“โอเคๆ ทั้งหมดเป็นพวกเราที่ผิดเอง แต่ถ้าคุณร้องไห้อีกคนอื่นจะมองเป็นตัวตลกนะ!” ฟู่สีเกอจนปัญญา จึงเข้าไปช่วยเช็ดน้ำตาให้ ดึงเธอเข้ามากอดปลอบใจสักพัก เห็นว่าเธอดีขึ้นแล้ว แล้วจึงพาเธอกลับไปที่ห้องวีไอพี
“สือจิ่น เมื่อกี้สีเกอรังแกคุณใช่ไหม?” เมื่อหยานชิงเจ๋อเห็นซูสือจิ่นกลับมาด้วยขอบตาที่แดงเล็กน้อย จึงพูดว่า : “สีเกอ ตั้งแต่เด็กคุณเป็นพี่ชายก็ไม่รู้จักพูดดีๆกับสือจิ่นเลย ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนี้! โตเป็นสาวแล้วก็ต้องหน้าบางขึ้นนะ ต่อไปก็พูดระวังๆหน่อย!”
เกี่ยวกับอายุ ตามลำดับอาวุโสหยานชิงเจ๋อเป็นลำดับที่สอง เขาพูดแบบนี้ ฟู่สีเกอจึงไม่ได้โต้แย้งอะไร ส่วนซูสือจิ่นได้ยินคำว่า ‘พี่ชาย’ สองคำ ก็ยิ่งว้าวุ่นใจ
เธอมองไปทางหยานชิงเจ๋อ : “พี่ชิงเจ๋อ คุณไม่รู้สึกว่า คุณแซ่หยาน ฉันแซ่ซู ฉันก็ไม่นับว่าเป็นน้องสาวของคุณใช่หรือเปล่า?”
หยานชิงเจ๋อยิ้ม ในน้ำเสียงมีความรักใคร่เอ็นดู : “โอเค เด็กคนนี้ จะเรียกอะไรก็แล้วแต่คุณเลย!”
เธอมองไปที่แสงสว่างในแววตาของเขา ก็รู้สึกว่าหัวใจยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
แต่ไหนแต่ไร แตกต่างจากสือมูเฉินที่นับว่าเป็นการดูแลของพี่ชายคนโต ฟู่สีเกอกับเธอก็ทะเลาะกันขวางหูขวางตากันมาตลอด ส่วนหยานชิงเจ๋อก็ตามใจเธอจนไร้ขอบเขต
สายตาที่รักใคร่เอ็นดูนี้ ทำให้เธอถลำลึกเข้าไปมานานหลายปีแล้ว จนปัญญาที่จะถอนตัวได้
แต่ความชอบเช่นนั้นก็ได้แต่เก็บซ่อนเอาไว้ ฝังกลบไว้ในส่วนลึกเท่านั้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบพี่น้อง แต่ดูเหมือนว่านี่คือการผิดศีลธรรมระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน จึงละอายที่จะเอ่ยปากออกไป
สิ่งเหล่านี้ก่อนมื้ออาหารผ่านไปราวกับเป็นเรื่องตลกขบขัน หลังจากนั้น ก็ถึงเวลาเสิร์ฟอาหาร เพราะว่าหลานเสี่ยวถางนั่งอยู่ใกล้ๆกับซูสือจิ่น ดังนั้นเมื่อสือมูเฉินและคนอื่นๆกำลังคุยกันเรื่องงาน เธอกับซูสือจิ่นก็คุยกันเรื่องอื่น
และเจียงซีหยู่แม้ว่าจะได้พบกับทุกคนเป็นครั้งแรก แต่ก็ได้ร่วมสนทนากับหยานชิงเจ๋อและคนอื่นๆอย่างกลมกลืนจนคาดไม่ถึง
เมื่อไวน์แดงถูกเปิดออก สีแดงเลือดเจิดจรัสยิ่งขึ้นในแก้วไวน์คริสทัล ซูสือจิ่นยกแก้วขึ้นมา แล้วยิ้มให้ทุกๆคน : “วันนี้เป็นการเลี้ยงต้อนรับพี่ชิงเจ๋อ ฉันขอดื่มหมดแก้วเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ!”
“สือจิ่น ดื่มเบาๆหน่อย ดื่มไวน์เข้าไปตอนท้องว่างจะเมาง่ายนะ” สือมูเฉินพูดจบ ก็คีบเนื้อตุ๋นชิ้นหนึ่งใส่จานให้เธอ แล้วพูดว่า : “คุณชอบกินเนื้อสัตว์มาตั้งแต่เด็กๆไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมวันนี้กินแต่ข้าวเปล่าล่ะ?”
“พี่เฉินเป็นคนดีที่สุดเลย!” ซูสือจิ่นยิ้ม
สือมูเฉินหัวเราะ แล้วก็คีบให้หลานเสี่ยวถางชิ้นหนึ่ง แล้วพูดว่า : “ไม่สามารถลืมคุณภรรยาไปได้หรอก มิเช่นนั้นเธอจะหึงเอาได้”
“อาเฉิน คุณเอาอีกแล้วนะ ทรมานหมาหัวเน่าอย่างฉันอีกแล้ว!” ฟู่สีเกอพูดหยอกล้อ
หลานเสี่ยวถางเขินอายเล็กน้อย เธอคีบเนื้อตุ๋นชิ้นนั้นขึ้นมากิน และรู้สึกว่ามันอร่อยกว่าที่เธอคีบเอง
ในตอนแรก ทุกคนก็รู้สึกไม่คุ้นเคยเล็กน้อยกับเจียงซีหยู่ แต่หลังจากนั้น ทุกๆคนก็ค่อยๆผ่อนคลายขึ้น
ด้วยเหตุนี้ จึงเริ่มเปิดประเด็นหัวข้อสนทนากับเจียงซีหยู่
“ซีหยู่ คุณกับชิงเจ๋อไปถึงขั้นไหนกันแล้ว?” ฟู่สีเกอเอ่ยถาม : “ไม่ใช่ว่าจู่ๆก็แต่งงานกันเลยนะ?”
แก้มของเจียงซีหยู่แดงก่ำ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า : “ไม่ใช่ เราเพิ่งจะเริ่มคุยกันได้ไม่นานเองค่ะ”
“ฉันจริงจังกับซีหยู่นะ พวกคุณเคยเห็นฉันพาผู้หญิงกลับมาบ้านไหมล่ะ?” หยานชิงเจ๋อกล่าว : “นี่เป็นครั้งแรก ฉะนั้น……”
“เตรียมไปพบพ่อแม่แล้วหรือยัง?” สือมูเฉินเอ่ยถาม
“อืม ที่สำคัญครั้งนี้ที่ฉันกลับมาเป็นเวลานาน เพราะกำลังรอให้ซีหยู่หางานทางด้านนี้ได้” หยานชิงเจ๋อกล่าวว่า : “หลังจากนั้นเมื่อหาโอกาสได้ ก็จะพาซีหยู่ไปเจอพ่อแม่ฉัน”
“ซีหยู่เรียนอะไรมาล่ะ? คิดว่าจะหางานอะไรทำ?” ฟู่สีเกอถาม
เจียงซีหยู่ตอบว่า : “ฉันเรียนไวโอลินมา ก่อนหน้านี้ที่อยู่ต่างประเทศ ฉันแสดงอยู่ที่โรงละครค่ะ”
“มิน่าล่ะถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้ ที่แท้ก็เรียนดนตรีกับศิลปะมานี่เอง” ฟู่สีเกอกล่าวว่า : “แล้วชิงเจ๋อรู้จักคุณได้อย่างไร? เจ้าหมอนี่ดูเหมือนว่าจะไม่มีงานอดิเรกที่งดงามแบบนี้เลยนะ?”
“มีอยู่ครั้งหนึ่งเป็นการถ่ายภาพโดยไม่ได้ตั้งใจ” หยานชิงเจ๋ออธิบายว่า : “ในตอนนั้นฉันกำลังถ่ายภาพอยู่ หลังจากที่ไปล้างฟิล์มก็พบว่ามีเธออยู่ในภาพด้วย หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้ทำความรู้จักกันโดยบังเอิญ”
พูดจบก็หยิบมือถือออกมา แล้วเปิดอัลบั้มภาพ : “พวกคุณดูสิ ก่อนหน้านี้ที่ฉันเคยถ่ายรูปของซีหยู่เอาไว้”
ทุกๆคนดูรูป แล้วก็ต่างพูดคุยหัวเราะกัน มีแค่ซูสือจิ่นเท่านั้น ที่รู้สึกว่าเหมือนว่าไม่มีตัวตน
มุมปากของเธอยังคงมีรอยยิ้ม แต่คล้ายกับว่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง
เธอดื่มไปแก้วแล้วแก้วเล่า จนกระทั่งในที่สุด ก็รู้สึกว่าร่างกายหนักมากจนแทบจะยืนไม่ไหว ถึงแม้ว่าจะยังได้สติอยู่ แต่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย
หลานเสี่ยวถางมองออกถึงความผิดปกติของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะสะกิดสือมูเฉินที่อยู่ข้างๆ : “มูเฉิน ดูเหมือนสือจิ่นจะเมาแล้วนะ”
สือมูเฉินวางแก้วไวน์ในมือแล้วมองไป ก็เห็นแววตาของซูสือจิ่นที่ดูเบลอๆเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้เขาจึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า : “สือจิ่นเมาแล้ว ฉันกับเสี่ยวถางจะไปส่งเธอกลับก่อน”
ฟู่สีเกอเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า : “อาเฉิน ฉันไปเอง”
“สองวันนี้พ่อแม่ของสือจิ่นไม่อยู่ คุณเป็นผู้ชายคนเดียวมันจะไม่สะดวกนะ” สือมูเฉินกล่าวว่า : “ให้เสี่ยวถางไป ยังสามารถช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอได้”
———หนังสือยอดนิยมที่สุด ที่ได้รับความสนใจในการค้นหาบนวีแชต [樱桃阅读] โหลดเลยจะได้ไม่พลาด———
“ก็จริง” ฟู่สีเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ช่วงสองสามวันนี้สือจิ่นเป็นอะไรไป รู้สึกว่าเธอจะแปลกๆ คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะดื่มมากขนาดนั้น!”
“ถ้าหากมีเวลาว่าง ก็มาดูแลเธอให้มากหน่อยเถอะ!” สือมูเฉินพูดพลาง ประคองซูสือจิ่นขึ้น: “พวกเราไปก่อนนะ!”
“โอเค จัดหาที่พักเรียบร้อยแล้วส่งข่าวให้ฉันด้วยนะ” หยานชิงเจ๋อพยักหน้า
ตอนเดินไป ซูสือจิ่นมองหยานชิงเจ๋อ เห็นเขากำลังส่งยิ้มที่อ่อนโยนให้เธอ ส่งสายตามองเธอจากไป แต่มือซ้ายของเขา กำลังโอบอยู่ที่ไหล่ของเจียงซีหยู่
เธอรู้สึกบาดตาเล็กน้อย จึงรีบหันกลับ แล้วกล่าวกับสือมูเฉินและหลานเสี่ยวถางว่า: “พี่เฉิน พี่สะใภ้ รบกวนพวกคุณแล้ว”
สือมูเฉินและหลานเสี่ยวถางมาถึงตระกูลซู คนรับใช้เปิดประตู คนทั้งสองก็ประคองซูสือจิ่นเข้าไปที่ห้องของเธอ
สือมูเฉินออกไปแล้วปิดประตู หลานเสี่ยวถางช่วยหาชุดนอนมาเปลี่ยนให้เธอ
เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว หลานเสี่ยวถางก็ช่วยห่มผ้าให้ซูสือจิ่น แล้วกล่าวกับเธอว่า: “สือจิ่น นอนหลับพักผ่อนสักหน่อยนะ ถ้ากลางดึกไม่สบาย แม่บ้านเฉินอยู่ด้านนอก แค่คุณเรียกเธอก็จะเข้ามา หรือมีเรื่องอะไร ก็โทรศัพท์หาพวกเราได้ พวกเราจะเข้ามาทันที”
พูดจบ หลานเสี่ยวถางก็นำน้ำแก้วหนึ่งวางไว้ที่หัวเตียง: “ดื่มเหล้ามามักกระหายน้ำง่าย ถ้ากระหายน้ำ ถ้วยเก็บความร้อนนี้มีน้ำนะ”
เธอพูดจบ กำลังจะออกไป แต่จู่ๆซูสือจิ่นที่อยู่บนเตียงก็เรียกเธอเอาไว้
“พี่สะใภ้ ทำไมคุณถึงดีขนาดนี้ล่ะ?” แก้มที่แดงก่ำของซูสือจิ่น ลักษณะความสามารถน้อยกว่าวันธรรมดาทั่วไป เวลานี้ช่างดูเหมือนกับเด็กน้อย
“คุณเป็นน้องสาวของมูเฉิน ก็เหมือนกับเป็นน้องสาวของฉัน” หลานเสี่ยวถางยิ้มๆ
“พี่สะใภ้ ฉันไม่สบายใจเลย——” ซูสือจิ่นชี้ไปยังข้างๆ: “นั่งเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม?”
หลานเสี่ยวถางนั่งลง: “เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?”
ซูสือจิ่นส่ายหน้า: “เปล่าค่ะ อันที่จริง ตลอดมาคือฉันเป็นทุกข์ไปเองก็เท่านั้น!”
เธอพูดพลาง ดึงมือของหลานเสี่ยวถาง: “พี่สะใภ้ การแสดงออกในวันนี้ของฉันมันแย่มากเลยใช่ไหม? ผู้หญิงที่มีนิสัยแบบฉันไม่มีใครชื่นชอบใช่ไหม?”
หลานเสี่ยวถางเห็นเธอน้ำตาคลอเบ้า ก็อดไม่ได้ที่จะกุมมือของซูสือจิ่นเอาไว้แน่นแล้วกล่าวว่า: “เปล่าซะหน่อย คุณดีมาก ตัวฉันเองคบเพื่อนไม่มาก แต่ครั้งแรกที่เจอคุณก็รู้สึกว่าคุณเป็นกันเองอย่างมาก คุณมีนิสัยที่ซื่อสัตย์และเปิดเผย แถมรูปร่างหน้าตายังสวยอีก แล้วคนอื่นจะไม่ชื่นชอบได้อย่างไรล่ะ?”
“จริงเหรอ?” ซูสือจิ่นกล่าว: “แต่ทำไมตั้งแต่เด็กจนโต ถึงไม่มีใครมาจีบฉันเลยล่ะ? เด็กผู้ชายคนอื่น ต่างก็เห็นฉันเป็นเพื่อน หรือไม่ก็…….”
เธอหยุดชะงักเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า: “หรือไม่ก็ เห็นฉันเป็นน้องสาว”
“เรื่องนี้ ฉันเคยได้ยินมูเฉินพูดถึง” หลานเสี่ยวถางกล่าว: “เขาบอกว่า ปีนั้นมีคนมาจีบคุณ แต่คนคนนั้นความประพฤติไม่ดี คาดไม่ถึงว่าจะนัดผู้หญิงไปในป่าแล้วก็เอาเปรียบผู้หญิง เวลานั้นคุณเพิ่งจะอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่5 คนคนนั้นอยู่มัธยมต้น เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว คุณยังเกือบจะไปกับคนคนนั้น”
ซูสือจิ่นคิดๆแล้ว ก็กล่าวอย่างสะลึมสะลือว่า: “เหมือนว่าจะมีเรื่องนี้เกิดขึ้น”
หลานเสี่ยวถางกล่าว: “ตอนนั้นมูเฉินรู้เรื่องนี้ แต่ไม่สามารถรีบไปได้ จึงให้ชิงเจ๋อหาคนไปจัดการคนคนนั้น นับตั้งแต่นั้นมา พวกเขาสองสามคนก็รู้ด้วยตัวเองว่า ทุกอย่างที่ไม่เข้าตา ต้องช่วยขับไล่ออกไปจากคุณ คุณจึงคิดว่าไม่มีคนจีบมาโดยตลอด”
“ดังนั้น พวกเขาก็ไม่เห็นใครเข้าตาเลยใช่ไหม?” ซูสือจิ่นกะพริบตาปริบๆแล้วกล่าว
“ใช่แล้ว โดยเฉพาะชิงเจ๋อ” หลานเสี่ยวถางกล่าว: “ได้ยินมูเฉินเล่าว่า เขาเข้าข้างคุณมากที่สุด ใครกล้ามาแย่งน้องสาวของเขา เขาจะสู้อย่างสุดชีวิต!”
เพียงซูสือจิ่นได้ฟัง หยดน้ำตาในดวงตาก็ไหลลงมา เธอกัดริมฝีปาก: “แต่ก็เป็นเพียงแค่น้องสาว!”
เพราะเธอดื่มเหล้า จึงพูดจาไม่ค่อยชัดเจน หลานเสี่ยวถางได้ยินไม่ชัด ได้ยินเพียงเสียงทอดถอนใจของซูสือจิ่น ด้วยเหตุนี้จึงเข้าไปใกล้แล้วกล่าวว่า: “อันที่จริง ฉันได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้แล้ว ก็รู้สึกอิจฉาพวกคุณมากเลย”
ซูสือจิ่นมองไปยังหลานเสี่ยวถาง แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า: “เสี่ยวถาง คุณดีขนาดนี้ พี่เฉินเขาจะต้องรักคุณอย่างแน่นอน!”
หลานเสี่ยวถางนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็อ่านความหมายในคำพูดของซูสือจิ่น เธอจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม: สือจิ่น คุณหมายความว่า…….”
ซูสือจิ่นรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย เธอจึงยกมือขึ้นมาคลึงๆ จากนั้นก็พูดพึมพำว่า: “ถึงแม้พี่เฉินจะแต่งงานกับคุณเพราะเรื่องนั้น แต่คุณดีขนาดนี้ ฉันมองออกว่า เขาจะต้องตกหลุมรักคุณเข้าสักวัน! เสี่ยวถาง ฉันอิจฉาคุณจัง พี่เฉินเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในบรรดาพวกเรา เขาแต่งงานกับคุณ ก็จะตเ้องรับผิดชอบไปตลอดชีวิตแน่นอน!”
แต่หลานเสี่ยวถางไม่ได้ยินคำพูดช่วงท้ายของซูสือจิ่นโดยสิ้นเชิง ความสนใจของเธอมุ่งอยู่ที่ประโยคช่วงต้น รู้สึกว่าหัวใจเต้นค่อนข้างเร็ว ปลายนิ้วยังรู้สึกเย็นเล็กน้อย
เธอคว้ามือของซูสือจิ่นแล้วกล่าวว่า: “สือจิ่น คุณว่ามูเฉินแต่งงานกับฉันเพราะเรื่องไหนเหรอ?”
ซูสือจิ่นส่งเสียงงึมงำ ขนตาสั่นเบาๆ ต้องการจะหลับ
หลานเสี่ยวถางเขย่ามือของเธอเบาๆ: “สือจิ่น มูเฉินแต่งงานกับฉันเพราะอะไร?”
“อ้อ——” ซูสือจิ่นได้สติขึ้นมาเล็กน้อย เธอกล่าวอย่างสะลึมสะลือว่า: “ได้ยินชิงเจ๋อเล่าว่า ในห้องหนังสือของมูเฉินมีหนังสือพิมพ์ เป็นของพ่อคุณ…….”
พูดจบ เธอก็บ่นพึมพำอะไรอีกเล็กน้อย จากนั้น ก็หลับไป
หลานเสี่ยวถางที่นั่งอยู่ข้างเตียง รู้สึกเพียงว่าจิตใจไม่สงบ ร่างกายเย็นขึ้นมาทันที เธอบังคับให้ตัวเองไม่คิดฟุ้งซ่าน แต่ครั้งแรกหลานเล่อซินเป็นคนพูด ครั้งที่สอง แม้แต่ซูสือจิ่นก็ยังพูดแบบนี้…..
จนกระทั่ง สือมูเฉินเคาะประตูห้องเบาๆ: “เสี่ยวถาง จัดการทางด้านนั้นเสร็จแล้วหรือยัง?”