ตอนที่ 195 ฉู่ขวงก็ชอบกินไข่แดงเหมือนกัน
หลินเยวียนมีความสามารถด้านจิตรกรรมระดับมืออาชีพ และการ์ตูนก็รวมอยู่ในแขนงหนึ่งของจิตรกรรม ดังนั้นฝีมือของหลินเยวียนในด้านนี้ก็อยู่ระดับมืออาชีพเช่นเดียวกัน เขาเพียงแค่เรียนรู้การวาดภาพแบบดิจิทัลสักหน่อยก็สามารถวาดเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสออกมาในรูปแบบการ์ตูนได้แล้ว!
ต้องเข้าใจก่อน…
ว่าในฐานะผลงานชิ้นแรกของฉู่ขวง ต้นฉบับดั้งเดิมของปรินซ์ออฟเทนนิสก็เป็นการ์ตูน
ถ้าหากการ์ตูนโด่งดังแล้ว ค่าความโด่งดังด้านจิตรกรรมของตนไม่เพียงจะเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันฉู่ขวงซึ่งเป็นนักเขียนต้นฉบับ ก็จะได้รับประโยชน์ในระดับหนึ่งด้วย
ตัวอย่างเช่น ได้แฟนคลับเพิ่มขึ้นมาอีกสักหน่อย
ถึงอย่างไรก็มีบางคนที่อ่านการ์ตูน แต่ไม่อ่านนิยาย ส่วนบางคนก็อ่านแต่นิยายไม่อ่านการ์ตูน
นี่เป็นพื้นที่ใหม่ซึ่งรอคอยการบุกเบิก!
และแรงบันดาลใจในครั้งนี้ มาจากปฏิสัมพันธ์ในปู้ลั่วระหว่างฉู่ขวงและเซี่ยนอวี๋
หลินเยวียนยิ่งรู้สึกสนุกขึ้นเรื่อยๆ
ถึงอย่างไรลิขลิทธิ์ต้นฉบับประเภทต่างๆ ของเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสก็อยู่ในมือของตน เขาไม่ต้องรอให้คลังหนังสือซิลเวอร์บลูเห็นด้วยด้วยซ้ำไป เขาสามารถวาดผลงานออกมาตามที่ต้องการได้ทันที
และการทยอยปล่อยการ์ตูนออกมาบนอินเทอร์เน็ต เดิมทีก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้เป็นปกติอยู่แล้ว
เมื่อตัดสินใจแล้ว
หลินเยวียนก็เริ่มดำเนินการทันที
เขากดซื้อหนังสือสอนการวาดภาพดิจิทัลทันที เมื่อมีแคปซูลความทรงจำกับพื้นฐานการวาดภาพแล้ว หลินเยวียนก็รู้สึกว่าการเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติมเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของตน
แต่ว่า…
หลังจากนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็คงต้องสั่งผลิตการ์ตูนจากระบบอยู่ดี เรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสเป็นทางลัดเส้นหนึ่ง หยิบยืมมาใช้ได้เพียงชั่วคราว แต่ก็ทำให้หลินเยวียนประหยัดเงินได้ไม่น้อย
เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องคนขุดสุสานก็ต้องเลื่อนปล่อยออกไปอีกสักหน่อย
อย่างน้อยก็ปล่อยออกไปไม่ทันเดือนเมษายนอย่างแน่นอน
แต่ยืดเวลาออกไปอีกสองสามเดือนก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลินเยวียน ภารกิจทำให้แฟนคลับของฉู่ขวงทะลุหนึ่งร้อยล้านคน โดยมีเวลาจำกัดหนึ่งปี ก็มากพอให้หลินเยวียนสะสางให้เรียบร้อย
ในตอนนั้น
จู่ๆ หลินเยวียนก็ได้รับข้อความจากจงอวี๋ ‘ช่วงนี้ท่านเทพกลับมหาลัยหรือยัง ทำไมไม่มาที่ชมรมจิตรกรรมเลยล่ะ มีคนอยากลงชื่อเรียนกับนายตั้งเยอะ…’
จริงด้วย
ตั้งแต่วิทยาลัยศิลปะฉินโจวเปิดเรียน ถึงแม้หลินเยวียนจะไปเรียนตามปากติ แต่กลับไม่ได้แวะเวียนไปที่ชมรมจิตรกรรมเลย
คงจะรวบรวมลูกค้าได้เพิ่มมาไม่น้อยเลย
แต่หลินเยวียนมาคิดๆ ดูแล้ว ก็พบว่าตนเองต้องวาดการ์ตูน แถมยังต้องเขียนนิยายอีก อีกทั้งยังมีเรื่องภาพยนตร์ให้ต้องกังวลใจ ไม่มีเวลาว่างจริงๆ จึงตอบกลับไปว่า ‘ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาครับ เดี๋ยวเคลียร์ธุระเรียบร้อยแล้วผมไป’
จงอวี๋ตอบ ‘โอเค’
ทันใดนั้นหลินเยวียนพลันเกิดความคิด
ว่าหลังจากนี้ตนอาจจะรับจงอวี๋เป็นลูกศิษย์ได้ จงอวี๋ดูทรงว่าจะมีทักษะพื้นฐานด้านจิตรกรรมที่แน่นพอสมควร และมีพรสวรรค์ด้านจิตรกรรมที่ใช้ได้ทีเดียว…
ทว่านี่เป็นเรื่องในอนาคต
ตอนนี้ภารกิจรับลูกศิษย์ของหลินเยวียนมุ่งเป้าไปที่การประพันธ์เพลงโดยเฉพาะ เซวียเหลียงจบหลักสูตรแล้ว เขาอาจจะหาเวลาคัดเลือกลูกศิษย์คนใหม่ได้แล้ว
“มีเรื่องให้ต้องทำเยอะแยะเลย”
หลินเยวียนรู้สึกสะท้อนใจ เขาสงสัยว่าต่อไปตนจะต้องสั่งยาชูกำลังจากระบบมาบ้างแล้ว เพราะเขาต้องรับมือกับงานด้วยหลายตัวตน ถ้าไม่มียาชูกำลังละก็ ยากที่เขาจะสะสางงานได้ทันเวลา
ยาชูกำลังไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกาย
มิน่าล่ะระบบถึงได้จัดหาไอเทมพิเศษมามากมายก่ายกองแบบนี้
ท้ายที่สุดแล้วก็หลอกล่อให้ตนสั่งซื้ออย่างว่าง่าย
โชคดีที่ระบบนำเงินเหล่านี้ไปบริจาค และนั่นก็ทำให้หลินเยวียนรู้สึกเบาใจลงหลายส่วน
เรื่องเหล่านี้ก็ค่อยๆ สะสางไปทีละเรื่องก็แล้วกัน
……
การชอปปิงออนไลน์รวดเร็วเหลือเชื่อ หลินเยวียนสั่งซื้อตอนกลางคืน ในวันต่อมาหนังสือที่เขาสั่งซื้อก็มาถึงแล้ว
ในตอนนี้หลินเยวียนเพิ่งเรียนบทเรียนของวันแรกจบ
ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เขาก็หอบหิ้วหนังสือที่เพิ่งได้รับเข้าไปในห้องนอน
หลินเยวียนกลืนแคปซูลความทรงจำ ก่อนจะเริ่มขมักเขม้นกับหนังสือ
เริ่มจากหนังสือซึ่งมีชื่อว่า ‘บทเรียนวาดภาพดิจิทัลสำหรับผู้เริ่มต้น’ หลินเยวียนยังคงอ่านด้วยความเร็วระดับมองปราดเดียวอ่านจบไปแล้วสิบบรรทัด
“ต้องใช้กระดานวาดภาพดิจิทัล…”
“พื้นฐานศิลปะของฉันไม่ได้มีปัญหาอะไร…”
“ลงสี? ก็คล้ายกับวิธีจับคู่สีไม่ใช่เหรอ ที่ต่างกันก็คือ สีในนี้ไม่ต้องปรับเอง แค่ใช้เม้าส์คลิกเลือกจากพาเลตสีมาได้เลย…”
อ่านหนังสือจบหนึ่งเล่ม หลินเยวียนใช้เวลาไปเพียงสิบนาที
แต่สิบนาทีนี้ หลินเยวียนได้ความรู้มหาศาล
กระจ่างหนึ่งวิถี อีกหมื่นวิถีพลันกระจ่างตาม
เขามีฝีมือการวาดภาพระดับมืออาชีพ
เพราะฉะนั้นตอนที่อ่านหนังสือเรื่องนี้ หลินเยวียนก็พบว่าแท้จริงแล้วการ์ตูนที่เผยแพร่ให้อ่านบนอินเทอร์เน็ต ก็ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่ตนจินตนาการไว้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์วาดภาพ และเข้าใจหลักการพื้นฐานก็เท่านั้น
เมื่อมีความเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว หลินเยวียนก็อ่านหนังสือต่อ
“ที่แท้ก็หาผู้ช่วยได้?”
‘หลายครั้งกระบวนการวาดการ์ตูน จะใกล้เคียงกับกระบวนการทางเทคนิคโดยรายละเอียด มากกว่าการสร้างสรรค์ผลงาน ฉะนั้นผู้ผลิตหลักไม่จำเป็นต้องแบกรับหน้าที่นี้ ผู้ผลิตหลักจำเป็นต้องรับผิดชอบขั้นตอนตั้งแต่เรื่องราวไปจนถึงแบบร่างสตอรีบอร์ด งานหลังจากนี้ถ้าหากมอบหมายให้ผู้อื่นทำ ก็จะทั้งประหยัดแรงของผู้ผลิตหลัก และได้ฝึกทักษะให้แก่นักวาดหน้าใหม่ด้วย’
ต้องหาผู้ช่วย
นี่เป็นความคิดแรกที่หลินเยวียนมี หลังจากได้อ่านเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของผู้ช่วย
ตัวอย่างเช่น ส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องหลักในการ์ตูนอย่างอาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ หลินเยวียนก็ส่งให้ผู้ช่วยจัดการ เมื่อทำแบบนี้จะประหยัดเวลาของหลินเยวียนไปได้มาก เขาเพียงรับผิดชอบสตอรีบอร์ดเป็นหลัก
เรื่องราวก็แสนง่ายดาย เพราะต้นฉบับของเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสทำมาให้สำเร็จรูปแล้ว
อย่างไรก็ดี การวาดการ์ตูนนับเป็นงานหนักงานหนึ่ง ไม่เช่นนั้นทำไมการ์ตูนถึงใช้เวลาในการอัปเดตตอนใหม่นานล่ะ
และมันก็ต่างจากการเขียนนิยาย ที่ใช้คีย์บอร์ดพิมพ์ออกมา เพราะการ์ตูนต้องค่อยๆ วาดออกมาอย่างประณีต นึกอยากเร่งมือก็ใช่ว่าจะเร่งได้ นอกเสียจากว่าพึ่งพาไอเทมพิเศษ
ราคาของไอเทมก็แพงหูฉี่ซะขนาดนั้น คุ้มค่าสู้การใช้ผู้ช่วยไม่ได้หรอก
ส่วนผู้ช่วยจะเป็นใคร…
ชมรมจิตรกรรมใหญ่ถึงขนาดนั้น หลินเยวียนคิดว่าถ้าจะหาคนอยากวาดการ์ตูนมาสักคนย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
อันที่จริงในคณะวิจิตรศิลป์วิทยาลัยศิลปะฉินโจวมีคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเดิมทีก็มีเป้าหมายอยากเป็นนักวาดการ์ตูนหลังเรียนจบ
เมื่อเป็นเช่นนี้
หลินเยวียนอ่านหนังสืออยู่นาน จนกระทั่งด้านล่างมีเสียงเรียกให้เขาลงไปกินข้าว เขาถึงหยุดลงด้วยความอิดออด
ที่อิดออด ก็เพราะฤทธิ์ของแคปซูลความทรงจำยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง
ถ้าใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม ก็นับว่าเสียเปล่า
เพียงแต่ทุกสิ่งมีทั้งข้อดีข้อเสีย
หลินเยวียนอ้อยอิ่งอยู่สักครู่ ก่อนจะลงไปชั้นล่าง นั่งลงที่โต๊ะอาหาร และพบว่าเนื้อได้ถูกพี่สาวกับน้องสาวกินไปหมดแล้ว
สิ่งที่เหลืออยู่ส่วนมากก็คือพืชผักนานาชนิด
พี่สาวกล่าวกลั้วหัวเราะ “ตรงนี้ยังมีหมูเส้นอีกชิ้นหนึ่งนะ”
หลินเยวียน “…”
อาหารเหล่านี้แน่นอนว่าแม่เป็นคนทำ
แม่เป็นคนที่อยู่ว่างไม่ได้ ถึงแม้เธอจะเข้ามาอยู่ในวิลล่าแล้ว แต่ก็ยังต้องหาอะไรทำอยู่ทุกวัน ถ้าไม่ทำความสะอาด ก็จะไปซักผ้าหรือทำอาหาร
“กินผัดผักกวางตุ้งอีกหน่อยสิ”
แม่พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลินเยวียนรู้สึกจนปัญญา ทำได้เพียงตักข้าวคำโตเข้าปาก และคีบผักกินบ้างเป็นบางครั้งคราว
ในตอนนั้นเอง
จู่ๆ หลินเซวียนผู้เป็นพี่สาวก็ถามขึ้นมา “นายรู้จักฉู่ขวง?”
หลินเยวียนชะงักไป “ทำไมครับ”
หลินเซวียนเอ่ยด้วยความสงสัย “คิดว่าพี่ไม่มีอินเทอร์เน็ตหรือไง นายสองคนฟอลแอคปู้ลั่วกัน แอคเซี่ยนอวี๋ของนายไม่ฟอลพี่ด้วยซ้ำ ทำไมฟอลฉู่ขวงล่ะ แถมฉู่ขวงก็ฟอลนายแค่คนเดียวด้วย”
“เพราะฉู่ขวง…”
ขณะที่หลินเยวียนกำลังจะอธิบาย
จู่ๆ น้องสาวก็พูดต่อขึ้นมาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว “ก็ชอบกินไข่แดงเหมือนกัน?”
——————