ตอนที่ 220 ศึกป้องกันมอลต์ ⑤ เพลิงนรกของศึกยามค่ำคืน

ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi

–มุมมองบุคคลที่สาม–

แวนโดเลีย การรุกรานมอลต์ครั้งที่สอง เหล่ากองทัพหน่วยรุกรานมอลต์ที่สอง

「สหายผู้บัญชาการเบเซก ฉันควรยินดีที่คุณกลับมาอย่างปลอดภัย」

「……ฉันซาบซึ้งที่คิดถึง สหายผู้บัญชาการบูลซาร์ก」

หัวเบเซกตกตอนเขาตอบด้วยสีหน้าบูดบนในหน้า

ไม่มีใครโทษเขาได้แต่โดยรู้จากน้ำเสียง, สีหน้า, และบรรยากาศ มันชัดเจนว่าเขาถูกวิจารณ์อยู่

「ไม่ จริงๆนะ คุณน่ะช่างกล้าที่กลับมาไม่บาดเจ็บได้กับกองทัพรุกรานที่เสียกองกำลังไปครึ่ง! ……โอ้ใช่ คุณยอมแพ้ด้วยหรือไม่ใช่?」

「ถ้าเราสู้ต่อถึงตอนนั้น จำนวนมันจะแค่ลดลงเรื่อยๆ! เรายังต้องสู้กับอัลแตร์! การทำให้แน่ใจว่าทหารมากกว่าเดิมแค่คนเดียวเป็น-……」

「คุณพูดถูกต้อง พิชิตมอลต์เป็นปฏิบัติการระดับสอง แม้เป็นอย่างนั้น คุณเสียคนที่มีค่าไปเยอะ มากกว่าที่คุณแตกพ่าย ตอนนี้คุณจะมาเข้าเหล่ากกองทัพหน่วยที่สามด้วย…… ควรจะอายบ้างนะ!」

กองทัพแวนโดเลียแยกเป็นเหล่า 1 ถึง 3

มีกองทัพตั้งชั่วคราวอีกเหมือนกองทัพรุกรานมอลค์ แยกกองกำลังหลักเป็นสามหน่วยนี้

เมื่อรู้ว่ากองทัพรุกรานมอลต์พ่ายแพ้ หนึ่งในหน่วยที่สามไม่ได้มีทางเลือกให้เคลื่อนไหวเยอะ

เพราะประเทศกำลังจ้องตาแข่งกันกับอัลแตร์ พวกเขามองข้ามอันตรายที่จะโดนรุกรานสวนจากพรมแดนทางเหนือไม่ได้

บูลซาร์กตะโกนและกระแทกโต๊ะ และเบเซกตะโกนสวน

「ข้อมูลที่ได้มันต่างกันนี่! เราชนะทหารมอลต์อย่างง่ายๆเหมือนที่วางแผน โกลโดเนีย….. ฮาร์ดเลตต์มันส่งกองทัพมา!! นี่ไม่ใช่ปัญหาของกองทัพอย่างเดียวอีกแล้ว มันเป็นการเมือง!」

「แค่เจ้าศักดินาคนเดียวของประเทศไกลๆเข้าสงครามแค่นั้น! ……พอแล้ว มาถามไถ่กับคุณไม่ใช่หน้าที่ฉัน เก็บคำอธิบายไว้ให้ที่ตำหนักรวมพล ให้สหายผู้บัญชาการเบเซกขึ้นรถม้าไปเมืองหลวง แต่งตั้งยาม……. ไม่ ผู้คุ้มกันดีกว่า เข้าใจมั้ย?」

เบเซกจากไปตอนที่ลูกน้องบูลซาร์กมองเขาอย่างเย็นชา

「ฮึ่ม ไอ้โง่ไร้ความสามารถเอ๊ย เขาควรโดนแขวนคอ」

「ผมได้ยินว่าตัวแทนก็โกรธจัดที่แพ้ด้วย ผมว่าคนนั้นไม่มีวันได้เห็นแสงตะวันอีกครั้งแน่」

บูลซาร์กยิ้มดีใจกับผู้ช่วยผู้พูดอย่างรู้เรื่องดี

ผู้ช่วยสาวยิ้มมตอบแต่สีหน้าแข็งๆอย่างเร็ว

「ศัตรูหน้าเราคือกองทัพที่บอกตัวเองว่าอาสาที่เบเซกพูดถึง…… พวกเขาเชื่อว่าเป็นกองทัพโกลโดเนีย」

สีหน้าบูลซาร์กและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นเปลี่ยนเพื่อให้เหมือนสีหน้าผู้ช่วย

「ไม่ต้องสงสัย มันหาไม่ยากที่กองทัพชาติอื่นปลอมตัวเป็นทหารอาสา…… แต่พวกเขาปลอมตัวเป็นมั้ย? ฉันไม่เคยได้เห็นทหารอาสาที่มีอุปกรณ์เหมือนกันหมดหรือแถวเป็นระเบียบเลย」

ลูกน้องบางคนหัวเราะเบาๆ

「พวกเขามีทหารประมาณ 10 000 คน และปรากฏว่าพวกเขาหลายเปอร์เซ็นต์เป็นทหารม้า ตอนนี้ มันดูเหมือนพวกเขาถอยทัพช้าๆ」

เจ้าหน้าที่ระดับสูงบอกข้อมูลที่เขาได้จากหน่วยสอดแนมให้บูลซาร์ก

เพราะพื้นที่พรมแดนเป็นที่ราบที่มองเห็นได้ไกลเท่าที่เห็นได้ ซ่อนกองกำลังมันเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นพวกเขาจะไกลมากๆ พลังของกองกำลังศัตรูทั้งหมดเข้าใจได้

「ถ้าอย่างนั้นพวกเขาลองล่อเราไปที่ราบ แผนเหมือนธรรมชาติกับกองทัพที่มีทหารม้าเยอะ」

「เราควรเปลี่ยนสนามรบและนำพวกเขาไปพื้นที่อับชื้นหรือป่ามั้ย?」

บูลซาร์กส่ายหัวกับที่ลูกน้องพูด

「ไม่ ฉันไม่อยากใช้เวลามากไป เราอยู่นานไม่ได้ ฉันอยากจบมันด้วยศึกเดียว บังคับให้มอลต์ยอมแพ้แล้วกลับบ้าน」

「อย่างนั้นเหรอครับ ถ้าเราสร้างสถานการณ์ที่โจมตีพวกเขายากนั่นจะมีปัญหาสำหรับเราถ้าพวกเขาถอยระหว่างเก็บรักษากองกำลัง」

บูลซาร์กพลักหน้า

「เพราะเป็นแบบนั้น เราจะท้าทายพวกเขาเข้าศึกตัดสินบนที่ราบที่พวกเขาเชื่อว่าได้เปรียบ แล้วสังหารหมู่พวกเขา เราจำเป็นต้องเร็วเเท่าที่เร็วได้ด้วย」

ลูกน้องก้าวมาข้างหน้าอีกครั้ง

「ถ้าอย่างนั้นให้เราเปิดศึกทันทีเลยมั้ย? การเตรียมตัวนั้น……」

ผู้หญิงดูผู้บัญชาการอีกคนหนึ่ง คนผู้จากนั้นตัวตรงแล้วก้าวมาข้างหน้า

「เตรียมการทำศึกเสร็จแล้ว เราพร้อมออกศึกได้ทุกเวลา!」

「……ฟุมุ ไม่ มาเปิดศึกพรุ่งนี้ นี่เลยบ่ายมาแล้ว อีกสองชั่วโมงก็จะมืด และมีโอกาสดีที่ศัตรูหนีระหว่างค่ำ เราจะเริ่มกันตอนเช้าตรู่ และใช้ทั้งวันขยี้พวกเขา ฉันคิดถูกมั้ยที่จะไม่มีใครคัดค้าน!?」

「「「ไม่คัดค้านครับท่าน」」」

หลังทำความเคารพอย่างถูกต้อง ทุกคนแยกแถว

ค่ำ ที่แคมป์แวนโดเลีย

เพื่อเตรียมเปิดศึกวันต่อไป แวนโดเลียตั้งแคมป์ยามค่ำ

พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ทั้งหมด เห็นทิวทัศน์ทุ่งต้นข้าวสาลลีหลังเก็บเกี่ยวแล้วได้ไกลสุดตา แต่แม้ว่ามี 30 000 คน พวกเขาลำบากกับการตั้งแคมป์

เพราะพวกเขาตั้งแคมป์ติดกับศัตรูเลย เป็นธรรมชาติที่พวกเขามีมาตรการป้องกันซุ่มโจมตียามค่ำเป็นหอสังเกตุการณ์ที่ถูกสร้างและมีคนเฝ้าระวังอยู่ทั่วบริเวณแคมป์ เพิ่มเติม แคมป์เรียบๆที่มีกองไฟจุดตั้งอยู่ค่อนข้างไกลเพื่อให้ดูได้ว่าศัตรูกำลังเข้ามาเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

「อุว้า ธนู! ศัตรูโจมตี! มันเป็นศัตรูโจมตี!」

ลูกธนูเป็นชุดตกใส่แคมป์แวนโดเลียเป็นฝน รีบทำให้คนเฝ้าระวังตื่นตกใจตะโกน

อย่างไรก็ตาม หลังเขามีทหารประสบการณ์ประมาณสามสิบปีกว่าที่ได้ยินเขาร้องดังยิ้ม และจับไหล่คนเฝ้าระวัง

「นายมือใหม่ ดูดีๆ พวกมันไม่ได้ลูกธนูเยอะปานนั้น และไม่มีพวกเขาสักคนเข้าหาเรา ศัตรูพยายสมขู่ให้เรากลัวเหมือนลูกหมากำลังขู่และยิงมั่วๆ พวกเขาจะวิ่งหนีแม้ว่าเราไล่ตาม ดังนั้นปล่อยพวกเขาทำไปจะดีกว่า」

「อย่างนั้นเหรอครับ……」

「ฟัง กองเพลิงถูกตั้งไว้ตรงนั้นระยะเดียวกันกับระยะลูกธนูจากแคมป์เรา พูดอีกอย่าง นายจะไม่โดนยิงถ้านายไม่เข้าไปใกล้ตำแหน่งนั้น」

ธนูที่ยิงออกมาโดยศัตรูลงพื้นแถวกองไฟ

นั่นหมายถึงระยะระหว่างศัตรูและพวกเดียวกันเป็นสองเท่าของธนูพวกเขา

「แต่ถึงอย่างนั้น ให้แน่ใจว่านายคอยดูดีๆและอย่าหลับด้วย」

หลังจากพูดนั่น ทหารมากประสบการณ์จากไป ทหารหนุ่มกระแอม โอบกอดร่างกายนิ่งๆที่เคยเสียไป

「พวกเขาจุดไฟอะไรอีกแล้ว เมื่อฉันดูดีๆ มันค่อนข้างสวย」

รูปลักษณ์ขอทหารศัตรูเข้ามาให้เห็นลางๆ ลูกธนูบินมาเป็นชุด…… แต่มาไม่ถึง

ทหารชินตา แต่เขารู้ว่าบางอย่างแปลกๆ

「ไม่ใช่พวกเขาใกล้กว่าก่อนหน้านี้เหรอ……?」

พลธนูศัตรูดูเหมือนอยู่ใกล้กว่าตอนเริ่มและตอนนี้ร่างกายพวกเขาใหญ่ขึ้นเมื่อเห็นไกลๆ

「ไม่ กองทัพยิงไปที่เดิม…… ต้องคิดไปเองแหง」

ไม่มีอะไรเห็นได้รอบกองไฟ และลูกธนูนับไม่ถ้วนไหม้พื้นที่เดียวกัน

「ฉันคิดไปเองหรือกองไฟมันใกล้กว่าเมื่อกี้? ตาฉันเหนื่อยแหง หรือไม่ก็เพราะฉันเหนื่อยจากความหนาวของทางเหนือ」

ทหารขยี้ตา

เขาถอนหายใจ หวังว่าเปลี่ยนกะอีกไม่นานเพื่อที่จะไปนอนเตรียมไว้สู้พรุ่งนี้ จากนั้นเขาหาประเด็นใหม่มองหอสังเกตการณ์ข้างเขาเพื่อตรวจดูสหายทหารผู้ควรขับไล่ความทุกข์เหมือนกันกับที่เขามี

「ไม่มีใครอยู่…… เฮ้ยนาย อู้งานคนเฝ้าระวังผิดกฎหมายและโดนประหารนะ รู้มั้ย?」

เขาดูไปทางอื่นแต่ไม่เห็นใครด้วยเหมือนกัน

「ที่กองทัพเป็นที่ที่ผ่อนคลายกันเหรอไง……​」

ณ ตอนนี้ เขาถอนหายใจระหว่างคิดกับตัวเองว่าทำไมเขาถึงขยันในที่ที่เต็มไปด้วยเหล่าคนอู้ เขามองไฟสะบัดในความมืด

「โอ้…… ครั้งนี้พวกมันมีเยอะ ถ้าพวกมันบินเข้ามาใกล้กว่านี้ มันจะต้องทำให้ฉันอุ่นแหง……」

ลูกธนูไฟมากกว่าเดิมมากบินเลยหัวทหารสู่พื้นในแคมป์

「เอ๋?」

ได้ยินเสียงทั้งตะคอกทั้งตะโกนมาอย่างเร็วจากทั่วแแคมป์ตอนที่เต็นท์ติดไฟ

「เอออ๋?」

ลูกธนูมากกว่าเดิมนับไม่ถ้วนเสียงแหลมมาเหนือหัวทหาร

เขาไม่เห็นมันจริงๆในความมืดยามค่ำคืนเพราะมันเป็นลูกธนูธรรมดา แต่เขาบอกได้ว่ามันบินเร็วกว่าลูกธนูไฟหลายเท่า

「ป-เป็นไปได้ยังไง ไม่มีศัตรูใกล้กองไฟเลย……」

เพื่อตรวจดูสองรอบ เขามองกองไฟที่กำลังเผาไหม้

เขาสามารถรู้สึกถึงระยะแม่นๆกับกองไฟของพวกเดียวกัน

กองไฟใกล้กว่าเมื่อพวกเดียวกันเตรียมไว้ก่อนหน้าเมื่อหัวค่ำ

「ข-เขาทำอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่-…… ทำยังไงด้วยซ้ำ!?」

ณ ทันใดนั้น เงาดำกระโดดเข้าหอสังเกตการณ์สบายๆและลงเท้าในพื้นที่ยกสูง

บางอย่างบางอย่างกระโดดใส่หอคอยที่ถูกกสร้างจากแรงงานและไต่ได้ด้วยบันไดได้อย่างเดียวเท่านั้น

「อะไรน่ะ- ทำยังไง ศ-ศัตรู……」

ก่อนทหารตะโกนได้ หัวเขาหล่นพื้น

เสียงไฟไปถึงหัวเขาหลังแยกจากร่างและได้ยินชัดเท่าระฆัง

「ทำไมฉันต้องทำเหมือนทหารกระจอกด้วย? พยายามพูดหวานใส่ฉันพูดว่าหวังใครไม่ได้นอกจากพี่สาว…… ให้ตายซี่ซิกฟรีด!คนนี้คนสุดท้าย เขาจะพูดอะไรต่อนี่!?」

สติทหารหายไปกับค่ำคืนที่ดำเนินต่อไป

–มุมมองเอเกอร์–

โกลโดเนีย กลางกองทัพทหาร

「การโจมตีด้วยแนวหน้าสำเร็จ ศัตรูตอบโต้ไม่ได้!」

เราไม่ได้จุดกองไฟสักกอง ดังนั้นผมไม่เห็นหน้าซีเลียที่ควรอยู่ติดกับผมเลย แต่เสียงน่ารักนี้ของเธออย่างไม่พลาด

ถ้าเป็นลีโอโพลต์เลียนแบบเสียงเธอ ผมจะเริ่มฟันพวกเดียวกันตอนนี้

「ใครจะได้คิดจริงๆว่าเข้าหาตรงๆมันดีขนาดนี้ พวกเขาควรระวังการซุ่มโจมตีด้วย」

「พื้นที่แคมป์พวกเขาเป็นแคมป์ธรรมดา มันเป็นทางเลือกที่ดีมากที่อย่างน้อยทำกันปรกติ แต่มันไม่ได้สมบูรณ์แบบเมื่อเรารู้่ว่าพวกเขาจะใช้มันยังไง…… มันมีช่องโหว่เยอะในการป้องกันของพวกเขา」

แผนเกิดขึ้น….. มันง่ายจนเรียกว่าเหลี่ยมได้

พลธนูของเราจะปล่อยธนูไฟระหว่างเดินหน้าไปข้างหน้า ทำให้แน่ใจว่าให้ระยะยิงสั้นลงแต่ให้ลูกธนูตกที่เดียวกัน

มันง่ายที่จะสร้างภาพลวงตาเมื่อมีไฟในความมืดสนิท

มันยากที่พวกเขาจะรูัว่าเราใกล้กว่าถ้าลูกธนูตกพื้นที่เดียวกันทุกครั้ง

ไฟจากกองไฟที่พวกเขาก่อเป็นจุดดีสำหรับให้นักธนูที่ฝึกมาเล็งตอนกลางคืน

「ปรกติเธอจะวางคนเฝ้าระวังที่กองไฟที่จุดไว้ระวังตั้งอยู่ไกลจากแคมป์หลัก คนนั้นอาจถูกศัตรูเก็บ แต่อย่างน้อยควรไม่ทำให้โจมตีไม่ทันตั้งตัวกับ กลางกองทัพได้」

เข้าใจแล้ว ผมควรทำเหมือนกันเมื่อผมตั้งแคมป์ครั้งหน้าด้วย

อืม อย่างเดียวกันอาจเกิดขึ้นแม้ว่าพวกเขาทำอย่างนั้นตั้งแต่แรก

「เพิ่มเติม ผมคาดให้ไฟลูกธนูไฟที่ลามจะทำให้ศัตรูพลาดตำแหน่งกองไฟเดิม…… ยังไงก็ตาม ที่คนเฝ้าระวังไม่ส่งเสียงเป็นผลลัพธ์คาดไม่ถึง」

ผมทำบางอย่างลับๆด้วย มันเล่นเป็นเหลี่ยมดีกว่าเมื่อคนเฝ้าระวังมองตามลูกธนูไฟ

「นั่นมีบางอย่างเกี่ยวข้องกันกับรถม้าดำไม่มีหน้าต่างเมื่อวานมั้ย……?」

ซีเลียหัวแหลม ให้ผมได้ลูบหัว

「มาจบการอธิบายความคาดคิดไว้เถอะ ในความเป็นจริง การโจมตีไม่ทันตั้งตัวได้ผล เราควรเล่นไพ่ใบต่อไป」

ลีโอโพลต์ฟังเสียงแล้วเหมือนไม่สนใจรายละเอียด

เหลี่ยมนิดหนึ่งเกิดขึ้นกับกำลังเสริมและทำให้แคมป์ศัตรูวุ่นวาย

แต่นั่นไม่พอที่จะกำจัดศัตรู

การบุกโจมตียามค่ำของจริงดำเนินตอนนี้

「ลูน่า, ไมล่า, อิริจิน่า ทำเหมือนที่เตรียมก่อน ถ้า ‘นั่น’ ไม่เสียหายถ้าอย่างนั้นเน้นเล็งมัน และไม่ไหวก็หยุดไม่ต้องฝืนมากเมื่อจัดการกับมัน แค่เคาะเบาๆแล้วก็เสร็จ」

「「ค่ะท่าน!」」

「ปีปี้อยู่นี่ด้วยนะ!」

ลูน่านำทัพทหารม้าธนู และไมล่าคุมทหารม้าทั้งหมดขณะพวกเขาบุกไปข้างหน้า

เพราะลูกธนูไฟตอนแรกลามเยอะในแคมป์ศัตรูและแถวนั้นสว่างขึ้น

「หวังว่ามันจะดี」

「การโจมตีไม่ทันตั้งตัวแรก ซึ่งเราไม่แน่ใจสำเร็จ มันควรไม่เป็นอะไร」

「เพราะพวกเขาไม่ได้คาดถึงบุกตอนกลางคืนด้วยทหารม้า」

ทหารม้าเร็วปรกติไม่เหมาะกับการบุกโจมตียามค่ำ

พร้อมจังหวะดีมาก พวกเดียวกันกังวลเกี่ยวกับพวกกันเองและเร็วได้ไม่มาก บวกกันกับมีโอกาสเยอะที่จะสะดุดล้มบางอย่างในความมืด

「นั่นเป็นเหตุผลที่ใช้ลูกธนูไฟ……」

ลูกธนูไฟที่ปรากฏว่ายิงสุ่มๆควันขึ้นอยู่นอกเส้นระวัง

บริเวณนอกแถวนั้นควรปลอดภัยให้ม้าวิ่ง

「ทหารม้าจะบุกทางตะวันตกก่อน!」

ควรมีการเตรียมตัวบางอย่างทำกับฝั่งเหนือของแคมป์ศัตรู…… พูดอีกอย่างก็แถวๆหน้าเรา

นั่นเมื่อการบุกแรกจะอ้อมและเข้าจากทางตะวันตก

เสียงเกือกม้าจะได้ยินในค่ำคืนที่มืดมิด แต่มันจะยังยากที่ศัตรูจะจับภาพรวมทั้งหมดได้

จากนั้นเสียงดังมาจากแคมป์ศัตรูที่สับสน

แล้วตามมาด้วยเสียงตะคอกเสียงตะโกนอย่างเร็ว และจากนั้นเสียงโลหะกระทบกัน

「มันดูเหมือนบุกสำเร็จ!」

เพราะนั่น แผนเราจบไปครึ่งหนึ่งแล้ว

ไฟที่แคมป์ศัตรูใหญ่ขึ้นและแรงขึ้นจากสายตาคนอยู่ไกล

「พวกเขาอาละวาดใหญ่」

ผมเห็นทหารม้าไล่ศัตรูไปทั่วที่กลางกองทัพศัตรู

ม้าวิ่งตอนกลางคืนค่อนข้างเป็นอาวุธที่มีผลแบบนั้น

ศัตรูที่ควรเตรียมตัวโดนบุกตอนกลางคืนรีบดับไฟระหว่างสู้ขับไล่ด้วยทหารม้า ถ้าหลายคนที่หลับออกจากเต็นท์เพื่อดูว่าอะไรเกิดขึ้นเพื่อแค่ถูกม้าควบชนล้ม

หน่วยทหารม้าถูกบอกให้ฝ่าแคมป์ศัตรูจากตรงกลางโดยบุกทางใต้ที่การป้องกันอ่อนแอสุด

ถ้าทหารม้าเราหยุดกลางความวุ่นวายและเปลี่ยนเส้นทาง สุดท้ายพวกเขาจะติดอยู่กับความเละเทะด้วย

「วะฮ่าฮ่าฮฮ่า! เอานั่นไป เอานั่นไป!」

ผมเห็นอิริจิน่าเหวี่ยงหอกแหลกบนหลังม้า หรือผมได้ยินเธอมากกว่า

「ที่ได้ยินในเสียงพวกนั้น….. เสียงเธอดังเหลือเชื่อ」

「ทหารมีเสียงดังนั้นจำเป็น…… แม้ว่าเธอเป็นเหมือนกันในคฤหาสน์」

แน่นอนเธอไม่ได้แค่มีเสียงดังเท่านั้น

การที่เธอกวาดทหารติดอาวุธที่ดูเหมือนกำลังสำรองเต็มที่ฝ่ายเดียวใช้เป็นจังหวะบุกสำคัญได้

เธอกระทืบศัตรูตอนพวกเขารีบแทงเธอด้วยหอกซ้ำๆในความสับสน

ผมนับเร็วๆและเธอจัดการไป 10 คนแล้ว

ทหารม้าคนอื่นก็ฆ่าศัตรูที้อยู่ไม่นิ่งโดยการโยนหม้อน้ำมันติดไฟเพื่อให้ไฟลามจากเต็นท์ที่ไม่ได้โดนทำอะไรด้วย

แสงสว่างอย่างสง่าจากไฟที่สร้างในแคมป์ศัตรู สว่างเท่าเมืองเทพเจ้าสวยในตามเรื่องต่่างๆ

「ดี ขั้นตอนเริ่มทำเหมือนที่วางแผนไว้ เราจะออกไปด้วย เตรียมพร้อม」

ทหารราบคร่าวๆ 6000 คนไม่เล่นไปทั่ว

ถ้าทุกอย่างดำเนินได้ดี มันจะเป็นคิวเราทำต่อ

ทหารม้า 3000 คนที่เข้าแคมป์ศัตรูจากทางตะวันออกและหนีออกใต้กำลังใช้ไฟกำลังไหม้เป็นจุดกะต่ำแหน่งเพื่อพยายามบุกเข้าตีอีกครั้งทางตะวันออก

การทำสำเร็จเร็วๆนั้นฝังอยู่ในร่างพวกเขาแล้วจากการฝึกต่อเนื่อง และแม้แต่ทำให้ศัตรูหาห้านาทีให้หายใจ

ถึงอย่างนั้น…… มันดูเหมือนไม่พอ

ศัตรูสร้างขบวนแถวป้องกันทางฝั่งตะวันออก! และที่นี่ด้วย…… ขบวนแถวป้องกันปรากฏบนทางเหนือด้วย! มันดูเหมือนพวกเขาสงบใจแล้ว!

「ฟุมุ พวกเขาดูเหมือนฝึกมาดีกว่ากองทัพรุกรานก่อนหน้า」

「ใช่ ถ้าเป็นทหารเพิ่งหัดมันจะแตกถ้าทหารม้าเราทำลายกองกำลังพวกเขา แม้ความจริงมันน่าสงสัยว่าศัตรูถึงพันคนถูกกำจัดหรือไม่ในเวลาสั้นๆ…… ไม่ต้องพูดถึงน่าสงสัยมากขึ้นที่ทำอะไรไม่ค่อยได้เพราะศึกกลางคืนด้วย แต่พวกเขาดูเหมือนรู้เรื่องนี้ดี」

ขีดจำกัดสูงสุดของกองกำลังเราคือ 10 000 แม้ว่าถ้าทหารที่ดับไฟทุ่มเทที่จะดับไฟ พวกเขายังมีคนพอป้องกันเรา

เมื่อพวกเขาส่วนมากใจเย็น พวกเขาโจมตีสวนตอนไหนก็ได้

ความสามารถตัดสินใจอย่างใจเย็นซึมเข้าไปแม้แต่ในผู้บัญชาการระดับต่ำ

ขบวนแแถวป้องกันตั้งขึ้นในทางตะวันตก ที่ทำรีบๆแต่ทนทานและไม่ได้ดูเหมือนเจาะง่ายๆ

ไม่ว่าดีกว่าหรือแย่ลง ไฟที่ไหม้เต็นท์ใกล้ๆเห็นชัดขึ้น ที่จุดนี้พวกเขาเสียงองค์ประกอบที่นำให้ตกใจแล้ว

「หน่วยทหารม้าบุกไปข้างหน้า!」

ถึงเป็นอย่างนั้น ไมล่ายังบุกขบวนแถวป้องกันต่อ

ซึ่งจะหมายถึง สิ่งนั้นอยู่ที่นั่นแล้ว

「ลีโอโพลต์ พร้อมบุกด้วยเหมือนกัน」

「ได้ เริ่มบุกเต็มพิกัด เป้าหมายเป็นข้างหน้าศัตรู」

ทหารม้ามองหน้ากัน

พวกเขาดูเหมือนกำลังถามว่ามันความคิดดีแล้วหรือที่บุกศัตรูที่เตรียมตัวแล้ว

「มันจะไม่เป็นปัญหา ขบวนแถวศัตรูจะแตกตอนนี้」

ขณะทหารม้าธนูและทหารม้าหอกบุกตรงๆใส่หอกยาวต่อต้านทหารม้าที่ตั้งแถวโดยศัตรู

ศัตรูที่เป็นระเบียบดีลังเลชั่วครู เหมือนคิดว่าการโจมตีนี้พวกเขาโดนนั้นสิ้นหวัง แม้พวกเขารีบเสริมการป้องกัน

ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่เพียงแต่เราตีฝ่าไม่ได้ เราจะเสียชีวิตเยอะ

นั่นเมื่อไพ่ตายเรามาเล่น

「เล็งให้ดี…… ยิง!」

ทหารม้าธนูเกือบร้อยคนดึงธนูและพวกเขาทั้งหมดยิงพร้อมกันหลังเดินไปหน้ากองทัพ

กลยุทธ์พื้นฐานของกองทัพของผมคือใช้ระยะของธนูเพื่อทำให้ขบวนแถวต่อต้านทหารม้าหวั่นไหว

อย่างไรก็ตามครั้งนี้นั้นต่างกัน

ลูกธนูที่ถูกปล่อยไปไม่ได้เล็งศัตรูแต่กองฟางที่วางไม่ได้ระวังและภายในแคมป์ของพวกเขา

ครั้งนี้ ผลของการเก็บข้าวสาลีควรเต็มดินแดนไปหมด

ไม่นานฟางแห้งก็ติดไฟแรง

ชัดเจนว่าฟางไม่มีพลังมาก และมันจะไหม้ดับไป

ขบวนแถวศัตรูจะไม่เปลี่ยนมากและพวกเขาแค่สนใจอย่างอื่นเร็วๆโดยไฟสูง

「นั่นถ้าเมื่อฟางเป็นฟางปรกติ」

มันดูเหมือนที่คิด มุมปากที่ปรกติไร้สีหน้าบ่อยของลีโอโพลต์ยิ้มเล็กน้อย

ประกายไฟบิน

จากนั้นสักพักคำรามและเสียงร้องตกใจ

เสาไฟใหญ่เทียบไม่ได้กับไฟเดิมระเบิดขึ้นอากาศ

「น-นั่นทำฉันตกใจ ดีที่มันไม่ลาม」

ซีเลียไม่ได้เป็นคนเดียวเท่านั้นที่ตกใจตอนทหารม้าคนอื่นร้องโอ้และอ้าระหว่างม้าก็ดูเหมือนตื่นเล็กน้อย

ชวาร์ซเป็นตัวเดียวเท่านั้นที่หายใจสบายๆ

มันไม่ใช่แค่ระเบิดครั้งเดียว

ระเบิดต่อเนื่อง…… จากจำนวนกองฟางที่อัดแน่นด้วยดินปืน ติดทีละกองตามๆกัน

「คุณไม่ควรถอยกองทัพแค่ในตรงที่ศัตรูอยู่ ถ้ามันเลี่ยงได้ คุณควรสอบสวนทั่วถึงโดยไม่มีบกพร่อง」

ผมต้้องจำนั่นด้วย

เสียงลีโอโพลต์ไม่ถูกขัดโดยเสียงระเบิดต่อเนื่อง

「ทหารศัตรูเริ่มเละครับ! ไม่มีขบวนแถวพวกเขาอีกแล้ว! 」

คนโชคไม่ดีที่อยู่ใกล้เมื่ออกองฟางระเบิดกระเด็นระหว่างคนเหล่านั้นโดนระเบิดเราไม่ต้องคิดกังวลถึงพวกเขาแล้ว

พวกเขาทิ้งอาวุธและหนีแบบไร้เรี่ยวแรง

「ศัตรูกำลังเละ ไม่มีโอกาสดีกว่านี้ บุก!!」

「「「อุ่โออออออ้!!」」」

ทหารที่ลนจากระเบิดไม่นานก็รู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนลีโอโพลต์ก็กลับไปใจเย็น ตะโกนตอนเขาดันแถวศัตรูไปข้างหน้า

ในทางกลับกัน ทหารศัตรูที่ปกป้องฝั่งเหนือหวั่นและตื่นตกใจเต็มที่

「ขยี้พวกเขา! พวกคนที่ทำเยอะจะได้รางวัลพิเศษ!」

ผมพูดอย่างนั้นแต่ผมเป็นคนนำการบุก

กิโด้และซีเลียร้องเสียงดังระหว่างไล่ตามผม แต่มันช่วยไม่ได้ที่ชวาร์ซใหญ่และเร็วมาก

「ล-ลืมไปเลยว่าอะไรเกิดขึ้นข้างหลัง! เราต้องหยุดพวกคนข้างหน้าเรา!」

ผู้บัญชาการกองทัพสับสนพยายามรวมกลุ่มกองทัพใหม่แต่มันสายไปแล้ว

ผมบุกตรงแถวหอกไม่เป็นระเบียบและยังไม่เสร็จ

ชวาร์ซกระโดดก่อนกระแทกและลงกลางแถวศัตรู เหยียบทหารสองคนด้วยเกือกม้าและทำอีกสามคนล้มด้วยตัวใหญ่ๆ

เขามองผมและหายใจออกพูดว่ามันคิวผมแล้ว

「ไม่จำเป็นต้องบอกฉันหรอก!」

ผมบิดตัวระหว่างหวี่ยงหอกด้วยสองมือ หมุนรอบเมื่อหยุดเร็วๆ

「กุว้าาาา!」 「กิ่ย้าาาา!」

หวดทีเดียวเต็มกำลังกวาดทหารศัตรูในครึ่งวงกลมหน้าผมหายหมด

หัวและแขนหัวบินไปทุกทางต่างๆ และรูใหญ่เกิดในแถวพลหอก

หนึ่ง…… สอง…… เจ็ด ดูเหมือนผมชนะ

ชวาร์ซไม่ได้ดูสนใจแและควบต่อ รีบเปลี่ยนทิศและเหยียบศัตรูอีกสองคน

ม้านี้ใจแคบจริง

หลังจากที่เห็นทหารราบพวกเดียวกันเข้าตรงรูที่ผมเปิดยิ่งกว้างขึ้น ผมค้างตำแหน่งและฆ่าศัตรูมากขึ้น

ไม่เหมือนตอนแรกที่ผมพยายามวิ่งผ่านพวกเขาเร็วๆ ครั้งนี้ผมฟันให้ตาย

「ฉันเป็นนายพล ลองมากำจัดฉันซี่」

「ใครก็ได้ฆ่าเขาที! ถ้าเราเอาชนะเขาผู้บัญชาการก็ฮิ่เกี๊ยะ!」

ด้วยแทงหอกทีเดียว มันทะลุหน้าผู้บัญชาการที่ตะโกนและเขากระเด็นไปโดนคนที่เหมือนลูกน้อง

อีกสองหัวบินในอากาศและชวาร์ซลงเท้าใส่เสียงร้องแห่งความตายที่ทรมานของคนสุดท้าย

「เว้นระยะกับเขา! ทำมันพร้อมกันจากทุกทิศ!」

นั่นความคิดดีแต่ไม่ใช่เมื่อคนที่สู้ด้วยได้ยิน

มีคนแทงมาจากข้างหน้าและข้างๆ ตอนแรกชวาร์ซเอาตัวชนการแทงข้างหน้า

ผมกำหอกตัวเองและตัดหัวทหารทางขวาก่อนหอกมาถึงผม

สำหรับศัตรูทางซ้าย ผมปัดหัวหอกด้วยเกราะแขน และจับด้ามแน่นๆ

ผมยิ้มไม่ได้ตั้งใจ

「ฮฮฮฮฮิ๊!」

ทหารทิ้งหอกแต่ผมไม่ให้หนี

ผมแทงหลังทหารด้วยหอกเขาเองโยนทั้งเขาทั้งอาววุธทั้งเขาไปใส่เต็นท์ที่ติดไฟ

「กุเกี๊ยะะะะะะะ!!」

อุ้ย ชายที่ล้มหลังจากโดนชวาร์ซชนยังรอดอยู่

ผมแทงหลังชายที่พยายามลุกและวิ่งหนีคล้ายกัน จากนั้นโยนเขาเข้าเต็นท์ไหม้เต็นท์เดิม

ทหารศัตรูสองคนเป็นเพื่อนกันได้ ใครต่อ?

ศัตรูรอบๆผมเริ่มลดระหว่างพวกเดียวกันดันไปข้างหน้าเร็วๆ

เราเหนือกว่าตอนนี้ แต่สภาพโดยรวมของการต่อสู้ยังไม่ถูกตัดสิน

ผมว่าผมจะไปตรงอื่น

「เตรียมตัว!」

ตอนผมหันหลังพอดี ทหารม้าหนึ่งคนบุกใส่ผม

ถ้าจะมามาเร็วกว่านี้

ขณะชายยื่นหอกมาข้างหน้าระหว่างรีบมาข้างหน้า ผมบิดตัวหลบจากนั้นแทงกลางตัวเขาทะลุเกราะ

ผมใช้จังหวะเขาเองแทงเขาไป มันเลยทะลุเขาง่าย

ระหว่างชายยังติดที่หอกผม ผมเหวี่ยงหอกไปทั่วเพื่อให้เขาหลุดไปและโยนเขาไปที่ไหนก็ได้

เลือดพุ่งทุกที่ระหว่างชายบินลอยกับภาพเบื้องหลังที่มีไฟลุกดูแล้วสวยงาม

「มีใครอีกมั้ย?」

ทหารศัตรูที่ฟันดาบกับพวกเดียวกันของผมอยู่ส่ายหัวแรง

โอ้เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไร

การต่อสู้ดำเนินสักพัก ดังนั้นผมจากแนวหน้าและดูการต่อสู้กับลีโอโพลต์

ระเบิดตอนแรกให้เราได้เปรียบตอนสู้ แต่เราไม่สามารถกวาดล้างศัตรูที่จำนวนมากกว่ากองกำลังเราสามเท่าได้

เมื่อในที่สุดศัตรูก็ได้กลับไปมีความเป็นระเบียบและรักษามันไว้ได้ การต่อสู้จะเหมือนแข่งชักเย่อที่สองเราเต็มที่เพื่อเอาชนะอีกฝ่าย

「มันไม่ได้ดูดี」

เราควรก่อความเสียหายพอควรจากเมื่อรุกครั้งแรก

แม้เราคิดว่าเรากำจัดอะไรใกล้กับทหาร 20 000 คน

「ศัตรูกลับไปรวมกลุ่มได้เร็วกว่าที่คาด พวกเขาพร้อมร่างกายในสถานการณ์อันตราย」

เหมือนที่ลีโอโพลต์พูดทุกอย่าง

กองทัพพวกเขาต้องเห็นความเละเทะสนามรบมาแล้วและผ่านการรบของตัวเองแล้วเหมือนที่กองทัพเราเป็น

พวกเขาเข้าใจว่าใจไม่นิ่งจะตายเร็วขึ้น

เราก่อกวนพวกเขาได้ชั่วคราวแต่พวกเขาได้ความใจเย็นกลับคืนมาได้ค่อนข้างเร็ว

「พี่มีทางเลือกปิดฉากพวกเขาที่นี่ ด้วยการเสียคนเยอะ กองทัพพวกเขาไม่ควรมีกองกำลังเหลือใช้ให้ไล่เราและบุกมอลต์ต่อได้ เราชนะได้แม้ว่าเราถอยตอนนี้」

「แต่พวกเขาอาจเติมกำลังกองทัพและมาอีกครั้ง」

ผมร​ู้ว่าแวนโดเลียสู้เราไม่ได้นาน พื้นฐานนั้นเหมือนอัลแตร์เคาะประตูบ้านพวกเขาอยู่

นั่นเหมือนกันกับผมด้วยเหมือนกัน ผมประจำการกองทัพในมอลต์ไม่ได้ตลอดกาล

เราต้องจัดการพวกเขามากพอที่จะเสียหาย จนไม่คิดว่าจะรุกรานครั้งที่สองอีก

「ถ้าอย่างนั้นเราต้องเล็งหัว」

「ใช่」

ไม่สำคัญว่ากองทัพแกร่งแค่ไหน เมื่อผู้บัญชาการดับไป พวกเขาแตกกันอย่างเร็ว

แต่มันยากที่จะเจอคนที่ว่าในศึกเละยามค่ำ…….

「เฮ้」

ช่างเป็นเสียงสวยและผมบลอนด์สวยไม่เหมาะกับสนามรบ…… บรินดฮิลด์ยืนหน้าผมพร้อมหน้าดูไม่เป็นสุข

「งานฉันเสร็จไปแล้ว ฉันทนอยู่ที่วุ่นวายนานกว่านี้ไม่ได้ ฉันจะพาทุกคนไปกับฉันและไปนอน!」

「อาา ขอบคุณ หลับฝันดี」

ผมขอเรื่องเป็นไปไม่ได้แล้วเธอช่วยผมด้วยโจมตียามค่ำ

ผมพึ่งเธอไม่ได้อีกแล้วเมื่อสนามรบเละ

「ฮึ่ม เหมือนที่สัญญา…… ฉันจะเอานั่นไปเยอะๆ」

เธอจงใจพูดคลุมเครือแทนพูดดว่าเลือดเลยต่อหน้าซีเลียและลีโอโพลต์

บรินฮิลด์แม้แต่เอาตำแหน่งผมไว้ในใจ

「ระหว่างฉันยังอยู่ ฉันบอกเธอด้วยดีกว่าว่ามีกองทัพแต่งตัวหรูในทางตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขายืนนิ่งตลอดเวลาและอวดการป้องกัน」

「มันเป็นพวกเขา!」

ผมกอดและจูบบรินฮิลด์ก่อนกระโดดขึ้นชวาร์ซ

「ฮ่ะว้า! เธอทำอะไรต่อหน้าคนอื่นเนี่ย? คิดเกี่ยวกับที่-…… เขาไปแล้ว ซิกฟรีดไปช่วยเขาถ้าเขาดูเหมือนเกือบตาย เอาเขากลับมาแม้ต้องลาก ……ฉันจะไม่ให้เขาตาย」

「…..รับทราบ」

ขณะผมเดินหน้าสู่เต็นท์ใหญ่ในทางตะวันออกเฉียงใต้พร้อมลูกน้องติดมา ศัตรูที่หนาแน่นมีสูงขึ้นเห็นได้ชัด

「เหมือนคิดทุกอย่าง」

「มันดูเป็นแบบนั้น」

ศัตรูเหมือนตกใจที่เรามุ่งตรงหาพวกเขาแต่ยังสู้ได้ดี

「ช้าอย่างน่าหงุดหงิด…… ชวาร์ซฝ่าพวกเขาเลย」

ผมช้าที่นี่ไม่ได้ไม่อย่างนั้นนายพลศัตรูจะหนีไป

อะไรที่ผมต้องการตอนนี้เป็นความเร็วและแรงฝ่า

「บุก!」

ชวาร์ซกระทืบเท้าสู้พื้นครั้งหนึ่งเหมือนเร่งเครื่องก่อนซิ่งไปข้างหน้า

การเร่งเร็วพอที่กำลังที่ผลักตัวไปข้างหน้า ทำให้น้ำหนักผม แถมชุดเกราะ และเกราะชวาร์ซเบาเหมือนขนนก

「เขาเร็ว กันทางเขาเร็ว!」

ผมฟันศัตรูที่พยายามโจมตีผมจากด้านข้างและจากนั้นชวาร์ซกระโดดช้ามทหารราบที่กันเส้นทาง

ตามนั่นไป ทหารม้าศัตรูสองคนมาข้างหน้า พุ่งมาพร้อมหอกชี้ใส่ผม

「หยุดเขา!」

ศัตรูเข้าประชิดด้วยควาเร็วเต็มที่และชวาร์ซไม่ได้ช้าลงด้วยเหมือนกัน

ไมทันใดพื้นที่ระหว่างเราหายไป

แค่มื่อผมคิว่าเราจะชนแล้ว ชวาร์ซยกหัวและจ้องม้าตรงข้ามเขา

「อะว้า!」 「โด่ะว้า!!」

ที่จังหวะสุดทายสุดๆม้าเลี้ยวเร็วเพื่อหลบชวาร์ซ และผมเหวี่ยงคนขี่่มาไปและทำพวกเขาม้วนลงพื้น

อย่างน้อยคนนี้ก็มีไฟ

หลังจากผ่านศัตรูที่คนเยอะ ผมเห็นหน่วยที่ทหารเสื้อผ้าต่างกันสิ้นเชิง เพื่อให้พูดเฉพาะการแต่งสีทองบนไหล่พวกเขาไม่ได้ดูเหมือนของออกแบบสำหรับต่อสู้

ไม่ต้องสงสัยว่าคนพวกนี้อยู่กลางฐานกองทัพ

「ถ้าอย่างนั้นพวกนายเป็นนายพลเหรอ?」

ผมตะโกนเสียงดังใส่พวกเขาระหว่างลงชวาร์ซ

「กุ่….. พวกเดียวกันทำอะไรอยู่? ถอยฐานกองทัพ ยื้อเวลา!」

ณ คำสั่งของชายคนเดียว เหล่าทหารเคลื่อนไหวตามนั้น

ดีมากที่ทำให้ง่ายสำหรับผมรู้ว่าเขาเป็นนายพล

คนติดอาวุธหนักประมาณสิบคนก้าวมาข้างหน้า เห็นได้ชัดว่าต่างจากพลทหาร

ผมลดการป้องกันไม่ได้

「เอเกอร์ซามะ! เราจะสู้ด้วย!」 「ผมด้วย!」 「ผ-ผมด้วยเหรอ!?」 「มันเลี่ยงไม่ได้」

มันดูเหมือนซีเลียและคนอื่นๆตามผมมาและฝ่าศัตรูอื่นแล้วด้วย

และจากนั้นการต่อสู้เริ่มขึ้น

ผมโจมตีชายคนหนึ่งที่กันด้วยโล่ แต่โล่เขาพังและกลายเป็นคุกเข่าจากการฟันทรงพลัง ผมเตะตามหลังการฟันและส่งเขากระเด็นลงนอนและจากนั้นฆ่าเขาโดยฝังปลายหอกสู่คอเขา

ผมเห็นดาบใหญ่เหวี่ยงใส่ผมจากด้านข้างแต่มันเฉี่ยวหมวกเกราะ กระแทกและทำหัวผมสั่น

ขณะชายคิดเกินตัวและฟันอีกครั้ง ผมฟันแขนเขาหนึ่งครั้ง จากนั้นผู้ชายล้มลงพื้นหลังเสียแขนทั้งสองข้าง

「พวกเขาค่อนข้าทน」

ซีเลียและคนอื่นๆแต่ละคนสู้ศัตรูหนึ่งคน

ซีเลียหลบการฟันด้วยดาบและเลือกหลบการโจมตีศัตรูระหว่างเล็งช่องว่า อย่างไรก็ตามศัตรูรู้เจตนาและไม่เหวี่ยงใหญ่ๆ เปลี่ยนการต่อสู้เป็นดวลกัน

กิโด้ฟันกันกับศัตรูเขา

เขาดูเหมือนแรงน้อยกว่าแต่เขาเร็วละทักษะดีกว่า

มันไม่ได้ดูเหมือนจะจบเร็ว

ส่วนครอล……

「ฮ-เฮ้ นายไม่อยู่ในท่ายืนได้ยังไง!? นายดูถูกฉันเรอะ!?」

「ท่ายืนไม่จำเป็น เข้ามายังไงก็ได้」

「นี่คือไร้ท่ายืน….. ก-เก่ง ถ้าอย่างนั้นฉันได้สู้กับคนที่เก่งไม่น่าเชื่อ!」

ศัตรูของเขาดูเหมือนโง่ด้วยเหมือนกัน ครอลควรไม่เป็นไร ส่วนคริสตอฟ……

「อุว้าาาา!!」

「อ้าา! คริสตอฟโดนโจมตี!」

เมื่อผมดูเขาคริสตอบรับดาบเหนือไหล่และสลบ

โชคดีที่การโจมตีไม่ทะลุเกราะและคู่ต่อสู้เขาไม่ได้มีเวลาปิดฉากเพราะกลางกองทัพศัตรูเกิดวิกฤต

ผมยืดการต่อสู้ไม่ได้

ผมจะต้องฝ่าด้วยตัวเอง

「ไปไกลๆ!」

ผมมุดสู่ศัตรูและพุ่งเป็นเส้นตรงไปข้างหน้าหานายพลศัตรู

ศัตรูคนแรกเหวี่ยงแนวนอนใส่ผมที่ผมหลบด้วยการก้ม จากนั้นกวาดเท้าเขา

ผมกันฟันจากบนของศัตรูอีกคนด้วยหอก และต่อยหน้าเขาด้วยมือซ้ายส่งหัวกระเด็นหลังชายเซ

ศัตรูคนที่สามและคนที่สี่โจมตีมาพร้อมกัน

ผมป้องกันพร้อมกันโดยวางหอกยกแนวนอน จากนั้นวางอาวุธเพื่อจับแขนทั้งสองข้าง

「ฮึ่ม!」

ผมโยนทหารสองคนขึ้นฟ้าแรงๆ พวกเขาสองคนลอยขึ้นสูงก่อนลงมากระจายและเสียงแตกหลังจากตกพื้นในท่ากายที่ไม่เป็นธรรมชาติ

หนึ่งในพวกเขาคอหักระหว่างอีกคนดูเหมือนสันหลังหัก

「ขอโทษที่ให้รอ」

ผมหยิบหอกที่วางไว้และเจอหน้านายพลศัตรู

ไม่มีใครอื่นขวางทางผมแล้ว

「……ไอ้สัตว์ประหลาด มีชื่อมั้ย?」

ตัดสินว่าเขาหนีรอดปลอดภัยไม่ได้ นายพลชักดาบ

「……เอเกอร์…… ฮาร์ดเลตต์」

「ถ้าอย่างนั้นไอ้คนที่เบเซกพพูดถึง ฉันบูลซากผู้บัญชาการเหล่ากองทัพหน่วยสามของแวนโดเลียที่ทรงเกียรติ!」

ผู้ชายพุ่งมาข้างหน้าใส่ผมพร้อมดาบ

ผมกันการโจมตีแรกและการโจมตีที่สอง

ดูเหมือนการโจมตีเขาฝึกมาดีมาก เขาไม่โดนผมเอาชนะท่วมท้น

นอกจากนี้บูลซาร์กเป็นชายวัยกลางคนแล้วดังนั้นพลังเขาไม่เหมือนผู้ชายก่อนเขา

ทันทีที่เขาเข้าหาผม ชะตาเขาขาด

เขาต้องรู้นั่นเองเหมือนกัน แต่ผมเดาว่าเป็นเพราะศักดิ์ศรีหรือลูกน้องขณะทหารของกองทัพแวนโดเลียผู้ทรงเกียรติเค้นเขาให้สู้จนหยดสุดท้ายและไม่ยอมแพ้

「มันจะดูไม่ดีถ้าฉันทำครึ่งกลางๆ」

หลังกันฟันที่สาม ผมสร้างระยะระหว่างพวกเขาและแกว่งหอก

ผมจะตัดสินใจศึกนี้ด้วยการโจมตีต่อไป

「เข้ามาเลยเซ่!」

พร้อมเสียงตะคอกของเขา บูลซาร์กพร้อมแทงและจากนั้นพุ่งมาข้างหน้าหาผม

ผมพุ่งไปข้างหน้าเหมือนกันและปล่อยแทงไม่ยั้งมือ

ดาบบูลซาร์กเฉี่ยวหัวผมระหว่างหอกผมทำลายทุกอย่างเหนือคางเขา

ศึกนี้จบแล้ว

「อ้าาา!! ท่านผู้นำ…… กล้าดียังไงไอ้บัดซบ!!」

ผมได้ยินผู้หญิงร้องจากข้างหลัง

ผมหันไปดูว่ามันเป็นทหารคนเดียวกันทำชนะคริสตอฟด้วยฟันทีเดียว

ถ้าอย่างนั้นนั่นเป็นสาว ผมบอกพร้อมหมวกเกราะไม่ได้

ฟิ้ว นั่นเกือบ ผมดีใจที่คริสตอฟสู้กับเธอ!

ผมก้าวออกข้างดาบของผู้หญิงที่วิ่งมาฟันผม

การโจมตีเธอไม่ได้ดูหนักแต่เร็ว เกือบเหมือนซีเลียแต่น้ำหนักมากกว่า

「แกหลบต่อไปเถอะ…… โอ้ว!」

ผมมองการเคลื่อนไหวใกล้ๆจากนั้นปัดดาบเธอ จากนั้นเอื้อมจับคอเธอด้วยมือ

「กุ….. อั่กก่ะ…… ออุุ……」

เมื่อผมเริ่มกำสาวดิ้นไม้ยั้ง แต่ในท้ายที่สุดสาวก็นิ่งไป

แน่นอนผมไม่ได้หักคอเธอหรืออะไรทั้งสิ้น

ผมดึงเธอเข้ามาใกล้และให้แน่ใจว่าเธอหายใจ ก่อนยกเธอขึ้นไหล่และตะโกนออกไปอย่างผู้ชนะ

「เราชนะ!! ทุกคนส่งเสียง!!」

「โออออออ้!!」

หลังจากเห็นบูลซาร์กตายทหารที่สู้ซีเลียและคนอื่นๆก็ยอมแพ้และวิ่งหนี

ทหารที่ดื้อของกองทัพแวนโดเลียก็แตกอย่างเร็วพร้อมความตายผู้บัญชาการ และศึกกลายเป็นตีแตกพ่ายอยู่ฝ่ายเดียวตอนตะวันเริ่มขึ้นมา

「ถ้าอย่างนั้น….. ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นนักโทษสงครามเหรอ? หรือพี่จะใช้เป็นของเล่น?」

การจ้องไมล่าเจ็บ

「พี่ซั่มนักโทษสงครามไม่ได้! นักโทษจำเป็นต้องถูกปฏิบัติอย่างเหมาะสม!」

อย่าพูดอย่างนั้นด้วยอิริจิน่า ผู้หญิงคนนี้ดูเกี่ยวข้องกับกลางกองทัพดังนั้นเธออาจมีข้อมูล

ผมจะปล่อยเธอหลังขั้นต่อไปสำเร็จ

「ถ้าอย่างนั้นพี่ไม่ทำเธอเป็นผู้หญิงของพี่เหรอ?」

「ไม่ พี่จะยั่วเธอ」

ผมไม่หวังมาก แต่เธออาจให้ผมขี่เธอก็ได้

ผมจะไม่รู้ยกเว้นผมจะลอง

「「「หนูกะแล้ว」」」

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูใบไม้ร่วง

สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย เจ้าศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส

พลเมือง: 163,000 เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 4500

กองทัพ: 10,650 คน (รอพร้อมภายในดินแดน: 2000 คน)

ทหารราบ:5300 คน, ทหารม้า 800 คน, พลธนู: 1000 คน, ทหารม้าธนู: 1850 คน

ปืนใหญ่: 30 กระบอก, ปืนใหญ่มาก: 10 กระบอก

ทรัพย์สิน: 1070 ทอง

คู่นอน: 228, ลูกเกิดแล้ว: 48 + ปลา 555 ตัว