–มุมมองเอเกอร์–
อาณาจักรมอลต์ เบียโด
「กองทัพแวนโดเลียได้รับความเสียหายเยอะ ดังนั้นแรงกดดันที่ชาติศักดิ์สิทธิ์อัลแตร์รู้สึกได้ควรลดลง แต่โชคร้ายที่แผนการของเราก่อนหน้าใช้ไม่ได้อีกแล้ว」
จูโน่มาเบียโดเพื่อคุยกับผมขณะเรารักษาความเหนื่อยล้าหลังจากสู้ เขาดูร่าเริงเมื่อมองผิวเผินแต่มันรู้สึกว่าคำพูดของเขาเต็มไปด้วยคำวิจารณ์
มันรู้สึกเหมือนหลักๆเขาพูดว่าทุกอย่างคือความผิดผม
ผมเอียงหัวไปด้านข้างและมองเขาจากมุม
「ได้โปรดอย่าทำเหมือนเด็ก」
ไมล่าทำให้หน้าผมกลับเป็นปรกติ
「พวกเขามาโจมตีมอลต์ เราไม่โง่พอที่จะคุยกับคู่ต่อสู้ที่ต่อยก่อน」
「ไม่ว่ายังไง คุณทำลับๆกว่านี้ได้…… จากข้อมูลของผม หน่วยหนึ่งในกองทัพหลักพวกเขาถูกทำลาย ซึ่งมันหมายถึงว่าแวนโดเลียจะป้องกันอัลแตร์ฝ่ายเดียวไปสักพัก」
ผมจะยั้งมือกับศัตรูที่กองกำลังมากกว่าผมสามเท่าได้อย่างไร?
มานี่ซีเลีย มันรู้สึกเหมือนพี่จะระเบิดโมโหใส่เขาถ้าพี่ไม่ได้ลูบหัวหนู
เมื่อเห็นได้ว่าอารมณ์ผมแย่ลงชัด จูโน่นำประเด็นใหม่ขึ้นมา
「เกี่ยวกับแวนโดเลีย พวกเขาแจ้งทางลิบาติสไว้แล้วว่าเขากังวลกับการรุกรานมอลต์ พวกเขาบอกให้ผมมั่นใจว่าจะไม่รุกรานต่อเพราะฮาร์ตเลตต์โดโนะแกร่งกว่าที่คิดไว้」
นายไม่จำเป็นต้องบอกหรอก
ตั้งแต่แรกแม้แต่ตัวฉันก็เข้าใจว่าพวกเขารุกต่อไม่ไหวหลังจากกองกำลังหลักถูกทำลาย
「ได้โปรดใจเย็นเอเกอร์ซามะ…… ฮึ้ง ฮื้ออ」
มันดูเหมือนผมบีบซีเลียแรงไป
ผมรู้สึกว่าใจผมเย็นลงช้าๆตอนผมลูบแก้มเธอ
「ถ้าอย่างนั้นลิบาติสก็จะปกป้องมอลต์ด้วย นั่นคือทั้งหมดที่นายอยากบอกตอนนี้」
「ไม่เลยครับ ผมหวังจะขอใหคุณร่วมมือกับแผนใหม่」
「โฮ่วว และมันคืออะไร?」
「ฮู้วววว」
ขอโทษซีเลียพี่แรงไปอีกแล้ว
「เราคาดหวังให้แวนโดเลียกดดันอัลแตร์ต่อไม่ได้แล้วหลังจากกองทัพพวกเขาได้รับความเสียหายหนัก อย่างไรก็ตามเราใช้การที่เขาอ่อนแอลงเป็นความได้เปรียบของเราได้」
จูโน่หัวเราะเบาๆก่อนพูดต่อ
「เราจะปล่อยข้อมูลสู่อัลแตร์ว่าแวนโดเรียบุกมอลต์แพ้และกองกำลังหลักส่วนหนึ่งเสียหาย เราจะพูดบางส่วนเกินจริงเรื่องนั้นแน่นอน」
「ไม่ใช่นั่นทำให้อัลแตร์ได้ใจสบายขึ้นเหรอ?」
มันจะสร้างสถานการณ์ที่แม้แต่อัลแตร์ก็จะบุกมอลต์ด้วย
จูโน่ยิ้มตอบ
มันรู้สึกเหมือนเขาล้อผมอยู่แต่ผมไม่สนใจมาก
เพราะลีโอโพลต์ถอนหายใจหนักแล้วผมเลยไม่ต้องทำ
「ถ้าแวนโดเลียอ่อนแอลง อัลแตร์จะคิดบุกชาติอื่นได้ แต่อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขายิ่งอ่อนแอลงอีก? อัลแตร์จะมายุ่งกับลิบาติสหรือมอลต์ไหม? แทนคิดเรื่องนั้น ไม่ใช่นี่จะเป็นโอกาสให้พวกเขาปิดฉากอริใหญ่อย่างในแวนโดเลียเหรอ?」
เข้าใจแล้ว แทนที่จะให้สองกลุ่มนั้นคอยจ้องกันไว้ มันดีกว่ากับทั้งสองเราถ้าพวกเขาสู้กันดุเดือด
แต่มันมีปัญหา
「แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอัลแตร์ล้มแวนโดเลีย? ถ้าเกิดนั่นขึ้นชาติทรงพลังที่ใหญ่โตจะเกิดขึ้น ภัยที่มาจากเขาจะเยอะเทียบไม่ได้กับตอนนี้เลย」
「ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ แวนโดเลียยังมีกองทัพมือฉมังอีกสองเหล่า นอกจากนี้พวกเขายังมีทรัพย์พอให้รวมทหารมาเพิ่ม…… พวกเขาจะไม่ถูกทำลายง่ายดายขนาดนั้น แล้วกำลังของชาติอัลแตร์ก็ควรได้รับความเสียหายหนักจากศึกที่ดุดันด้วย」
ผมเข้าใจเหตุผล แต่ผมรู้สึกเหมือนจูโน่กำลังใช้ผม
「ถ้าอย่างนั้นอยากให้ฉันทำอะไร」
「ครับ คุณจะทำเหมือนเดิมและขู่แวนโดเลีย…… แต่ไม่เพียงแค่นั้นผมจะซาบซึ้งถ้าคุณสู้ศึกเล็กบนพรมแดนเมื่อคุณเห็นโอกาส แวนโดเลียจะไม่มีทางเลือกนอกจากส่งทหารตอบและนั่นจะทำให้อัลแตร์บุกเต็มกำลัง」
ทำไมผมต้องสู้ให้ลิบาติส
แค่เมื่อผมกำลังจะปฏิเสธ ลีโอโพลต์กระซิบเข้าหูผม
「รับข้อเสนอ ผมมีแผน」
แน่ใจหรือ?
ถ้ามันเป็นบางอย่างน่ารำคาญ ฉันจะแย่งนีน่า
「ได้ นั่นทำได้ ฉันจะให้นายตัดสินเวลาและขนาดแต่พรมแดน-」 「มันดูไม่ค่อยยุติธรรมไม่ใช่เหรอ?」
เมื่อผมตอบได้เท่านั้น ลีโอโพลต์แทรกมาไม่ล่าช้า
เจ้าคนนี้……
「หมายความว่ายังไงครับ?」
จูโน่มองลีโอโพลต์แบบระวัง
หน้าเขาต่างจากเมื่อเขาคุยกับผม ทำไมเขาระวังคนนี้?
「คนเดียวเท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากแผนนี้เป็นลิบาติสหลักๆ」
「แวนโดเลียจะทุ่มเทกับการป้องกันด้วย ดังนั้นไม่ใช่ว่าฮาร์ตเลตต์โดโนะและมอลต์จะได้เวลาแห่งสันติและความสบายใจเหรอ?」
「แวนโดเลียจะไม่ขยับอยู่แล้วเพราะพวกเขาได้รับความเสียหายหนัก คุณพูดว่าเราได้ผลประโยชน์เท่ากันไม่ได้」
จูโน่ยิ้มอย่างขมขื่นและตอบโต้ไม่ได้
「เพิ่มเติมจากที่ว่า เมื่อเปิดศึกเราจะสูญเสียทหารและเสบียงลดลง ผมจะไม่เรียกข้อมูลของลิบาติสว่าไร้ค้า แต่มันไม่ยุติธรรมที่มีแค่เราเท่านั้นได้รับภาระเสียเลือดเสียเนื้อ」
「คุณกำลังขอให้ลิบาติสส่งทหารเหรอ?」
「ไม่ กฎหมายของคุณคงจะไม่อนุญาตดังนั้นเองผมอยากได้เงินจำนวนที่เหมาะสมเตรียมมาเพื่อไว้เตรียมทหาร」
เจ้าหน้าที่กิจการต่างประเทศที่มาด้วยเริ่มส่งเสียง
ตัวจูโน่เองจ้องลีโอโพลต์เขม็ง
แข่งจ้องที่พาคนอึดดันนานแค่ 30 วินาที
ในช่วงนั้น ผมมองไมล่า
ฟุ่ฟุ่ฟุ่ เธอแดงขึ้นดังนั้นผมชนะ
「……ครับ ผมจะมาอีกครั้งเพื่อปรึกษาจำนวนที่จะถูกกำหนดหลังรายงานรัฐมนตรี แต่ถึงอย่างไรถ้าผมให้มากกว่าที่ชาติใช้จ่ายแม้มันจะทำลับๆทั้งสองฝ่ายจะต้องเซ็นเอกสารเป็นเอกสารสัญญาตัวจริง」
「คุณจะให้เงิน และเราจะสร้างความวุ่นวายบนพรมแดน สัญญาถูกยืนยัน คุณพอใจมั้ยลอร์ดฮาร์ดเลตต์」
นายแค่มาขออนุญาตตอนนี้เนี่ยหรือ?
อะไรก็ช่าง ทำตามใจเลย
「ผมจะติดต่อคุณอีกครั้งเมื่อผมพร้อมด้วยผู้หญิงที่ผมฝากไว้ในดินแดนคุณ……」
ด้วยคำสุดท้ายเป็นนั่น การประชุมจูโน่และผมจบลง
「เฮ้ลีโอโพลต์ ทำไมเราต้องสู้ศึกเล็กกับลิบาติสด้วย? ฉันรู้ว่าเราได้เงินแต่ไม่มีเหตุผลที่ต้องเสียทหารเพื่อเงินนี่ถูกมั้ย?」
ผมไม่ค่อยเต็มใจเชื่อใจคนนี้แต่ผมไม่ค่อยเข้าจะว่าครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น
「ตอนนี้เราไม่ได้สัญญาว่าจะสู้ศึกเล็กกับพวกเขา เราพูดว่าเราจะสร้างความวุ่นวายในพรมแดน」
มันก็อย่างเดียวกันไม่ใช่หรือ?
「โปรดดูแผนที่ ทิศตะวันออกของที่ราบมีสหพันธรัฐคนแวนโดเลีย, มอลต์, และดินแดนเรา คุณเห็นได้ว่าเส้นพรมแดนมันซับซ้อน และมอลต์ไม่ได้แค่ยื่นแหลมไปทางใต้เท่านั้นแต่ก็มีเส้นพรมแดนไปทางตะวันออกด้วย ระหว่างดินแดนเราพัฒนาไปเยอะและบริเวณผลิตข้าวมีค่าอยู่ใกล้พรมแดนในเขตใต้」
ลีโอโพลต์พูดว่ามันแน่นอนที่พวกเขาจะกล้าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อพลังชาติฟื้น
「เราต้องปะทะกับแวนโดเลียที่พรมแดน ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้พวกเขาเริ่มก่อน…… ถ้าอย่างนั้นเราจะเตรียมกองกำลังหลักและมุ่งหน้าลงใต้ทันที อย่างน้อยเดินทางไปยังเส้นพรมแดนทางใต้ของมอลต์และไกลเท่าที่ไปได้」
「เข้าใจแล้ว…… นี่ความวุ่นวายแน่นอน」
รอศัตรูโจมตีจากนั้นโจมตีเต็มกำลังเพื่อยึดดินแดน
เราสัญญากับจูโนว่าเราจะสร้างความวุ่นวายเราเลยไม่ผิดกฎ
「ถ้าเขาได้ทั้งเขตมา ภัยทางตะวันออกของมอลต์จะหายไปและเราจะได้พื้นที่กันภัยสำหรับกันดินแดนที่สำคัญ」
ดี แค่เมื่อผมคิดว่าผมถูกใช้ลากเดินซ้ายขวา
「ถ้าแวนโดเลียอ่อนแอลงและอัลแตร์เน้นบุกเต็มกำลัง พวกเขาไม่ควรมีกำลังเหลือในตะวันออก」
ถ้าอย่างนั้นเราใช้เงินจากลิบาติสเพื่อหาดินแดนให้เราเอง น่าสนใจนี่
「เอาอย่างนี้แหละ ทริสตันกำลังสร้างแคมป์ในพรมแดน เราใช้ที่นั่นได้มั้ย」
「ผมคิดไว้แล้ว」
ดูเหมือนเราจะมีฤดูหนาวสนุกสนาน
–มุมมองบุคคลที่สาม–
เมืองหลวงสหพันธรัฐคนแวนโดเลีย: แวนโดล่า หอรวมพล
「สหายเบเซก มีอะไรจะพูดมั้ย?」
「……ไม่ ความพ่ายแพ้นี้มาจากฉันที่ไร้ความสามารถ ฉันทำได้แคต่ขอโทษผู้คนและตัวแทนทั้งหลาย」
เบเซกยืนกลางการประชุม ไม่ได้ใส่เครื่องแบบทหารแต่เป็นเสื้อผ้าพลเมืองแทน
ภาพชายที่เห็นได้ว่าเป็นผู้มีบาปเท่านั้น หัวเขาก้มตอนเขาถูกคน 10 คนรอบเขาจ้องเขม็ง
「นี่เป็นที่ที่นายพูดความเสียใจ ไม่ใช่ที่ขอโทษ」
คนดูพูดแบบนั้นแต่เบเซกทำอะไรนอกจากสั่นและมองพื้นไม่ได้
มันดูเหมือนเรื่องฝั่งเขาจะต้องฟังกันแบบนี้แต่คนดูไม่ได้ใส่ใจ
คนทั้งหมดของที่ที่ชื่อหอรวมพลเป็นแบบนั้น
「สุภาพบุรุษ มีความจำเป็นต้องพูดอะไรมากกว่านี้เหรอ? เขาพ่ายแพ้ศัตรูที่อ่อนแอกว่า ไม่ต้องพูดถึงว่าเขายอมแพ้และทำให้ศักดิ์ศรีชาติเราเสียหายมันแน่นอนได้อย่างเดียวว่าสหายเบเซกยังภักดีไม่พอ เขาควรได้รับโทษอย่างถูกต้อง」
「เห็นด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะไม่พอไปอธิบายกับผู้คน เพราะเราจะเกณฑ์เยอะเร็วๆนี้ด้วย」
ทุกคนเห็นด้วยกับความเห็นสองคน
「ตัวแทนผู้คนก็น่าหงุดหงิดที่ทำไม่พอด้วย……」
「ถ้าอย่างนั้นรวมครอบครัวเขาด้วยมั้ย?」
「ไม่ ให้ผู้คนทำมันดีกว่า……」
มันอาจเป็นผลลัพธ์ที่คิดไว้แล้ว แแต่เบเซกอดไม่ได้ที่จะห่อไหล่ผิดหวัง
ยกเว้นว่าผู้อาวุโสหนึ่งคนยกมือช้าๆ
「น่าน่า อย่าเพิ่งรีบ」
「สหายเบลเลส ไม่พอใจกับบทสรุปเหรอ?」
ผู้อาวุโสยิ้มมุมปากขึ้นมา…… แต่ตาเขาจ้องเบเซกอย่างเย็นชาเมื่อเขาพูด
「ศัตรูเอาชนะแม้แต่กองทัพหน่วยสามของบัลซาร์กได้ ดังนั้น พวกคุณพูดไม่ได้หรอกว่าปัญหามีแค่ความภักดีของชายคนนี้ แน่นอนว่าการยอมแพ้มันไม่น่าดูแต่เพราะการยอมแพ้นั้น ทหารของเราครึ่งหนึ่งกลับชาติได้」
「ทหารไร้ค่าที่ยอมแพ้!」 「ประกาศกับทุกคนว่าเขายอมแพ้จะทำให้คนสงสัยค่าของกองทัพเรา……」
ชายแก่กระแอมและทำให้คนแทรกเงียบก่อนพูดต่อ
「กองทัพหน่วยที่สามประมาทไปจนเกิดการพ่ายแพ้โดยการบุกตอนกลางคืน…… อย่างไรก็ตามนายท้าทายศัตรูตรงๆและแพ้ถูกต้องมั้ย?」
「……ผมอับอายแต่ยอมรับแบบนั้น」
ผู้อาวุโสปรบมือ
「สหายเบเซก ฉันจะให้โอกาส」
ทุกคนข้างๆเริ่มส่งเสียงพูดระหว่างความหวังกลับสู่หน้าเบเซก
ถึงอย่างไร มันไม่ได้อยู่นาน
「นายจะจัดเตรียมกองทัพบุกของเหล่าทหารผู้กล้าที่วิ่งกลับบ้าน พร้อมกับเติมพวกเด็กมือฉมังที่หน้าด้านต่อต้านรัฐบาล และนำพวกเขามาอยู่ใต้บัญชาการของนาย จากนั้นนายจะเดินทัพไปดินแดนเขาและยึดดินแดนเขา ให้คนรู้พลังของแวนโดเลีย」
เบเซกไม่ได้เป็นคนเดียวที่กลืนน้ำลาย รอบๆเขาก็ทำด้วย
「กองทัพทหารที่แพ้และนักโทษ……」
「เขาใจล่ะ มันลดปัญหาที่ต้องรับมือกับพวกเขาด้วยทีเดียวเลย」
「นั่น-……」
ขณะเบเซกจะพูดบางอย่าง ผู้อาวุโสเสียงดุให้เขาหยุด
「ฉันเชื่อว่าที่เป็นทางเลือกที่ดีกว่าประหารทั้งนายและครอบบครัว ไปทำหน่วยให้พร้อมไป」
เบเซกลาในความตะลึงเงียบๆ…… ผู้อาวุโสมองเขาลาด้วยความพอใจ
「แน่ใจแล้วเหรอสหายเบลเลส」
คนในที่ประชุมถามชายแก่ด้วยความสับสน
「ฉันก็ได้รับการตกลงจากตัวแทนผู้คนมาแบบไม่เป็นทางการแแล้ว ถ้าเราแค่ให้ทหารที่แพ้กลับบ้าน มันจะมีผลกับศักดิ์ศรีชาติ」
กำลังกองทัพเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ค้ำยันความภักดีที่ผู้คนมีให้รัฐบาลแวนโดเลีย
ถ้าผู้คนเริ่มพูดว่ากองทัพแพ้ชาติทางใต้ที่ไม่โด่งดังเหมือนมอลต์ มันจะสร้างปัญหา
「เราออกไปยืนยันว่ากองทัพหน่วยที่สามแพ้เพราะกลยุทธ์ขี้ขลาดเหมือนซุ่มโจมตีตอนดึกที่มองไม่เห็นได้ แต่กองทัพเบเซกแพ้ชัดๆเห็นง่ายๆ ทหารควรเข้าใจสถานการณ์สงความดี มันจะมีปัญหาถ้าปากคนห้าพันคนที่กลับมาเปิดออกมา」
「แต่นี่เป็นเวลาที่ทหารทุกคนมีค่า คุณจะส่งทหารที่มีง่ายๆ…… นอกจากนี้ การสู้โกลโดเนียจะทำให้เรามีศัตรูรอบทิศ」
「อย่ากังวลไป ถ้าพวกเขาไปสู่สนามรบ เราทำเหมือนพวกเขาเป็นพวกหนีทหารแล้วบอกโกลโดเนียแบบนั้นได้」
มันจะง่ายปานนั้นหรือ?
ความไม่สบายใจแฝงตัวในหัวใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสเป็นคนอิทธิพลเยอะที่ใกล้ชิดกับตัวแทนผู้คน เถียงเขามากกว่านี้จะเสียจุดยืน
「มันไม่เป็นไรหรอกน่าเพราะฉันพูดด้วยประสบการณ์ กองทัพเราก็จะฟื้นหลังเกณฑ์ตอนฤดูใบไม้ผลิด้วย อัลแตร์จะไม่โจมตีเราในเวลาแบบนี้อีก แม้ว่ามันดูเหมือนว่าฮาร์ดเลตต์ส่งทหารอาสา…… แต่เรามีกองทัพคนหนีทหาร ช่างน่าขบขัน」
คนดูอื่นทำได้แค่ฝืนยิ้มและเออออไปกับเสียงหัวเราะคนแก่
เรื่องราวข้างเคียง: ภรรยาหลวงและภรรยาน้อย
「คุณหญิง เตรียมชาเสร็จแล้วค่ะ」
「คุณหญิง บาร์โตโลมซามะร้องไห้หาพ่อค่ะ」
นนน่านั่งอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่นระหว่างคุยกับผู้ช่วยคนเดิมทั้งสองคน
「เฮ้นนน่า」
คาร์ล่าเรียกเธอ
「มีอะไรคาร์ล่า?」
「ไม่มีเพื่อนใช่มั้ย」
มีเสียงจานชามกระทบกันเมื่อนนน่าชนโต๊ะ
「ค-คุณหญิง!」 「ระวังค่ะ!」
「พ-พูดอะไรกันคาร์ล่าบื้อ!」
นนน่ายืนแล้วเข้าหาคาร์ล่า แต่เธอทำโดยไม่สนใจอะไรเลย
「เออ เธอไม่มีเพราะเธอไม่พูดกับสาวๆคนอื่นเลยนอกจากผู้ช่วยเธอสองคน เธอไม่กัดกันด้วยนี่ถูกมั้ย?」
「แต่เธอก็เหมือน-……」
นนน่าหยุกกลางคัน
เธอจำได้ว่าคาร์ล่าออกไปซื้อของและเล่นกับมิเรลบ่อย
มีผู้หญิงอื่นที่เป็นมิตรกับเธอในแบบพวกเธอเองด้วย
「กุ…… ฉันมีแซลลี่แและโทริ!」
「โอ้แหมดิฉันยินดีรับใช้ค่ะคุณหญิง」 「โอ้หนูรักมากเลยค่ะ」
นนน่ามองคาร์ล่าเหมือนเธอคาดว่าคาร์ล่าจะประทับใจ
อย่างไรก็ตามคาร์ล่ากอดอกและหัวเราะเบาๆ
「เพื่อนหรือเจ้านาย?」
「อืม…… เรียกว่าหนูเป็นเพื่อนมันน่าเสียดายไปค่ะ」 「คุณหญิงเป็นบางคนที่หนูรักและเคารพ……」
「นั่นแหละแกดูเอา โอ้ยหยุดนะ! หัวเธอโคตรแข็ง!」
นนน่าน้ำตาซึมหัวโขกคาร์ล่ารัวๆ
「ที่ฉันจะพูดคือเมื่อเธออยู่กับเหล่าคนในครอบครัวเธอไม่ต้องเป็นเมียหลวงทางการหนักหนาและคุยเล่นกันกับเราให้เหมือนคนธรรมดา! เธอจะสนุกกว่าแบบนั้น โอ้ยฉันบอกว่ามันเจ็บ!」
คาร์ล่าจับคอนนน่าที่หัวโขกเรื่อยๆและพวกเธอตกจากโซฟาลงพื้น
มีเสียงตึงสองเสียงตอนร่างพวกเธอตกพื้น
「กล้าทำให้ฉันอายหน้าแซลลี่และโทริได้ไง!」
「ก็ฉันบอกอยู่ไงว่าแบบนั้นมันแข็งเกินไป แบละ! อย่ามาฉีดนมเหม็นๆใส่ฉันนะยะ!! กินนี่ซะ!」
「ฟุ่เกี๊ยะ!」
ผู้ช่วยพูดกันเบาๆระหว่างมองทั้งสองปล้ำกัน
「เฮ้แซลลี่ เคยเห็นเมียหลวงและเมียน้อยสนิทกันขนาดนี้มาก่อนป่าว?」
「ไม่เลย แต่พวกท่านน่าจะโกรธมากถ้าเราบอกพวกท่าน」
เมื่อเด็กน้อยร้องดังเพราะเสียงเอะอะ นนน่ากับคาร์ล่าเลิกปล้ำไวๆและเริ่มโอ๋ทารกน้อย
「「หนูคิดว่าพวกท่านทั้งสองเรียกว่าเพื่อนดีได้แน่นอนค่ะ」」
คฤหาสน์สงบเหมือนเคยในวันนี้เช่นแบบเดิมๆที่ผ่านมา
「พูดถึง ฉันได้ยินนะ」
「ค-คุณหญิง หูเทพไปแล้วค่ะ……」
「หูเทพจัง…… ฮ่า!」
นนน่ายิ้มไปพองแก้มไประหว่างหัวโขกผู้ช่วยเบาๆ
ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูใบไม้ร่วง
สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย เจ้าศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส
พลเมือง: 163,000 เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 4500
กองทัพ: 11,300 คน (รอพร้อมภายในดินแดน: 2000 คน)
ทหารราบ:5500 คน, ทหารม้า 850 คน, พลธนู: 1000 คน, ทหารม้าธนู: 1900 คน (ทหารที่ได้รับบาดเจ็บกลับมาแล้ว)
ปืนใหญ่: 30 กระบอก, ปืนใหญ่มาก: 10 กระบอก
ทรัพย์สิน: 6070 ทอง (เงินจากความร่วมมือกับลิบาติส +5000), ของเก็บจากสงคราม/หักรางวัลทหารแล้ว
คู่นอน: 229, ลูกเกิดแล้ว: 48 + ปลา 555 ตัว
ตอนต่อไป →