ตอนที่ 69

Hell mode

บทที่ 69 มาด้ากัลชู (1)

ผ่านมาแล้วประมาณ 1 เดือนหลังจากที่อเลนเข้าเรียนเวทมนตร์ พอย่างเข้าสู่เดือนธันวาคมทำให้ช่วงนี้หิมะเริ่มตกมาทับถม

วันนี้อเลนทำหน้าที่เสิร์ฟอาหาร ตอนกลางวันมีการเสิร์ฟอาหารแต่ก็ไม่ใช่งานที่หนักอะไร ตอนกลางคืนทุกคนจะมากินอาหารเย็นพร้อมหน้ากัน แต่ตอนเช้ากับตอนกลางวันไม่ได้รวมกันทุกคน ทว่าวันนี้ครอบครัวของบารอนทุกคนมากินอาหารกลางวันกันพร้อมหน้า

“แหม โทมัส กินอย่างนั้นไม่ได้นะ”

ภรรยาของบารอน ตักเตือนโทมัสพี่ชายของเซซิล

ปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว อเลนได้กลายเป็นนายพราน และออกไปล่าสัปดาห์ละ 2 ครั้งไม่มีขาด

เพราะอย่างนั้น ทำให้แต่ละสัปดาห์จับเหยื่อมาได้เกือบ 100 กิโลกรัม ถึงช่วงนี้จะเป็นฤดูหนาวแล้วทำให้ล่าได้แค่กระต่ายมีเขา แต่ก็ยังถือว่ามีจำนวนเยอะอยู่

1ปีก่อนหน้า อาหารการกินที่เรียบง่ายของตระกูลบารอน รวมไปถึงส่วนของคนรับใช้ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น

เรื่องเดือดร้อนเพียอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือ ภรรยาของบารอนเป็นห่วงโทมัสที่กินเยอะเกินไป มีไปบอกโดยตรงกับหัวหน้าพ่อครัวว่าให้ลดปริมาณอาหาของโทมัสอยู่บ่อยๆ

วันนี้เพื่อที่จะลดปริมาณอาหาร เลยบอกให้เอาขนมปังจำนวนมากไว้ตรงกลางโต๊ะ ถึงโทมัสจะกล่าวขอโทษแต่ก็ไม่คืนขนมปังลงตะกร้า

(เอาเถอะ เด็กอายุ 11 ปี เป็นวัยกำลังโต กินแค่นั้นก็คงไม่เป็นไรหรอก ตอนกลางวันมีการฝึกฝนดาบด้วยนี่)

คิดเช่นนั้นในระหว่งาที่ทำการเสิร์ฟและมองโทมัสที่ถูกเตือน โทมัสเริ่มฝึกดาบตั้งแต่ปีนี้ โดยเรียกผู้ฝึกสอนวิชาดาบมาที่สวนเพื่อสอนวิชาดาบ เห็นอยู่บ่อยครั้งที่ให้ฝึกดาบโดยไม่เกี่ยงว่ามีพรสวรรค์หรือไม่ ทำให้คิดว่าอาจจะเป็นหน้าที่ของขุนนางอยู่

“นี่อเลน จะไปจับไวท์เดียร์ครั้งต่อไปเมื่อไรเหรอ?”

โทมัสที่เป็นเช่นนั้นพูดออกมา

“นั่นสิครับ ถ้าหากหิมะตกหนากว่านี้แล้วละก็ คิดว่าจะออกไปตามหาอยู่เหมือนกันครับ”

โทมัสพูดออกมาว่าจะรอมันนะ ช่างเป็นการกินอาหารกลางวันของครอบครัวบารอนตามปกติเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

ก๊อง ก๊อง ก๊อง ก๊อง

ก๊อง ก๊อง ก๊อง ก๊อง

ก๊อง ก๊อง ก๊อง ก๊อง

ระฆังของเมืองถูกตีหลายต่อหลายครั้ง เสียงระฆังตังก้องในคฤหาสน์อย่างไม่ขาดสาย ระฆังบอกเวลาเที่ยงก็เพิ่งดังไปก่อนหน้านี้ เสียงระฆังในครั้งนี้ไม่ใช่การบอกเวลา

“หา เกิดอะไรขึ้น!?”

บารอนแกรนเวลยืนขึ้น ภรรยาของบารอนและโทมัสเองก็ไม่สบายใจ เสียงระฆังที่ดังไม่หยุดทำให้ทุกคนรู้สึกกังวลใจ

“จะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ครับ”

พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆบารอนออกจากห้องรับประทานอาหาร ทุกคนรอคอยการกลับมาของพ่อบ้านอยู่ที่ห้องนั้น อเลนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เพื่อคอยสังเกตุสถานการณ์

หลังจากผ่านไปประมาณ 15 นาที พ่อบ้านก็กลับมา โดยข้างๆมีอัศวินอยู่ด้วย

“เกิดอะไรขึ้น!”

“มาดากัลชูเข้ามาใกล้เมืองครับ”

พ่อบ้านตอบคำถามของบารอน อัศวินที่หอบอยู่ข้างๆก็พยักหน้าอย่างแรง

(มาด้ากัลชูที่ว่าเนี่ย!?)

อเลนตอบสนองต่อชื่อมาด้ากัลชู ได้ยินมาว่าเป็นมอนสเตอร์ระดับ B ที่มีรูปร่างเป็นหมาป่าขนาดใหญ่ มอนสเตอร์ที่ชอบความอิสระซึ่งเอามาตั้งชื่อมัชชูน้องชายของอเลย

“หา!? ทำไมไม่รีบมาแจ้งให้เร็วกว่านี้!! มาตั้งแต่เมื่อไร!?”

บารอนถามต่ออย่างรวดเร็ว อัศวินทำการคุกเข่าลง พร้อมกับตอบคำถามของบารอน

คนที่พบคือกลุ่มอัศวินที่อยู่ระหว่างลาดตระเวน โดยมันมุ่งหน้าตรงมาที่เมืองแกรนเวล ถึงจะพยายามล่อให้ไปเส้นทางอื่นที่ไม่ได้มาทางเมืองแต่ก็ล้มเหลว และมีอัศวินหลายนายต้องเสียชีวิต มอนสเตอร์วิ่งมาจากทางทิศใต้ ถ้าปล่อยไว้อย่างนั้นน่าจะมาถึงประตูเมืองทิศใต้

อีกไม่น่าน่าจะมาถึงเมืองแกรนเวล โดยจะมาถึงราวๆบ่าย 3 โมง เหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 ชั่วโมง

“นายท่าน จะทำอย่างไรดีครับ?”

“เซนอฟอยู่ที่ไหน? ยังไม่กลับมาอีกหรือ?”

“นายท่าน ตอนนี้หัวหน้ากลุ่มอัศวินกับรองหัวหน้าไม่อยู่เนื่องจากไปปราบมอนสเตอร์ครับ น่าจะกลับมาอีก 2 วันให้หลังครับ”

บารอนเองก็รู้อยู่ว่าหัวหน้ากลุ่มอัศวินไม่อยู่ ก่อนจะตอบออกมาว่านั่นสินะ

“ไปติดคำขอเร่งด่วนที่กิลด์นักผจญภัยซะ ฤดูนี้ ที่เมืองน่าจะมีนักผจญภัยเยอะอยู่แน่ๆ ถ้าปาร์ตี้พายุเขี้ยวเงินอยู่ก็คงจะดี”

(พายุเขี้ยวเงินที่ว่า จะว่าไปเป็นปาร์ตี้นักผจญภัยระดับ A เพียงหนึ่งเดียวของเมืองนี้หรือเปล่านนะ)

นักผจญภัยที่มารวมตัวกันจะเรียกว่าปาร์ตี้ นักผจญภัยเรเวน, ริต้าและมิลซี่เองก็รวมตัวกันเป็นปาร์ตี้ โดยพวกเขาเป็นปาร์ตี้นักผจญภัยระดับ C มีเรเวนเป็นหัวหน้าปาร์ตี้

เท่าที่ฟังมาจากเรเวน นักผจญภัยของเมืองนี้ส่วนใหญ่อยู่ระดับตั้งแต่ C ลงไป ปาร์ตี้นักผจญภัยระดับ B เองมีอยู่ไม่กี่กลุ่ม ส่วนระดับ A มีแค่พายุเขี้ยวเงินเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น

ตอนนี้เป็นฤดูหนาวของเดือนธันวาคม นักผจญภัยในเมืองน่าจะเรื่อยเปื่อยกันอยู่ในเมือง ตราบเท่าที่ยังไม่มีปัญหากับการใช้ชีวิต ก็จะล่าแบบเรื่อยๆไม่ฝืนไปจนกว่าหิมะจะละลายในช่วงเดือนมีนาคม

“ครับ จะทำเดี๋ยวนี้เลยครับ แล้วจะทำอย่างไรกับประตูดีครับ?”

ในระหว่างที่อเลนนึกถึงเรื่องที่เรเวนเล่าให้ฟัง พ่อบ้านก็รอคำสั่งถัดไป

“ประชาชนยังไม่รู้เรื่องที่มาด้ากัลชูมาใกล้เมือง จะปิดประตูได้อย่างไรกัน!”

“แต่ จะให้มันเข้ามาในเมืองไม่ได้นะครับ?”

“จะปิดประตูไม่ได้ ออกคำสั่งให้กลุ่มอัศวินกับนักผจญภัยไปขับไล่มาด้ากัลชู”

“รับทราบแล้วครับ”

พอพ่อบ้านตรวจสอบคำสั่งทั้งหมดก็ออกไปจากห้องรับประทานอาหารพร้อมกับอัศวินที่มาด้วย จำเป็นต้องออกคำสั่งกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน

อเลนไม่พูดอะไร เอาแต่มองการสทนานั้น และรอให้บารอนที่พูดกับพ่อบ้านสงบขึ้นอีกนิดหนึ่ง

(นี่คืองานของฉัน)

“นายท่านครับ ผมเองขอออกไปนอกประตูได้หรือเปล่าครับ?”

“หือ?”

อเลนพูดออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติ ทำให้บารอนแสดงสีหน้าสงสัยว่าพูดอะไรออกมา

“เดี๋ยวสิ!? นายพูดอะไรออกมา? ได้ยินเรื่องที่พูดกันเมื่อกี้แล้วนี่ มาด้ากัลชูออกมาแล้วนะ! ไม่ควรออกไปอยู่แล้ว!!”

“คุณหนูเซซิล”

“อะ อะไรอีก!?”

“ผมได้รับมอบหมายให้เป็นนายพรานมาจากบารอนแกรนเวล ตองการจะยืนยันสถานการณ์ในตอนนี้ว่าขอออกไปทำงานได้หรือเปล่าครับ”

“เอ๊ะ!?”

ถึงเซซิลจะประหลาดใจกับสิ่งที่อเลนพูด แต่อเลนคิดถึงงานของนายพราน

・ล่ามอนสเตอร์ เพื่อหาเนื้อ

・หากนอกเมืองมีประชาชนที่ลำบากเพราะมอนสเตอร์ ให้ไปทำการช่วยเหลือ

ในช่วง 1 ปีนี้อเลนทำงานของนายพรานอย่างเต็มที่ ทั้งการล่ามอนสเตอร์เพื่อหาเนื้อ กับช่วยเหลือประชาชนและนักผจญภัยที่ลำบากจากการโดนมอนสเตอร์โจมตี

ถ้าหากวันนี้เป็นวันล่าของนายพรานแล้วละก็ คงออกไปนอกเมืองโดยไม่ต้องขออนุญาตจากบารอน การปกป้องประชาชนจากมอนสเตอร์เป็นงานของอเลน แต่เนื่องจากวันนี้เป็นงานเสิร์ฟ ถ้าจะให้พูดอย่างละเอียดวันนี้ไม่ใช่งานของนายพราน เลยต้องขออนุญาตบารอนก่อน

เซซิลไม่พูดอะไรออกมาต่อ ทำให้อเลนหันไปหาบารอนอีกครั้ง บารอนไม่พูดอะไรพร้อมกับใช้ความคิด อเลนเลยจ้องมองรอคำอนุญาตต่อไป

“…อืม งั้นเหรอ อเลนเอ๋ย เจ้าเองเป็นผู้ที่มีชื่อในตระกูลแกรนเวล ถ้าหากตั้งใจจะทำหน้าที่ที่ข้ามอบหมายให้สำเร็จแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องหยุด”

เซซิลตั้งใจจะพูดอะไรแต่ก็หยุดพูดลง เพราะเสียงทุ้มต่ำที่ดูหนักอึ้งของบารอน เนื่องจากคำพูดของอเลนนั้นสมเหตุสมผล ทำให้หยุดคำที่บอกว่าไม่ได้ออกไปทันอย่างฉิวเฉียด

“ครับ ถ้าอย่างนั้นไปก่อนนะครับ เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วน ดังนั้นขอไปทั้งสภาพนี้เลยนะครับ”

อเลนออกไปทั้งที่ยังอยู่ในชุดของคนรับใช้ฝึกหัด

“อืม ไม่จำเป็นต้องลงมือกับมาด้ากัลชู ให้ความสำคัญกับการอพยพประชาชนก่อน”

”รับทราบแล้วครับ”

อเลนตอบรับพร้อมกับวิ่งออกไปจากห้องรับประทานอาหารทันที

(เวลาไม่มีแล้ว เมืองก็อยู่ในสภาพอย่างนี้ บางทีอาจจะวุ่นวายจนวิ่งไม่ได้ ออกจากประตูเขตขุนนาง แล้ววิ่งอ้อมไปประตูทิศใต้ก็แล้วกัน)

สถานที่อเลนอยู่คือฝั่งประตูทิศเหนือ การจะวิ่งไปยังฝั่งทางใต้ทางที่ใกล้ที่สุดคือวิ่งตัดผ่านถนนใหญ่ของเมือง แต่ในสภาพอย่างนี้เกรงว่าเขตใจกลางเมืองกับทางทิศใต้น่าจะวุ่นวายอยู่ เลยลงความเห็นว่าทำการออกจากประตูทางเหนือ แล้ววิ่งอ้อมไปน่าจะเร็วกว่า

(พลังเวทไม่พอ พลังเวทรีบๆฟื้นฟูเร็วๆสิ)

เกือบ 3 ชั่วโมงก่อน ได้ทำการเปลี่ยนพลังเวทเป็นค่าประสบการณ์สกิลจนหมด วันที่ไม่ได้ทำการล่าจะไม่เตรียมพลังเวทเผื่อเอาไว้ เพราะไม่ได้คาดคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นอย่างวันนี้ ตอนนี้พลังเวทของอเลนเป็น 0

พอผ่านประตูทางเหนือ ก็ทำการเร่งฝีเท้าขึ้นทั้งที่ยังสวมชุดของคนรับใช้ฝึกหัดสีดำ

แล้วหลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็วิ่งอ้อมมาถึงประตูทางใต้ โดยประตูมีแถวของคนเดินทางล้นทะลักออกมา

แถวที่ล้นทะลัก พยายามผ่านเข้าไปทางประตูทิศใต้อย่างเอาเป็นเอาตาย

เห็นกลุ่มนักผจญภัยไหนจะกลุ่มของอัศวินศักดิ์สิทธิ์อยู่รอบๆ นั้น โดยพยายามปกป้องขบวนแถวที่ทะลักออกมา

แล้วห่างจากกลุ่มนั้นไปอีกนิดหน่อย ก็เห็นสิ่งที่มีขนาดใหญ่เกินกว่า 5 เมตร มันกำลังกำอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่อยู่ มันกำม้าที่ไม่มีหัว ไม่มีไม่มีครึ่งท่อนบนเอาไว้ พร้อมกับเสียงเคี้ยวกร็อบๆจากการกินม้า

(มาด้ากัลชู!)

ได้ยินมาว่าเป็นมอนสเตอร์รูปร่างหมาป่า แต่สิ่งนั้นมันไม่ควรจะเรียกว่าหมายป่าเลย มันมีใบหน้าที่เหมือนหมาหน้าคน มืออันใหญ่โตที่จับม้ามีนิ้วคล้ายมนุษย์ แขนเองก็เหมือนกับแขนมนุษย์ ครึ่งท่อนล่างเป็นหมาป่า มีขาที่ใหญ่โตกับหางเหมือนอย่างหมาป่า

ข้างๆมาด้ากัลชูที่กำลังกินม้า มีรถม้าที่ล้อหลุดล้มอยู่

พอดูดีๆ ก็รู้ได้เลยว่าเป็นฝีมือของมาด้ากัลชู มีม้าและคนที่ตายอย่างน่าอนาถกระจายเป็นหย่อมๆ จนเกิดเป็นเส้นทางเลือด

ราวกับว่าที่มันชื่อมาด้าเพราะว่ามาจากการสังหารหมู่หรือเปล่า

“นี่เจ้าหนู ทำอะไรอยู่ตรงนั้น! รีบๆอพยพเร็วเข้า!!”

กลุ่มอัศวินคนหนึ่ง พอสังเกตุเห็นอเลนก็ส่งเสียงทักมา แต่อเลนกำลังสังเกตพฤติกรรมของมาด้ากัลชู นั่นก็เพราะว่า มาด้ากัลชูกำลังกินม้าที่ลากรถม้าอยู่

เห็นเงาของคนอยู่ในรถม้าที่สูญเสียม้าไป แถมน่าจะมีหลายคนด้วย

มาด้ากัลชูค่อยๆเอื้อมมือที่ว่างไปดึงผ้าที่เป็นส่วนหลังคารถ

“““!”””

ภายในรถม้ามีเด็กและผู้ใหญ่ที่สั่นกลัวอยู่ เพราะว่าหวาดกลัวมากทำให้ส่งเสียงออกมาไม่ได้ คนเป็นแม่พยายามกอดลูกอย่างเอาเป็นเอาตาย

มาด้ากัลชูทำหน้าบิดเบี้ยวมันหลุดรอยยิ้มที่น่ารังเกียจออกมา

ทั้งอัศวินและนักผจญภัยต่างคอยปกป้องคนเดินทางและพ่อค้าที่เข้าไปในประตู ไม่มีใครที่คิดจะไปช่วยคนตรงรถม้า แต่เรื่องนั้นไม่ใช่วิสัยทัศน์ของอเลน

อเลนเอาลูกเหล็ก 1 ก้อนออกมาจากที่เก็บและกำแน่น