บทที่ 234 จำเป็นต้องสู้

บทที่ 234 จำเป็นต้องสู้

“ระวังตัวไว้ เตรียมพร้อมสู้รบ!”

อู๋ฝานลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน พร้อมกับเผยสีหน้าท่าทีจริงจัง

หนิวเอ้อและพรรคพวกต่างก็ทำเช่นเดียวกัน หากเทียบเปรียบกับอู๋ฝานแล้ว สีหน้าท่าทีของพวกเขาค่อนข้างร้อนรนกว่า

แต่การที่ร้อนรนขึ้นมาก็ต่อว่าพวกเขาไม่ได้ เพราะพวกเขาต่างก็ได้เป็นประจักษ์พยานถึงการต่อสู้ระหว่างสองมอนสเตอร์ดุร้ายกับตาตัวเอง ไม่ว่าจะตัวใดในสองตัวนี้ต่างก็ยากที่จะรับมือ พวกมันดุร้าย รุนแรง และแข็งแกร่ง เพียงแค่ขนาดตัวอันใหญ่โตของพวกมัน ก็มากพอจะทำให้ผู้คนตระหนักได้ถึงความสิ้นหวังแล้ว

เพียงแต่พวกหนิวเอ้อทราบดีว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน มันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสู้!

“ฟึ่บ!”

ทุกคนต่างตั้งระวังกันขึ้นมา อู๋ฝานโน้มสายธนูเตรียมยิงออกไป ลูกธนูสีดำคมกริบแหวกอากาศเผยเสียงหวีดร้องของสายลม มุ่งตรงเข้าหาสัตว์ทรายสีชาดอย่างรวดเร็ว

สัตว์ทรายสีชาดที่เห็นพวกอู๋ฝาน ขณะนี้สายตาของมันปรากฏความเหยียดหยันอย่างชัดเจน ในสายตาของพวกมัน มนุษย์อ่อนแอไม่ต่างอะไรจากมดปลวก ตราบเท่าที่พุ่งตรงเข้าไป พวกมันก็สามารถบดขยี้อีกฝ่ายจนแหลกเละตกตายได้

เพียงแต่ทันใดนั้นเองที่มันรับรู้ได้ถึงอันตราย จุดสีดำกำลังมุ่งตรงเข้ามาใกล้มันด้วยความเร็วสูง ด้วยสัญชาตญาณ มันจึงรีบเคลื่อนกายหลบเลี่ยงไปด้านข้าง เสียง ‘ฟิ่ว!’ ยังดังผ่านไปพร้อมกับลูกธนูที่ลอยลิ่ว

สัตว์ทรายสีชาดทั้งนึกเหยียดหยามและโกรธแค้น

มนุษย์ตัวจ้อยกล้าดีอย่างไรต่อต้านพวกมัน? กล้าดีอย่างไรโจมตีตัวมัน?

มันจะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้สำนึกถึงความเป็นจริง!

เพียงแต่ก่อนที่สีหน้าท่าทีของสัตว์ทรายสีชาดจะแปรเปลี่ยน ฉับพลันนั้นเองที่มันรู้สึกเจ็บตรงตาข้างซ้าย ราวกับว่ามันถูกอะไรสักอย่างเข้าปะทะ จากนั้นไม่นานความเจ็บปวดก็โลดแล่นทั่วกายของมัน ทำมันรู้สึกแทบจะคลุ้มคลั่ง

“โฮก!”

สัตว์ทรายสีชาดออกวิ่งพร้อมส่งเสียงร้องคำราม ลูกธนูดอกหนึ่งที่ปักคาไว้บนตาซ้ายของมันยื่นยาวออกมา ขณะคำรามร้อง ลูกธนูนั้นยิ่งสั่นไปมา

ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เกิดขึ้นเป็นเพราะลูกธนูที่ปักเข้าใส่ และลูกธนูนี้ย่อมต้องเป็นฝีมือของอู๋ฝาน

วิชาธนูระดับสูง ไม่ใช่เพียงแค่เพิ่มความแม่นยำในการยิงของอู๋ฝานเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเร็วในการยิงธนูอย่างมหาศาล นอกจากนี้ ค่าสถานะความว่องไวของเขาก็ไม่ใช่ต่ำเตี้ย ดังนั้นในช่วงสั้น ๆ ชายหนุ่มจึงสามารถยิงธนูออกไปได้สองครั้ง แม้ว่าสัตว์ทรายสีชาดจะหลบเลี่ยงครั้งที่หนึ่งได้ แต่มันก็ไม่อาจหลบเลี่ยงลูกธนูซึ่งถูกยิงตามติดมาเป็นครั้งที่สอง ระยะห่างทางเวลาระหว่างลูกธนูทั้งสองนั้นสั้นกระชั้นจนเกินไป ถึงขนาดที่ว่าทำให้มันไม่มีเวลามากพอจะตอบสนอง

ลูกธนูของอู๋ฝานสำเร็จผลได้ด้วยดี ไม่เพียงแต่เพราะร่างกายอันใหญ่โตของสัตว์ทรายสีชาด แต่ยังเป็นเพราะตัวสัตว์ทรายสีชาดได้รับบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้กับพยัคฆ์ทะยานเมฆอยู่ก่อนแล้ว แม้ว่ามันจะยังมีความหาญกล้าสูงส่ง แต่อย่างไรพยัคฆ์ทะยานเมฆก็เป็นมอนสเตอร์เลเวลทัดเทียมกัน ความเสียหายที่ได้รับมาแต่เดิมไม่มีทางเล็กน้อย เพียงแต่เพราะโทสะอันล้นเหลือ จึงราวกับมันยังมีเรี่ยวแรงอยู่

ทว่าต่อหน้าอันตรายคุกคามชีวิต อาการบาดเจ็บก็ยังส่งผลกระทบ ทำให้มันเริ่มที่จะกลับคืนสภาพดั้งเดิม

เพียงแต่ส่วนที่ทำให้เรื่องราวของมันเลวร้ายลง เป็นเพราะอู๋ฝานสวมใส่จี้หยกกระเรียนขาว

[จี้หยกกระเรียนขาวในตำนาน ค่าสถานะ : โชค+10 เสน่ห์+10 อัตราการโจมตีคริติคอล+10% ความเสียหายโจมตีจุดอ่อน+30% อัตราการเติบโตความชำนาญของทักษะ+20% ดร็อปอุปกรณ์+20% ระดับทักษะดำเนินชีวิต+1 (หมายเหตุ : ค่าสถานะนี้จะไม่มีผลเมื่อสำเร็จทักษะระดับมาสเตอร์)]

ภายใต้อำนาจของจี้หยกกระเรียนขาว ลูกธนูของอู๋ฝานจึงตรงเข้าปักใส่ตาซ้ายของสัตว์ทรายสีชาดอย่างแม่นยำ มันคือจุดอ่อน และทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นถึงสามในสิบส่วน ขณะเดียวกันนั้นผลของการโจมตีพิฆาต จึงเพิ่มโบนัสความเสียหายไปอีกสามเท่า

ภายใต้ผลลัพธ์ทั้งสองที่ส่งผล สัตว์ทรายสีชาดจึงตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บอย่างสาหัส ขณะนี้ร่างใหญ่โตของมันล้มลงในสภาพปางตาย

เมื่อเห็นเรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้ อู๋ฝานก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาทราบดีว่าหากไม่ใช่เพราะสัตว์ทรายสีชาดได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสร้างความเสียหายรุนแรงถึงตายแก่มันได้สำเร็จ

แน่นอนว่า การเล็งยิงและความสงบคือคุณสมบัติที่ดีของพลแม่นธนู พยัคฆ์ทะยานเมฆและสัตว์ทรายสีชาดต่างก็เปิดฉากสู้กันมายาวนาน สุดท้ายจึงมีโอกาสให้เขาได้ชุบมือเปิบ

แน่นอนว่าขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สามารถผ่อนคลายได้แล้ว เพียงแต่สัตว์ทรายสีชาดยังไม่ได้หมดลมหายใจโดยสมบูรณ์

สัตว์ทรายสีชาดที่โกรธแค้น มันทราบดีว่าชีวิตของมันไม่อาจรักษาเอาไว้ได้อีกแล้ว มันไม่หลบหนี แต่เลือกที่จะดุร้ายและรุนแรงมากขึ้น เสียงคำรามของมันดังลั่นขนาดที่ทำทั้งป่าสะท้านสะเทือน

สัตว์ทรายสีชาดตกอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่ง มันพยายามลุกขึ้นบุกทะยานเข้าหาพวกอู๋ฝานอีกครั้งหนึ่ง และครั้งนี้มันไม่เห็นพยัคฆ์ทะยานเมฆในสายตาอีกต่อไป มันมุ่งมั่นที่จะสังหารกลุ่มมนุษย์ตัวจ้อยตรงหน้า!

เพื่อที่จะได้ตกตายไปตามกันให้หมด!

“ระวัง!”

เพียงแค่ช่วงเวลาที่อู๋ฝานตะโกนย้ำเตือน สัตว์ทรายสีชาดก็พุ่งมาถึงตรงหน้าทุกคนแล้ว

“ฮ่า!”

อู๋ฝานส่งเสียงตะโกนดังออกมา

หนิวเอ้อและพรรคพวกต่างใช้ดาบใหญ่ในมือฟาดฟัน และคนที่ยืนแถวหน้าสุดย่อมเป็นหนิวเอ้อที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคน

ดาบของทุกคนต่างฟาดฟันลงใส่สัตว์ทรายสีชาดจนสำเร็จ ทว่าก่อนที่พวกเขาจะทันได้ยินดี สัตว์ทรายสีชาดก็ยังคงพยายามพุ่งชนอย่างไม่ลดละ มันพุ่งตรงเข้าหากลุ่มคนหมายชนให้กระเด็น หนิวเอ้อที่อยู่แถวหน้าสุด แม้ว่าร่างกายแข็งแกร่งก็ยังต้องถูกชนจนกระเด็นลิ่ว สุดท้ายร่างร่วงหล่นกระแทกพื้นอย่างรุนแรง

สัตว์ทรายสีชาดหอบหายใจอย่างหนักหน่วง มันยังคงบุกทะยานต่อเนื่องหมายสังหารอู๋ฝานและลั่วเยวี่ยที่ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากพวกหนิวเอ้อ สัตว์ทรายสีชาดจำชายหนุ่มได้อย่างขึ้นใจ ไม่ว่าจะด้วยอะไร มันก็เกลียดชังมนุษย์ผู้นี้จนถึงแก่นกระดูก!

อู๋ฝานหมอบลงกับพื้น กระบี่ยาวศิลาดำถูกนำออกมาปรากฏในมือแทนที่คันธนูยาว

“กระจายตัว! ข้าจะดึงความสนใจพวกมัน เจ้าลงมือโจมตี!” อู๋ฝานบอกกับลั่วเยวี่ยที่อยู่ด้านหลัง

ลั่วเยวี่ยทำตามคำสั่ง คนทั้งสองจะคอยเว้นระยะห่างระหว่างกัน

สัตว์ทรายสีชาดหมายสังหารอู๋ฝาน มันไม่คิดลังเลสนใจคนอื่น

“เข้ามา ไอ้วัวหน้าโง่!” อู๋ฝานตะโกนท้าทาย

เมื่อเห็นท่าทียั่วยุของอู๋ฝาน สัตว์ทรายสีชาดยิ่งโกรธเกรี้ยว เสียงกระทืบเท้าของมันยิ่งรุนแรงมากขึ้น

เพื่อสร้างโอกาสให้ลั่วเยวี่ย อู๋ฝานจึงไม่ได้หลบเลี่ยงในทันที แต่เลือกที่จะรอคอยจนสัตว์ทรายสีชาดเข้ามาใกล้มากพอ

เดิมนั้นอู๋ฝานคิดว่าตนเองมีความว่องไวสูงมากพอ และสัตว์ทรายสีชาดก็ได้รับบาดเจ็บรุนแรงเกือบตกตายแล้ว ดังนั้นเขาจึงสมควรที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีอย่างกระชั้นชิดนี้ได้ ทว่าตนปรามาสความสามารถของสัตว์ทรายสีชาดต่ำเกินไป

ขณะอู๋ฝานคาดเดาความเร็วการพุ่งทะยานของสัตว์ทรายสีชาดเพื่อเตรียมหลบหนี สัตว์ทรายสีชาดกลับยังสามารถเร่งความเร็วมากขึ้นได้อีก การเปลี่ยนแปลงนี้อยู่นอกความคาดหมายของชายหนุ่ม ขณะที่เขากำลังจะตอบสนอง ก็พบว่าช้าเกินไปแล้ว

“ตึง!”

อู๋ฝานถูกเข้าปะทะตรงเอวและช่วงท้อง โชคดีที่ตนตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว สามารถหลบเลี่ยงเขาอันแหลมคมของสัตว์ทรายสีชาดได้ ทำให้เพียงแค่ถูกศีรษะของมันชนเข้าปะทะ ไม่เช่นนั้นแล้ว ชายหนุ่มคงถูกสัตว์ทรายสีชาดแทงร่างทะลุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทว่าต่อให้เขาจะหลบเลี่ยงเขาแหลมคมของสัตว์ทรายสีชาดได้สำเร็จ อู๋ฝานที่โดนปะทะเข้าเล่นงานอย่างจังก็ไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย ทั้งร่างของเขาล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าแม้แค่ศีรษะปะทะก็รุนแรงอย่างหนักหนา

แน่นอนว่ามอนสเตอร์เลเวลห้าสิบย่อมไม่มีทางรับมือได้อย่างง่ายดาย ต่อให้เป็นมอนสเตอร์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหลือเรี่ยวแรงเพียงแค่บางส่วน ก็ไม่ใช่อะไรที่เขาจะสามารถสังหารได้ในทันที ความแตกต่างทางพละกำลังและเลเวลของทั้งสองฝ่าย มันห่างกันมากจนเกินไป