โจรที่ไม่ธรรมดา

ในขณะที่เติ้งเหล่าซันเริ่มต้นไล่ล่าต้วนหลิงเทียนไปได้พักหนึ่ง มันก็บังเกิดความคิดละทิ้งสัตว์ร้าย หมายออกไปตามล่าด้วยตัวเอง

เพราะอย่างไรสัตว์ร้ายที่มันขี่ก็เพียงมีด่านพลังสู่เซียนขั้นต้นเท่านั้น ความเร็วก็ทำได้แค่ทัดเทียมกับต้วนหลิงเทียน คิดไล่ให้ทันนับว่ายากเย็นอยู่บ้าง

และในฐานะที่มันเองก็เป็นสู่เซียนขั้นกลาง ไปไล่สู่เซียนขั้นต้นย่อมเป็นเรื่องราวอันง่ายดาย…

เห็นได้ชัดว่าจากความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก ทำให้มันคิดว่าพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนมีแค่สู่เซียนขั้นต้นเท่านั้น

“หืม?”

ทว่าครู่ต่อมาเติ้งเหล่าซันก็ล้มเลิกความคิดไล่ตามด้วยตัวเอง

เพราะมันพบว่าชายหนุ่มที่เหินนำไปไกลเบื้องหน้าอยู่ๆก็หยุดลง และท่าทางคล้ายเฝ้ารอพวกมันเสียอย่างนั้น

จังหวะนี้ไม่รู้ทำไม แต่ในใจมันบังเกิดความรู้สึกไม่ชอบมาพากลขึ้นมา

ยังอยากจะหันหลังแล้วรีบหนีไปทันที!

อย่างไรก็ตามพอคิดว่าตอนนี้มีกลุ่มคนที่ติดตามมากำลังเฝ้าดูมันอยู่ มันก็ได้แต่ขบเคี้ยวฟัน และพุ่งร่างไปต่อ ‘มันก็แค่สู่เซียนขั้นต้นมิใช่หรือไร ในสถานที่เปลี่ยวร้างเช่นนี้ข้าฆ่ามันไปผู้ใดจะรู้ ให้มันมีความเป็นมาไม่ธรรมดาก็เท่านั้น ใครจะรู้ว่าข้าเติ้งเหล่าซันฆ่ามัน?’

พอฉุกคิดเรื่องนี้เติ้งเหล่าซันก็บังเกิดความฮึกเหิมขึ้นมาอีกครา

ครู่ต่อมาเติ้งเหล่าซันและสมุนโจรก็ไล่ตามต้วนหลิงเทียนมาทัน เริ่มกระจายวงล้อมคิดล้อมกรอบต้วนหลิงเทียน

“ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจส่งมอบแหวนมิติของเจ้าแล้วรึ?”

เติ้งเหล่าซันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “มาเถอะ ข้าจักให้โอกาสเจ้าอีกสักครั้ง หากเจ้าส่งมอบแหวนมิติมาแต่โดยดี ข้าจะไว้ชีวิตของเจ้าแล้วกัน”

ได้ยินวาจานี้ของเติ้งเหล่าซัน ชายชรา 2 คนที่ติดตามอยู่ด้านหลังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

ต้องทราบด้วยว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่เคยเจอมาก่อน และทุกครั้งเมื่อเติ้งเหล่าซันไล่ตามคนที่คิดหนีได้ทัน จะลงมือฆ่าอีกฝ่ายทันทีทุกครั้ง

ทว่าคราวนี้กลับเลือกจะให้โอกาสที่สองกับต้วนหลิงเทียน?

เรื่องนี้ทำให้พวกมันประหลาดใจนัก

‘บางทีหัวหน้าเห็นว่ามันเลือกที่จะหยุดเองแต่โดยดี จึงบังเกิดจิตคิดเมตตา’

ชายชราทั้ง 2 หันมองสบตากัน และต่างเห็นอารมณ์คล้ายเหมือนในแววตาของอีกฝ่าย

พวกมันไหนเลยจะทราบได้

ว่าตอนนี้ใจเติ้งเหล่าซันจะบังเกิดความกริ่งเกรงต่อชายหนุ่มเบื้องหน้าขึ้นมา

“อ่อ แล้วถ้าข้าไม่ให้ล่ะ?”

ตั้งแต่ต้นจนจบสีหน้าท่าทางของต้วนหลิงเทียนยังคงสงบ คล้ายต่อให้ขุ่นเขาถล่มลงตรงหน้าก็ไม่ยี่หระ

หลังจากได้ยินคำนี้ของต้วนหลิงเทียน สีหน้าเติ้งเหล่าซันเปลี่ยนไปทันที

“ไอ้หนูเจ้าเบื่อชีวิตแล้วหรือไง!?”

“หัวหน้าสาม ฆ่ามันเลยเถอะ!!”

“ฆ่ามัน!!”

……

ตอนนี้เองโจรร้ายที่ติดตามอยู่ด้านหลังก็เริ่มโห่ร้องออกมาหลังได้ยินคำต้วนหลิงเทียน

หากไม่ใช่เพราะยังไม่มีคำสั่งของเติ้งเหล่าซัน พวกมันคงกรูเข้าไปรุมทึ้งฉีกร่างเจ้าหนุ่มที่ไม่รู้ว่าอะไรดีต่อตัวไปแล้ว

“ฆ่ามัน!!”

จังหวะนี้พอได้ยินเสียงโห่ร้องของลูกน้อง เติ้งเหล่าซันรู้สึกเสมือนขึ้นขี่หลังเสือยากจะลง สั่งฆ่าออกไปทันที!

“ฆ่ามัน!”

“ฆ่ามัน!”

……

ตอนนี้เองนอกจากเติ้งเหล่าวซันที่ขี่สัตว์ร้ายและชายชราทั้ง 2 ที่อยู่ด้านหลัง เหล่าสมุนโจรที่เหลือก็อดใจไม่ไหวพุ่งรี่เข้าหาต้วนหลิงเทียนคล้ายจะไปรุมฉีกร่างเขาอย่างไรอย่างนั้น!

ต้วนหลิงเทียนที่ถูกกลุ่มโจรกรูกันเข้ามา พลันเผยรอยยิ้มบางๆ

และเมื่อเห็นว่ากลุ่มโจรนับสิบเริ่มใกล้เข้ามา อาณาบริเวณเหนือฟ้าในรัศมี 100 หมี่รอบตัวเขาเริ่มสั่นสะเทือน!

หลังจากนั้นพื้นที่ดังกล่าวก็ปรากฏ ปราณกระบี่ที่ควบแน่นจนมีสภาพราวของจริงผุดจากความว่าง!

มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่ามีกระบี่ผุดโผล่ออกมานับหมื่นเล่ม!

“มะ…มารดาของมัน! ขะ…เขตแดน!!”

ตอนนี้เองเติ้งเหล่าซันและชายชราพลันโพล่งคำออกมาด้วยความตื่นตระหนก! ไหนเลยพวกมันยังไม่ทราบว่านี่มันเรื่องอะไร! ใบหน้าเริ่มเผยความหวาดผวาเสียขวัญออกมาทันที! พวกมันเตะเอาตอเหล็กเข้าให้แล้ว!!

ล้อกันเล่นหรือไร!

มีเพียงยอดฝีมือที่สามารถใช้ปราณแท้ก่อเขตแดนได้เท่านั้น ถึงจะสร้างเขตแดนออกมาได้!

และยอดฝีมือที่ใช้ปราณแท้ก่อเขตแดนได้ ก็มีแต่ยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่หรือเหนือกว่านั้น!

ไม่ต้องกล่าวถึงพวกมันและเหล่าลิ่วล้อด้วยซ้ำ ลำพังหัวหน้าพวกมันอย่างเติ้งเหล่าซัน ก็ยังห่างอีกไกลกว่าจะบรรลุสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ เป็นแค่สู่เซียนขั้นกลางธรรมดาๆเท่านั้น!

กระทั่งหัวหน้าพวกมันยามพบเจอสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ยังต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว เสมือนหลานชายพบพานท่านปู่!

แต่ทว่าพวกมันกลับไล่ตามสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่มาเพราะคิดฆ่าชิงทรัพย์?

ในขณะที่เติ้งเหล่าซันและชายชราทั้ง 2 หน้าเปลี่ยนสีด้วยความตื่นตระหนก กระบี่ทั้งหมื่นเล่มก็คล้ายกลับกลายเป็นดาวตก พวกมันพุ่งจี้เข้าหากลุ่มโจรด้วยความฉับไวเหนือเสียง!

พริบตาร่างโจรร้ายทั้งหลายก็ถูกกระบี่น่ากลัวเสียบทะลวงดวงใจ! ร่างร่วงตกไปเป็นซากเนื้อเลอะเลือนบนพื้นคนแล้วคนเล่า!!

โจรร้ายกลุ่มนี้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็แค่สู่เซียนขั้นต้นเท่านั้น ต่อหน้าเขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็ไม่ต่างใดจากปลาบนเขียง…

พริบตานอกจากเติ้งเหล่าซันกับชายชราทั้ง 2 ..สมุนโจรที่เหลือก็ร่วงไปตกตายเป็นซากเนื้อเลอะเลือนหมดสิ้น!

ตอนนี้เองเติ้งเหล่าซันคล้ายพึ่งตอบสนองเรื่องราว เร่งกล่าวออกมาเสียงหลง

“ใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ ข้าเติ่งเหล่าซันมีตาแต่ไร้แวว ไท่ซานตั้งอยู่เบื้องหน้ากลับมิอาจแลเห็น! ข้าน้อยผิดไปแล้วขอใต้เท้าโปรดเมตตาด้วย!!”

เติ้งเหล่าซันที่หน้าซีดเร่งพุ่งออกมาก้มหัวขอขมาเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนทันที ไม่เหลือทีท่าถือดีอะไรอีก

ในใจมันหวังเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น

หวังว่าชายหนุ่มแสนร้ายกาจเบื้องหน้าจะเมตตาละเว้นชีวิตมัน!

เพราะต่อหน้าชายหนุ่มผู้นี้ มันไร้ซึ่งหนทางต่อต้านโดยสมบูรณ์ ได้แต่ยินยอมรับชะตาตามที่อีกฝายจะตัดสินเท่านั้น!

แน่นอนว่าในใจมันยังร่ำร้องไปด้วยความไม่ยินยอม…ชายหนุ่มผู้นี้เป็นสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่แท้ๆ กลับจงใจใช้ความเร็วของสู่เซียนขั้นต้น ละเล่นหมูกินเสือ!

นี่ยังไม่ใช่ขุดหลุมพรางล่อให้พวกมันตกลงไปหรอกรึ!

หากต้วนหลิงเทียนจากไปด้วยความเร็วของสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ พวกมันยังจะไล่ตามมาหรือไม่? ไม่มีทาง! พวกมันย่อมไม่กล้าไล่ตามมาแบบนี้แน่ๆ!!

และถึงต่อให้พวกมันคิดไล่ตาม ก็ไม่มีวันไล่ทัน!

“ใต้เท้าหนุ่มโปรดเมตตาละเว้นพวกเราด้วย!”

“ไว้ชีวิตข้าด้วยใต้เท้า!”

ชายชราทั้ง 2 ที่อยู่เบื้องหลังเติ้งเหล่าซัน ก็เร่งรุดมาหมอบฟุบก้มหัวกลางอากาศ วาจายามกล่าวน้ำเสียงสั่นไปไม่น้อย พยายามร้องขอความเมตตาจากต้วนหลิงเทียนเต็มที่

ตอนนี้ในหัวพวกมันก็คิดไปไม่ต่างจากเติ้งเหล่าซัน

กระทั่งสัตว์ร้ายที่เติ้งเหล่าซันขี่ยังคล้ายสัมผัสได้ถึงอันตรายจากต้วนหลิงเทียน มันหงอยซึมจนขดตัวหมอบฟุบไปมทันใด ท่าทางเรียบๆร้อยๆนัก

“ถ้าข้าเป็นแค่สู่เซียนขั้นต้นจริงๆ แล้วปฏิเสธไม่ส่งแหวนมิติให้พวกเจ้า พวกเจ้ายังจะละเว้นข้าหรือไม่?”

ต่อหน้าทั้ง 3 ที่ร่ำร้องของความเมตตา ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกไปด้วยเสียงเฉยเมย

แม้จะไม่ถาม ต้วนหลิงเทียนก็รู้คำตอบดี

เช่นนั้นก่อนที่ทั้ง 3 คนจะตอบอะไร กระบี่อันคมกล้าน่ากลัว 3 เล่มจากเขตแดนหมื่นกระบี่ก็เริ่มพุ่งไปเข่นฆ่าสังหารอีกครั้ง พริบตาเติ้งเหล่าซันกับชายชรารวมทั้งสัตว์ร้าย ก็ถูกกระบี่ทะลวงกลางใจตายตกไม่มีเหลือรอด…

ก่อนที่เขาจะออกจากหมู่บ้านขุย พอเห็นพวกเติ้งเหล่าซันเพียงมาเก็บค่าคุ้มครองไม่คิดฆ่าคน เขาก็ไม่ได้คิดจะฆ่าพวกมันแต่อย่างไร

หมู่บ้านขุยจ่ายค่าคุ้มครองเพื่อเอาชีวิตรอด เป็นเรื่องปกติธรรมดาในโลกใบนี้…

ต้วนหลิงเทียนไม่คิดทำลายหรือขัดขวางการทำมาหากินของพวกมัน

อย่างไรก็ตามเขาไม่อยากวุ่นวายกับพวกมันแล้ว แต่พวกเติ้งเหล่าซันดันเลือกที่จะมาตอแยเขาเอง

เขาก็ไม่ได้คิดอะไรให้มาก ฆ่าก็ฆ่า…

แต่อย่างน้อยเพื่อไม่ให้หมู่บ้านขุยเดือดร้อน เขาจึงเลือกที่จะล่อพวกเติ้งเหล่าซันมาถึงที่นี่ พอมาถึงแล้วก็สามารถลงมือได้อย่างสบายใจ

“เขตแดนหมื่นกระบี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”

ภายใต้การควบคุมของต้วนหลิงเทียน กระบี่หมื่นเล่มในเขตแดนเบื้องหน้าสามารถเคลื่อนไหวได้ดั่งใจ

ฉากเรื่องราวที่กระบี่หมื่นเล่มแปรขบวน ทั้งเหินบินสังหารดั่งใจนึกนั้น…ช่างเป็นอะไรที่น่าดูชมนัก!

สุดท้ายหลังจากกวาดล้างกลุ่มโจรแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ควบคุมให้กระบี่นับหมื่นเล่มควบรวมกลับกลายเป็น กระบี่สีทอใต้ฝ่าเท้า แล้วเขาก็ท่องกระบี่ดังกล่าวเหินบินออกไปทันที มุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้ววยความเร็วสูงสุด!

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังมุ่งหน้าไปเมืองหลวง พลันมีเสียงกรีดร้องด้วยความเสียใจดังลั่นหุบเขาที่อยู่ไม่ไกลหมู่บ้านขุย

“น้องสาม!!”

ชายชราร่างใหญ่ผมสีขาวโพลนมองไข่มุกวิญญาณที่แหลกเป็นเสี่ยงด้วยน้ำตานองหน้า

กลิ่นอายพลังยะเยือกเริ่มแผ่ออกจากร่างมัน

“พี่ใหญ่เกิดอะไรขึ้น!?”

ครู่ต่อมาปรากฏชายวัยกลางคนแต่งตัวคล้ายบัณฑิตวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ

และเมื่อมันเห็นไข่มุกวิญญาณที่แตกเป็นเสี่ยงก็อดไม่ได้ที่จะหน้าเสีย “นะ…นี่มัน ไข่มุกวิญญาณของน้องสาม?!”

“มิว่าเป็นผู้ใด ข้าจะฆ่ามันล้างแค้นให้น้องสาม!!”

ลูกตาชายชรากลับเป็นสีแดงฉาน หยาดน้ำตาหลั่งไหลออกมาเป็นสาย เสียงกล่าวเต็มไปด้วยความเยียบเย็นทั้งเคียดแค้นนัก

“พี่ใหญ่ท่านรอนี่ ข้าจะรีบไปตรวจสอบทันที!”

ใบหน้าของชายวัยกลางคนที่แลคล้ายบัณฑิตก็บิดเบี้ยวอัปลักษณ์ไม่ต่าง แม้พวกมันจะไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด แต่ความสัมพันธ์ของพวกมันแน่นแฟ้นสนิทสนมกันยิ่งกว่าพี่น้องร่วมสายเลือดเสียอีก!!

เนื่องจากต้วนหลิงเทียนไม่ได้ทำลายซากศพอะไร ทำให้ชายวัยกลางคนคล้ายบัณฑิต ติดตามมาพบศพที่แหลกเหลวบนพื้น ยังเห็นว่ากลางอกมีรอยกระบี่ทะลวง… มันจึงนำศพกลับไปที่พักทันที

“พี่ใหญ่ข้าไปถามหมู่บ้านรอบๆแถบนี้ที่น้องสามตกตายมาแล้ว…เห็นว่าก่อนที่น้องสามจะตกตายได้ติดตามชายหนุ่มคนหนึ่งออกไป”

ชายวัยกลางคนคล้ายบัณฑิตไม่เพียงแต่จะเฉลียวฉลาด แต่มันยังเป็นหัวหน้าลำดับ 2 ของกลุ่มโจรอีกด้วย และเป็นดั่งมันสมองของกลุ่ม ใช้เวลาไม่นานก็สืบทราบเรื่องราว “ข้าได้ความจากคนหมู่บ้านขุยมาว่า ชายหนุ่มผู้นั้นคิดเดินทางไปเมืองหลวง”

“เมืองหลวง?”

หลังได้ยินคำของชายวัยกลางคนแลคล้ายบัณฑิต ชายชราที่ร่ำไห้สองตาแดงฉานพลันกล่าวออกด้วยอำมหิต “เช่นนั้นข้าจักให้มันตายคาเมืองหลวง!!”

“พี่ใหญ่…ท่านคิดไปเมืองหลวงหรือ?”

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว กล่าวออกเสียงเครียด “พี่ใหญ่ ข้าดูจากบาดแผลของผู้ที่ตกตายทั้งหมด…ทั้งหลายสมควรทะลวงใจตกตายในกระบี่เดียว อีกทั้งจากคราบเลือดทั้งหมดสมควรตกตายในเวลาพร้อมๆกัน…ข้ากลัวว่าพลังฝีมือของเจ้าหนุ่มนั่นจักมิด้อยไปกว่าท่าน! อีกทั้งจากการตรวจสอบสภาพแวดล้อม ข้ามิพบร่องรอยอื่นใดบ่งชี้ว่ามันมีพรรคพวก…ข้าคิดว่ามันสมควรใช้เขตแดนบางอย่าง…หมายความว่ามันเป็นสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ หรืออาจจะเหนือกว่านั้น”

“เพื่อล้างแค้นให้น้องสาม ข้าจักไปเมืองหลวง! ก่อนหน้านี้องค์ชาย 4 ที่เคยติดค้างข้าได้ให้คำมั่นกับข้าเอาไว้ ว่าหากข้ามีเรื่องให้ช่วยเหลืออันใดสามารถไปบอกท่านได้! ขอเพียงอยู่ในขอบเขตความสามารถ..องค์ชาย 4 ล้วนยินดีกระทำให้ข้า…ต่อให้มันจักเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียน หากองค์ชาย 4 สั่งคำเดียวมันยังไม่ตายได้?!”

ลูกตาของชายชราตอนนี้สีแดงฉานปานจะหลั่งเลือด คล้ายมันจะเสียสติไปแล้ว “น้องรองเจ้าไปหมู่บ้านขุยแล้ววาดภาพเหมือนเจ้าหนุ่มนั่นออกมาเถอะ…ได้ภาพเหมือนมันเมื่อใดข้าจักไปเมืองหลวงทันที!”

“พี่ใหญ่ ข้าต้องขอบคุณท่านแทนน้อง 3 ด้วย!”

บัณฑิตวัยกลางคนก้มหัวคำนับชายชราเพื่อแสดงความขอบคุณ