ตอนที่ 228 อาการผิดปกติของเสิ่นเสี่ยวเหมย

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 228 อาการผิดปกติของเสิ่นเสี่ยวเหมย

ตอนที่ 228 อาการผิดปกติของเสิ่นเสี่ยวเหมย

ถังหลิงออกมาหาพวกเขาพร้อมพูดว่า “ลุงเสิ่น เชิญเข้ามาก่อนค่ะ”

ทันทีที่ผู้เฒ่าเสิ่นเข้ามา เขาเห็นเพียงเฉินเจียซิ่ง หลิวจื้อหมิง และหลิวลี่ลี่เท่านั้นที่มาถึงก่อนแล้ว

“พวกเธอไม่ได้บอกว่าเชิญเหล่าเฉินมาแล้วหรอกเหรอ ทำไมตอนนี้ถึงยังไม่มาอีก?”

เฉินเจียซิ่งอธิบาย “คุณลุงครับ พวกเขาต้องพาเจียวั่งไปรับการรักษาตามนัด เลยปลีกเวลามาไม่ได้”

“น้องชายสามของเธอเป็นยังไงบ้าง? ช่วงไม่นานมานี้อาการเขาไม่ได้กำเริบอีกใช่ไหม? เสี่ยวเหมยกำลังท้องอยู่ เดี๋ยวท่าทางประหลาดพิลึกของเขาจะทำให้หล่อนตกใจอีก”

ผู้เฒ่าเสิ่นพูดกับเฉินเจียซิ่งด้วยน้ำเสียงราวกับตัวเองสูงส่งกว่าใคร

แววไม่พอใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉินเจียซิ่ง

แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายไร้ความสามารถ แต่เขาก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดถึงขั้นยอมรับการถูกคนนอกดูหมิ่นน้องชายตัวเอง

สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่แยแสเช่นเดียวกัน “คุณลุง เร็ว ๆ นี้อาการของน้องชายผมค่อนข้างคงที่มาก ไม่กี่วันก่อนปู่ผมไปหาหมอแผนจีนเย่เพื่อเชิญเขาให้มารักษา อาการของเขาน่าจะหายขาดในไม่ช้า”

“หมอแผนจีนเย่เหรอ? เขาใช่หมอแผนจีนคนเดียวกันกับที่แม่ของพี่สะใภ้เธอแนะนำให้มารักษาอวี้หลงหรือเปล่า?”

เสิ่นเสี่ยวเหมยพยักหน้า “ดูเหมือนว่าจะเป็นคนนั้นค่ะ”

เมื่อหลิวจื้อหมิงเห็นเสิ่นอวี้อิ๋ง เขาก็เดินไปหาหล่อนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อวี้อิ๋ง ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะมาด้วย ฉันคงแวะไปรับเธอจากที่โรงเรียนแล้ว”

เสิ่นอวี้อิ๋งส่งยิ้มหวานให้เขา “พี่จื้อหมิง คุณปู่ขับรถผ่านโรงเรียนฉันพอดีค่ะ ฉันเลยอาศัยติดรถมาด้วย”

“ไว้หลังจากนี้ฉันจะไปส่งเธอที่โรงเรียนเอง”

ครั้งล่าสุดเสิ่นอวี้อิ๋งปฏิเสธที่จะให้เขาไปรับหล่อนจากโรงเรียน เรื่องนี้ทำให้หลิวจื้อหมิงรู้สึกไม่สบายใจมาก

เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด หรือเผลอทำอะไรให้แม่สาวน้อยคนนี้ขุ่นเคืองบราวนี่ออนไลน์

“ได้ค่ะ”

เสิ่นอวี้อิ๋งตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของหลิวจื้อหมิงเช่นกัน

“จื้อหมิง งานของเธอช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”

หลิวจื้อหมิงตอบกลับ “คุณปู่เสิ่น งานของผมราบรื่นดีมากครับ ด้วยการแนะนำของผู้อำนวยการเสิ่น พวกเราทุกคนต่างทุ่มเททำงานกันอย่างหนัก เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของโรงงานเครื่องจักร”

“คนหนุ่มสาวสมควรมีความทะเยอทะยาน”

ถังหลิงพูดกับเสิ่นเสี่ยวเหมย “เสี่ยวเหมย เธอพาลุงเสิ่นไปนั่งก่อนเถอะ”

จากนั้นก็ไปต้อนรับแขกอีกครั้ง

โดยพื้นฐานแล้วหล่อนไม่มีเพื่อนในไห่เฉิงมากนัก แม้แต่พ่อแม่ของหล่อนก็ย้ายออกจากไห่เฉิงไปแล้ว

เนื่องจากความขุ่นข้องหมองใจของคนรุ่นก่อน ทำให้หล่อนไม่สามารถติดต่อกับลูกพี่ลูกน้องหรือลุงตัวเองได้

เหลือแค่ถังจวิ้นเฟิงลูกพี่ลูกน้องของหล่อน เนื่องจากเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉินเจียเหอหลังจากที่หล่อนกลับมาไห่เฉิง หล่อนจึงเชิญเขามาที่นี่ด้วย

เดิมทีเซี่ยไห่ก็ได้รับเชิญเช่นกัน แต่ว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในไห่เฉิง

ช่วงที่ผ่านมาหล่อนก็ไม่เห็นหน้าค่าตาผู้ติดตามทั้งสองคนของเซี่ยไห่เช่นกัน

เมื่อวานนี้หล่อนอุตส่าห์ไปเชิญเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยด้วยตัวเอง แต่เมื่อเฉินเจียเหอไม่มา หลินเซี่ยก็ไม่แม้แต่จะโผล่หน้ามาตามคำเชิญ

หล่อนเป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อผูกมิตรกับพวกเขาแล้วแท้ ๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจไยดี ถังหลิงจึงรู้สึกเหมือนพวกเขาไม่ให้เกียรติ ทันใดนั้นความเกลียดชังของที่มีต่อหลินเซี่ยจึงรุนแรงยิ่งขึ้น

หล่อนไม่มีความตั้งใจที่จะเคี้ยวกระดูกแข็งของเฉินเจียเหออีกต่อไป

เพราะตอนนี้หล่อนมีเป้าหมายใหม่

เพียงแต่ผู้ชายคนนั้นดูไม่ค่อยจริงจังกับหล่อนมากนัก แถมยังเพิกเฉยต่อหล่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถังจวิ้นเฟิงไม่มาร่วมงานจนถึงช่วงพักเที่ยง

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูกพี่ลูกน้องถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ด้วยความที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมีเรื่องไม่ลงรอยกัน ทำให้พวกเขาไม่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วันนี้เขาค่อนข้างกระดากอายมากเมื่อต้องไปที่นั่นคนเดียว จึงแวะไปที่ร้านตัดผมก่อน เพื่อดูว่าเฉินเจียเหออยู่ที่นั่นไหม เผื่อว่าจะชวนให้เขาไปเป็นเพื่อน

ผลก็คือเฉินเจียเหอไม่มา ลูกค้ารุ่นคุณป้าสองคนนั่งรับบริการอยู่ในร้านตัดผม อยู่ในขั้นตอนการดัดผมอันแสนวุ่นวาย หลินเซี่ยก็งานยุ่งมาก

“พี่สะใภ้ อยากไปแสดงความยินดีกับร้านอีกฝั่งไหม?” ถังจวิ้นเฟิงถาม

“ขอโทษด้วยค่ะสหายตำรวจถัง คุณคงเห็นแล้วว่าฉันไม่ว่าง ดังนั้นฉันไม่สะดวกไปร่วมจริง ๆ”

ก่อนหน้านี้เธอเห็นว่าผู้เฒ่าเสิ่นก็อยู่ที่นั่น

ต่อให้ในร้านจะไม่มีเขา เธอก็ไม่อยากไปเพื่อเสาะหาปัญหาใส่ตัว

“ได้ ถ้างั้นผมไปก่อนนะ”

ถังจวิ้นเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไปตามลำพัง มอบซองแดงและของขวัญเป็นมารยาท

เมื่อถังหลิงออกมาต้อนรับเขา ก็ไม่ลืมที่จะถามว่า “จวิ้นเฟิง เถ้าแก่เซี่ยยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”

ถังจวิ้นเฟิงส่ายหน้า “ยังไม่กลับ”

“เขาไปไหน?” ถังหลิงชักอยากรู้

เซี่ยไห่รับปากว่าจะมาตัดริบบิ้นให้หล่อน แต่หลังจากเขาเดินทางไปทำธุระที่อื่น หล่อนก็ติดต่อเขาไม่ได้มาหลายวัน

ถังจวิ้นเฟิงคลี่ยิ้มอย่างเชื่องช้า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ถังจวิ้นเฟิงไม่คุ้นเคยกับแขกคนอื่น ๆ ที่มาในวันนี้ด้วย เฉินเจียซิ่งเป็นเพียงคนรู้จักคนเดียวของเขา

หลังจากถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันสองสามคำ จากนั้นพวกเขาก็ยืนข้างกันเงียบ ๆ

พอฤกษ์ดีสำหรับพิธีตัดริบบิ้นมาถึง ผู้เฒ่าเสิ่น ถังหลิง และเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ร่วมกันตัดพร้อมกัน

หลิวจื้อหมิงและเฉินเจียซิ่งไปจุดประทัด พวกเขาทั้งคู่มีฐานะร่ำรวย ประทัดที่ใช้จุดฉลองจึงยาวนาน

เสียงดังจนหูแทบหนวก แขกมาร่วมแสดงความยินดีไม่มาก แต่ประทัดกลับมีจำนวนมากเกินความจำเป็น

ผู้เฒ่าเสิ่นรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เนื่องจากเขาเป็นชายชราเพียงคนเดียวท่ามกลางคนหนุ่มสาวเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงวางแผนว่าจะขอตัวกลับทันทีหลังจากตัดริบบิ้นเสร็จแล้ว

เสิ่นอวี้อิ๋งยังต้องไปโรงเรียนในตอนบ่าย จึงติดรถของปู่กลับไปด้วย โดยมีหลิวจื้อหมิงรีบเดินตามต้อย ๆ ทันที

“อวี้อิ๋ง วันหยุดสุดสัปดาห์นี้แวะมาที่ร้านฉันนะ ฉันจะดูแลผิวหน้าให้เธอเอง หน้าเธอมีรอยแดงเป็นปื้น แต่มันต้องดีขึ้นแน่ถ้าได้รับการดูแลอย่างดี” ถังหลิงเอ่ย

เสิ่นอวี้อิ๋งกลัวคนอื่นล้อเลียนผิวหน้าของตัวเองเป็นที่สุด ถึงอย่างไรตนก็อาศัยอยู่ในชนบทมายี่สิบปี ต่อให้ระวังแค่ไหน ผิวพรรณของหล่อนก็แตกต่างจากคนในเมือง

หล่อนยิ้มอย่างเชื่องช้าพร้อมกับพูดว่า “พี่หลิง ขอบคุณมากค่ะ ไว้ฉันจะมาเยี่ยมคุณตอนสุดสัปดาห์”

ผู้เฒ่าเสิ่นออกมาจากร้านของถังหลิง ทันใดนั้นก็เหลือบมองไปที่ร้านตัดผมฝั่งตรงข้ามโดยไม่รู้ตัว

ประตูร้านตัดผมเปิดกว้างอยู่ หลินเซี่ยกำลังถือกรรไกรตัดผมให้ลูกค้าคนหนึ่งอย่างขะมักเขม้น

ท่าทางชำนาญและเป็นมืออาชีพ

เมื่อเสิ่นอวี้อิ๋งเห็นว่าผู้เฒ่าเสิ่นหยุดมอง หล่อนก็มองไปที่ประตูร้านตัดผมแล้วถามว่า “คุณปู่ อยากเข้าไปหาหล่อนหน่อยไหมคะ?”

“ไม่จำเป็นต้องแวะดูอะไร” ผู้เฒ่าเสิ่นปฏิเสธ “ไปกันเถอะ”

จังหวะเดียวกันนั้น หลินเซี่ยก็หันมองออกไปด้านข้าง

ทำให้สายตาเธอบังเอิญสบเข้ากับสายตาของผู้เฒ่าเสิ่นและคนอื่น ๆ

เธอส่งยิ้มให้แทนการทักทายสวัสดี แล้วหันกลับไปตัดผมให้ลูกค้าต่อ

ปฏิบัติราวกับพวกเขาเป็นแค่คนแปลกหน้า ไม่ได้ใส่ใจจะออกมาทักทายอย่างจริงจัง

เสิ่นอวี้อิ๋งโกรธทันที “คุณปู่ หลินเซี่ยเห็นคุณปู่แล้วแท้ ๆ ทำไมถึงไม่ยอมวางมือออกมาทักทายเลยนะ?”

“ไม่มีมารยาทเอาซะเลย”

เมื่อผู้เฒ่าเสิ่นถูกอดีตหลานสาวเมินเฉย ก็พูดด้วยสีหน้าซีดเซียว “ไปเถอะน่า”

หลิวจื้อหมิงและเสิ่นอวี้อิ๋งเดินตาม จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในรถของผู้เฒ่าเสิ่น

ก่อนที่หลิวจื้อหมิงจะจากไป เขาเหลือบมองร้านตัดผม ‘เริ่มต้นครั้งใหม่’ โดยไม่รู้ตัว

ดูเหมือนว่าเธอจะเปลี่ยนไปจริง ๆ

ทันทีที่ผู้เฒ่าเสิ่นและคนอื่น ๆ จากไป ถังจวิ้นเฟิงก็หาข้อแก้ตัวเพื่อที่จะจากไปเช่นเดียวกัน

ทำให้ในร้านตอนนี้เหลือเพียงเฉินเจียซิ่ง เสิ่นเสี่ยวเหมย และหลิวลี่ลี่

หลังจากเปิดร้านอย่างเป็นทางการวันแรก แน่นอนว่ายังไม่มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุน ทำให้กิจการเงียบเหงา

ร้านเสริมสวยถือเป็นอุตสาหกรรมแปลกใหม่ของยุคสมัยนี้ บรรดาสาว ๆ ยังไม่ค่อยตระหนักถึงการดูแลความสวยความงามของตัวเองมากนัก แม้ว่าก่อนหน้านี้ถังหลิงจะพยายามโฆษณาอย่างหนัก แต่วันแรกก็ยังไม่มีลูกค้ามาที่ร้านอยู่ดี

ถังหลิงเสนอให้เสิ่นเสี่ยวเหมยและหลิวลี่ลี่เป็นหน้าม้าทำทรีตเมนต์ เพื่อให้คนอื่น ๆ เห็นเป็นตัวอย่าง

เฉินเจียซิ่งคัดค้านว่า “พี่ถังหลิง เสี่ยวเหมยกำลังตั้งท้องอยู่ อย่าให้ทำอะไรแบบนี้เลยดีกว่า ผมได้ยินมาว่าผลิตภัณฑ์พวกนี้ไม่ดีต่อเด็กในครรภ์”

“ไม่เป็นไรหรอก ผลิตภัณฑ์พวกนี้ฉันสั่งซื้อมาจากฮ่องกงทั้งหมด มีตรารับรองคุณภาพและความปลอดภัยครบครัน”

“จริงด้วย การเสริมความงามภายนอกจะส่งผลต่อเด็กในท้องได้ยังไงกัน?”

เสิ่นเสี่ยวเหมยเป็นคนหัวทันสมัย ชื่นชอบนวัตกรรมอะไรก็ตามที่มีความซับซ้อนอยู่แล้ว โดยเฉพาะอะไรที่เกี่ยวกับใบหน้า หล่อนถอดเสื้อคลุมออกแล้วก้าวขึ้นไปนอนบนเตียงเสริมสวย

เฉินเจียซิ่งไม่สามารถบังคับเสิ่นเสี่ยวเหมยได้เลย ถึงอย่างนั้นก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับหล่อนอีก

เขาบอกว่าต้องกลับไปทำงานต่อ จึงขอตัวกลับก่อน

เสิ่นเสี่ยวเหมยโบกมืออย่างรำคาญ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็กลับไปทำงานเถอะ ไว่ค่อยมารับฉันหลังเลิกงานในตอนบ่าย”

หลังจากที่เฉินเจียซิ่งจากไปแล้ว ถังหลิงก็เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และเริ่มทำทรีตเมนต์ให้กับเสิ่นเสี่ยวเหมย

หลิวลี่ลี่นั่งเรียนรู้กระบวนการอยู่ด้านข้าง

หลังจากทาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวลงบนใบหน้าบาง ๆ ถังหลิงก็ใช้เทคนิคการนวดแบบพิเศษเพื่อให้ตัวครีมซึมซาบลงไป เสิ่นเสี่ยวเหมยรู้สึกว่าใบหน้าได้รับการผ่อนคลาย จึงอดถามไม่ได้ว่า “พี่หลิง พี่ไปเรียนเคล็ดลับพวกนี้มาจากที่ไหนเหรอ?”

“ไปเรียนหลักสูตรของต่างประเทศมาน่ะ”

“พี่หลิง ที่จริงพวกเราทุกคนต่างก็สงสัยว่าหลายปีที่ผ่านมาพี่ย้ายไปอยู่แถวไหน? เราไม่ได้เจอพี่มาสองสามปี กลับมาอีกทีพี่ก็เปลี่ยนไปจากเดิมมาก นอกจากสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ยังสามารถเสริมความงามได้อีกด้วย ช่างเป็นผู้หญิงที่เก่งรอบด้านจริง ๆ”

เสิ่นเสี่ยวเหมยเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และชื่นชมประสบการณ์ของถังหลิงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ถังหลิงจับผมทัดหูอย่างไว้ตัว พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้หญิงอย่างเราต้องมีทักษะพวกนี้ติดตัว ตราบใดที่มีทักษะ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาเงิน”

เมื่อหลิวลี่ลี่ได้ยินดังนั้น ดวงตาของหล่อนก็สว่างวาบขึ้น

ทันใดนั้นก็สาบานในใจว่าจะต้องตั้งใจเรียนเคล็ดลับการเสริมความงามให้ดี แล้วแยกตัวไปเปิดร้านเป็นของตัวเองในอนาคต ถีบตัวเองให้ไปอยู่ในระดับเดียวกับถังหลิง ที่บรรลุอิสรภาพทางการเงินและกลายเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่ใคร ๆ ต่างก็อิจฉา

แน่นอนว่าจะต้องก้าวหน้ากว่านังผู้หญิงจอมเย่อหยิ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ถังหลิงดูแลผิวหน้าให้กับเสิ่นเสี่ยวเหมยและหลิวลี่ลี่

พอเสิ่นเสี่ยวเหมยล้างหน้าแล้ว หล่อนก็เดินไปรอบ ๆ ร้าน อ่านดูบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่วางเรียงรายอยู่บนตู้ด้วยความสนใจ

หลังจากเดินไปรอบ ๆ จู่ ๆ หล่อนก็บอกว่าตัวเองรู้สึกปวดหน่วงตรงท้องแปลก ๆ และขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

ภายในร้านไม่มีห้องน้ำในตัว ดังนั้นต้องเดินออกไปใช้ห้องน้ำสาธารณะริมถนน

ถังหลิงแสดงทางออกและปล่อยหล่อนไปด้วยตัวเอง และเสริมความงามให้หลิวลี่ลี่เป็นคนต่อไป

หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นเสี่ยวเหมยก็กลับมา

หล่อนจับกรอบประตูไว้แน่น มองไปทางถังหลิงที่เพิ่งละเลงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวลงบนใบหน้าของหลิวลี่ลี่เสร็จและกำลังล้างมือ ใบหน้าของหล่อนซีดเซียว ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้

“พี่หลิง…”

เสิ่นเสี่ยวเหมยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พี่หลิง พี่มีกระดาษทิชชูหรือเปล่า?”

ถังหลิงตอบกลับอย่างสบาย ๆ “มีสิ วางอยู่บนตู้ เธอเดินเข้าไปหยิบเองได้เลย”

“พี่หลิง ช่วยฉันด้วย” เสิ่นเสี่ยวเหมยเริ่มยืนบิดเอว ไม่กล้าขยับตัว

ถังหลิงหันกลับมา เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่สู้ดี จึงรีบเดินไปหาและถามอย่างเป็นกังวล “เสี่ยวเหมย เธอเป็นอะไรไป? ทำไมทำหน้าตาแบบนั้นล่ะ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

เสิ่นเสี่ยวเหมยเหลือบมองหลิวลี่ลี่ซึ่งนอนอยู่บนเตียง เพลิดเพลินกับการปรนเปรอผิวหน้า ไม่กล้าพูดออกไป

“เกิดอะไรขึ้น?” ถังหลิงเดินเข้ามาถามใกล้ ๆ

เสิ่นเสี่ยวเหมยหยิบเสื้อคลุมของตัวเองมาสวม ดึงถังหลิงไปที่ประตู เสียงของหล่อนทั้งเบาหวิวและสั่นระริก “พี่หลิง เลือดฉันไหลออกมาจากตรงนั้น”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ยัยเสี่ยวเหมยเป็นอะไรไปแล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าแท้งลูกแล้วนะ?

ไหหม่า(海馬)

“พี่หลิง ช่วยฉันด้วย” เสิ่นเสี่ยวเหมยเริ่มยืนบิดเอว ไม่กล้าขยับตัว

ถังหลิงหันกลับมา เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่สู้ดี จึงรีบเดินไปหาและถามอย่างเป็นกังวล “เสี่ยวเหมย เธอเป็นอะไรไป? ทำไมทำหน้าตาแบบนั้นล่ะ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

เสิ่นเสี่ยวเหมยเหลือบมองหลิวลี่ลี่ซึ่งนอนอยู่บนเตียง เพลิดเพลินกับการปรนเปรอผิวหน้า ไม่กล้าพูดออกไป

“เกิดอะไรขึ้น?” ถังหลิงเดินเข้ามาถามใกล้ ๆ

เสิ่นเสี่ยวเหมยหยิบเสื้อคลุมของตัวเองมาสวม ดึงถังหลิงไปที่ประตู เสียงของหล่อนทั้งเบาหวิวและสั่นระริก “พี่หลิง เลือดฉันไหลออกมาจากตรงนั้น”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ยัยเสี่ยวเหมยเป็นอะไรไปแล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าแท้งลูกแล้วนะ?

ไหหม่า(海馬)