บทที่ 276 ชื่อของฉันคือ โจวรุย

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 276 ชื่อของฉันคือ โจวรุย

บทที่ 276 ชื่อของฉันคือ โจวรุย

ยาแท้จริงนั้นมีมูลค่าสูงกว่ายาจำแลง ยาจำแลงหลังจากทานไปแล้วจะมีผลข้างเคียงที่ไม่ดีนัก แถมผลของยาก็ทั่วไป แต่คนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะใช้ยาระดับนี้ เพราะยาแท้จริงและยาบริสุทธิ์หายยากมากและจะปรากฏเฉพาะในสถานที่ที่ใหญ่จริง ๆ เท่านั้น แม้ว่าราชวงศ์ต้าเซียจะไม่เล็ก แต่ก็ไม่ใช่ที่ที่จะเอายาระดับนี้ออกมาง่ายๆแน่นอน

แล้วมียาบริสุทธิ์อยู่ที่นี่ได้ยังไง? แต่ยาที่ฉู่เหินนำออกมามันเป็นยาบริสุทธิ์ ที่หายากมาก ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงคนนี้เลยแม้แต่เจ้าของร้านก็ไม่คาดคิดว่าฉู่เหินจะใจดีได้ขนาดนี้ ไม่นานความโลภก็ปรากฎขึ้นบนดวงตาของเจ้าของร้าน

ฉู่เหินเห็นความโลภของอีกฝ่าย แต่สายตาของเขายังคงนิ่งสงบ เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้อะไร ถ้าร้านนี้กล้าทำอะไรแผลง ๆ เขาไม่ปล่อยไว้แน่ที่สำคัญที่สุดคือฉู่เหินพบว่าวรยุทธ์ของเขาเปลี่ยนไปหลังจากมาที่โลกใบนี้

ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในขั้นเต๋าเท่านั้น แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาอยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขั้นผู้พิชิตดารา เป็นผลจากพลังดวงดาวที่ต่างโลกมันหนาแน่นเกินไปจนทำให้พลังของเขาเพิ่มสูงขึ้น

หลังจากมาถึงโลกนี้ระบบก็ได้ช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ให้เขา ถ้าเขาถือพัดวิเศษตอนนี้มันคงสุดยอดมากๆ

พลังของพัดวิเศษนั้นเพิ่มขึ้นหลายเท่าจากพลังของเขาในตอนนี้ ยิ่งถ้าเขาใช้ค่ายกลไปด้วยพลังมันจะต้องน่ากลัวมากแน่ๆ เขารู้ว่าผู้คนในโลกนี้มีวรยุทธ์ก็จริง แต่ฉู่เหินก็มีวิชาของตัวเอง เขามั่นใจในตัวเองไม่น้อยเหมือนกัน

หญิงสาวรับยาจากฉู่เหิน และหลังจากที่นิ่งไปนานเธอก็รีบพูดออกมา

“ขอบคุณมากค่ะ แต่ฉันรับมันไว้ไม่ได้หรอก มันแพงเกินไป” เด็กสาวรีบดันมือและขวดยาของฉู่เหินกลับ

“เด็กโง่เอ้ย แค่ยาเองทำไมมันถึงคิดว่ามีค่ามากล่ะ? เธอจะเอาไปช่วยคนไม่ใช่เหรอ? อย่าลีลาน่า รีบรับมันแล้วเอาไปช่วยคนซะสิ” ฉู่เหินยิ้มอย่างไม่สนใจ

หลังจากคิดไปครู่หนึ่ง เด็กสาวก็ยื่นหยกในมือของเธอให้ “ขอบคุณมากค่ะ ถึงแม้ราคาของหยกอันนี้อาจจะไม่สูงเท่าของราคายา แต่นี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่ฉันมี งั้นฉันขอแลกมันกับยาของคุณก็แล้วกัน” หลังพูดจบ เด็กสาวก็เทยาออกมาจากขวดหยกลงบนมือของเธออย่างระมัดระวัง

หลังจากที่ฉู่เหินคิดดูเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เขาก็หยิบขวดหยกอีกขวดออกมา “เอายานั่นใส่ในนี้เถอะ ถ้าเอาไปเทใส่บนมือ ผลลัพท์ของยาจะด้อยค่าลงไปอีกนะ”

หญิงสาวมองฉู่เหินด้วยความดีใจอย่างสุดซึ้งและรับขวดหยกมาจากฉู่เหิน จากนั้นก็ค่อย ๆ เทเม็ดยาจากมือลงไปในขวดอย่างระมัดระวังแล้วโค้งคำนับต่อฉู่เหินหลายครั้งแล้วหมุนตัวเดินกลับออกไปข้างนอก เมื่อเธอวิ่งจนถึงหน้าประตูก็หยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง

“ฉันขอรู้จักชื่อของคุณได้ไหม?” หญิงสาวถามอย่างเขินอาย

“ชื่อของฉันคือ โจวรุย” ฉู่เหินบอกไปแบบนั้น

เขาเกือบจะพูดชื่อฉู่เหินไปแล้ว แต่โชคดีที่เมื่อเขากำลังจะพูดออกไปเขาก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขาเป็นใคร จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม

หลังจากได้ยินคำนี้ หญิงสาวก็โค้งคำนับให้ฉู่เหินอีกครั้ง “นายน้อยรุย ขอบคุณมากนะคะ เสี่ยวหลิงจะจดจำพระคุณในครั้งนี้ไปจนวันตายเลย!” หลังจากเก็บรายละเอียดใบหน้าของฉู่เหินเสร็จแล้ว เธอก็วิ่งหายไป

ฉู่เหินไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่นาน ท่ามกลางสายตาของเสี่ยวเอ้อ* เขาก็ได้เก็บจี้หยกเข้าไปในวงแหวน หลังจากที่เก็บของอย่างระมัดระวังแล้วก็เดินออกไปทันที (*เสี่ยวเอ้อ พนักงานในร้าน)

เมื่อมองไปยังแผ่นหลังของฉู่เหิน เสี่ยวเอ้อก็ใช้ความคิด เขาคิดว่าฉู่เหินน่าจะต้องเป็นพวกลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่แน่ ๆ ไม่งั้นคงจะไม่มีออร่าอะไรแบบนี้หรอก

หลังจากที่เด็กสาววิ่งออกไปไกลแล้ว เธอก็กลัวว่ายาในขวดหยกจะหายไป หลังจากตรวจสอบแล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะมียาเม็ดเล็ก ๆ มากมายนอกเหนือจากยาที่ได้มามันไม่ได้มีแค่ยารักษาอาการบาดเจ็บเท่านั้น

ตอนนี้หญิงสาวรุ้สึกงุงงงว่าโจวรุยช่วยเธอขนาดนี้แล้วจะได้ประโยชน์อะไร? เธอแล้วมองกลับไปยังทางที่เธอจากมา เธอโค้งคำนับอีกครั้งก่อนที่จะหายไปในฝูงชน

ฉู่เหินออกจากศาลาว่านเป๋าแล้วเดินไปข้างนอกอย่างไร้จุดหมาย เหตุผลที่เขาไม่ขายยาให้กับร้านนี้ เพราะเขาเห็นว่าผู้ชายคนนี้มีจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์ หากเขาจากไปอย่างสง่างามด้วยการช่วยเหลือคนน่าจะทำให้อีกฝ่ายย่ำเกรงได้บาง หากต่อไปเขาจะทำการค้ากับร้านนั้นจริง ๆ ผลลัพท์ก็จะต่างออกไปอีกแบบ

ความคิดของฉู่เหินนั้นถูกต้อง เมื่อเขาจากไปอย่างสง่างามเสี่ยวเอ้อก็รู้สึกเกรงกลัวเขาจริง ๆ แต่เสี่ยวเอ้อนอกจากจะรู้สึกหวาดกลัวแล้ว ยังรู้สึกอิจฉาที่ทำไมเขาไม่เกิดมาเป็นคนแบบนั้นกันนะ อย่างไรก็ตามทันทีที่ฉู่เหินเดินออกไปจากร้านอีกฝ่ายก็เริ่มสืบหาข้อมูลของฉู่เหินทันที น่าเสียดายที่เขาไม่ได้อะไรเลยในครั้งนี้ กระทั้งข้อมูลง่ายๆเช่นอีกฝ่ายเป็นใคร พักอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้จนสุดท้ายก็จนปัญญา

แต่ทว่าฉู่เหินไม่รู้หรอกว่า ภัยร้ายกำลังจะมาถึง เพราะเมื่อมันฝังรากลงไปแล้วมันจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว!

ฉู่เหินเดินไปตามถนนอย่างเอื่อยเฉื่อย ความจริงแล้วเขากำลังมองหา

สถานที่เพื่อขายยาที่นี่เขาจะได้มีเงินติดตัวบ้าง ในตอนนี้มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แต่เขาต้องไม่เปิดเผยตัวตน ในต่างโลกนี้เขาต้องระวังตัวให้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาเดินไปข้างหน้า แถวที่กำลังต่อคิวยาว ๆ ของพวกจอมยุทธ์ก็ปรากฎตรงหน้าเขา ฉู่เหินเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามันคือโรงประมูล ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนี้ซักพักเพื่อทำความเข้าใจเล็กน้อย

โรงประมูลจันทราจะมีการประมูลทุก ๆ 3 เดือน รายการที่ประมูลที่นี่ค่อนข้างมีราคาสูงและทุกคนที่สามารถเข้าร่วมในการประมูลครั้งนี้ได้จะต้องเป็นคนที่ร่ำรวยและมีฐานะ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะเข้าไปได้!

ตอนแรกฉู่เหินว่าจะเข้าไปสังเกตการณ์ดูซักหน่อย แต่ก็พบว่าค่าธรรมเนียมแรกเข้าที่นี่คือ 10,000 เหรียญดาว เขารู้สึกว่าถ้ายาที่อยู่ในมือของเขาถูกประมูลที่นี่มันน่าจะคุ้มค่าที่สุด แต่แค่ค่าเข้าชมก็แพงจนเกินไปและนั่นไม่ใช่ราคาที่เขาจะจ่ายได้

แล้วทำไมมีพวกที่รอคิวยาวแบบนี้ละ ความจริงก็คือที่นี่ยังมีอีกประตูเป็นคือประตูที่ไม่มีคนเข้าไปเลยสักคน หลังจากครุ่นคิดไปซักสักก็มีอะไรไม่รู้ดลใจให้เข้าไปยังประตูนั่น

น่าจะมีคนประมาณ 1,000 คนที่ประตูใหญ่ เมื่อพวกเขาเห็นฉู่เหินเดินตรงไปที่ประตูเล็กนั้น พวกเขาก็มองฉู่เหินด้วยสายตาดูหมิ่น

ประตูบานเล็กนี่ดูแปลกตาที่สุดในบรรดาทั้งหมด ที่แปลกคือประตูไม่มีสักคนที่เข้าออก แต่จริง ๆ มันมีกฎของโรงประมูลแห่งนี้ว่า คนที่สามารถเข้าออกประตูเล็กได้จะต้องเป็นแขก VIP เท่านั้น

ฉู่เหินไม่รู้เรื่องนี้เขาแค่อยากลองเสี่ยงโชคดูเท่านั้น แล้วเดินไปที่ประตู หลังจากมาถึงประตูเขาก็พบว่ามีค่ายกลที่แสนน่ากลัวด้านหน้าประตูนี่ ถ้าเกิดว่าเขาอยากจะผ่านมันไปให้ได้ อาจต้องเสี่ยงชีวิตถ้าไม่ได้เตรียมตัวมามากพอ

ฉู่เหินมองไปที่ด้านนอกอย่างระมัดระวัง เขาพบว่าถึงแม้ค่ายกลจะดูน่ากลัวแต่ก็ไม่สมบูรณ์นัก ถ้ามันเป็นค่ายกลที่สมบูรณ์แบบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเขาจะผ่านมันเข้าไป แต่ด้วยความที่ค่ายกลนี้มันไม่สมบูรณ์มันก็พอมีทางอยู่

จากนั้นฉู่เหินก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูเล็ก ๆ แห่งนี้และเริ่มศึกษาค่ายกลตรงหน้าอย่างระมัดระวัง ภาพนี้ทำให้ผู้คนต่างมุงดูจนคนที่มุงชี้นิ้วมาที่ฉู่ชวิ๋นเป็นจำนวนมาก