บทที่ 223-2 จดหมายจากนายกรัฐมนตรี (2)

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 223 จดหมายจากนายกรัฐมนตรี (2)

ในขณะเดียวกัน ไป๋เยี่ยก็เจาะลึกแต่ละตัวชี้วัดในวารสารแต่ละฉบับ สิ่งสำคัญคือเขาต้องการสื่อว่าตัวชี้วัดเหล่านี้ยังไม่ถูกค้นพบ!

เทียบได้กับการบุกเบิกองค์ความรู้ใหม่!

แม้ว่าจะมีส่วนที่เป็นเคล็ดลับซ่อนอยู่มากมายก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธคุณภาพของบทความเหล่านี้ไม่ได้เลย

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมบทความของไป๋เยี่ยถึงได้รับการตีพิมพ์ลงวารสารหลากหลายฉบับ แถมเขายังถูกขนานนามให้เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้!

ข่าวนี้แพร่กระจายไปในหมู่ผู้มาเข้าร่วมการประชุม ผู้คนต่างเริ่มอ่านบทความนี้เพิ่มขึ้นทีละคน

ห้องประชุมทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงัดครู่หนึ่ง การถูกตบหน้าครั้งนี้มันช่างฉับพลันราวกับคลื่นพายุทอร์นาโด คิดจะปกปิดก็สายเกินไปแล้ว…

ต้องรู้ว่าการประชุมครั้งนี้ถูกถ่ายทอดสดไปหลายที่ สื่อต่างประเทศต่างเข้าไปสัมภาษณ์และบันทึกภาพเหตุการณ์ก่อนหน้า บรรยากาศตรงหน้าหนักอึ้งเสียจนไม่มีใครกล้าปริปากพูด

สีหน้าของไอดะ ทามะไม่สู้ดีอีกต่อไป เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าไป๋เยี่ยจะลงมือเร็วเช่นนี้ ที่สำคัญคือไป๋เยี่ยได้ศึกษาตัวชี้วัดจำนวนมากแล้วค่อยๆ สร้างทฤษฎีขึ้นมา

จะมัวรอช้าได้อย่างไร!

ถ้ามัวแต่รอช้า อาจจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดก็ได้!

เพราะฉะนั้นต้องเริ่มเตรียมการทันที!

ไอดะ ทามะคิดได้ดังนั้นก็หยัดกายขึ้น “ตอนนี้ผมขอประกาศว่าทีมวิจัยจุลชีพภายในลำไส้ของญี่ปุ่นได้ถูกก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!”

“ต่อไปนี้เราจะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยโตเกียว บริษัทเอดะ สถาบันจุลชีววิทยาและสถาบันอื่นๆ เพื่อลงทุนลงแรงกับงานวิจัยชิ้นนี้ ผมเชื่อว่าทีมวิจัยของผมดีที่สุดแล้ว!”

นัยน์ตาของเหล่าสื่อมวลชวนลุกเป็นประกาย!

เขาหมายความว่าอะไร

เขากำลังประกาศสงครามเหรอ

ถูกต้อง ไอดะ ทามะกำลังประกาศสงคราม เขาไม่มีทางยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้ครั้งนี้เด็ดขาด ตอนนี้เขาจะต้องยืนหยัดลุกขึ้นมาแข่งขันต่อหน้าสาธารณชน!

ทั้งคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยโตเกียว บริษัทเอดะ สถาบันจุลชีววิทยาซาวากิ…สถาบันเหล่านี้ล้วนมีชื่อเสียงระดับโลกและมีงานวิจัยคุณภาพยอดเยี่ยมจำนวนมาก

ความเด็ดขาดของบริษัทเอดะนั้นเหนือจินตนาการของทุกคน ในเมื่อหุ่นยนต์ซากุระมีแววไปต่อไม่ได้ พวกเขาก็กันไปทุ่มทุนกับงานใหม่อย่างเด็ดเดี่ยวทันที

ในวันนั้น สื่อต่างๆ ได้เผยแพร่ข่าวว่าญี่ปุ่นจัดการประชุมกลุ่มวิจัยเรื่องจุลชีพภายในลำไส้และข่าวว่าไป๋เยี่ยได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ผู้คิดค้นทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้’

แวดวงวิชาการที่แต่เดิมเคยสงบสุขเกิดความปั่นป่วนขึ้นในทันใด

เดิมที ‘วารสารการแพทย์เอเชีย’ ฉบับใหม่ซึ่งอัดแน่นไปด้วยบทความเรื่องจุลชีพภายในลำไส้กว่าสี่สิบบทความที่เคยดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วน เพราะว่าบัดนี้ได้มีการวิจัยทฤษฎีใหม่นี้มากขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ผู้คนต่างตกตะลึงในศักยภาพด้านงานวิจัยของญี่ปุ่น

แม้ว่าหลายคนจะรู้อยู่เต็มอกว่าทฤษฎีนี้ถูกเสนอโดยไป๋เยี่ย แต่สิ่งที่ไป๋เยี่ยเสนอในที่ประชุมกลับมีเพียงประเด็นเดียว ในขณะที่บทความจากญี่ปุ่นมีมากกว่าสี่สิบฉบับและกลายเป็นกระแสเล็กๆ ในที่สุด

น่าเสียดายที่ความสามารถของคนเราย่อมมีขีดจำกัด ลำพังไป๋เยี่ยเพียงคนเดียวจะเทียบชั้นกับผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการมากหน้าหลายตาในญี่ปุ่นได้หรือ ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

หลังจากนั้น ฝ่ายญี่ปุ่นก็ส่งจดหมายเชิญไปยังสื่อในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่างประเทศจำนวนมากเพื่อเชิญชวนให้พวกเขามาเข้าร่วมการประชุมก่อตั้งทีมวิจัย

การพัฒนาอันรวดเร็วช่วยดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วนจนเรียกได้ว่าตอนนี้ทั้งญี่ปุ่นและไอดะ ทามะกลับกลายเป็นดาวเด่นและผู้บุกเบิกองค์ความรู้

ในขณะที่ไป๋เยี่ยอาจจะถูกจดจำในฐานะผู้เสนอทฤษฎี ในประวัติศาสตร์การแพทย์จะมีบันทึกถึงตอนที่ไป๋เยี่ยเสนอทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้ ณ ที่ประชุมของการประชุมประจำปีของสาขาทวารหนักแห่งสมาคมศัลยแพทย์เมื่อปีสองพันสิบเจ็ด เช่นเดียวกับหญิงสาวรีดนมวัวที่เป็นผู้ค้นพบโรคฝีดาษ ก็ถูกบันทึกชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์

ระหว่างที่ทุกคนกำลังสรรเสริญความสำเร็จของชาวญี่ปุ่น วารสารการแพทย์ชั้นนำของโลกก็ถูกเผยแพร่ออกมาแล้ว

บทความของไป๋เยี่ยถูกตีพิมพ์ลงวารสารชั้นนำกว่าสิบฉบับ อีกทั้งหัวข้อ ‘ผู้คิดค้นทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้’ ยังถูกนำไปเขียนไว้เด่นหรากลางหน้าปก สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนไม่น้อย

ทันทีที่อ่านบทความจบ ทุกคนก็ตกอยู่ในความนิ่งงัน

เพราะว่าเมื่อนำบทความกว่าสิบฉบับของไป๋เยี่ยมารวมกันนั้นก็จะเกิดเป็นทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้นั่นเอง

ที่แท้คนคนหนึ่งก็เก่งได้ถึงเพียงนี้ คนคนเดียวเก่งเสมือนนำคนทั้งประเทศมารวมกัน!

จำนวนและคุณภาพของวารสารที่ถูกตีพิมพ์โดยคนคนเดียวนั้นมากกว่าจำนวนที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะทำได้เสียอีก!

นี่มันพลังอะไรกัน!

ความแข็งแกร่งเช่นนี้

ศักยภาพเช่นนี้

เว็บบอร์ดต่างๆ ในหลายประเทศเริ่มถกเถียงกันถึงเรื่องนี้ฟอรัม

‘คลารี่’ เลขาธิการองค์การอนามัยโลกถึงกับโพสต์สถานะลงบนทวิตเตอร์

[ไม่น่าเชื่อวาบนโลกนี้จะมีอัจฉริยะจริงๆ ชายหนุ่มผู้นี้ทลายกำแพงทะลวงช่องว่างแห่งเทคโนโลยีและเขตแดนลงไปได้ โบยบินออกไปไกลยิ่งนัก ขออวยพรคุณไป๋เยี่ยจากประเทศจีน! หวังว่าจะได้พบคุณที่การประชุมสิ้นปีขององค์การอนามัยโลก]

คลารีเป็นเลขาธิการองค์การอนามัยโลกและเป็นหัวหน้าทีมป้องกันโรคมาลาเรีย ตอนนั้นเขาเคยมาเยือนประเทศจีนเป็นการส่วนตัว ทั้งยังกล่าวยกย่องไป๋เยี่ยว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ นอกจากนี้ยังส่งจดหมายเชิญให้ไป๋เยี่ยไปร่วมการประชุมสิ้นปีอีกด้วย

สื่อหลายแห่งทั่วโลกต่างออกมาแสดงความคิดเห็นและเรียกเขาว่า ‘ปฏิหาริย์แดนบูรพา’

ไม่เพียงแต่คนในประเทศที่ตกตะลึง แม้แต่คนนอกประเทศก็ยังเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความงุนงง

เพราะหลังจากที่พวกเขาเห็นบทความจำนวนมากจากญี่ปุ่น พวกเขาก็ไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

พานเซี่ยงเหนียนรู้สึกเสียใจและโกรธจนตัวสั่นเพราะเหตุการณ์นี้ ทว่าบางสิ่งก็ไม่อาจระงับได้ด้วยโทสะ

ช่องว่างระหว่างศักยภาพนั้นยากจะซ่อมแซม!

เพิ่งจะมีการจัดทำแผนโครงการขึ้น การทดลองหลายๆ อย่างก็เพิ่งเริ่มต้น ยังมีเรื่องผลลัพธ์อะไรอีกมากมาย

ผู้คนจึงได้แต่มองชาวญี่ปุ่นเบ่งพลังของตนเองอยู่บนเวทีวิชาการตาปริบๆ!

ทว่าเมื่อบทความกว่าสิบฉบับของไป๋เยี่ยถูกตีพิมพ์ออกมา ภาพตรงหน้าก็ถูกทำลายลง

ไป๋เยี่ยตีพิมพ์บทความลงวารสารระดับนานาชาติกว่าสิบบทความ เกียรติยศครั้งนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้คนในแวดวงวิชาการทั่วโลกได้

วารสารการแพทย์เอเชียเทียบไม่ได้กับวารสารเหล่านั้นเลยสักนิด อะไรคือสิ่งที่เป็นที่ยอมรับของโลกวิชาการมากที่สุดกันนะ

อำนาจอย่างไรล่ะ!

ตอนนี้ดูเหมือนว่าไป๋เยี่ยจะได้รับการยอมรับจากผู้มีอำนาจ หลอมรวมจิตใจของผู้คนทั้งชาติไว้ด้วยกัน!

ทันที่ที่หลี่มู่หยางทราบข่าว เขาก็รีบรุดไปเล่าเรื่องไป๋เยี่ยให้ผู้อำนวยการของเขาฟัง เมื่อผู้อำนวยการได้ฟังแล้วก็ถึงกับอ้าปากค้าง พูดจาไม่ออก

‘เกาเย่ว์หยาง’ ผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยแพทย์ยูเนียนเองครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา

“คนหนึ่งคนเท่ากับทั้งชาติ!”

หลี่มู่หยางได้ฟังก็เบิกตากว้าง เขาไม่คิดเลยว่าไป๋เยี่ยจะได้รับการสรรเสริญจากผู้อำนวยการเกา

เกาเย่ว์หยางไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นถึงผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยแพทย์ยูเนียน อำนาจและสถานะของเขาย่อมไม่ต่ำต้อยแน่นอน