บทที่ 232 เทพเจ้าโชคลาภต้องประสงค์

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 232 เทพเจ้าโชคลาภต้องประสงค์

ส่วนอัจฉริยะฟ้าประทานพันธมิตรเจ็ดสำนักเหล่านั้น คลื่นอารมณ์ในใจพวกเขายิ่งรุนแรงกว่า กระทั่งส่วนใหญ่เกิดความริษยา เพราะว่า…วิชาระดับจักรพรรดิ ปรารถนาได้แต่มิอาจเอื้อมถึง

และวิชาที่เผ่ามนุษย์สามารถฝึกบำเพ็ญได้ ยิ่งล้ำค่ามีอยู่น้อยเข้าไปอีก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…นั่นเป็นวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ!

เพราะในอดีตพันธมิตรหลักของพันธมิตรเจ็ดสำนักเคยได้สืบทอดวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณมาก่อน ดังนั้นศิษย์พันธมิตรเจ็ดสำนักจึงเข้าใจวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณยิ่งกว่า

แต่เมื่อยิ่งเข้าใจ ความริษยาในใจพวกเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ขณะเดียวกันก็จัดสวี่ชิงเข้าไปอยู่ระดับเดียวกับพวกองค์ชายใหญ่ของยอดเขาต่างๆ แล้ว

แต่ไม่มีอัจฉริยะฟ้าประทานคนใดออกหน้าให้สำนักล่าสิ่งประหลาด สำหรับอัจฉริยะฟ้าประทานพันธมิตรเจ็ดสำนักเหล่านี้แล้ว พวกเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่นอน

ดังนั้นพวกเขากำลังรอการจัดการของสำนักล่าสิ่งประหลาดหลังจากจบเรื่อง รวมถึงสำนักโลกันต์ทมิฬว่าจะจัดการอย่างไร

ถึงอย่างไรสำนักหลักของยอดเขาลำดับเจ็ดก็คือสำนักโลกันต์ทมิฬ และพลังต่อสู้หวงอี้คุนอัจฉริยะฟ้าประทานของสำนักโลกันต์ทมิฬก็ไม่ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่เขามาเยือนครั้งนี้ ก็ไม่ได้ออกไปทำการท้าทายเลยแม้แต่ครั้งเดียว เหมือนกำลังรอโอกาสอยู่

และในระหว่างที่พวกเขาจับตากันอยู่ หวงอี้คุนของสำนักโลกันต์ทมิฬ ก็มองข้อมูลสวี่ชิงในแผ่นหยก หัวเราะขึ้นมา

“โอกาสมาถึงแล้ว ไปท้าทายกับคนอื่น แสดงความร้ายกาจของสำนักโลกันต์ทมิฬข้าไม่ได้ คราแรกกะจะรอพวกเขาท้าทายเสร็จสิ้นเสียก่อน ข้าค่อยลงมือ แต่ตอนนี้ดูท่าคงไม่ต้องแล้ว

“สวี่ชิงคนนี้เป็นต้นอ่อนที่ไม่เลวเลย จะทำลายทิ้งก็น่าเสียดาย ถ้าสามารถทำให้เชื่อฟังได้จะดีที่สุด แต่ถ้าทำไม่ได้ ค่อยจัดการเสียก็จบ” หวงอี้คุนยิ้ม หยิบแผ่นหยกสื่อเสียง สื่อคำพูดไปหาอัจฉริยะฟ้าประทานคนอื่นๆ ที่มาด้วยกัน

“เรื่องของสวี่ชิง ข้าจะจัดการเอง รอดูผลลัพธ์ได้เลย”

ขณะที่บรรดาผู้บำเพ็ญพันธมิตรเจ็ดสำนักสนใจสวี่ชิงขึ้นเรื่อยๆ ทั่วทั้งเจ็ดเนตรโลหิตรวมถึงต่างเผ่าทั้งหมดก็สนใจเขาเช่นกัน

สวี่ชิงกำลังขัดสมาธินั่งอยู่ในเรือใหญ่เวทของตนเอง สีหน้าเขาราบเรียบเป็นปกติ

เรื่องทั้งหมดในโลกภายนอก สวี่ชิงย่อมรับรู้อยู่แล้ว อันที่จริงตั้งแต่ที่เขาเลือกลงมือก่อนหน้านี้ก็รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องตามมาภายหลังเช่นนี้ แม้สวี่ชิงจะไม่เปิดเผยหน้าตา แต่เขารู้ว่าเรื่องบางเรื่องปิดไม่มิด

อย่างเช่นวิชาระดับจักรพรรดิ อย่างเช่นพิษของตนเอง

ความลับของเขามีมากเหลือเกิน ถ้าหากไม่เปิดเผยอะไรสักอย่าง ก็จะยิ่งทำให้คาดเดากันไปต่างๆ นานา ไม่เป็นผลดีกับตัวเองเอาเสียเลย

ถ้าเปิดเผยอย่างเหมาะสม ก็จะสามารถปกปิดความลับที่สำคัญกว่าในทางอ้อมได้อีกด้วย

“ความลับแรกของข้าคือพิษกับวิชาระดับจักรพรรดิ ความลับที่สองคือตะเกียงแห่งชีวิต ความลับที่สามคือเจ้าเงาที่ดูดซับไอพลังประหลาด ความลับที่สี่คือผลึกวารีสีม่วง”

หลังจากสวี่ชิงวิเคราะห์และยืนยันว่าไม่มีอุปสรรคใดแล้ว มือขวาก็ยกพลิกขึ้น ในมือก็ปรากฏแหวนเก็บของสีฟ้าวงหนึ่งออกมา

บนแหวนเก็บของวงนี้ฝังเลี่ยมอัญมณีสีเขียวไว้ด้วย มองรวมๆ แล้วสวยงามประณีตมาก ยิ่งไปกว่านั้นอัญมณีชิ้นนั้นยังเปล่งแสงเจิดจ้าด้วย ทำให้ยิ่งดูไม่ธรรมดา

นี่คือแหวนเก็บของของซือหม่าหลิงนั่นเอง

มูลค่าของแหวนเก็บของและความสามารถในการจุของที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าแตกต่างจากถุงเก็บของ นอกจากนี้อัญมณีบนตัวแหวนก็ไม่ธรรมดา เพิ่มมูลค่าของแหวนเก็บของชิ้นนี้อย่างชัดเจน

ซือหม่าหลิงเป็นนักโทษของกรมปราบพิฆาต และจากกฎของกรมปราบพิฆาต และของที่อยู่ในตัวคนที่ถูกจับมาทั้งหมดล้วนถูกยึดเข้าทางการ และแต่ละกรมสามารถจัดสรรปันส่วนกันเองได้

ทว่าจุดนี้ก็จำเป็นต้องใช้งานอย่างชาญฉลาด อย่างเช่นเหยียนเหยียน แม้ตอนแรกจะถูกจับ แต่สวี่ชิงก็ยังรู้จักความเหมาะสม แหวนเก็บของของนางเพียงแค่ถูกปิดผนึกไว้ ไม่มีการแตะต้อง หลังจากเหยียนเหยียนได้ปล่อยตัวแล้วก็รับแหวนเก็บของวงนั้นกลับไป

แต่…ซือหม่าหลิง สวี่ชิงไม่ได้รู้สึกว่าแตะต้องไม่ได้ หลังจากยกมือขึ้นลูบ ก็สัมผัสได้ถึงตราประทับ

แหวนเก็บของวงนี้มีตราประทับผู้ใช้งานอยู่ จำเป็นต้องใช้จิตเทพเฉพาะจึงจะสามารถเปิดใช้งาน แต่เรื่องนี้ไม่ยากเกินความสามารถสวี่ชิง

“ลบให้ข้าหน่อย” สวี่ชิงเอ่ยเสียงเรียบ

พริบตาต่อมา เจ้าเงาแผ่ขยายขึ้นไปบนแหวนอย่างรวดเร็วราวกับรอให้สวี่ชิงเอ่ยปากอยู่นานแล้ว ใช้ไอพลังประหลาดของมันกัดกร่อน

ครู่ต่อมา ตราประทับนั้นก็เหมือนจะจางลง เมื่อสวี่ชิงโบกมือลบตราประทับก็สลายไป ถ่ายพลังเวทลงไปได้อย่างราบรื่น ก็เห็นถึงสิ่งของที่อยู่ด้านในแล้ว

หลังจากตรวจสอบดู ด้วยความรู้และความมั่นใจของสวี่ชิงในตอนนี้ ดวงตาก็แข็งค้าง ดวงตาค่อยๆ เปล่งประกายออกมา

ในแหวนเก็บของนี้มีตั๋ววิญญาณอยู่จำนวนมหาศาล หลังจากสวี่ชิงนับอย่างละเอียดก็สูดลมหายใจลึก

“เก้าล้านสามแสน!!” สวี่ชิงเบิกตากว้าง การที่ได้รับหินวิญญาณมหาศาลในคราวเดียว ทำให้เขาตื่นเต้นมาก เขาที่ทำตัวสุขุมมาตลอด เวลานี้กระทั่งหัวใจก็ยังเต้นระรัว มองไปรอบๆ ด้วยสัญชาตญาณ

ส่วนบรรพจารย์สำนักวัชระเองก็ทนไม่ไหวอย่างหาได้ยาก พรูลมหายใจออกมาเสียงต่ำ

“รวยเสียเหลือเกิน! นี่เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานจากแห่งหนใดกันเนี่ย นี่มันพวกอู้ฟู่จากแผ่นดินต้องประสงค์ชัดๆ!!”

และสิ่งที่ทำให้สวี่ชิงใจเต้นเป็นเพียงแค่หินวิญญาณเหล่านี้เท่านั้น แต่ด้านในยังมีเลือดเนื้อความเป็นเทพสองก้อนที่อยู่ในกล่องหยกอีก เลือดเนื้อสองก้อนนี้มีขนาดเท่ากับศีรษะ ความเป็นเทพเข้มข้นมาก

สวี่ชิงสัมผัสได้ถึงระดับสร้างฐานขั้นบริบูรณ์เลาๆ

“ของสิ่งนี้นำมาทำเป็นแหล่งพลังงานของเรือเวทข้าได้” สวี่ชิงตรวจสอบต่อ

ไม่นานนัก เขาก็เห็นผลึกวารีขนาดนิ้วมือสี่ชิ้นอยู่ในแหวนเก็บของซือหม่าหลิง และผลึกวารีสี่ก้อนนี้คลื่นพลังรุนแรง ด้านในมีปราณหมอกบางอย่างปิดผนึกไว้

พริบตาที่นำออกมา สวี่ชิงมองเห็นปราณหมอกตีเกลียวอยู่ในผลึกวารีอย่างชัดเจน ก่อตัวเป็นเงาบิดเบี้ยว อันแรกคือรูปร่างวัวไม่มีหัว อีกอันหนึ่งคือผมสีดำหยิกงออีกกลุ่มหนึ่ง และอีกอันหนึ่งเป็นแขนข้างเดียว

ส่วนชิ้นสุดท้าย ด้านในผนึกดวงตาไว้ข้างหนึ่ง

สวี่ชิงมองเพียงผาดเดียว จิตวิญญาณก็สั่นสะเทือน เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสิ่งประหลาดที่เข้มข้นในนี้

“ยอดเขาลำดับสามสื่อสารกับสิ่งประหลาด สำนักล่าสิ่งประหลาดเองก็เช่นกัน นี่เป็นสิ่งที่ปิดผนึกสิ่งประหลาดเอาไว้…”

สวี่ชิงเหมือนครุ่นคิด และรู้ว่าด้วยเหตุอันใดซือหม่าหลิงถึงไม่หยิบออกมาใช้งานในท้ายที่สุด

นั่นเพราะเขาติดพิษของตนเองไปแล้ว ไอพลังประหลาดในร่างกายเกินระดับมาตรฐาน จึงทำให้สิ่งประหลาดที่ปิดผนึกอยู่อาละวาด ถ้าหากนำสิ่งประหลาดออกมาอีก เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ทำร้ายสวี่ชิงจนบาดเจ็บ แต่จะยิ่งทำให้ตนเองย่ำแย่กว่าเดิมเหมือนเพิ่มน้ำค้างแข็งในกองหิมะ

นอกจากนี้ ในแหวนเก็บของของซือหม่าหลิงยังมียาลูกกลอนที่ไม่รู้จักอีกห้าเม็ด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้จิตวิญญาณสวี่ชิงสั่นสะท้านบ้าคลั่งเช่นกัน หลังจากสัมผัสโดยใช้ความรู้ด้านสมุนไพร เมื่อดมก็พบว่าช่องเวทของตนเองกำลังโคจรอย่างรวดเร็ว

กระทั่งยังรู้สึกรางๆ ว่าตำแหน่งที่ช่องเวทแปดสิบสี่ที่ยังไม่ถูกเปิด ก็มีอาการสั่นคลอนเป็นระยะ

“ยาลูกกลอนเปิดช่องเวท?” สวี่ชิงลมหายใจหอบถี่ ดวงตายิ่งเปล่งประกาย

เขาตอนนี้เปิดไปแล้วแปดสิบสามช่องเวท ห่างจากการจุดไฟชีวิตดวงที่สามอีกเพียงเจ็ดช่อง!

และสิ่งของในแหวนเก็บของของซือหม่าหลิงก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ด้านในยังมีอาวุธเวทอีกประมาณเจ็ดแปดชิ้น เพียงแต่หลังจากตรวจสอบสวี่ชิงก็พบว่าสิ่งเหล่านี้มีไว้ใช้งานควบคุมสิ่งประหลาด จำเป็นต้องใช้วิชาจำเฉพาะถึงจะใช้งานได้

นอกจากนี้ยังมีแผ่นหยกอีกเล็กน้อย แต่น่าเสียดายที่มีผนึกอยู่ สวี่ชิงสัมผัสครู่หนึ่ง ก็พบว่านี่เหมือนจะเป็นตราประทับของสำนัก เป็นการป้องกันไม่ให้วิชาเผยแพร่สู่ภายนอก เขาลองใช้เจ้าเงาลองลบแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล

ส่วนอย่างอื่นก็เห็นว่าเป็นพวกของจิปาถะ และตอนที่สวี่ชิงกำลังรื้อค้นของจิปาถะเหล่านั้น จู่ๆ ดวงตาก็จ้องเพ่ง เขาพบกับกล่องไม้ใบหนึ่ง ถูกจัดวางไว้ในมุมของมิติแหวนเก็บของ

เป็นกล่องไม้สีดำ สวี่ชิงหยิบออกมาตรวจสอบ สัมผัสได้ว่าบนกล่องใบนี้มีไอพลังประหลาดเข้มข้นอยู่ แต่ด้านในกลับไม่มีคลื่นของสิ่งประหลาดอยู่เลย

“ของที่ตายแล้วหรือ?” หลังจากสวี่ชิงครุ่นคิดก็เปิดออก

พริบตาที่กล่องไม้ใบนี้เปิดออก ไอพลังประหลาดเข้มข้นก็ทะลักออกมาจากด้านในทันควัน ไอพลังประหลาดนี้เหนือกว่าพื้นที่ต้องห้ามไปแล้ว หากมนุษย์ธรรมดาสัมผัสเข้า คงกลายพันธุ์ในทันที ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญระดับไอพลังประหลาดก็จะสูงขึ้นมหาศาลในพริบตา

แต่ทางด้านสวี่ชิง เงาของเขาพุ่งมาอย่างรวดเร็ว หลังจากดูดกลืนอย่างบ้าคลั่ง ลดไอพลังประหลาดที่แผ่ออกมานอกกล่อง มันก็เรอแล้วหดตัวกลับไป

แต่กล่องใบนี้ ยังคงแผ่ไอพลังประหลาดออกมาไม่หยุด เพียงแต่ไม่ได้แผ่ออกมาเหมือนก่อนหน้า ดังนั้นปริมาณจึงน้อยลงไประดับหนึ่ง

และต้นกำเนิดที่แผ่ไอพลังประหลาดออกมาอย่างต่อเนื่องในกล่องนี้เป็นเหล็กที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างขนาดฝ่ามือชิ้นหนึ่ง

เหล็กชิ้นนี้เต็มไปด้วยสนิม ดูเหมือนจะธรรมดา แต่หลังจากสวี่ชิงสัมผัสก็หน้าเปลี่ยนสี เขารู้สึกว่าในเหล็กชิ้นนี้เหมือนจะแฝงความน่าตกตะลึงไว้มหาศาล ความรู้สึกเหมือนมองเห็นแม่น้ำดาราในผืนนภาอย่างไรอย่างนั้น

แต่เหมือนถูกผนึกพันธนาการไว้ ไม่สามารถระเบิดออกมาได้

และพลังที่ผนึกพันธนาการไว้ก็คือไอพลังประหลาด

เมื่อสวี่ชิงมองอย่างละเอียดก็พบว่าไอพลังประหลาดในเหล็กชิ้นนี้กับที่ตนเองสัมผัสได้จากพื้นที่ต้องห้ามยังแตกต่างกันอยู่ พูดให้ถูกก็คือราวกับเหล็กชิ้นนี้เป็นพื้นที่ประหลาดขนาดย่อม!

ไอพลังประหลาดแผ่ซ่านมาจากมัน!

กระทั่งพูดได้ว่า ถ้าหากเหล็กชิ้นนี้แผ่ขยายอย่างไร้ขีดจำกัดจนกลายเป็นอาณาเขต เช่นนั้นอาณาเขตนี้ก็คือพื้นที่ต้องห้ามนั่นเอง

“นี่มันอะไรกัน!”

สวี่ชิงสูดลมหายใจ ดวงตาเผยความพรั่นพรึงออกมาเป็นครั้งแรก

เจ้าเงาในตอนนี้หลังจากที่สังเกตเห็นว่าสิ่งนี้ยังคงแผ่ไอพลังประหลาดอยู่ จึงแผ่ขยายมา คิดจะครอบคลุมเหล็กชิ้นนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่พริบตาต่อมา มันก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ระเบิดคลื่นอารมณ์แปรปรวนแรงกล้า เผยความปรารถนาล้นพ้นออกมา

“ชิ้น…ส่วน…”

สวี่ชิงปิดกล่องเสียงดังปึก

กล่องไม้นี้แปลกประหลาดมาก หลังจากปิดกล่องก็ตัดขาดไอพลังประหลาดด้านในทันที เจ้าเงาก็ดูจะร้อนรน แต่ด้วยผลึกวารีสีม่วงในอกสวี่ชิงสว่างวาบ มันจึงต้องเชื่อฟังอย่างจำใจ

“นี่มันคืออะไรกัน”

“นายท่านๆ ให้ข้าจัดการเอง!” เมื่อสวี่ชิงพูดออกมา บรรพจารย์สำนักวัชระก็จำแลงกายอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขารอโอกาสนี้มานานแล้ว หลังปรากฏตัวก็รีบร้อนคุกเข่าลงข้างๆ เจ้าเงา

เจ้าเงาเบิกตากว้าง เผยความรังเกียจออกมา กวาดตามองบรรพจารย์สำนักวัชระ หลังจากที่มันฟื้นฟูสติปัญญากลับมา ก็ระลึกถึงภาพแต่ละภาพก่อนหน้านี้ รู้สึกเกลียดชังบรรพจารย์สำนักวัชระมาตั้งนานแล้ว

โดยเฉพาะตอนนี้ที่มันตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่าบรรพจารย์สำนักวัชระเป็นศัตรูของตนเอง มีบรรพจารย์สำนักวัชระอยู่ ถ้าไม่ระวังก็จะกลายเป็นไอ้โง่ที่สร้างคุณงามความดีเปล่าๆ ให้แก่คนอื่นไป

บรรพจารย์แอบยิ้มร้ายในใจ แต่ใบหน้ายังคงอ่อนโยน

“เจ้าเงาเอ๋ย มาๆๆ พวกเรามาคุยกัน”

เจ้าเงาดูรังเกียจ แต่มันตอนที่ยังไม่มีร่างสิง จะพูดจาให้ชัดเจนไม่ได้ แต่สวี่ชิงก็มองอย่างเยือกเย็นข้างๆ ดังนั้นก็ทำได้เพียงเลือกสื่อสารกับบรรพจารย์สำนักวัชระอย่างไม่สบอารมณ์ ให้เขาพูดแทนตนเองด้วยความจำใจ

หลังจากสื่อสารกันครู่หนึ่ง บรรพจารย์สำนักวัชระก็หน้าเปลี่ยนสี ดวงตาเผยความไม่อยากเชื่อ ตอนที่หันหน้าไป เอ่ยเสียงต่ำสั่นระริกว่า

“นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว คนผู้นี้ไม่ใช่พวกอู้ฟู่ แต่นี่มันเทพเจ้าโชคลาภชัดๆ เจ้าเงาบอกว่าของสิ่งนี้คือ…ชิ้นส่วนของของวิเศษเวทต้องห้าม!

“มันมั่นใจมาก เมื่อสูดรับไประยะหนึ่ง จะสามารถทำให้ชิ้นส่วนของวิเศษเวทต้องห้ามชิ้นนี้…แผ่พลานุภาพระดับหนึ่งออกมาได้!”