เพียงครู่เดียวดวงตาของหยู่เหวินเห้าก็เบิกกว้างขึ้นมา กลมโตราวกับไข่มุกดำเม็ดโต
“เจ้าบอกว่า……เจ้ากับหยวนชิงหลิงเห็นสวีอีพาหญิงสาวสองคนออกไปงั้นหรือ?”
“ก็แน่นอนสิ พวกเราไม่ได้ตาบอดเสียหน่อย” กู้ซือตอบกลับอย่างไม่พอใจ
หยู่เหวินเห้าโพล่งคำว่า อ๋อ ออกมา “ดังนั้นนางเลยโกรธสินะ?”
แล้วทันใดนั้นความสุขก็ปรากฏขึ้นมาในแววตาของเขา
“ไม่ควรโกรธหรือไร?” กู้ซือกล่าวตักเตือนอีกครั้งด้วยความจริงจัง “ข้าจะบอกท่าน ที่จริงแล้วไม่ควรจะไปหาคนนอกสิ ฐานะของท่านเป็นถึงอะไร?สิ่งที่ต้องการในจวนไม่มีเลยหรือ?เหมาะแล้วหรือที่จะทำลายชื่อเสียงของตัวเองเช่นนี้?”
หยู่เหวินเห้าแสดงสีหน้าที่รับรู้ “ข้ารู้แล้ว จะไม่ให้มีคราวหน้าแน่นอน เจ้ากลับไปยังจวนอ๋องหวยก่อนเลย เย็นนี้ข้าจะไปรับนางด้วยตัวเอง”
“ใช่แล้ว ต้องไปรับ เมื่อวานนี้ตอนที่นางออกมาก็เอาแต่กวาดตามองไปรอบๆ แต่กลับไม่เห็นท่าน ไม่รู้ว่าจะผิดหวังขนาดไหน แล้วพอกลับถึงจวนก็เจอกับหญิงสาวสองคนนั้นอีก จะไม่ให้นางโกรธได้อย่างไร?”
หยู่เหวินเห้าอยู่ๆ ก็คิดว่าตัวเองสมควรตาย
ทั้งที่เมื่อวานเขาสามารถไปรับนาง แต่ก็เพราะทิฐิ
หลังจากที่กู้ซือให้คำเสนอแนะเสร็จแล้วก็เดินทางกลับทันที
เมื่อใกล้เวลาพลบค่ำ หยู่เหวินเห้าก็มาถึงจวนอ๋องหวยอย่างตรงเวลา
ในขณะที่หยวนชิงหลิงกำลังเพ่งมองอ๋องหวยทานยา อ๋องหวยให้ความร่วมมือ ยอมกินยาต่อหน้าหยวนชิงหลิง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แดกดัน : “วางใจได้แล้วสินะ?”
หยวนชิงหลิงหลับตาลง ไม่คิดจะเอาเรื่องกับคนป่วย
พอลุกขึ้นยืน ก็เห็นหยู่เหวินเห้าที่เดินเข้ามาแล้ว นางจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วยกถ้วยใบหนึ่งขึ้นหวังจะเดินออกไป
หยู่เหวินเห้ามองดูนาง แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพียงแต่เดินเข้าไปพูดคุยกับอ๋องหวย
“ดีขึ้นบ้างหรือยัง?” หยู่เหวินเห้านั่งลงข้างเตียง
แล้วทันใดนั้นหางตาของเขาก็เห็นหยวนชิงหลิงกำลังสาวเท้าเข้ามาด้วยความเร็ว แล้วนำเอาผ้าปิดปากให้กับเขา “สวมไว้เสีย!”
หยู่เหวินเห้าคืนผ้าปิดปากให้กับนาง “ไม่สวม”
หยวนชิงหลิงจ้องเขา “สวมไว้”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “เช่นนั้นเจ้าจงบอกมาก่อนว่าโกรธอะไรข้า”
หยวนชิงหลิงข่มตาลงแล้วกล่าวด้วยเสียงที่เรียบเฉย : “ข้าไม่ได้โกรธอะไรท่านทั้งนั้น”
“เจ้าโกรธ” หยู่เหวินเห้ากล่าวหา
“ข้าไม่ได้โกรธ ท่านอ๋องคิดมากเกินไปแล้ว”
หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นมาประจันหน้ากับนาง “เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามา เหตุใดถึงไม่ให้ข้าลูบหน้าเด้วย?”
หยวนชิงหลิงรีบหันไปดูอ๋องหวยทันที อ๋องหวยนั้นกำลังตาเบิกกว้างด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง
นางเขินอายทันที “ท่านอย่าได้พูดจาเหลวไหลเช่นนี้มาส่งผลกระทบต่อคนป่วยของข้าที่นี่”
“น้องหกไม่ใช่คนอื่นเสียหน่อย” หยู่เหวินเห้ามองดูใบหน้าที่แข็งกระด้างของนาง มันทำให้เขาเกลียดจนอยากจะกัดมันเสีย และนั่นทำให้วันนี้เขาคิดมาทั้งวันเลย “เจ้าโกรธนั่นแหละ แล้วยังจะไม่ยอมรับอีก?”
หยวนชิงหลิงหันหลังออกไป “ท่านจะสวมไม่สวมก็เรื่องของท่าน”
หยู่เหวินเห้าตามไป แล้วเอื้อมมือไปฉุดไหล่นางเอาไว้ “อยากจะไปก็คุยกันให้รู้เรื่องเสียก่อน เจ้าจงบอกมาเหตุใดถึงต้องโกรธด้วย?เจ้าไม่แม้แต่จะมอบโอกาสให้ข้าได้ชี้แจงด้วยซ้ำ เช่นนี้มันไม่ยุติธรรมกับข้าเลย”
“ชี้แจง?” หยวนชิงหลิงวางถ้วยลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง แล้วถลึงตากว้างด้วยความโกรธ “ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็อยากจะฟังท่านชี้แจง ท่านให้สวีอีไปหาหญิงสาวสองคนมาที่จวนเพื่อดับไฟ ข้านั้นไม่ค่อยเข้าใจกับคำว่าดับไฟสองคำนี้สักเท่าไหร่ ท่านอ๋องพอจะอธิบายให้ข้าได้หรือไม่ว่าสิ่งใดกันที่เรียกว่าดับไฟ?”
หยู่เหวินเห้าพยักหน้าแล้วตอบกลับอย่างจริงจัง : “ได้สิ ข้าจะอธิบายกับเจ้าในเชิงปฏิบัติ”
“ไร้ยางอาย!” หยวนชิงหลิงเดือดหนัก
หยู่เหวินเห้าเดินเข้าไปใกล้ ด้วยแววตาที่ร้อนแผ่ว “เพราะว่าเรื่องนี้ เมื่อวานนี้เจ้าจึงแสร้งทำเป็นไม่สนใจข้างั้นหรือ?เจ้าไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริง ซ้ำยังไม่ถามสักคำ เจ้าช่างไร้เหตุผล!”
อ๋องหวยเคาะเตียงอย่างเบาๆ เพื่อประท้วง “พี่ห้า ข้าเป็นคนป่วย จะทะเลาะกันเชิญด้านนอกเถอะ”
หยู่เหวินเห้าหันไปยิ้มให้กับอ๋องหวย “พรุ่งนี้ท่านพี่จะกลับมาเยี่ยมเจ้า”
พูดจบ เขาก็ดึงแขนหยวนชิงหลิง “ไปเถอะ ข้าจะอธิบายให้เจ้าบนรถม้า”
“ปล่อยมือ!” หยวนชิงหลิงโมโหจนหน้าเขียว มือสกปรกนี้ สักวันนางจะฟันทิ้งเสีย
หยวนชิงหลิงถูกเขาลากไปขึ้นรถมา ท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมาก
วันนี้คนขับรถม้าไม่ใช่สวีอี ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวานนี้ สวีอีก็อยู่ในช่วงการถูกพักงาน
“สรุปแล้วเจ้าจะให้โอกาสข้าอธิบายหรือไม่?” หยู่เหวินเห้าจ้องมองนางที่กำลังดิ้นรนด้วยใบหน้าแดงก่ำ
หยวนชิงหลิงตอบกลับ: “ท่านก็ปล่อยข้าก่อนสิ ไม่เช่นนั้นอะไรก็ไม่ต้องพูดทั้งนั้น ข้าไม่ฟัง”
หยู่เหวินเห้าปล่อยนางแล้วถามกลับอย่างจริงจัง “ในใจของเจ้า คิดว่าข้าเป็นเช่นนั้นงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ว่าใจของข้าคิดว่าท่านเป็นคนเช่นไร แต่เพราะข้าเห็นทุกอย่างกับตาตัวเอง” หยวนชิงหลิงตอบด้วยความเฉยชา
“เจ้าเห็นกับตาอะไรกัน?เจ้าก็เห็นเพียงแค่ในตอนที่สวีอีกำลังพาหญิงสองคนนั้นออกไป แล้วเรื่องก่อนหน้าที่สวีอีจะพาพวกนางไปเล่า?”
หยวนชิงหลิงหน้าซีดขาวทันที ก่อนจ้องเขา “ใช่สิ เรื่องก่อนหน้านั้นเล่า?แม้ข้าจะไม่ได้เห็นกับตา แต่ข้าก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ข้าสามารถคิดเองได้”
“คิดอะไร?” เขาโน้มตัวเข้ามา ลมหายใจทั้งหมดรดลงไปข้างหน้า ราวกับว่าเขาต้องการที่จะกดนางลงไปบนพื้นรอง
หยวนชิงหลิงผลักเขา ได้แต่โกรธไปเขินอายไป “ข้าไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก พวกเราแค่ทำตัวให้เหมือนกับแต่ก่อน ทางที่ดีที่สุดคือไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ท่านหาโอกาสหย่าร้างกับข้าเสีย พวกเราแยกย้ายไปมีความสุข ทำสิ่งที่ตัวเองต้องการจะดีกว่า”
เดิมทีมันควรจะเป็นเช่นนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่กี่วันมานี้เป็นเพียงแค่เรื่องที่คาดไม่ถึงเท่านั้น พวกเขาอาจจะเป็นเพราะถูกบางอย่างทำให้เกิดความสับสนเท่านั้น
คนสองคนที่เคยเกลียดชังกัน คงต้องโดนมนต์สะกดถึงได้เป็นเช่นนี้ได้
มือของหยู่เหวินเห้าปล่อยนางอย่างช้าๆ “นี่คือสิ่งที่ใจต้องการจริงๆ เช่นนั้นหรือ?”
“ใช่!” หยวนชิงหลิงไม่แต่จะมองเขาแล้วพูดด้วยคำพูดที่แทงใจ : “นี่คือสิ่งที่ใจจริงของข้าต้องการ เรื่องที่เกิดในสวนดอกไม้ เรื่องราวที่เกิดบนรถม้า พอกลับไปคิดแล้วก็ราวกับว่าโดนผีผลักเสียอย่างนั้น ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ควรที่จะเกิดขึ้น สิ่งนี้ผิดไปจากข้อตกลงเดิมของเรา”
เสียงเขาเริ่มเย็นชาลง “ข้อตกลงเดิมของพวกเราคืออะไร?”
“หาโอกาสให้ท่านหย่ากับข้า” นางตอกกลับ
เขาผิดหวังเป็นอย่างมาก ใจของเขาราวกับถูกน้ำเย็นราดใส่ ทั้งเยือกเย็นและเจ็บปวด
วันนี้ที่เขาดั้นด้นมาเพื่อที่จะอธิบายความจริง แต่ความจริงในใจของนางกลับคิดเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่สวนดอกไม้เป็นเพราะผีผลักงั้นหรือ?ช่างน่าขันยิ่งนัก
เขายอมละทิ้งซึ่งทิฐิที่สูงค้ำหัว ละทิ้งเกียรติ แต่แท้จริงแล้วนางไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรเลย
มันก็เพียงเท่านั้น คงจะเป็นเพราะผีผลักจริงๆ ถึงอย่างนั้นตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงได้เกิดความหลงใหลได้
ทั้งสองต่างนิ่งเงียบจนกระทั่งกลับมาถึงหนาประตูจวน เขาก็ยังไม่พูดอะไรสักคำ
หยวนชิงหลิงก็ไม่พูดเช่นกัน สิ่งที่ได้เจอเมื่อวานนี้ทำให้นางทุกข์ทรมานทั้งคืน พอคิดแล้วทุกอย่างก็น่าตลกสิ้นดี ในที่สุดหลังจากนี้ไปเขาจะไปอภิเษกสนมสามสนมสี่ได้เสียที ต่อให้นางจะชอบเขา แล้วจะทำอะไรได้อีกเล่า?
จะให้เขาอยู่กับนางคนเดียวตลอดชีวิตงั้นหรือ?ช่างเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินไป หรือต่อให้เขายอมรับ นางก็ไม่ยอมเชื่อหรอก
ตอนนี้ทุกอย่างนางต้องขอบคุณเรื่องที่ได้เจอเมื่อวานนี้
เมื่อถึงจวน พอลงจากรถม้า พวกเขาต่างก็ไม่หันมองกันแม้แต่นิด ต่างแยกกลับไปยังจวนของตน
ทานอาหาร ลบเครื่องประทินโฉม จูงสุนัขเดินเล่น อาบน้ำ ทำทุกอย่างราวกับคนปกติทั่วไป
แต่พอเวลาค่ำ ก็ยังพลิกตัวไปมาอย่างนอนไม่หลับ
หยู่เหวินเห้าเริ่มออกบ้านแต่เช้าค่ำมืดถึงจะกลับ หลายวันผ่านไปทั้งสองก็ยังไม่ได้พบหน้ากันเลย
หยู่เหวินเห้ารอให้หยวนชิงหลิงออกจากจวนอ๋องหวยแล้วจึงเข้าไปเยี่ยมอ๋องหวย หากวันไหนไปถึงเช้าแล้วหยวนชิงหลิงยังไม่กลับ เขาก็ยังไม่เข้าไป แล้วนั่งรออยู่ในรถม้า กระทั่งจนรถม้าของกู้ซือมารับหยวนชิงหลิงกลับไป เขาถึงจะเข้าไปด้านใน
หยวนชิงหลิงนั้นรู้ดี เพราะในตอนที่นางออกมาด้านหน้าแล้วเห็นรถม้าของเขา และผ้าม่านถูกลมพัดปลิวจนสามารถมองเห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมเย็นชาของเขา
ซึ่งในตอนนั้น ในใจของนางก็เจ็บแปลบขึ้นมา
แต่นางเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น