ตอนที่ 216 ที่พึ่งใหญ่

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 216 ที่พึ่งใหญ่

วันศุกร์ มู่เถาเยากับเหลียงจีไปถึงบ้านตระกูลตี้ตอนตีห้าตรงตามปกติ

พ่อบ้านจงก็ตามพวกเธอกลับมาจากหมู่บ้านเถาหยวนซาน พวกบอดี้การ์ดก็อยู่กันหมด

พวกเขายินดีไม่หยุดเพื่อให้ได้เรียนวิทยายุทธ

หกโมงเช้าไป๋อวิ๋นก็เดินลงมาจากชั้นบน ดูทุกคนฝึกด้วยความสนใจ

ผ่านไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ฉือซานก็ลงมาจากห้อง

เธอรู้ว่าตระกูลตี้คือระดับไหน การที่บอดี้การ์ดตื่นเช้ามาฝึกฝนร่างกายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิด แต่เสี่ยวเยาเยากับเหลียงจีที่เป็นผู้หญิงทำไมถึงมาฝึกด้วยล่ะ

เธอดูอยู่สักพักก็พบว่าดูเหมือนเสี่ยวเยาเยาจะเป็นคนนำฝึกพวกบอดี้การ์ดหรือเปล่า

เจ็ดโมงเช้าทุกคนก็ฝึกเสร็จ

มู่เถาเยากับเหลียงจีทักทายไป๋อวิ๋นกับฉือซาน

ฉือซานถามด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวเยาเยา เหลียงจี ทำไมถึงมาฝึกที่นี่ด้วยล่ะจ๊ะ”

“หนูกำลังสอนวิชาพลังฝ่ามือให้พ่อบ้านจงค่ะ”

ฉือซาน “…!”

เหมือนที่เธอเห็นจริงด้วย เสี่ยวเยาเยานำฝึกพวกบอดี้การ์ด!

พ่อบ้านจงยิ้มพูดอย่างอารมณ์ดี “คุณหมอเทวดาสอนวิทยายุทธให้พวกเรามาตลอดครับ”

“เสี่ยวเยาเยาเก่งขนาดนี้เลยเหรอ!” ฉือซานตกใจมาก

เด็กคนนี้เพิ่งอายุเท่าไรเอง!

อวิ๋นไป๋ “หลานน้า หนูกับเย่ว์เลี่ยงใครฝีมือดีกว่า”

มู่เถาเยาเลิกคิ้วเล็กน้อย “น่าจะหนูหรือเปล่า”

อวิ๋นไป๋พยักหน้า “หนูมีอาจารย์ที่เก่งที่สุด”

ฉือซาน “อาจารย์ของเสี่ยวเยาเยาไม่ใช่หมอเทวดาหยวนเหรอคะ”

“หนูยังมีอาจารย์เล็กนอกจากอาจารย์ใหญ่อีกด้วยค่ะ”

อวิ๋นไป๋ “พี่ฉือซาน อาจารย์สอนต่อสู้ของเสี่ยวเยาเยาเป็นคนที่ฝีมือเยี่ยมยอดที่สุดเลยนะ”

ฉือซานยิ้มพูด “โชคชะตากับพรสวรรค์ของเสี่ยวเยาเยาสุดยอดมากเลยนะ”

มู่เถาเยายิ้ม

ถ้าเธอโชคชะตาดีสุดๆ เธอคงขึ้นสวรรค์สุขสบายไปนานแล้ว มีเหรอจะมายืนอยู่ตรงนี้

“น้าเล็กอวิ๋นไปที่เผ่าเมื่อไรคะ”

“พรุ่งนี้กินข้าวเช้ากับพวกเธอเสร็จก็จะไป”

“งั้นเดี๋ยวช่วงบ่ายหนูรีบกลับบ้านไปเตรียมของที่จะฝากเอาไปที่เผ่าด้วยค่ะ”

“ได้สิ”

“ค่ะ งั้นหนูกับพี่เหลียงจีกลับตำหนักพระจันทร์ก่อน น้าเล็กกับอาซานจะไปกินอาหารเช้าด้วยกันไหมคะ”

“พวกเธอกลับไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวน้าขับรถพาพี่ฉือซานไป”

“ได้ค่ะ”

มู่เถาเยากับเหลียงจีเหาะหายไปต่อหน้าอวิ๋นไป๋ ฉือซาน และพวกบอดี้การ์ด

ฉือซานตะลึงอึ้งอยู่นานหาเสียงตัวเองไม่เจอ

พ่อบ้านจงยิ้มพูด “วิชาตัวเบาของเสี่ยวเยาเยาไร้เทียมทานจริงๆ”

ฉือซาน “นี่ก็คือวิชาตัวเบาในตำนานเหรอ ฉันเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก! คิดว่าตัวเองตาฝาดเสียอีก!”

“ตอนพวกเราเห็นครั้งแรกก็แบบนี้เลยครับ ถึงแม้คนประเทศเหยียนหวงที่เรียนวิทยายุทธจะมีอยู่ไม่น้อย แต่ก็แทบไม่มีคนเป็นวิชาตัวเบาเลยยกเว้นตระกูลที่เก็บตัว”

“เสี่ยวเยาเยาเป็นคนของตระกูลที่เก็บตัวเหรอ”

พ่อบ้านจงมองอวิ๋นไป๋

อวิ๋นไป๋พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่ฉือซาน ในเมื่อพี่สะใภ้ผมให้พี่มาที่นี่ก็แสดงว่าไว้ใจพี่ เสี่ยวเยาเยามีสถานะที่พิเศษ สิ่งที่พี่ได้เห็นได้ฟังห้ามเอาไปบอกใครเด็ดขาดเลยนะครับ”

“เสี่ยวเยาเยาจะมีอันตรายเหรอ” ฉือซานจับประเด็นได้จากคำพูดของอวิ๋นไป๋ทันที

“ครับ”

“พี่รับรองว่าจะไม่พูดออกไปแม้แต่คำเดียว สวีจิงเทาก็เหมือนกัน”

สามีของเธอจะมาถึงตอนบ่าย

อวิ๋นไป๋พยักหน้า

“พวกเราไปกินข้าวเช้ากับเด็กๆ ดีกว่า เดี๋ยวเสี่ยวเยาเยาต้องไปเรียนแล้ว”

“จ้ะ”

ตอนทั้งสองคนไปถึงตำหนักพระจันทร์ เหลียงจีกำลังทำอาหารเช้าอยู่กับมู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยา

ฉือซานก็เข้าไปช่วยด้วยอีกแรง

มู่เถาเยาคุยกับอวิ๋นไป๋อยู่ในห้องรับแขก

“น้าเล็กอวิ๋นจะอยู่ที่เผ่านานแค่ไหนคะ”

“ครั้งนี้คงนานเลยล่ะ น้ากับพี่รองของหนูร่วมกันทำธุรกิจ…ขยับขยายจากในเผ่าไปข้างนอก…”

อวิ๋นไป๋เล่าแผนงานที่เขาทำร่วมกับเย่ว์จือกวงให้มู่เถาเยารู้ โดยไม่กังวลเลยสักนิดว่าเธอจะไม่เข้าใจศัพท์เทคนิค

เดิมทีมู่เถาเยาก็สนใจเรื่องการทำธุรกิจ พอได้ยินอวิ๋นไป๋พูดแบบนี้ เธอก็รู้เลยว่าจะต้องเป็นธุรกิจที่กำไรสม่ำเสมอแน่นอน

ก็ไม่แปลกที่น้าเล็กอวิ๋นกับพี่รองของเธอจะประสบความสำเร็จในโลกที่มีนักธุรกิจเก่งๆ อย่างมากมายในวัยเท่านี้

“น้าเล็กพักที่ตำหนักพระจันทร์ในเผ่าไหมคะ”

“…เปล่า ตำหนักพระจันทร์อาจไม่ต้อนรับ น้ามีบ้านอยู่ไม่ไกลจากตำหนักพระจันทร์”

“น้าเล็ก สิ่งที่อาของหนูกลัวก็คือความรู้สึกเปลี่ยน น้าเล็กตามจีบมาตั้งยี่สิบปีแล้ว สู้ต่อไปนะคะ”

“อืม ครั้งนี้ต่อให้เย่ว์เลี่ยงไล่น้าก็ไม่ไปหรอก”

มู่เถาเยา “…”

เธออยากขำทำไงดี

“น้าเล็ก เสี่ยวเยาเยา กินข้าวเช้ากันค่ะ!”

เสียงของมู่หว่านลอยมาจากห้องอาหาร

“โอเค”

มู่เถาเยาขานตอบแล้วลุกจากโซฟาเดินไปห้องอาหารพร้อมอวิ๋นไป๋

สาวๆ ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ต่างคีบอาหารเช้าที่ตัวเองทำให้มู่เถาเยาแล้วมองด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง

มู่เถาเยามองอาหารที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างในชามตัวเอง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนูทดลอง

เหลียงจีกับฉือซานหลุดขำ

“กินสิ สุกหมดแล้ว อาลองแล้ว รสชาติ…ก็ปกติ ไม่ท้องเสียแน่” ฉือซานพูดด้วยความรู้สึกขำ

ถ้ามีปัญหาจริง เหลียงจีไม่มีทางให้เอามาขึ้นโต๊ะอาหาร

มู่เถาเยากินอาหารที่สามสาวคีบให้แล้วติชมทีละคน

“ใช้ได้”

“โอเคเลยนะ”

“อร่อยดี”

บรรดาเด็กสาวที่อายุสิบเจ็ดสิบแปดรู้สึกว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในการทำอาหารขึ้นมาทันที! ยิ่งมีกำลังใจอยากเรียนต่อ!

หลังกินอาหารเช้าที่หน้าตาแย่มากแต่รสชาติไม่ถึงกับแย่เสร็จ มู่เถาเยาก็พูดกับทุกคนว่า “ตอนเที่ยงฉันไม่กลับบ้าน จะไปกินข้าวที่บ้านศิษย์พี่ใหญ่ พี่เหลียงจี เดี๋ยวฉันขับรถไปมหา’ลัยเอง พี่อยู่ที่บ้านกับสามคนนี้เถอะค่ะ”

เหลียงจี “ได้จ้ะ”

อวิ๋นไป๋ยิ้มพูด “เดี๋ยวน้าไปบริษัท ตอนเที่ยงก็ไม่กลับมาเหมือนกัน พวกเธอทำกินกันเลยนะ พี่ฉือซาน ถ้าพี่อยากออกไปข้างนอกก็ใช้รถบ้านตระกูลตี้ได้เลยนะครับ”

ตำหนักพระจันทร์มีรถแค่สองคัน คันหนึ่งมู่เถาเยาขับไปเรียน อีกคันทิ้งไว้ให้พวกสาวๆ ใช้ จะได้สะดวกออกไปจ่ายตลาดกัน

ฉือซาน “พี่อยู่บ้านทำอาหารกับพวกเด็กๆ นี่แหละ จะได้รอจิงเทาด้วย”

เธออยากคลุกคลีกับมู่หว่านให้มากหน่อย

ไม่เคยเรียนการแสดงก็ไม่เป็นไร ไม่มีพรสวรรค์ก็ไม่สำคัญ ขอแค่มีโอกาส สติปัญญาไม่ซื่อบื้อจนเกินไป หน้าตาไม่แย่มาก…อืม ก็ได้แล้ว

มู่หว่านมีมารยาทและถ่อมตัว ไม่กลัวความลำบาก ดูท่าทางก็ฉลาด แม้รูปลักษณ์จะไม่ถึงกับสวยเลิศเลอ แต่มีเสน่ห์ดึงดูดที่มากกว่าความสวย นั่นก็คือความสดใสร่าเริง

สิ่งที่วงการบันเทิงขาดแคลนมากที่สุดก็คือดาราที่บุคลิกแบบนี้!

ส่วนเรื่องโอกาส มีคนหนุนหลังยังจะต้องกลัวไม่มีโอกาสอีกเหรอ แม้จะเป็นเด็กสาวบ้านนอก แต่เสี่ยวเยาเยาก็เป็นน้องสาวของเธอเลยนะ!

แม้เธอจะไม่รู้ว่าเสี่ยวเยาเยายังมีสถานะอื่นอีกไหม แต่เป็นที่พึ่งใหญ่ให้ได้แน่! ระดับที่ไม่แพ้ตระกูลอวิ๋นเลยล่ะ!

ดาราแบบนี้เธอปั้นได้ไม่เหนื่อย!

อวิ๋นไป๋พยักหน้า “ครับ งั้นผมกลับบ้านตระกูลตี้ก่อนนะครับ”

ทุกคนบอกลาอวิ๋นไป๋

มู่เถาเยาก็หยิบกระเป๋ากับกล่องยาใบน้อยเดินออก

หลังจากที่พากันมองส่งรถของมู่เถาเยาขับออกไปแล้ว ฉือซานก็พูดขึ้น “งั้นตอนนี้พวกเราไปจ่ายตลาดกันดีไหมจ๊ะ”

มู่หว่านยกมือคนแรก

“วันนี้พวกเราจะเรียนทำอาหารให้ได้หนึ่งอย่าง ตอนเย็นจะทำให้เสี่ยวเยาเยากิน”

เจียงเฟิงเหมียนกับอวิ๋นสุ่ยเหยาต่างพยักหน้า

เหลียงจียิ้มพูด “งั้นพี่จะเริ่มสอนจากง่ายสุดนะ”

ฉือซานถามด้วยความสงสัย “ทำไมสาวๆ อย่างพวกหนูถึงได้อยากเรียนทำอาหารกันล่ะจ๊ะ”

ตอนนี้ผู้หญิงที่ทำอาหารไม่เป็นมีเยอะแยะ! คนที่ทำอาหารเป็นกลับดูแปลกแยกด้วยซ้ำ!

“เรื่องอื่นหนูสู้เสี่ยวเยาเยาไม่ได้ แต่อยากมีสักอย่างที่อวดคนอื่นได้ หนูเป็นพี่ อยากช่วยเธอ แม้จะได้แค่ทำอาหารก็ตาม!” มู่หว่านกำหมัดให้กำลังใจตัวเอง

ฝีมือทำอาหารของเสี่ยวเยาเยาต้องแย่มากแน่ เพราะทุกคนไม่ยอมให้เธอเข้าครัว!

เวลาของเสี่ยวเยาเยามีค่ามาก อย่ามาเสียให้กับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้

ตอนต่อไป