“ยินดีที่ได้พบกับผู้พิชิตความโกลาหลแห่งทะเลผู้โด่งดังในที่สุด”
“ผมเองก็ดีใจที่ได้พบกับผู้ถือแหวนคนแรกสุดเช่นกันครับ”
ผมตอบขณะจับมือชายตรงหน้า เขามีเขายาวงอกออกมาจากหัว ในขณะที่ผมสีเทาปนแดงของเขาที่ยาวปรกลงมาจนถึงไหล่ ดวงตาสีแดงเข้มของเขาดูสงบและสำรวมเมื่อจ้องมองมาที่ผม ผิวของเขามีสีขาวไม่เหมือนกับปีศาจคนอื่นๆ ใบหน้าของเขาคือคำนิยามที่สมบูรณ์แบบของคำว่าหล่อ
โดยรวมแล้วเขามีรูปลักษณ์ที่ ‘แบดบอย’ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าฉันคือ รอน ฟอร์มิเยร์ ราโมอิน ซาเฟียร์ เจ้าชายมกุฎราชกุมารแห่งจักรวรรดิปีศาจเอฟเฟธ ชายผู้เป็นเจ้าของแหวนอีกวงหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เติบโตถึง 23 ปี ในบรรดาผู้ถือแหวนจำนวนมาก พลังที่เขามีถือเป็นหนึ่งในผู้ที่ดุร้ายที่สุดในหมู่ผู้ครอบครองแหวนทั้งหมด
ด้วยปีศาจที่ทรงพลังหลายตัวภายใต้การปกครองของเขา เขาเป็นคนฉลาด, สงบและไร้ความปรานี พี่น้องของเขาที่ต่อต้านเขาล้วนเหือดหายหรือตายโดยไม่ทราบสาเหตุ แน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานมากมายเกี่ยวกับเขา แต่หากไม่มีหลักฐานใดๆ รอนก็สามารถเดินต่อไปได้โดยไม่มีรอยด่างพร้อย การรับมือกับคนแบบนี้ผมควรระมัดระวังอยู่เสมอ ที่นี่สิ่งเดียวที่เชื่อมโยงเราทั้งคู่คือความรักที่เขามีต่อเอลด้า
ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาเต็มใจที่จะให้เอลด้าเป็นจักรพรรดินีของเขา! นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย ตั้งแต่เกิดมารอนถูกทำกำหนดคู่หมั้นที่จะปกครองเคียงข้างเขาเอาไว้แล้ว นั่นคือปีศาจสาวที่มีอำนาจแต่รอนอยู่ที่นี่เต็มใจที่จะทำให้มันยุ่งยากด้วยการยุติการหมั้นหมายนี้
สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อสถานะของเขาอย่างรุนแรง แต่ถึงกระนั้นเขาก็เต็มใจที่จะไปให้ไกล เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าความรู้สึกของเขาเป็นของจริง แต่น่าเศร้าสำหรับเขาที่เขาคงไม่ได้รับความรักจากเอลด้า
“ทำไมไม่นั่งก่อนหล่ะ?”
รอนพูดในขณะที่เขาชี้ไปที่โซฟาที่อยู่ติดกัน ผมผงกศีรษะให้เขาก่อนจะนั่งลง คนอื่นๆ ที่มาพร้อมกับผมนั้นยืนอยู่ข้างหลังผม และข้างหลังรอนก็มีคนสนิทยืนอยู่เช่นกัน ออร่าของพวกเขานั้นแข็งแกร่งและทรงพลัง ชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวกับเขา
“แล้วนี่คุณคงไม่ได้เรียกผมมาแค่เพื่อทำความรู้จักกันใช่ไหมครับ?”
ผมพูดเข้าประเด็นขึ้นมาในทันที กับคนอย่างเขา ความตรงไปตรงมาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจในขณะที่เขาตอบ
“ไม่อ้อมค้อมเลยนะ เข้าใจแล้ว… ฉันแค่อยากจะพบนายและพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เป็นไปได้สำหรับการเป็นพันธมิตรกันหน่ะ”
“พันธมิตรเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว ในระหว่างการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งราชา นายคิดอย่างไรเกี่ยวกับการสร้างพันธมิตรระหว่างเราทั้งสองบ้าง? แน่นอนว่าข้อตกลงนี้จะคงอยู่จนกว่าเราจะได้พบกัน แล้วถ้าเราเจอกัน ทำไมเราไม่สัญญาว่าจะหาทางออกให้กันหล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ผมก็ไม่ได้ตอบโต้กลับในทันที ผมนิ่งเงียบคิดเกี่ยวกับทุกสิ่งที่อยู่ในมือ เหตุผลก็เพราะพันธมิตรนั้นมีประโยชน์สำหรับผม ข้อดีทั้งหมดดูเหมือนจะตกอยู่ที่กลุ่มของผมและนี่เป็นสิ่งที่น่าสงสัยที่สุด แม้ว่าผมเกลียดที่จะยอมรับก็ตาม กลุ่มของผมคงไม่สามารถต่อต้านกลุ่มของรอนได้มากนัก
เขาอยู่ในสถาบันตั้งแต่เริ่มต้นและปีศาจส่วนใหญ่ที่ทำงานภายใต้เขาคือผู้ใต้บังคับบัญชาที่แท้จริงของเขา พวกเขามีความภักดีต่อรอนอย่างแท้จริง ยิ่งกว่านั้นพวกเขารู้จักกันดีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในแต่ละกลุ่มจะมีความขัดแย้งระหว่างสมาชิกอยู่เสมอ อันที่จริงความขัดแย้งเล็กน้อยเกิดนั้นเองก็ขึ้นภายในกลุ่มของผมเช่นกัน
และนั่นไม่ใช่ทั้งหมด ผมยังต้องให้ความสนใจกับสายลับที่ถูกส่งมาจากกลุ่มอื่นด้วย ผมมีฝูงไฮยีน่าที่รอให้ผมเพลี่ยงพล้ำเพื่อที่พวกมันจะได้กินผมทั้งเป็นอยู่ การรักษากลุ่มไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ในที่สุดหลังจากผ่านไป 1 นาทีผมก็พูดขึ้นมา
“เป็นข้อตกลงที่ดีและทุกอย่างดูเหมือนจะดีแต่ว่า…”
“แต่?”
รอนถามด้วยรอยยิ้มสงบ ซึ่งผมก็ยิ้มให้เขาเช่นกันขณะถามขึ้น
“แต่คุณทำสิ่งนี้เพราะคุณต้องการที่จะลงทุนในการเติบโตของกลุ่มของผม หรือคุณทำสิ่งนี้เพราะความรู้สึกของคุณที่มีต่อน้องสาวของผมกันครับ?”
พอผมพูดจบบรรยากาศในห้องก็หนักอึ้งขึ้น ถ้าคำตอบของเขาคือคำตอบแรกก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นคำตอบที่ 2 เราคงมีปัญหาแน่ๆ เพราะเหตุผลนั้นมันน่าขายหน้า สนับสนุนเราเพราะคุณชอบน้องสาวผมเหรอ? นี่เป็นเพียงการดูหมิ่นอย่างโจ่งแจ้งสำหรับผมและกลุ่มของผม
ความเงียบยังคงอยู่เมื่อเวลาผ่านไป และยิ่งเงียบลงบรรยากาศก็ยิ่งอึดอัดขึ้น
จนเมื่อเวลาผ่านไป 2 นาที รอนก็พูดขึ้น
“ทั้ง 2 อย่าง”
“ทั้ง 2 อย่างงั้นเหรอครับ…?”
ผมถามกลับพร้อมกับรอนที่เอนตัวลงบนเก้าอี้ในขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย
“อ่า ผู้คนที่อยู่ภายใต้นายนั้นแข็งแกร่งและนายควบคุมพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์ แต่ละคนเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก หมายความว่านายจะมีพลังที่น่าเกรงขามภายใต้การปกครองของนายในอนาคต ทำให้นายเป็นเสาหลักที่มีค่าสำหรับโลกใบนี้”
พูดดังนั้นเขาจึงหยุดครู่หนึ่งขณะที่เขามองมาที่ผม ผมไม่ได้บอกให้เขาหยุดในขณะที่ผงกศีรษะ
“ดังนั้นฉันจึงคิดว่าการเป็นเพื่อนกับนายคงจะดีกว่า และใช่ว่าเอลด้าก็มีส่วนร่วมด้วย ในฐานะพี่ชายของเธอที่เธอดูเหมือนจะเคารพมาก ฉันคิดว่าการรู้จักคุณมากขึ้นจะเพิ่มโอกาสของฉัน ดังนั้นความปรารถนาทั้ง 2 ของฉันจึงทำให้เกิดข้อตกลงนี้ขึ้น”
เมื่อพูดจบเขาก็มองตาผมเพื่อรอคอยคำตอบ และผมก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขาอยู่ครู่หนึ่ง คำพูดแต่ละคำของเขาระมัดระวังและเตรียมพร้อมมาแล้ว เขาทำให้แน่ใจว่าคำพูดของเขาจะยกยอผมและสัมผัสได้ถึงความจริง นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงที่หลายคนไม่สามารถปฏิเสธได้ น่าเศร้าที่ผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคนจำนวนมากนั้น
“ผมต้องบอกว่าเจ้าชายรอนทำให้ผมประทับใจจริงๆ ครับ”
“โอ้ไม่ๆ นายเรียกฉันว่ารอนก็ได้”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรซึ่งผมก็ปฏิบัติตาม
“ได้ครับรอน ข้อเสนอของคุณน่าดึงดูดใจมาก แต่ผมขออภัยที่ต้องปฏิเสธครับ”
“ฉันขอถามได้ไหมว่าทำไม?”
รอนถามกลับโดยที่ยังสงบอยู่
ผมตอบด้วยรอยยิ้มขณะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้
“เหตุผลก็ง่ายๆ แม้ว่าข้อเสนอของคุณจะเล็กน้อยแต่ก็ยังเจือด้วยความปรารถนาของคุณที่มีต่อน้องสาวของผมและนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมยอมรับได้ครับ เอลด้าจะเลือกใครนั้นเป็นความปรารถนาของเธอเองและผมจะไม่เข้าไปยุ่งครับ ถ้าผมยอมรับข้อเสนอนี้ ผมจะทำตามคำสาบานที่เคยให้เธอได้ยังไงหล่ะครับ”
“เข้าใจแล้ว….แต่นายแน่ใจหรือว่าไม่ควรคุยเรื่องนี้กับลูกน้องของนายก่อน ลูกน้องของนายอาจมีความเห็นต่างเกี่ยวกับความเห็นแก่ตัวของนายก็ได้นะ”
รอนพูดกลับอย่างชัดเจนว่าพยายามสร้างรอยร้าวระหว่างเรา
ผมส่ายหัวให้กับท่าทางของเขาขณะที่ชี้มือไปด้านหลัง
ผมพูดกับคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตัวเองโดยยังคงสบตากับรอน
“นี่ดูเหมือนหน้าของคนที่กลัวอยู่เหรอครับ?”
“!!”
และคราวนี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป พอเห็นแบบนั้นผมก็หันกลับไปเห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นบนใบหน้า พวกเขาไม่มีท่าทีกลัวเลย ให้ตายเถอะพวกเขาทุกคนกำลังหาเรื่องวิวาทอยู่ โดยเฉพาะอเล็กซ์ที่ดูเหมือนกำลังเขียนอะไรบางอย่างในสมุดบันทึก แต่ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน รอยยิ้มของการรอคอยความท้าทาย แม้แต่มาร์คก็ยังมีรอยยิ้มเล็กๆ
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต