บทที่ 187สายสาแหรกตระกูลอิทธิพล

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่187สายสาแหรกตระกูลอิทธิพล

“ของของตระกูลกู่ ใช่หรือที่เศษเดนอย่างแกจะเอามาพูดส่งเดชได้?”

เสียงของหลี่หรานหนาวเยือก ทำเอาคนอึดอัดหายใจไม่ออก

พวกญาติที่วางท่าโอหัง ทำหยิ่งผยองสุด ๆ เมื่อก่อนหน้านี้ เห็นสถานการณ์ตอนนี้ แต่ละคนสงบเงียบเป็นจักจั่นจำศีล ให้แม้แต่เฉินเสวียลี่เอง ก็ตกใจจนไม่กล้ากระดิกตัว ยืนกระมิดกระเมี้ยนอยู่มุมข้าง ๆ

ความตื่นตระหนกในใจ ต้องเรียกว่าหวาดกลัวถึงที่สุด!

หลี่หรานถ้าเห็นว่าเขาเป็นเพื่อน เขาก็ได้เป็นเพื่อนของหลี่หราน ถ้าหลี่หรานไม่เห็นเขาเป็นเพื่อน เขานี่แม้แต่ลมตดยังไม่ใช่เลย!

ยิ่งไปกว่านั้น หลี่หรานให้ความช่วยเหลือเขามานานนม ต่อให้เป็นบุญคุณยิ่งใหญ่เทียมฟ้า ก็คืนเขาไปได้แทบไม่เหลือเศษแล้ว

“ยังมีใคร ใครบอกว่าของของตระกูลกู่นั้นเป็นขยะ?” หลี่หรานกวาดตาที่หนาวเยือกออกไป

พวกที่ได้ส่งเสียงพูดกัน ต่างตัวสั่นกันไปพลัน ก้มหน้านิ่งไม่กล้าออกเสียง ในเขตอำเภอซานเซี่ยง ถ้าหากใครถูกหลี่หรานเพ่งเล็งเข้าให้ นั่นแปลได้ว่าเขาเลิกคิดที่จะอยู่ทำมาหากินที่นี่อีกต่อไปแล้ว

“ท่านกู่แห่งตระกูลกู่?ท่านคือ……”

จ้าวลิ่วป๋อที่นั่งในตำแหน่งประธานชะงักอึ้ง เขาเป็นคนวิสัยทัศน์ต่ำต้อย ไม่รู้จักเลยกับชื่อเสียงของบ้านตระกูลกู่

“สายสาแหรกตระกูลอิทธิพลเล็ก ๆ ไม่พอที่จะพูดถึงกัน” กู่มู่สวีนยิ้มชืด ๆ

สายสาแหรกตระกูลอิทธิพล?

ได้ยินคำที่พูด คนทุกคนตัวสั่นกันงก ๆ

พวกเขาถึงวิสัยทัศน์จะไม่กว้างไกล แต่ก็เข้าใจดี ถึงนิยามของคำว่าตระกูลอิทธิพล ว่าอะไรคือตระกูลอิทธิพล?ร้อยปีคือตระกูลสืบทอด พันปีคือระดับอิทธิพล ต่อให้เอาตระกูลอันดับหนึ่งทั้งหมดในเจียงหนานรวม ๆ กัน ก็ยังไม่พอให้หนึ่งตระกูลอิทธิพลใส่ใจมองเลย

ถึงแม้ว่า ตระกูลกู่จะเป็นเพียงสายสาแหรกตระกูลอิทธิพล แต่โดยฐานะแล้ว ก็เหยียบข้ามมากหลายของตระกูลอันดับหนึ่งไปแล้ว

บรรดาญาติในตระกูลจ้าวต่างอึ้งทึ่งกันในใจ ไม่คิดเลยว่า เมืองเขตเล็ก ๆ อย่างอำเภอซานเซี่ยง กลับยังมีสายสาแหรกตระกูลอิทธิพลปรากฏตัวมาได้ แต่ทว่า ในภาพเหตุการณ์ต่อไปนี้นี่สิ เป็นเหมือนฟ้าผ่ากลางวัน ใส่ลงกลางใจของทุกคนที่อยู่ที่นั่น

ภาพที่เห็นคือกู่มู่สวินเดินเข้าไปข้างหน้ามู่เซิ่ง พูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจว่า “คุณมู่ ต้องขอประทานโทษ มาคราวนี้ทำเอาคุณเสียหายหมดเลยมั้ย?เป็นเพราะนังลูกไม่รักดีที่บ้านผมนั่นตื๊ออาละวาด ลากจนผมต้องมา”

กู่มู่สวินยิ้มแหย ๆ พูด ตัวเขาเองไม่รู้เรื่องจริง ๆ ว่าเจ้าของงานแซยิดที่จะมาอวยพร จะเป็นคุณตาของเจียงหว่าน กระทั่งเขาเองเกือบทำคุณบูชาโทษ เพิ่มความเดือดร้อนให้มู่เซิ่งไปอีก

เรื่องนี้จึงทำให้ในใจเขานั้น ต้องหวาดไหวเป็นอย่างมาก

ทว่า ภาพที่ญาติตระกูลจ้าวเห็นอยู่นี้ ทุกคนตะลึงงันยืนเซ่อกันไปหมด

เฉินเสวียลี่ที่ยืนเซ่ออยู่ที่มุมผนังห้อง ก็ยิ่งดูเหมือนตกใจจนขวัญกระเจิงหมดแล้ว!

เมื่อกี้นี้แตกตื่นผวากับฐานะของตระกูลอิทธิพล ตอนนี้ดูลึกลงไปอีก สายสาแหรกตระกูลอิทธิพล ให้ความยำเกรงกับมู่เซิ่งถึงขนาดนี้เลยเชียวหรือ?หรือหมายถึง ฐานะของมู่เซิ่ง เทียบกับกู่มู่สวีนแล้วยังเหนือชั้นไปกว่าอีก?

เป็นไปได้ยังไง!

เฉินเสวียลี่กลัวจนเหงื่อกาฬแตกท่วมตัว

นัยน์ตาของเขาทอแต่ประกายความไม่อยากเชื่อ ลูกเขยประเภทบ่าวแต่งเข้าบ้านของตระกูลเจียง ไอ้ขยะตัวหนึ่งที่รู้จักกันทั่วของคนทั่วไปในเจียงหนาน ถูกจ้าวเหมยเหมยดูถูก ถากถางเหยียดหยาม แม้คำตอบโต้ยังไม่กล้าออกปาก แต่กลับทำให้กู่มู่สวีนก้มหัวให้ได้

“ใช่เลยเพราะเขา แท้ที่จริงทั้งหมด เพราะเขานี่แหละ!”

เฉินเสวียลี่พึมพำอยู่กับตัวเอง มาถึงตอนนี้เขาจึงได้เข้าใจ ทำไมถังเสี่ยวเยว่ถึงได้เคารพนบนอบถึงขนาดนั้น ส่วนมู่เซิ่งนั้น ทำไมมีเงินมากมายขนาดนั้น ถึงขนาดซื้อเสื้อผ้าที่จำกัดขายเฉพาะที่ของGUGCแบบยกเหมาหมดรวดเดียวได้

นี่ไม่ใช่เลยที่จะเป็นแบบที่จ้าวเหมยเหมยพูด หาว่าสาเหตุมาจากที่เจียงหว่านได้งานโครงการเขตซีไห่ ตรงกันข้าม ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นได้จากมู่เซิ่งอยู่เบื้องหลัง!

คนที่ถูกบ้านตระกูลจ้าวเรียกว่าไอ้ขยะคนนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ใช่ขยะ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นผู้ชายที่กระทบกระทั่งไม่ได้เลยเด็ดขาด!

เฉินเสวียลี่ที่คิดจนรู้เข้าใจทั้งหมดแล้ว ทันใดนั้นก็ก้าวพรวดพราดเข้าไป มาถึงข้างหน้ามู่เซิ่ง คุกเข่าลงไปดื้อ ๆ โขกหัวลงไปพลางพูดกับมู่เซิ่งว่า “คุณมู่ ผมจะตัดขาดจากถงเสว่เหมยเดี๋ยวนี้เลยแล้วครับ เรื่องทั้งหมดนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย ได้โปรดเถอะนะผมขอคุณ กรุณาไว้ชีวิตผมด้วย”

การคุกเข่าลงไปของเฉินเสวียลี่ ไม่ผิดกับลูกระเบิดลูกหนึ่ง เกิดระเบิดขึ้นมาที่ตระกูลจ้าว

ถงเสว่เหมย ได้ยินเข้าดังนั้น ก็ลนลานขึ้นมาทันที “เสวียลี่ คุณพูดอะไรนั่น พวกเราแยกทางกันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“ไสหัวไปเลย!ผู้หญิงสารเลวอย่างเธอ ที่ข้าอยู่กับแกมาตอนนี้ มันก็เอาไปเล่น ๆ เท่านั้น ข้าจะบอกแกเลยนะ แกนั้นถูกข้าเขี่ยทิ้งแล้ว!” เฉินเสวียลี่ที่คุกเข่าอยู่กับพื้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดไป

พวกสารเลว สารเลวกันทั้งบ้าน!

เฉินเสวียลี่ในเวลานี้ ลุ้นอยู่แต่จะตัดสัมพันธ์พวกนั้นให้พ้น ๆ จากตัวเขาไป

ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวเหมยเหมยกับถงเสว่เหมย เขามีหรือที่จะต้องไปกระทบกระทั่งกับมู่เซิ่ง?

“เสวียลี่ คุณ คุณโกหกฉันใช่ไหม?คุณรับปากกับฉันอยู่ชัด ๆ ว่าต่อไปนี้จะคอยเลี้ยงดูแลฉันไม่ใช่หรือ?” ถงเสว่เหมยดึงแขนของเฉินเสวียลี่ไว้แน่น ร้องไห้ตะโกนเสียงลั่น

“ไสหัวไป!”

เฉินเสวียลี่ระดมกำลังเต็มที่ ซัดมือออกไป ตบใส่หน้าของถงเสว่เหมยอย่างเต็มที่

ถงเสว่เหมยถูกตบจนกระเด็นลอยออกไป ใบหน้าที่นวลเนียน ปรากฏรอยแดงจัดเป็นจ้ำฝ่ามือ

“ก็ยังถือว่าแกยังมีตาไว้แยกแยะได้ รู้จักใครเป็นคุณมู่ ที่แกจะกระทบกระทั่งไม่ได้” หลี่หรานหัวเราะต่อเนื่อง “แต่ทว่า ใครที่ได้ไปกระทบกระทั่งคุณมู่แล้ว โทษตายพอยกให้ได้ แต่เรื่องโทษยังคงต้องมี ชีวิตของแกก็จึงยกให้ แต่บริษัทของแกนั่น พรุ่งนี้ปิดทิ้งไปเลย”

ได้ยินคำพูดนี้เข้าไป เฉินเสวียลี่หน้าซีดเหมือนขี้เถ้าแห้ง

แต่นี่ก็ยังดีกว่าจบชีวิตไปเป็นไหน ๆ เขาจึงได้แต่กัดฟันผงกหัว พูดไปว่า “ครับท่านประธานหลี่ ผมจะจัดการตามคำสั่งครับ”

ประโยคเดียว ก็ตัดสินความเป็นความตายของบริษัทระดับอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ได้ ความเก่งกาจของมู่เซิ่ง แสดงให้เห็นออกมาอย่างชัดแจ้ง

จ้าวเหมยเหมยมองมู่เซิ่งด้วยสีหน้าซีดเผือด เธอถึงจะไม่อยากยอมรับ ถึงไม่อยากเชื่อยังไง เธอก็เข้าใจได้อยู่ว่า มู่เซิ่งเวลานี้ คงเป็นสิ่งที่เธอจะไปแหย่ไม่ได้เลยอย่างเด็ดขาด

บรรดาคนในตระกูลจ้าว หน้าซีดเป็นขี้เถ้าแห้ง

“ท่านกู่ ผมมาที่นี่เพื่ออวยพรงานแซยิด ไปทำให้ท่านปู่จ้าวตกใจเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย พวกเราไปคุยกันข้างนอกเถอะ” ขณะนี้เอง มู่เงก็ได้ลุกยืนขึ้น พูดยิ้ม ๆ ออกมา

“ครับ คุณมู่เชิญครับ” กู่มู่สวีนพูด

หลังจากมู่เซิ่ง กู่มู่สวีนทั้งสอง เดินออกประตูไปแล้ว ทั้งห้องเหมาจัดงาน ยังคงเงียบสงัด เฉินเสวียลี่คงคุกเข่าอยู่กับที่ สีหน้าขาวซีด ตัวสั่นเป็นตะแกรงร่อนข้าวเปลือก

คนทั้งหมดยังยืนนิ่งเซ่อ

ภาพเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ เหมือนเป็นภาพยนตร์ที่ฉาย สมองพวกเขายังไม่ยอมตื่นออกจากภวังค์

“เจียงหว่าน เจ้ามู่เซิ่งนี่ ทำไมยิ่งวันยิ่งร้ายกาจนัก?” จ้าวหลินกระซิบข้างหูเจียงหว่าน ถามเสียงเบา ๆ

แม้ว่าในใจมีการเตรียมพร้อมรับอยู่ แต่พลังของมู่เซิ่ง ก็ยังสูงเกินกว่าที่เธอคาไว้ไปอีกมาก

เจียงหว่านหัวเราะแหย ๆ พูดว่า “ไม่ใช่มู่เซิ่งยิ่งวันยิ่งร้ายกาจเลย เขาเป็นของเขามาแบบนี้ตลอด เพียงแต่พวกเราตั้งแต่เริ่มแรกมาถึงตอนนี้……ไม่เคยได้ใช้สายตาตรง ๆ มองเขาเลย”

อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน ฐานะของมู่เซิ่ง ในสายตาของเจียงหว่านนั้น ก็เหมือนปัญหาในเครื่องหมายคำถาม เรายิ่งเจาะใกล้เข้าไป ยิ่งปรากฏให้เห็นปัญหาในปัญหานั้น ลึกล้ำอย่างยากที่จะหาคำตอบได้!

“ทุกท่านทานดื่มเต็มที่ให้สบายเลยนะครับ ค่าใช้จ่ายของโรงแรมไป๋ต้าในวันนี้ ฟรีทั้งหมด” หลี่หรานพูดด้วยเสียงหัวเราะ แล้วผลักเปิดประตูเดินออกไป

เหล่าบรรดาลูกหลานตระกูลจ้าว มองดูหลี่หรานเดินออกไป ขณะเดียวกับความตื่นตระหนก ภายในใจยังระคนด้วยความรู้สึกเสียดาย

พวกเขาพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการประจบเอาใจมู่เซิ่ง

เดิมทีในสายตาของพวกเขานั้น ยังงมโข่งคิดอยู่แต่ว่าได้รู้จักกับประธานบริษัทคนหนึ่ง เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจแล้วอย่างยิ่ง ตอนนี้เฉินเสวียลี่เทียบเข้ากับมู่เซิ่งแล้ว ต้องว่าเศษขยะก็ยังเทียบไม่ได้

“เสวียลี่ มู่เซิ่งไปแล้ว ที่เธอพูดกับประธานหลี่ก่อนหน้านี้พร้อมกับฉันด้วยเป็นการเล่นละครใช่มั้ย?ฉันรู้ เธอไม่ได้คิดจะแยกทางกับฉันแน่ ๆ ”

ขณะนี้เอง ถงเสว่เหมยคลานลุกขึ้นจากพื้น รั้งมือเฉินเสวียลี่ไว้แน่น

เฉินเสวียลี่ค้อนตาหนาวเยือกใส่ สะบัดมือถงเสว่เหมยออก พูดว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ที่เธอยอมมาอยู่กับฉัน ก็เพราะหวังในเงินของฉัน ตอนนี้บริษัทของฉันล้มละลายแล้ว เธอยังจะคิดอยู่กับฉันอีกรึ?”

“ล้ม ล้มละลาย?”

ถงเสว่เหมยชะงักอึ้ง