บทที่ 210 ปกป้องแม่ลูกให้ปลอดภัย
“ไม่ต้องกลัวนะ” หมี่โม่หรู่จูบหน้าผากของฉินปู้เข่อแผ่วเบา แล้วอุ้มนางไปที่ทางเดินใต้เสาที่แข็งแรง “รออยู่ตรงนี้แล้วอย่าออกมา”
“เพคะ” ฉินปู้เข่อจับแขนเสื้อของเขาแน่นและรู้สึกกังวลอย่างยิ่ง
“และอย่ากินของอันตรายพวกนั้นนะ” หมี่โม่หรู่ลูบผมของนาง “เจ้าใกล้จะคลอดลูกแล้วและเจ้ากับลูกจะทนไม่ไหว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องเชื่อใจสามีของเจ้า มันเป็นเรื่องธรรมดา และข้าจะพาเจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องเมื่อเรียบร้อยแล้ว”
ฉินปู้เข่อพยักหน้า ‘อืม’ นางรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนางคือการอยู่ในที่ปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดปัญหา
การกระทำที่โง่เขลาเหมือนในละครโทรทัศน์คือ แทนที่จะอยู่แต่กลับรีบออกไปในช่วงเวลาวิกฤต ซึ่งนอกจากจะไม่ได้ช่วยแล้วยังทำให้เขาเสียสมาธิด้วย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าต้องการดูว่านกเป็ดน้ำคู่นี้จะรักกันได้นานแค่ไหน” หมี่เซวียนพูดแล้วโบกดาบยาวในมือเบา ๆ
ทันใดนั้น
ลูกธนูเพลิงก็ถูกยิงไปทั่วทุกแห่งในตำหนักราวกับฝูงตั๊กแตน ค่ำคืนที่มืดมิดและเงียบสงัด ส่องสว่างด้วยเปลวไฟจนเหมือนกลางวัน เสียงธนูแหวกว่ายอากาศและเสียงของไฟที่เผาแผดไหม้ต้นไม้ยังคงดังกึกก้อง
ซวงหวนยืนหันหลังป้องกันอยู่ข้างหน้าฉินปู้เข่อ นางถือดาบในมือทั้งสองข้างและมองไปข้างหน้าด้วยความวิตกกังวล พลางกวัดแกว่งดาบของนางเป็นครั้งคราวเพื่อสกัดกั้นลูกธนูที่พุ่งเข้ามา
สถานที่ที่หมี่โม่หรู่เลือกนั้นยอดเยี่ยมเพราะมีสองกำแพงและเสาหนึ่งต้น ลูกธนูที่เยอะราวห่าฝนจึงแทบจะยิงมาไม่โดน
ฉินปู้เข่อลากสังขารตัวเองออกมา และมองชายในลานตำหนักที่กำลังพยายามกวัดแกว่งดาบของเขาอยู่ ไฟสีแดงรอบตัวเขาทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง
ต่างจากหมี่เซวียนที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ข้างเขา หมี่โม่หรู่ยังคงสงบนิ่งอยู่เสมอ และคิ้วคู่งามของเขาก็ยังคงดูเฉยเมย
ลูกศรเพลิงจำนวนมากถูกดาบฟันข้างหน้าเขา และบางครั้งก็พุ่งเฉียดไหล่ของเขา
ฉินปู้เข่อเห็นว่ามุมเสื้อคลุมของเขาถูกไฟไหม้แล้ว
นางไม่สามารถระงับความตึงเครียดในหัวใจได้ และท้องของนางก็เริ่มขยับแรงขึ้น
ของเหลวอุ่น ๆ ไหลออกจากร่างกาย
นางไม่แน่ใจว่าน้ำคร่ำแตกแล้วหรือไม่
“ซวง ซวงหวน…” ฉินปู้เข่อกัดฟันและตะโกน “ข้ากำลังจะคลอด”
“นายหญิง?!” เมื่อซวงหวนหันกลับมาเห็นใบหน้าซีดเผือดของฉินปู้เข่อ นางก็กังวลมากจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก
ฉินปู้เข่อสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามลดความรู้สึกปวดท้องให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วพูดอย่างใจเย็น “ข้าคาดว่า ซือต๋าคงจะรู้วิธี เจ้าไปเรียกซือต๋ามาที!”
นางเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า หากนางออกจากมุมนี้ นางก็จะตกเป็นเป้าหมายของคนเหล่านั้นอย่างแน่นอน ตอนนี้นางจึงทำได้เพียงเรียกซือต๋าให้มาช่วยทำคลอดให้ที่นี่เท่านั้น
ได้ยินมาว่าบางคนต้องใช้เวลาคลอดบุตรถึงหนึ่งคืน ตอนนี้นางเพิ่งจะเริ่ม ดังนั้นนางจึงไม่ต้องกังวลมากนัก
“เพคะ” ซวงหวนไม่ลังเล นางทิ้งดาบยาวในมือไว้ให้ฉินปู้เข่อ และหันหลังวิ่งไปที่ห้องพักตามทางเดินหลังต้นไม้ข้างนางทันที
บัดนี้ทุกส่วนของตำหนักตกอยู่ในความโกลาหล นักธนูจุดไฟเผาทุกสนามและห้องพักของซือต๋าก็ถูกไฟไหม้เช่นกัน ในเวลานี้ เขากำลังยืนอยู่ในสนามด้วยใบหน้าที่งุนงงและสั่งให้คนดับไฟ
“คุณชายซือ! พระชายาของข้ากำลังจะคลอดลูกแล้ว!”
“อะไรนะ?!” ซือต๋าไม่สนใจว่าตนเองใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยและเดินตามซวงหวนออกไปทันที เมื่อเดินไปสองก้าวก็รีบหันหลังกลับ “เข็ม กระเป๋าเข็มเงินของข้ายังอยู่ในห้อง!”
สถานการณ์กำลังวุ่นวายยิ่งนัก มีร่องรอยของเปลวไฟแผดเผาอยู่ทุกหนทุกแห่ง และธนูเพลิงเหล่านั้นก็พุ่งมาไม่หยุด
เมื่อซวงหวนพาซือต๋ากลับมาที่ทางเดิน ชุดของฉินปู้เข่อที่ละพื้นก็กำลังติดไฟ
แต่ความเจ็บปวดทำให้นางไม่มีแรงแม้แต่จะถือดาบ จึงไม่ต้องพูดถึงการจัดการกับเปลวเพลิงรอบตัวนาง
“นายหญิง!” ซวงหวนรีบเหยียบกองไฟ แล้วช่วยประคองฉินปู้เข่อที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นมา
นางจากไปได้เพียงชั่วขณะหนึ่ง แต่ร่างกายของนายหญิงเต็มไปด้วยเหงื่อ แสดงว่าความเจ็บปวดนั้นรุนแรงเกินกว่าจะออกแรงใด ๆ ได้
ซือต๋ารีบจับชีพจรของนางและถามว่า “ไปไหวหรือไม่ ไม่มีทางที่จะอยู่ที่นี่ได้ เราต้องไปหาห้องที่ปลอดภัย”
“ไหว” ร่างกายของฉินปู้เข่อสั่นเทา นางเอนตัวพิงซวงหวนเกือบทั้งตัวและยืนขึ้นด้วยกำลังทั้งหมดของนาง ประคองท้องแล้วเดินตามซวงหวนออกไป
ของเหลวในร่างกายของนางยังคงไหลออกมาขณะที่นางเดินอย่างช้า ๆ และความเจ็บปวดบริเวณท้องก็ทำให้นางไม่อาจยืนขึ้นมาได้
ฉินปู้เข่อหายใจในลักษณะที่ซือต๋าอธิบาย และค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า “เด็กน้อยโปรดรอสักครู่ เจ้ามาช้าไปสองสามวันแล้ว ไม่จำเป็นต้องออกมาในเวลานี้”
กระโปรงของนางเปียกโชกไปด้วยเลือดและน้ำคร่ำ เมื่อมีการหดตัวของมดลูกอีกครั้ง ฉินปู้เข่อก็เข่าอ่อนด้วยความเจ็บปวด และเกือบจะคุกเข่าลงกับพื้น
หมี่เซวียนที่กำลังถือดาบดูสถานการณ์อยู่หันไปมองและตะโกนเสียงดัง “เจ้าเจ็ด ดูเหมือนว่าน้องสะใภ้ของข้ากำลังจะคลอดลูก ดูสิ จุ๊ ๆ เจ้าคิดว่านางจะคลอดก่อนหรือตำหนักนี้จะไหม้หมดก่อน”
หัวใจของหมี่โม่หรู่สั่นสะท้าน เขามองไปทางฉินปู้เข่อตามสัญชาตญาณและเห็นใบหน้าซีดขาวของนาง และเหงื่อเย็นที่ไหลออกจากหน้าผากของนาง โดยมีซือต๋าและซวงหวนที่อยู่ข้างนางก็กังวลเช่นกัน
ฉึก
ความฟุ้งซ่านชั่วขณะทำให้หมี่โม่หรู่ถูกยิงเข้าที่ขา และเปลวเพลิงก็ลุกโชนไปตามเสื้อผ้า
“โม่หรู่…” ในที่สุดฉินปู้เข่อก็จะลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นเปลวไฟลุกโชนที่ขาของเขา โลหิตทั่วร่างกายของนางแทบจะแข็งตัว “ซวงหวนไปช่วยเขา…”
ซือต๋าไม่มีวิทยายุทธ์ ตอนนี้ซวงหวนจึงเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้
“นายหญิง!”
ฉินปู้เข่อยกร่างที่พิงซวงหวนขึ้น ริมฝีปากของนางสั่นเทา “ช่วยเขาด้วย ได้โปรด…”
“ข้าอยู่นี่เอง เจ้ารีบไปเร็ว!” ซือต๋ามือออกมาโอบรอบตัวนางไว้ แล้วพยุงเอวของฉินปู้เข่อเดินไปข้างหน้าต่อไป “รีบไปกันเถอะ”
“อืม”
ลูกธนูอีกลูกยิงเข้าที่แผ่นหลังที่ไม่อาจป้องกันได้ของหมี่โม่หรู่ และดาบยาวของซวงหวนก็มาถึงทันเวลา และกั้นลูกธนูไว้ได้
“เจ้ามาที่นี่ทำไม! รีบกลับไป!” เมื่อหมี่โม่หรู่เห็นผู้มาเยือน ความตื่นตระหนกในหัวใจของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น นางกำลังจะคลอดลูก แต่จะทำอย่างไรหากไม่มีใครอยู่รอบตัว!
ซวงหวนกัดฟันและยืนข้างหมี่โม่หรู่ “ข้าน้อยฟังเฉพาะคำสั่งของนายหญิงเท่านั้น หากท่านต้องการจะลงโทษหรือสังหาร ก็เชิญท่านอ๋องทำได้เลยตามพระประสงค์!”
“เลอะเทอะ!”
“ท่านอ๋อง หากข้าน้อยไม่มา พระชายาจะเสด็จมาด้วยตนเอง” ซวงหวนกลืนน้ำเสียงสั่นเครือในคอลงไปและพูดเสียงเบา
เมื่อหันกลับไปมอง ซือต๋าได้พาฉินปู้เข่อไปที่สวนอื่นแล้ว อย่างน้อยก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสวนที่ปลอดภัยกว่า
“ซือ… ต๋า…” ฉินปู้เข่อทรุดตัวลงบนพื้นหญ้าข้างกำแพงด้วยอาการหอบ “ที่นี่ ตรงนี้แหละ”
นางไม่สามารถเคลื่อนไหวต่อไปได้จริง ๆ ยิ่งกว่านั้นคือตอนนี้จะมีห้องไหนที่ปลอดภัยในตำหนักอีก?
ทุกสวนถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวเพลิง องครักษ์ต่างต่อสู้อย่างดุเดือดในทุกที่ หากพวกนางพบห้องก็อาจจะติดอยู่ในนั้นเพราะมีเปลวเพลิงล้อมรอบไปทั่ว
ซือต๋ามองหญิงหน้าซีดและอ่อนแอข้างกำแพง เขารู้ว่านางทำดีที่สุดแล้ว
ในช่วงเวลานี้เขาเห็นสายตาของนางและรู้สึกว่ามันตราตรึงในใจของเขา สตรีผู้นี้มีความอดทนที่หาได้ยากยิ่งในคนธรรมดา หากนางบอกว่านางไม่สามารถไปต่อได้แล้วก็ไม่ใช่การสำออย แต่นางได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว
“ข้าจะปกป้องแม่ลูกคู่นี้ให้ปลอดภัย”
……………………………………………………………………………