บทที่ 52 ใครว่าเฉินฮวนฮวนอยู่บ้านตระกูลเฟิงแล้วลำบากกัน

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

เมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ยินดังนั้น เธอก็รู้สึกโล่งใจ

  

ขอเพียงไม่ใช่เรื่องของเฟิงหานชวน เกาจวิ้นเซวียนรุ่นน้องอะไรนั่น ไม่เกี่ยวกับเธอทั้งนั้น

“โอ้ ไม่เป็นไรหรอก ยังไงฉันก็เลิกกับเขาแล้ว เขาอยากอยู่กับใคร ก็ให้เขาอยู่กับคนนั้น” หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดอย่างนั้น ทว่าในใจกลับรู้สึกรังเกียจเกาจวิ้นเซวียนมากยิ่งขึ้น

เดิมทีเธออยากจบกันด้วยดี เกาจวิ้นเซวียนไม่ได้สนใจอะไรเธอเลย ทว่าเขาดันกุมความลับของเธอไว้ และบังคับให้เธอปรนนิบัติดูแลรับใช้เขาอย่างดี

เมื่อนึกถึงท่าทางที่พึงพอใจของเกาจวิ้นเซวียน มือทั้งสองของหลิ่วเยว่เอ่อร์กำหมัดแน่น ความโกรธในใจก็เพิ่มมากขึ้น

  

ยิ่งเกาจวิ้นเซวียนมีความสุขมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกอัปยศอดสูมากขึ้นเท่านั้น!

  

“เยว่เอ่อร์ เธอรู้ว่าเกาจวิ้นเซวียนกับเฉินเสี่ยววานมีความสัมพันธ์คลุมเครือกันนานแล้วใช่ไหม” เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินน้ำเสียงสงบนิ่งของหลิ่วเยว่เอ่อร์ ในใจก็พอจะเดาอะไรบางอย่างได้

  

“ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่ไหม” หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่อยากเอ่ยถึงเกาจวิ้นเซวียน

  

เรื่องที่เธออยากถามคือเรื่องของเฉินฮวนฮวน ไม่ใช่เรื่องของตัวเธอเอง

  

“ไม่มีแล้ว” เฉินฮวนฮวนส่ายหน้า

  

“งั้นเธอไปเรียนเถอะ ฉันจะวางแล้ว” เมื่อพูดจบ หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ตัดสายไปทันที

  

เมื่อมองหน้าจอโทรศัพท์สีดำ เฉินฮวนฮวนก็ถอนหายใจเงียบๆ

เธอเหมือนกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ เจอผู้ชายห่วยๆ และถูกนอกใจ พวกเธอต่างก็ประสบเหตุการณ์เดียวกัน

  

เธอล้มลงกับพื้น ขณะที่เฉินเหม่ยเจวียนกำลังเตะเธออย่างบ้าคลั่ง เหยี่ยจิ่งเฉินก็ยืนอยู่ตรงนั้น ท่าทีเฉยเมยไม่สนใจเธอ

ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างดูเลือนราง เธอยังหวังว่าเขาจะช่วยเธอได้ ทว่าความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าหรงจิ่นซิวไม่ผ่านมา ไม่แน่ว่าเธออาจจะถูกเฉินเหม่ยเจวียนตีจนหมดสติไปจริงๆ

เมื่อเฉินฮวนฮวนนึกถึงตรงนี้ ใบหน้าของเธอเรียบนิ่งดูเย็นเยือกเป็นอย่างมาก ความเกลียดชังของเธอที่มีต่อตระกูลเฉินได้ซึมซับเข้าสู่กระแสเลือดของเธอแล้ว

……

เมื่อถึงเวลาเที่ยง เฉินฮวนฮวนอยู่คนเดียว ฉินเจียลี่และคนอื่นลากเธอไปนั่งกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน

ขณะกำลังกินข้าวกันอยู่นั้น ฉินเจียลี่นินทาขึ้นอย่างอดไม่ได้ “หลิ่วเยว่เอ่อร์เลิกกับเกาจวิ้นเซวียนคนนั้นแล้วเหรอ”

  

“อืม ใช่” เฉินฮวนฮวนตอบตามความจริง

ผู้หญิงทุกคนในชั้นเรียนต่างก็รู้จักเกาจวิ้นเซวียน เกาจวิ้นเซวียนค่อนข้างเป็นที่รู้จักในมหาวิทยาลัย ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่หลิ่วเยว่เอ่อร์คบกันเกาจวิ้นเซวียนก่อนหน้านี้ ก็ยิ่งดังกระฉ่อนไปทั่วมหาวิทยาลัย

  

ตอนนี้ เธอก็ไม่สามารถช่วยหลิ่วเยว่เอ่อร์ปิดบังอะไรได้เลย ถึงอย่างไรเกาจวิ้นเซวียนก็ใกล้ชิดสนิทสนมกับรุ่นน้องอย่างเปิดเผยมาก

  

“ฉันรู้นานแล้วว่า ผู้หญิงอย่างหลิ่วเยว่เอ่อร์ คบกับเกาจวิ้นเซวียนได้ไม่นานหรอก ไม่ช้าก็เร็วเธอต้องทิ้งเกาจวิ้นเซวียน!” เฉินเจียลี่กล่าวอย่างตื่นเต้น “ฉันเดาไม่ผิดเลยจริงๆ!”

  

หญิงสาวอีกสองก็พากันพยักหน้า

 

“ไม่ใช่นะ เจียลี่ เยว่เออร์ไม่ได้ทิ้งเกาจวิ้นเซวียน เธอ…” เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันได้อธิบายจบ ก็ถูกคำพูดของฉินเจียลี่เอ่ยขัดจังหวะเสียก่อน

  

“ฮวนฮวน ฉันว่าเธอควรอยู่ห่างจากหลิ่วเยว่เอ่อร์หน่อยนะ เธอดูสิ หล่อนเหมือนกับปีศาจจิ้งจอก แถมยังทำงานในที่แบบนั้นอย่างบลูส์คลับอีก ถ้าหล่อนไม่อยากเป็นเกาะคนรวยกิน มันก็แปลกแล้ว!” เมื่อฉินเจียลี่กล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของเธอแฝงไว้ด้วยความรังเกียจเหยียดหยาม

  

“เจียลี่ เยว่เอ่อร์ไม่ใช่คนแบบนั้นนะ เธอทำงานที่บลูส์คลับ เพราะเธอต้องหาเงินมากหน่อย ฐานะทางบ้านเธอไม่ดี เธอต้องจ่ายค่าเทอมเอง” เฉินฮวนฮวนรีบอธิบายให้หลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอรู้สถานการณ์ของหลิ่วเยว่เอ่อร์เป็นอย่างดี

  

“ช่างเถอะ ช่างเถอะ พวกเราเห็นว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่อยู่ ถึงได้บอกเธอเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเธอก็ตัวติดหล่อนเหมือนเงาตามตัวทุกครั้ง พวกเราก็ไม่มีโอกาสได้พูด” ฉินเจียลี่ส่วยหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยบอก “อีกอย่าง ฉันก็หวังดีเตือนเธอนะ ถ้าหล่อนไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรกับเธอ พวกเธอจะเป็นเพื่อนกันก็ไม่เป็นไร”

“เยว่เอ่อร์จะไม่ทำเรื่องเลวร้ายกับฉัน” เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างหนักแน่น

  

“ฉันว่าหล่อนไม่เหมือนคนดีนะ ใครจะรู้ล่ะ” ฉินเจียลี่เพียงรู้สึกขัดหูขัดตากับหลิ่วเยว่เอ่อร์

  

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าฉินเจียลี่ไม่ชอบหลิ่วเยว่เอ่อร์ ก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยมีเรื่องขัดแย้งกันเล็กน้อยระหว่างการฝึกทหาร ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ใส่ใจ

……

  

หลังจากเลิกเรียนตอนบ่าย เฉินฮวนฮวนไปทำงานที่ร้านชานม

เมื่อจินตั่วเห็นเธอเข้ามา เธอจึงเก็บของลงกระเป๋า แล้วเลิกงานกลับไป

  

ร้านชานมทั้งร้านถูกส่งต่อให้เฉินฮวนฮวนดูแลคนเดียว

  

รู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดไปแล้ว

  

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนทำเครื่องดื่มเสร็จไปหลายรายการ เธอกำลังจะนั่งลงพักผ่อน จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าประตูมา

  

คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน สีหน้าของเธอดูแย่มาก

“คุณมาทำอะไร” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบเฉย

  

เหยี่ยจิ่งเฉินเดินไปที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน ดวงตาคู่นั้นจ้องเฉินฮวนฮวนอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะถามขึ้นว่า “คุณ…ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”

  

“คุณชายเหยี่ย ไม่ทราบว่าจะสั่งอะไรดีคะ” เฉินฮวนฮวนไม่สนใจคำพูดของเขา เธอใช้น้ำเสียงของพนักงานเอ่ยถามเขา

  

“ฮวนฮวน ผมไม่ได้มาดื่มชานม ผมแค่เป็นห่วงคุณ ก็เลยมาดูคุณ” คิ้วของเหยี่ยจิ่งเฉินขมวดเข้าหากันครู่หนึ่ง ทว่าไม่นานสีหน้าก็กลับมาสงบนิ่งเช่นเดิม แต่น้ำเสียงยังแสดงถึงความเป็นห่วง

  

เฉินฮวนฮวนรู้สึกอยากจะอาเจียน เธอพยายามอดอดทนกลั้น และกัดฟันกรอด ก่อนจะถามกลับว่า “ดูฉัน? ถ้าคุณไม่ได้มาดื่มชานมก็ออกไป!”

สีหน้าของเหยี่ยจิ่งเฉินพลันเปลี่ยนไปทันที ทว่าไม่นานก็เอ่ยบอกอย่างใจเย็น “งั้นผมสั่งชานมสักแก้ว ได้ไหม”

  

“คุณสั่งอันไหน” เฉินฮวนฮวนเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก

  

“ชานมเมนูแนะนำของร้านก็แล้วกัน” เดิมทีเหยี่ยจิ่งเฉินไม่ได้อยากดื่มอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงสั่งอย่างขอไปที

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนคิดเงินเสร็จ เธอก็ไปทำชานมที่เคาน์เตอร์ทำเครื่องดื่ม ในตอนนี้เอง เสียงของเหยี่ยจิ่งเฉินก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ฮวนฮวน ก่อนหน้านี้ผมขอโทษคุณด้วย ถ้าคุณลำบากอะไร มาหาผมได้นะ ตอนนี้ผมกำลังลงทุนอยู่ข้างนอก ผมมีเงินสำรองอยู่บ้าง”

  

“คุณหมายความว่า ฉันยืมเงินคุณได้เหรอ” เฉินฮวนฮวนปิดฝาชานม และยื่นให้ตรงหน้าเหยี่ยจิ่งเฉิน ก่อนจะเค้นเสียงหัวเราะในลำคอออกมา

  

“อืม ผมได้ยินมาว่าคุณยังไม่มีเงินค่าทำพิธีฝังศพคุณยายของคุณ ผมสามารถ…” เหยี่ยจิ่งเฉินยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเฉินฮวนฮวนขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

  

“คุณชายเหยี่ย คุณลืมสถานะของฉันตอนนี้แล้วเหรอ ตอนนี้ฉันเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิง ฉันจำเป็นต้องยืมเงินคุณเหรอ” เฉินฮวนฮวนปิดบังความจริง เธอไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าผู้ชายห่วยแตกอย่างเหยี่ยจิ่งเฉิน

  

ในเมื่อเขากับเฉินซินโหรวรักกันดีแล้ว ก็ไม่ต้องปรากฏตัวต่อหน้าเธอ ทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียน

  

“ฮวนฮวน ฉันรู้ว่าเธออยู่บ้านตระกูลเฟิงน่าจะลำบาก ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่ไปขอเงินที่บ้านตระกูลเฉิน แล้วก็ไม่ต้องทำงานอีกแล้ว ไม่ใช่เหรอ”

ตระกูลเฟิงมอบเงินสิบล้านให้กับตระกูลเฉิน ซื้อลูกสาวคนหนึ่งกลับไปเป็นภรรยาของคนที่ “ใช้ไม่ได้” อย่างเฟิงเฉินเหยี่ยน แล้วจะให้เงินกับเฉินฮวนฮวนอีกได้อย่างไร

  

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าตระกูลเฉินให้ความสำคัญกับเฉินฮวนฮวนสักหน่อย เฉินฮวนฮวนก็ไม่จำเป็นต้องทำงานหาเงินที่ร้านชานมอีก

  

เมื่อเหยี่ยจิ่งเฉินพูดกับเฉินฮวนฮวนเช่นนั้น เธอแทบพูดไม่ออกเลยทีเดียว

เธออยากดูมีหน้ามีตาในสังคมต่อหน้าเขาเสียหน่อย ทว่าผู้ชายห่วยแตกคนนี้กลับเปิดโปงเธอจนไม่เหลืออะไรเลย

  

“ใครว่าเฉินฮวนฮวนอยู่บ้านตระกูลเฟิงแล้วลำบากกัน”

  

ในตอนนี้เอง เสียงของชายหนุ่มที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นที่หน้าประตู

  

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นเฟิงหานชวนอยู่ในชุดสูทที่สั่งตัดเย็บเป็นพิเศษ ยิ่งทำให้รูปร่างของเขาดูสูงใหญ่และสง่าผ่าเผย