คงไม่วายถูกชายมีแผลเป็นผู้นี้ด่ากราดไปแล้ว

จะมีหญิงงามสักกี่คนที่มีสิทธิพิเศษเช่นนี้ เขาไม่หวังพาหญิงสาวคนหนึ่งที่ร้องไห้คร่ำครวญไม่ยอมให้ความร่วมมือขึ้นเขา หากรุนแรงกว่านี้อีกหน่อย ก็ต้องถูกตีหัวจนตาย แต่นั่นย่อมขาดทุนแย่น่ะสิ?

ชายมีแผลเป็นขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังไม่พอใจ แต่กลับอดทนและถามว่า “ขออะไร?”

ริมฝีปากสีแดงที่ขับให้ชุดแต่งงานสีแดงสดดูมีสีสันสะดุดตาก็พลันวาดโค้งขึ้น สุ้มเสียงที่ราวกับเครื่องดนตรีเสียงต่ำ ยามได้ยินก็ทำให้รู้สึกสบายไปทั่วทั้งร่าง “ข้าน้อยหวังแค่ให้ท่านวีรบุรุษทุกท่านใจดีกับคนของตระกูลหลิน ไม่ทำร้ายพวกเขาจนถึงแก่ชีวิต”

ขณะพูด ‘นาง’ ก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่สวยได้เลื่อนไปทางหลินเหราและพูดอย่างหนักแน่น “แล้วก็สามีของข้าน้อย”

สายตาของหลินเหราประสานเข้ากับเหยาเฉาทั้งยังได้ยินคำว่า ‘สามี’ ที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงรักใคร่สนิทสนมของเขา จึงรู้สึกชาไปทั่วหนังศีรษะ

เหยาเฉาและเหยาซูมีใบหน้าคล้ายกันยิ่ง นัยน์ตาดุจดอกท้อกลับเต็มไปด้วยหลากหลายความรู้สึก ครั้นหลินเหราสบสายตากับเขาก็ยากที่จะเบนสายตาไปทางอื่น

โครงร่างที่เดิมทีไม่มีกลิ่นอายของสตรีบัดนี้ถูกเส้นผมที่ปล่อยสยายปกคลุมไว้ จึงยิ่งทำให้ดูอ่อนโยนมากขึ้น

ประกอบกับการแต่งหน้าอันประณีต คิ้วอันเรียวยาว ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็น ‘แม่นางเหยา’ ผู้นี้ก็ล้วนคิดว่าเป็นหญิงงามที่ยากพบพานผู้หนึ่งทีเดียว

การขอร้องของหญิงงามเช่นนี้ ต่อให้รู้ว่าเหยาเฉามีฐานะเป็นบุรุษก็ไม่อาจควบคุมความรู้สึกรักใคร่ในใจได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคนที่ไม่รู้

ชายที่มีแผลเป็นหัวเราะอย่างเปิดเผย จากนั้นก็ตอบคำถามเต็มปากว่า “ขอแค่พวกเขาซื่อสัตย์ ก็สามารถอยู่บนภูเขาได้อย่างสงบสุข!”

มีแค่ต้องขึ้นไปถึงภูเขา เปลี่ยนเป็นการเรียกค่าไถ่ เรื่องหลังจากนั้นเขาก็ไม่สนใจอีกแล้ว

เหยาเฉาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และพูดอย่างซาบซึ้งว่า “ต้องขอบคุณท่านวีรบุรุษมาก”

ชายมีแผลเป็นเบิกบานใจ พลางออกคำสั่งเสียงดัง “ออกเดินทาง!”

โจรภูเขาทุกคนมัดคนที่ควรต้องมัด ตะโกนในสิ่งที่ควรตะโกน ทุกคนต่างเฝ้าอยู่ข้างกายของ ‘บ่าวรับใช้ตระกูลหลิน’ บางครั้งก็ใช้เท้าเตะและพูดเร่งเร้าว่า “รีบไปสิ!”

เซวียชางและคนอื่น ๆ ยกหีบห่ออย่างคล่องแคล่ว แม้แต่ทีท่าจะต่อต้านสักนิดก็ยังไม่มี เมื่อเห็นท่าทางอะไร ๆ ก็เชื่อฟังลูกเดียวของพวกเขา โจรภูเขาก็เกิดเยาะเย้ยคนเหล่านี้ขึ้นในใจ และปล่อยวางความระแวดระวังลง

ชายผู้มีแผลเป็นพิจารณาใบหน้ารูปไข่อันงดงามและทรวดทรงอ้อนแอ้นอรชรของ ‘แม่นางเหยา’แล้ว ความคิดสับสนนับไม่ถ้วนก็พลันก่อเกิดขึ้นในสมอง…

ความคิดที่ฉายชัดในแววตาของเขาไม่อาจปิดบังได้ พลางออกคำสั่งว่า “แม่นางเหยา เจ้าเข้าไปในเกี้ยวก่อนเถอะ รอถึงภูเขา เราจะเชิญเจ้าไปเจอกับพี่ใหญ่!”

‘แม่นางเหยา’ พยักหน้าอย่างว่าง่าย แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องกับสายตาไม่เกรงใจของคนที่อยู่ตรงข้าม สุดท้ายก็ทำได้แค่ชำเลืองไปทางหลินเหราแวบหนึ่ง และพยักหน้าให้เขาเบา ๆ

…………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แสดงว่าพี่เฉาแต่งหญิงเนียนมากจนมองไม่ออกกันเลยทีเดียว ระวังโดนงูฉกแล้วกันนะเจ้าโจรป่า

ไหหม่า(海馬)