ตอนที่ 225 โครงเรื่องซับซ้อนเกินกว่าจะเขียนเป็นนิยาย

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 225 โครงเรื่องซับซ้อนเกินกว่าจะเขียนเป็นนิยาย

ตอนที่ 225 โครงเรื่องซับซ้อนเกินกว่าจะเขียนเป็นนิยาย

หลังจากที่เฉินเจียเหอล้างจานเสร็จแล้ว เขาก็กำลังจะพาหู่จือกลับบ้าน แต่แล้วโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น

เฉินเจิ้นเจียงรับสาย เป็นโจวเจี้ยนกั๋วนั่นเองที่โทรมาด้วยน้ำเสียงกังวล บอกว่าเขาจะพูดกับเฉินเจียเหอ

“เจียเหออยู่บ้านครับ”

เฉินเจิ้นเจียงหยุดเฉินเจียเหอที่กำลังจะออกไปข้างนอก เพื่อให้เขากลับมารับโทรศัพท์

เฉินเจียเหอสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของโจวเจียนกั๋ว “คุณน้าครับ ทำไมเสียงคุณดูร้อนใจแปลก ๆ เกิดอะไรขึ้นที่บ้านเหรอครับ? ตายายผมไม่สบายหรือเปล่า?”

“เปล่าเลย พวกเขาสบายดี”

โจวเจี้ยนกั๋วพูดต่อ “สหายจากสำนักสันติบาลโทรมา บอกว่าพลเมืองชื่อเสิ่นเถี่ยจวินให้ข้อเสนอแนะกับพวกเขาว่าเขาไม่ต้องการแสวงหาความรับผิดชอบจากฝ่ายไหน ๆ อีก ไม่จำเป็นต้องสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป”

“อะไรนะ?”

เฉินเจียเหอเหลือบมองไปทางเฉินเจียซิ่งที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟา จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อและพูดว่า “คุณน้า เดี๋ยวผมขอกลับไปที่บ้านในเขตโรงงานก่อน สักพักจะโทรกลับไปใหม่นะครับ”

จากนั้นเฉินเจียเหอก็วางสายไปดื้อ ๆ

เฉินเจิ้นเจียงมองเฉินเจียเหอด้วยความสงสัย “คุณน้ามีเรื่องอะไรกับลูกหรือเปล่า? ทำไมถึงคุยธุระที่ว่าให้พวกเราฟังไม่ได้?”

เฉินเจียซิ่งก็หันกลับมามองเขาเช่นกัน

เฉินเจียเหอหาข้อแก้ตัวไปว่า “ไม่มีอะไรครับ เขาแค่โทรมาขอคุยรายละเอียดกับเซี่ยเซี่ยให้ช่วยออกแบบอุปกรณ์ทำการเกษตรเครื่องใหม่ แต่ผมเห็นว่าตอนนี้ดึกแล้ว เลยขอพาหู่จือกลับไปนอนก่อน แล้วค่อยคุยกับเขาพรุ่งนี้”

“พ่อ แม่ พวกเราไปก่อนนะครับ”

“อืม กลับบ้านกันดี ๆ ล่ะ”

ตอนแรกเขาอยากรั้งให้พวกเขาอยู่ต่อ แต่ในขณะเดียวกันก็กลัวว่าลูกสะใภ้ทั้งสองจะเริ่มทะเลาะวิวาท เฉินเจิ้นเจียงจึงโบกมือ ปล่อยพวกเขากลับไปแต่โดยดี

ถ้าลูกสะใภ้สองคนทะเลาะกันขึ้นมา บอกตามตรง แม้แต่พวกเขาก็ไม่สามารถออกหน้าไกล่เกลี่ยได้

ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นลูกสะใภ้เหมือนกัน

อีกใจหนึ่งก็อยากฝากความหวังไว้กับเฉินเจียซิ่ง ให้เขาช่วยตักเตือนภรรยาด้วยเหตุและผล แต่เจ้าลูกชายคนนี้ก็ดูเหมือนจะมีอำนาจไม่พอ

เฉินเจียเหอจับมือสองแม่ลูก พาพวกเขาเดินออกไปขึ้นรถประจำทาง

ทั้งสองพาหู่จือกลับไปส่งที่บ้านก่อน เปิดทีวีให้เขา และกำชับให้เขานั่งดูทีวีอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็ออกไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้าประตูอาคารพักอาศัยเพื่อโทรกลับหาโจวเจี้ยนกั๋วอีกครั้ง

เฉินเจียเหอถาม “คุณน้า เรื่องการสืบสวนที่นั่นคืบหน้าไปถึงไหนแล้วครับ?”

“ได้ยินว่าเกือบเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่จู่ ๆ เสิ่นเถี่ยจวินก็เข้ามาแทรกแซง บอกให้ตำรวจยกเลิกการสืบสวน”

“เขาไม่ใช่บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แถมยังไม่ใช่คนแจ้งความด้วย ต่อให้เขาจะอยากจบเรื่อง แต่แม่ยายผมไม่มีทางถอนแจ้งความแน่ เพราะฉะนั้นให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนต่อไปเถอะครับ”

โจวเจี้ยนกั๋วตอบกลับ “ใช่ น้าก็คิดเหมือนกันว่าผู้ชายคนนั้นมาแปลก ว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว เขาเองก็ตกเป็นเหยื่อจากเรื่องนี้เหมือนกัน ดังนั้นเขาควรให้ความร่วมมืออย่างจริงจังกับกระบวนการสืบสวนของตำรวจสิ ทำไมจู่ ๆ ถึงขอให้พวกเขายกเลิกคดีกลางคันล่ะ? เธออย่าลืมไปตรวจสอบเขาเพิ่มเติมหน่อย ไม่แน่ว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง”

“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณคุณน้ามาก ๆ”

โจวเจียนกั๋วพูดกับเขาอีกครั้งว่า

“จริงสิ น้าโทรหาเธอวันนี้เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถติดต่อกับหลิวกุ้ยอิงได้ วานไปบอกหล่อนหน่อยว่าพรุ่งนี้ให้หาเวลาว่างโทรกลับไปที่สำนักสันติบาล พวกเขาต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์จากปากหล่อน”

“ได้ครับ ขอบคุณคุณน้าที่ช่วยเป็นธุระให้นะครับ”

“ธุระอะไรกัน?” โจวเจี้ยนกั๋วพูดด้วยรอยยิ้ม “เครื่องหว่านเมล็ดข้าวโพดของโรงงานเราจวนถึงขั้นตอนสุดท้ายในผลิต และจะออกสู่ตลาดเร็ว ๆ นี้แล้ว ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้เซี่ยเซี่ย เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ไม่ถือเป็นธุระหนักหนาอะไรหรอก”

“ครับน้า อย่าลืมเข้านอนแต่หัววันนะครับ”

“เสิ่นเถี่ยจวินขัดขวางไม่ให้ตำรวจสืบสวนต่อ” หลังออกมาจากตู้โทรศัพท์ เฉินเจียเหอก็มองไปที่หลินเซี่ยแล้วพูดต่อ “ดูเหมือนว่าการคาดเดาของพวกเราจะถูกต้อง เขาต้องมีส่วนในการกระทำผิดไม่มากก็น้อย”

หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินเจียเหอพูด สีหน้าของหลินเซี่ยก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาท่ามกลางคืนที่มืดมิด

เสิ่นเถี่ยจวินต้องเป็นคนทำแน่

ชาติที่แล้ว ชายคนนั้นเคยเป่าหูเธอด้วยคำลวงหลอกมานับครั้งไม่ถ้วน กล่าวหาว่าหลิวกุ้ยอิงโลภในทรัพย์สมบัติ จึงทำในสิ่งที่ไร้ศีลธรรมลงไป

แต่ในเวลานั้น หลิวกุ้ยอิงเสียชีวิตจากการพยายามช่วยชีวิตเธอ ทำให้ไม่มีหลักฐานในการสืบต่อ

ความเชื่อเหล่านั้นทำให้เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าตัวเองไปแย่งชีวิตในวัยเด็กของเสิ่นอวี้อิ๋ง พอรู้สึกผิด ก็เต็มใจที่จะทำงานรับใช้เหมือนเป็นขี้ข้าของพวกเขา

เสิ่นเถี่ยจวินคือคนหน้าซื่อใจคดที่ใช้ภาพลักษณ์อันดีงามบังหน้าจริง ๆ

เขาทำลงไปได้อย่างไร…

พอกลับถึงบ้าน พวกเขาก็พาหู่จือเข้านอน เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยออกมานั่งบนโซฟาอย่างเงียบ ๆ เวลาผ่านไปนานก็ยังไม่รู้สึกง่วงนอน

หลินเซี่ยคิดถึงแรงจูงใจและจุดประสงค์ของเสิ่นเถี่ยจวินอีกครั้ง

พอข้อสันนิษฐานที่น่าจะเป็นไปได้ปรากฏ เธอก็ถึงกับอึ้ง!

เธอมองไปที่เฉินเจียเหออย่างว่างเปล่าพลางถามว่า “หรือว่า เป็นเพราะเสิ่นเถี่ยจวินสงสัยว่าเซี่ยหลานกำลังตั้งท้องลูกของเซี่ยเหลย เขาเลยจงใจสลับตัวเด็ก เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องฝืนใจเลี้ยงเด็กที่เป็นลูกของศัตรูหัวใจคะ?”

เฉินเจียเหอหันมาสบตาเธอแล้วตอบว่า “แต่ท้ายที่สุดโชคชะตาก็เล่นตลกกับผู้คน ใครจะคิดว่าเด็กที่เขาไปสลับตัวมา กลับกลายเป็นลูกสาวตัวจริงของเซี่ยเหลย”

“น่าอัศจรรย์อะไรอย่างนี้”

หลินเซี่ยเองก็รู้สึกประหลาดใจกับความบังเอิญดังกล่าว

โลกใบนี้ มีเรื่องน่าเหลือเชื่อขนาดนี้เกิดขึ้นจริงได้อย่างไรกัน?

ขโมยไก่ไม่ได้ซ้ำยังเสียข้าวสารหนึ่งกำมือ

นี่ถือเป็นโครงเรื่องที่ซับซ้อนเกินกว่าจะเขียนเป็นนิยายอย่างแท้จริง

ทันใดนั้นหลินเซี่ยก็รู้สึกสาแก่ใจกับเสิ่นเถี่ยจวินขึ้นมา เธอมองไปที่เฉินเจียเหอ และเหยียดยิ้มอย่างชั่วร้าย “คุณคิดว่าเสิ่นเถี่ยจวินจะมีปฏิกิริยายังไง เมื่อเขารู้ความจริงเกี่ยวกับภูมิหลังที่แท้จริงของฉัน?”

เฉินเจียเหอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “เขาคงทำหน้าตาน่าเกลียดที่สุดในชีวิตแน่ หลังจากฝืนทนกับคุณที่เป็นเหมือนเงาของศัตรูหัวใจมาหลายปี เขาคงเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก และโทษโชคชะตาที่กลั่นแกล้งเขาไม่รู้จบ”

“ใช่แล้ว ในที่สุดฉันก็เข้าใจแววตาซับซ้อนของเขาตอนที่เขามองฉันเมื่อก่อนแล้วล่ะค่ะ”

หลินเซี่ยเริ่มตั้งตารอคอยวันนั้น รอให้ถึงเวลาที่เสิ่นเถี่ยจวินได้รู้ความจริง

เธออยากเห็นสีหน้าท่าทางของเสิ่นเถี่ยจวินและผู้เฒ่าเสิ่นเป็นที่สุด ถึงตอนนั้นคงไม่ต่างจากสีหน้าขณะกล้ำกลืนอาจม

“เซี่ยไห่ไปถึงไหนแล้ว? คุณได้โทรหาเขาอีกรอบหรือยังคะ?”

เฉินเจียเหอพยักหน้า “โทรแล้ว ผมบอกความจริงไปหมดแล้วล่ะ พอผมเล่าจนจบ ตอนแรกเขาไม่ยอมรับกับเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นได้เลย ชายคนนั้นดูวิตกกังวลและระมัดระวังกับข้อมูลที่ได้รับมาก เขาบอกว่าขอเวลาไปตรวจสอบความจริงอีกครั้ง ถ้าเกิดเบาะแสตรงกันกับที่ผมให้ไว้ เขาจะรีบกลับมาทันที”

“วันนี้ถังหลิงมาเชิญคุณไปร่วมพิธีเปิดร้านเสริมสวยของหล่อนด้วยล่ะ” หลังจากคุยเกี่ยวกับธุระส่วนตัวแล้ว ทันใดนั้นหลินเซี่ยก็มองไปที่เฉินเจียเหอด้วยรอยยิ้มจาง ๆ พูดด้วยน้ำเสียงมีความหมาย

เฉินเจียเหอตอบกลับโดยแทบไม่ต้องคิด “ไม่ไป ผมไม่ว่าง”

“แต่หล่อนมาเชิญฉันด้วยนะ” หลินเซี่ยมองเขาด้วยรอยยิ้มเสียไม่ได้ “พวกเราก็ไปตามมารยาทสักหน่อยเถอะ ไม่คิดจะไปแสดงความยินดีกับหล่อนหน่อยหรือไง?”

“ไม่จำเป็นต้องไปหรอก”

ทันใดนั้นเฉินเจียเหอก็ขยับเข้ามาหาเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ “ค่ำคืนนี้สงบเป็นใจมาก อย่ามัวแต่พูดถึงคนอื่นให้วุ่นวายใจเลย”

เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก มองดูหญิงสาวผมยาวที่ห่มผ้าคลุมไหล่อย่างหมายมาด แววตาไม่ต่างจากสัตว์นักล่าขณะเฝ้าดูเหยื่อ

“จะทำอะไรน่ะ?” หลินเซี่ยมองไปที่ชายตรงหน้าซึ่งค่อย ๆ ขยับเข้ามาหาเธออย่างเชื่องช้า แล้วถอยออกห่างโดยไม่รู้ตัว

ดวงตาของเขาช่างลึกล้ำมีเสน่ห์มาก ราวกับว่ามันกำลังดึงดูดเธอให้ถลำลึกลงไป

“คุณไม่ได้บอกหู่จือหรอกเหรอว่าคุณคิดจะมีน้องสาวให้เขา?”

ชายคนนั้นเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น ก่อนจะกระซิบข้างหูเธอด้วยเสียงแผ่วหวิว ในขณะเดียวกันก็ใช้ฝ่ามือใหญ่แตะเอวเล็กเรียวบางของเธอ

หลินเซี่ยหน้าแดงก่ำ พยายามผลักเขาออก “น้องสาวอะไรกัน? ฉันยังเด็กอยู่เลยนะ”

“แล้วคุณไม่อยากมีลูกเหรอ?” เขาวางร่างเธอลงบนโซฟา ยกมือขึ้นลูบผม แล้วมองเธอด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ

หลินเซี่ยเบือนหน้าหนี แสดงความคิดเห็นของตัวเอง “ฉันว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายหลายหลากเข้ามากวนใจมากเกินไป”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาเตรียมตัวให้พร้อมเผื่อวันนั้นกันดีกว่า”

ขณะที่เฉินเจียเหอพูดแบบนี้ การเคลื่อนไหวของมือของเขาไม่ได้หยุดนิ่งเลย ปลายนิ้วแทรกทะลุชายเสื้อเธอขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำ

“วันนี้ผมจะเบามือนะ”

หลังจากกระซิบข้างหูเธอ เขาก็อุ้มร่างบอบบางขึ้นมาโดยตรง เดินเข้าไปในห้องนอนด้วยย่างก้าวที่มั่นคง แล้ววางเธอให้เอนลงบนเตียงทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็โน้มตัวลงไปทาบทับ

หลังจากผ่านคืนมรสุมอันเร่าร้อน หลินเซี่ยก็อ้าปากหาววอด แบกร่างกายอันเหนื่อยล้าของตัวเองไปที่ร้านแต่เช้าด้วยอารมณ์ง่วงงุน

ทันทีที่เปิดประตูร้าน หลิวกุ้ยอิงก็มาหาเธอทันที

เพียงแต่วันนี้หล่อนมาคนเดียว เอาแต่หลบสายตา และแสดงสีหน้ากังวลอยู่ตลอด พร้อมกันนั้นก็มองไปรอบ ๆ ร้านตัดผม เมื่อเห็นว่าชุนฟางไม่อยู่ที่นั่นก็เดินเข้าไปอย่างโล่งใจ

เห็นได้ชัดว่าหล่อนตั้งใจมาหาหลินเซี่ยเพื่อบอกอะไรบางอย่าง แต่ไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องนี้

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ตระกูลเสิ่นเตรียมพังได้เลย พ่อที่แท้จริงของเซี่ยเซี่ยกำลังจะมาแล้ว

พี่เหอไม่เคยเบาอะ ไหนคือที่พี่บอกว่าจะเบามือคะ ทำเซี่ยเซี่ยหมดสภาพทุกรอบแบบนี้ไม่เรียกว่าเบาค่ะ

คุณแม่มีความลับอะไรเพิ่มเติมกันนะ?

ไหหม่า(海馬)