ตอนที่ 373 พลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วย ตอนที่ 374 ป้องกันใครอยู่

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 373 พลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วย

ซ่งเสี่ยนกลับไม่คิดว่าตนทำอะไรผิด

สภาพครอบครัวเขาไม่ถึงกับร่ำรวยมั่งคั่ง ต่อมาได้รับเงินมาโดยเปล่าๆ จำนวนหนึ่งอย่างกะทันหัน จึงได้ไปสู่ขอภรรยาที่อยู่ในตัวอำเภอ

แต่ตอนแรกยามเจอกัน ผู้คนไม่น้อยล้วนดูถูกสมาชิกครอบครัวเขา อยู่ในตัวอำเภอก็ไม่มีเรือนเป็นหลักเป็นแหล่งสักหลัง และยิ่งไปกว่านั้นก็ดูถูกเขาที่อายุปานนี้แล้วยังเป็นแค่ลูกศิษย์ฝึกงาน

มีเพียงตระกูลเผยที่ปฏิบัติต่อเขาแตกต่างออกไป

แม้ว่าตระกูลเผยตั้งเงื่อนไขว่าต้องมีบ้าน แต่ไม่ได้กำหนดขนาดและทำเลของบ้าน หลังยกเผยซื่อให้แต่งงานกับเขาก็เชิญเขาไปรับประทานอาหารด้วยกันบ่อยครั้ง จัดหาของกินดีๆ มาคอยปรนนิบัติเอาใจ แม้แต่น้องชายของเผยซื่อก็ยังมีน้ำใจกับเขายิ่งกว่าน้องต๋าเสียอีก!

แต่เมื่ออยู่บ้านซ่งเล่า

แม้ผู้เฒ่าเอ็นดูเขา แต่ตามจริงเพียงแค่หวังให้เขาประสบความสำเร็จโดดเด่นมีหน้ามีตา จะได้เชิดชูวงศ์ตระกูลได้ บิดาเขาก็มักจะดูถูกเขาว่าอยู่โรงย้อมสียังแสดงฝีมือไม่ดีพอ!

“ท่านปู่ ร้านของครอบครัวอารองอยู่ไหนหรือ อาคารสองชั้นเช่นนั้นคงราคาแพงน่าดูกระมัง คงมิได้นำบ้านของข้าในตัวอำเภอขายไปแล้วนะขอรับ?” ซ่งเสี่ยนยิ้มแล้วเอ่ยถาม

“เรือนหลังนั้นของเจ้าตกเป็นของเอ้อร์ยาแล้ว และดำเนินการกับทางด้านที่ว่าการอำเภอเรียบร้อยแล้วด้วย แต่ถึงกระนั้น ตอนนี้นางก็ไม่ได้ขายเรือนหลังนั้นแต่อย่างใด น้องรองเจ้าต้องเล่าเรียนหนังสือ จึงให้เขาเข้าไปอยู่ที่นั่นเป็นการชั่วคราว” ชายชราไม่ได้ปิดบังเช่นกัน จากนั้นกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ส่วนร้านค้าทางด้านนั้น อารองเจ้าเช่าเอาไว้”

“อาคารสองชั้นแม้ว่าเป็นการเช่าก็น่าจะใช้เงินไม่น้อยเช่นกัน” ซ่งเสี่ยนกล่าวขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็เอ่ยหยั่งเชิง “ก่อนหน้านี้อารองมักจะบ่นว่ายากจน บัดนี้เช่าร้านค้าได้แล้ว คงมีเงินให้ใช้จ่ายเหลือเฟือแล้ว? แต่อย่าได้กลายเป็นว่าติดหนี้สินชั่วชีวิตเชียวละ มิเช่นนั้นจะให้ท่านปู่และพวกเราแต่ละบ้านช่วยกันชดใช้ก็คงไม่ไหวจริงๆ”

“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก อารองเจ้าบอกว่าเป็นเงินที่ได้จากการที่หลานสวินและเอ้อร์ยาขายลวี่โต้วกั่วเมื่อก่อน จากนั้นเอ้อร์ยาก็ใช้เงินก้อนนั้นทำบ๊ะจ่างขาย เอ้อร์ยาจึงนำเงินที่ได้ส่วนหนึ่งแบ่งสรรปันส่วนให้หลานสวินมากถึงหนึ่งร้อยตำลึงเงิน หลังจากเช่าร้านและซื้อข้าวของก็ยังพอเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง” ชายชราไม่ได้คิดมากจึงกล่าวออกไป

ซ่งเสี่ยนกำมือเป็นกำปั้น

ดังนั้นกล่าวได้ว่า เขาไปทำงานตรากตรำ บ๊ะจ่างของซ่งอิงกลับยังคงขายดิบขายดีเช่นเดิม ถึงขั้นว่าพลอยให้บ้านสองได้ผลประโยชน์ไปด้วย?!

“น้องรอง นี่เจ้าทิ้งการเรียนมาได้ห้าปีแล้วกระมัง ข้าว่า ตั้งหน้าตั้งตาหากิจการสักอย่างทำไปจะดีกว่า ในเมื่ออารองเปิดร้านแล้ว เช่นนั้นเจ้าไปช่วยเป็นลูกมือก็ได้เช่นกัน อย่าเอาแต่หาข้ออ้างเพื่อแอบขี้เกียจอยู่เลย?” ซ่งเสี่ยนยิ้มแล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ซ่งสวินสงบเงียบมาโดยตลอด

ยามนี้ได้ยินคำพูดของซ่งเสี่ยน ทำเพียงยิ้มบางๆ แล้วกล่าว “ก็จริงอย่างที่พี่ใหญ่แนะนำ หลายวันมานี้ข้ายิ่งเรียนก็ยิ่งต้องทุ่มเท แต่ก็คิดอยู่ว่าจะขอลากับอาจารย์ทางด้านนั้นสักระยะหนึ่ง จะได้ไปช่วยทางด้านท่านพ่อท่านแม่”

“การเรียนเป็นเรื่องสำคัญ พ่อเจ้ายังไม่ถึงขั้นต้องให้เจ้าไปช่วยเหลือหรอก” ชายชรากล่าวทันควัน

ซ่งเสี่ยนรู้สึกริษยาในใจอย่างยิ่ง จึงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “นั่นสิ ในเมื่อเจ้าต้องการเรียน เช่นนั้นก็ทุ่มเทให้มากๆ หน่อยเถอะ ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนอยู่ในโรงเรียนประจำหมู่บ้าน อาจารย์ก็มักกล่าวเสมอว่าเจ้าเรียนรู้ได้ช้า สมองไม่ค่อยดี ก็ต้องขยันขันแข็งกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว”

“พี่ใหญ่น่าจะจำผิดแล้ว ตอนนั้นอาจารย์พูดอย่างนั้นกับท่านต่างหาก” ซ่งสวินยิ้มอ่อนโยน “ครั้งนี้ก่อนไปเล่าเรียนที่ตัวอำเภอ ข้าก็ไปพบเจอท่านอาจารย์ที่เคยเรียนด้วยก่อนหน้านี้ ท่านอาจารย์ซ่งได้ยินข่าวก็ดีใจยิ่ง แล้วยังมอบหนังสือให้ข้าด้วยสองเล่ม หวังว่าจากนี้ข้าจะก้าวหน้าประสบความสำเร็จ”

ชายชราพยักหน้าอย่างปลาบปลื้มใจ

“น้องรองมีความมั่นใจในตัวเองเช่นนี้ ดูท่าปีหน้าก็คงสอบเอาชื่อเสียงกลับมาได้แน่กระมัง” ซ่งเสี่ยนเอ่ยแดกดัน

ทุกคนมองซ่งสวิน

หากตระกูลซ่งปรากฏบัณฑิตที่มีหน้ามีตาขึ้นมาสักคน เช่นนั้นพวกเขาแม้จะอิจฉา แต่ในความเป็นจริงทุกคนก็จะได้หน้าไปด้วย

“ตั้งใจว่าปีหน้าเดือนสองค่อยลงสนามสอบดู เสียเวลาไปตั้งห้าปีแล้ว ข้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว หากสอบได้แต่เนิ่นๆ หน่อยก็จะเป็นการดี” ซ่งสวินกล่าว

ตอนที่ 374 ป้องกันใครอยู่

ซ่งสวินท่าทีสุขุมเยือกเย็น ท่าทางมั่นใจในตัวเองช่างทิ่มแทงตาซ่งเสี่ยนยิ่งนัก

“เช่นนั้น…พี่ก็ขออวยพรน้องรอง ณ ที่นี้ ให้น้องรองสอบได้โดยเร็วไว ถึงเวลาจะได้เชิดหน้าชูตาบรรพบุรุษ!” ซ่งเสี่ยนถึงขั้นขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน

สอบได้?

คนต่ำต้อยอย่างเขาน่ะหรือจะคู่ควร!

แต่ซ่งเสี่ยนกลับกระวนกระวายในใจ และอดนึกคิดถึงภาพเมื่อกว่าห้าปีที่แล้วขึ้นในสมองไม่ได้

ตอนนั้น แม้ว่าซ่งสวินอายุยังน้อย แต่กลับท่วมท้นไปด้วยกลิ่นอายอย่างผู้มีการศึกษา ผนวกกับร่างกายผอมแห้งบอบบางมาแต่กำเนิด ในโรงเรียนประจำหมู่บ้านก็มีแค่เขาที่ดูเหมือนอย่างคนเล่าเรียนหนังสือ

อาจารย์ก็ชื่นชอบเขามากที่สุดเช่นกัน บางครั้งเห็นนักเรียนคนอื่นไม่ตั้งใจเรียนก็จะสอนซ่งสวินคนเดียวเท่านั้น ถึงขั้นว่ายังมีความประสงค์ให้ซ่งสวินไปลองสอบเลื่อนขั้นแต่เนิ่นๆ อีกด้วย…

ตอนอายุสิบสองปี อาจารย์ก็คิดจะให้ซ่งสวินลองลงสนามสอบในตัวอำเภอแล้ว บัดนี้อายุสิบเจ็ดปี…

ไม่หรอก ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว สิ่งที่เรียนรู้มาก่อนหน้านี้ ซ่งสวินน่าจะลืมไปตั้งนานแล้ว

ซ่งเสี่ยนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

คิดว่าตนจะมัวถามต่อไปไม่ได้ มิเช่นนั้นจะควบคุมตนเองเอาไว้ไม่ได้จริงๆ

ซ่งสวินเผยรอยยิ้มจางๆ ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดกับซ่งเสี่ยนอีกเช่นกัน

เขาทำเป็นสงบเสงี่ยมไม่พูดจาใดๆ แม้สีหน้าดูแข็งทื่อเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ชักสีหน้าออกอาการ ทำให้ชายชราซ่งสบายใจขึ้นไม่น้อย

ชายชราแม้เป็นคนหนึ่งที่มีไหวพริบชาญฉลาด แต่เมื่อเผชิญหน้าหลานชายแท้ๆ ของตนเอง จึงย่อมไม่คิดอะไรมากมายเป็นธรรมดา

เมื่อรับประทานอาหารมื้อนี้เป็นที่เรียบร้อย มีเพียงผู้เฒ่าซ่งคนเดียวที่อารมณ์ดีไม่น้อย ส่วนคนอื่นๆ ต่างคนต่างมีความคิดบางอย่าง

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ถูกหลิวซื่อยั่วโมโหจนกลับไปนอนเอนกายในห้องแล้ว หลานต๋าที่นานๆ จะรู้ความ ย่อมต้องไปปลอบใจมารดาเขาเป็นธรรมดา ซ่งฝูซานและซ่งอิ๋นซานพูดคุยเป็นเพื่อนชายชรา และมักเอ่ยถึงเรื่องหางานสักอย่างให้ซ่งเสี่ยน

เจียวซื่อพาบุตรทั้งสามคนกลับไปบ้านของครอบครัวตนเอง

ส่วนซ่งอิงและซ่งสวินพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง

ส่วนซ่งเสี่ยน แน่นอนว่าดึงเผยซื่อไปซักถามสถานการณ์อยู่ในห้องแล้ว

“ต้าหลาง ขืนเจ้ายังไม่กลับมา บ้านก็คงได้กลายเป็นของคนอื่นแล้วจริงๆ!” เผยซื่อเอ่ยปากก็เต็มไปด้วยคำพูดเคืองแค้น “เจ้าไม่รู้อะไร หลายวันนี้ที่ข้าอยู่บ้านเผชิญความลำบากมากเพียงใด ก่อนหน้านี้ซ่งอิงมาเยือน ข้าก็แค่อยากพูดคุยกับนางหน่อย แต่นางกลับกล้าดี กล่าวว่าข้าเกะกะขวางทางนาง จึงเอ่ยปากเรียกหมอมา ให้หมอผู้นั้นใส่ร้ายป้ายสีข้าว่าป่วยทางจิต!”

“ข้าตั้งท้องอยู่แท้ๆ พูดจาเช่นนี้เป็นลางร้ายยิ่ง…” เผยซื่อทำหน้าน่าสงสาร

“เรื่องที่ก่อนหน้านี้ท่านแม่ข้าไม่ยินยอมบอกข้าคืออะไรกันแน่” ซ่งเสี่ยนยังจำได้ขึ้นใจ

“เห็ดหลินจือ!” เผยซื่อเอ่ยปากพูด “ข้าได้ยินแม่ข้าเล่าว่า วันฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบหกสิบปีวันนั้น เจ้าเด็กน้อยตระกูลฮั่วผู้นั้นมอบเห็ดหลินจือหนึ่งดอกให้พ่อเฒ่า ดอกของมันขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป แต่ขายได้ราคาดีแน่ อย่างน้อยก็คงขายได้หลายสิบตำลึงเงิน! เห็นบอกว่าเด็กน้อยผู้นั้นขึ้นเขาไปเก็บมา ไม่รู้จริงๆ ว่าเดินไปแถวไหนจึงโชคดีขนาดนี้!”

ซ่งเสี่ยนอดอุทานด้วยความตกใจขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน “เห็ดหลินจือนั่นขายไปแล้วหรือไม่”

“ยังเลย ตอนนี้ยังถูกท่านปู่เก็บเอาไว้ ข้าแอบถามท่านย่าแล้ว ท่านย่าบอกว่าเขาเอาเก็บไว้ในหีบ หีบนั้นใส่แม่กุญแจไว้ตั้งสามชั้น และรอบๆ หีบดังกล่าวมีดินเหนียวกลบเอาไว้อีกด้วย ไม่มีกุญแจ ใครหน้าไหนก็เปิดไม่ได้และอุ้มหีบไปด้วยไม่ได้เช่นกัน! ต้าหลาง เจ้าว่าท่านปู่ป้องกันใครหรือ” เผยซื่อกล่าวอย่างสงสัย

ซ่งเสี่ยนลอบโกรธเคืองในใจ

ป้องกันใคร? แน่นอนว่าป้องกันเขาอย่างไรเล่า!

ก็ไม่ใช่เพราะเขาเคยขโมยบ๊ะจ่างแล้วหรอกหรือ!

“เห็ดหลินจือนี้ ภายภาคหน้าก็ต้องเอาให้ท่านพ่ออยู่แล้ว ข้าก็เป็นหลานชายคนโต ท้ายที่สุดก็ต้องตกสู่มือข้าอยู่ดี” ซ่งเสี่ยนไม่แยแสสักเท่าไร

ซ่งอิงมอบผลประโยชน์มาให้เขาหน้าตาเฉย แล้วเขาจะไม่รับไว้ได้อย่างไร

“เลิกคิดไปได้เลย” เผยซื่อกลับเอ่ยทำลายความคิดที่เขาเพ้อฝันเอาไว้ “ท่านแม่ข้าบอกว่า วันนั้นท่านปู่รับประกันกับซ่งอิงตลอดจนหลานฮั่วว่า จะช่วยเก็บเห็ดหลินจือนี้เอาไว้ให้หลานฮั่ว เมื่อหลานฮั่วเติบใหญ่ ตอนที่จำเป็นต้องสู่ขอภรรยาค่อยมาเอาไปใช้!”

“เก็บเอาไว้นานขนาดนี้ ไม่กลัวเน่าเสียหรือไร” เผยซื่อกล่าวเสริมอีกประโยค

ส่วนซ่งเสี่ยนได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างใหญ่หลวง สีหน้าเปลี่ยนไปจนดุดันขึ้นเล็กน้อย “ท่านปู่เลอะเลือนไปแล้วใช่หรือไม่ นั่นเป็นเหลนนอกคอกที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดแต่อย่างใด! จะเอาให้เขาได้อย่างไรกัน ของที่มอบให้ตระกูลซ่งเราแล้วก็ต้องเป็นของพวกเราสิ จะเอาผลประโยชน์ไปหยิบยื่นให้ผู้อื่น บรรพบุรุษคงได้เดือดดาลเพราะเขากันพอดี!”