บทที่ 224-2 วารสารฉบับใหม่ (2)

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 224 วารสารฉบับใหม่ (2)

ไป๋เยี่ยวางสายโทรศัพท์และค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับวารสารเจทีดีทันที

ชื่อเต็มของเจทีดีคือ ‘วารสารโรคทรวงอก’ เป็นวารสารทางการของสถาบันวิจัยโรคทรวงอกกวางโจว ห้องปฏิบัติการโรคทรวงอกนานาชาติและโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยการแพทย์กวางโจว แม้ว่าจะมีคะแนนไอเอฟแค่สองเท่านั้น แต่นั่นก็เพราะว่ามันยังใหม่!

เจทีดีถูกเผยแพร่ครั้งแรกในเดือนธันวาคมปี 2009 และถูกผนวกเข้าไปในฐานข้อมูล ‘พับเมด[1]’ เมื่อปี 2012 จากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2013 ก็ได้ตีพิมพ์ออกมาเป็นวารสาร เรียกได้ว่าเป็นสถิติการได้ตีพิมพ์ที่เร็วที่สุดในประเทศจีน

เมื่อไป๋เยี่ยเห็นชื่อหัวหน้าบรรณาธิการ เขาก็กระจ่างทันที นายแพทย์ ‘จงหนานซาน[2]’ นี่เอง!

เนื่องจากวารสารนี้นำโดยนักวิชาการและสถาบันชื่อดังหลายแห่ง จึงไม่น่าแปลกใจที่ได้รับการบันทึกลงฐานข้อมูลระดับนานาชาติอย่างรวดเร็ว

ไป๋เยี่ยใช้เวลาค้นคว้าทั้งวันและโทรศัพท์หาคนนั้นคนนี้จนได้ข้อสรุปว่า

การจะสร้างวารสารที่มีคะแนนไอเอฟสูงๆ นั้นเป็นเรื่องยาก!

คะแนนไอเอฟมีผลอย่างไร

คะแนนไอเอฟก็คือดัชนีที่ใช้ประเมินวารสารที่ใช้กันทั่วโลกในปัจจุบัน ยิ่งคะแนนไอเอฟสูงมากเท่าใด อิทธิพลก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เป็นข้อมูลจากรายงานการอ้างอิงวารสารของเครือ ‘ทอมสัน รอยเตอร์ส[3]‘ ในสหรัฐอเมริกา โดยนำจำนวนการอ้างอิงบทความวิจัยที่ตีพิมพ์ลงวารสารในช่วงสองปีมาหารกับจำนวนบทความทั้งหมดที่ตีพิมพ์ในช่วงเวลาสองปี

ท้ายที่สุดไป๋เยี่ยก็ตัดสินใจโทรหาคาร์ล เขาเชื่อว่าในฐานะที่เป็นรองบรรณาธิการของ ‘เซลล์’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามวารสารสำคัญของโลกจะต้องมีแนวทางให้เขาแน่

เมื่อคาร์ลรู้ว่าไป๋เยี่ยจะทำวารสารเองก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคงให้คำแนะนำกับไป๋เยี่ย “ไม่มีฐานข้อมูลที่ไหนจะยอมรวบวารสารใหม่เข้าไปหรอก ต่อให้คุณจะได้รางวัลโนเบลก็เถอะ!”

ไป๋เยี่ยชาวาบไปทั้งร่าง ทว่าคาร์ลยังคงพูดต่อ “ผมแนะนำให้คุณลองพิจารณาวารสารที่มีอยู่แล้วมากกว่า มันง่ายกว่าการทำเองซะอีก ยิ่งเป็นวารสารการแพทย์ ผมว่าคุณเลือกวารสารที่อยู่ในเครือโรงพยาบาลชั้นนำดีกว่า อย่างน้อยก็เป็นที่ยอมรับในระดับสากล”

“ถ้าคุณตัดสินใจได้แล้วก็บอกผม ผมช่วยคุณได้ อย่างน้อยก็ช่วยคุณหาบทความดีๆ มาตีพิมพ์ลงวารสารใหม่ได้”

หลังจากวางสายไป ไป๋เยี่ยก็ครุ่นคิด เครือโรงพยาบาลชั้นนำ? วารสารที่มีพร้อมแล้ว เขาจะต้องการเราจริงๆ เหรอ

ตอนนี้เอง ไป๋เยี่ยก็ได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์ที่ปรึกษาของเขา หลิวป๋อหลี่ “มาที่ห้องทำงานผม ผมมีอะไรจะบอกคุณ”

ไป๋เยี่ยพยักหน้าและตรงไปที่ห้องทำงานของหลิวป๋อหลี่ทันที

นับตั้งแต่หลิวป๋อหลี่ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการผู่เจ๋อ เขาก็ได้รับความสนใจมากขึ้น การพัฒนาโรงพยาบาลก็เป็นไปในทางที่ดียิ่งขึ้น

ไป๋เยี่ยเคาะประตู ทันทีที่เปิดเข้าไปเขาก็พบกับบุคคลคุ้นเคย หูเฟิงอวิ๋น

หูเฟิงอวิ๋นเห็นไป๋เยี่ยเดินเข้ามาก็ยืนขึ้นพลางส่งยิ้ม “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเสี่ยวเยี่ย คิดถึงป้าบ้างไหม”

ไป๋เยี่ยเห็นว่าต่อหน้าอาจารย์ของเขา หูเฟิ่งอวิ๋นดูจะมีท่าทีสบายๆ จึงเผยรอยยิ้มเบาบางออกมา “สวัสดีครับอาจารย์ สวัสดีครับคุณป้า”

หลิวป๋อหลี่ยิ้มรับ “นั่งลงสิ อาจารย์กับเลขาหูล้วนเคยติดตามอาจารย์จางเสวียเวิ่นทั้งคู่ ถือว่าพวกเรามีความสัมพันธ์กันแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง”

หูเฟิงอวิ๋นเบือนหน้าหนี “อาจารย์หลิว อย่าเรียกดิฉันว่าเลขาเลย ดิฉันเองก็เคยเป็นศิษย์ของคุณ เพราะฉะนั้นคุณก็คืออาจารย์ของดิฉัน”

หลิวป๋อหลี่ได้แต่ยิ้มพลางส่ายหัวไปมา เขาไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ แต่กลับมองไป๋เยี่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “วันนี้ผมเรียกคุณมาเพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกคุณ”

ไป๋เยี่ยค่อยๆ นั่งลง ฟังสิ่งที่หลิวป๋อหลี่กำลังจะพูด “โรงพยาบาลของเราอยู่ระหว่างการปรับปรุงโครงสร้าง ยังมีตำแหน่งสำคัญว่างหนึ่งที่อยู่ ผมจึงอยากฟังความคิดเห็นของคุณสักหน่อย”

ไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้าง โรงพยาบาลกำลังรับสมัครคนเหรอ จะเป็นแผนกอะไรกัน เรายังเรียนไม่จบเลยด้วยซ้ำ…

หลิวป๋อหลี่สงบสติอารมณ์แล้วหยิบเอกสารชุดหนึ่งขึ้นมา “นี่คือวารสารของโรงพยาลเรา ‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’ ลองอ่านดูสิ”

ไป๋เยี่ยหยิบเอกสารนั้นขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด

‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’ มีมาตั้งแต่ช่วงสร้างชาติ เป็นวารสารที่เผยแพร่ประสบการณ์และวิธีการการรักษาแบบดั้งเดิมในโรงพยาบาลเป็นหลัก เป็นวารสารที่สร้างความฮือฮาได้ในสมัยนั้น เพราะโรงพยาบาลผู่เจ๋อถือเป็นโรงพยาบาลเก่าแก่ที่สุดในประเทศที่มีการตีพิมพ์สิ่งพิมพ์

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่การแพทย์สมัยใหม่กำลังเฟื่องฟู การพัฒนาของโรงพยาบาลผู่เจ๋อก็เสื่อมถอยลง

ถึงกระนั้น ‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’ ก็กลายเป็นวารสารระดับประเทศซึ่งถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลกลางของมหาวิทยาลัยปักกิ่งและกล่าวได้ว่าเป็นเป็นวารสารที่ดีเล่มหนึ่งในประเทศจีนเลยทีเดียว

ทว่าปัญหาใหญ่กลับมาจากโรงพยาบาลผู่เจ๋อเสียส่วนใหญ่ อย่างไรโรงพยาบาลผู่เจ๋อก็เป็นโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศ การที่ศูนย์ข้อมูลกลางของมหาวิทยาลัยปักกิ่งนำวารสารเล่มนี้ออกจึงฟังดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ 艾琳小說

หลังจากอ่านสถานการณ์คร่าวๆ แล้ว ไป๋เยี่ยก็มองหลิวป๋อหลี่ด้วยสายตาฉงน “อาจารย์หมายความว่ายังไงเหรอครับ”

หลิวป๋อหลี่เหลือบมองหูเฟิงอวิ๋น “‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’ เป็นหน้าเป็นตาในแง่วิชาการให้กับโรงพยาบาลของเรา ตอนนี้เราขาดหัวหน้าบรรณาธิการ เลขาหูและผมได้แลกเปลี่ยนความคิดกันมานานและคิดว่าคุณเหมาะกับตำแหน่งนี้มาก ผมจึงอยากขอฟังความคิดเห็นของคุณดูน่ะ”

ไป๋เยี่ยตกตะลึง เขาอ้าปากค้างแทบพูดอะไรไม่ออก

บ..บนโลกมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้เยอะจริงๆ

หรือจริงๆ แล้วเราเป็นพระเอกของโลกใบนี้กันนะ ชักง่วงแล้วสิ ขอหมอนสักใบหน่อย

ไป๋เยี่ยท้วง “อาจารย์ครับ ผมยังเรียนไม่จบแถมยังมีงานในวอร์ดรออยู่ตั้งเยอะ ตอนนี้ผมต้องรับผิดชอบโครงการวิจัยด้วย…ผมเกรงว่าจะไม่มีเวลาน่ะสิครับ ผมจะเหมาะจริงเหรอ”

หลิวป๋อหลี่ยิ้ม “ผมเป็นผู้อำนวยการสถาบันแพทย์แผนจีน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลผู่เจ๋อ แล้วยังเป็นแพทย์แผนจีนด้วย…คุณจะให้ผมทำทุกอย่างเลยหรือไง ต้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าบรรณาธิการอีก ผมคนเดียวต้องแบกรับทุกอย่างไว้สินะ”

“ตำแหน่งหัวหน้าบรรณาธิการเป็นของคุณ คุณต้องรับผิดชอบการปรับปรุงวารสาร ต่อไปถ้ามีบทความดีๆ คุณก็เอามาลงในวารสารได้”

ไป๋เยี่ยเข้าใจดี…เรื่องนี้ก็เหมือนตอนที่เขาต้องเป็นประธานกรรมการพิจารณาเกณฑ์เอ็มไอโอ-บีพีเอฟเอช ปกติเขาไม่ต้องแบกรับอะไรมากเท่านี้ แต่เมื่อเขาต้องมาตีพิมพ์บทความภายใต้นามนี้ เขาจะทำได้จริงๆ หรือ

ลองดูสิว่ามีบรรณาธิการเจ้าไหนไม่ใช่นักวิชาการบ้าง

ร…เรามันก็แค่เด็กป.ตรี ไม่สิ…เป็นเด็กป.โทแล้ว…

หลิวป๋อหลี่รู้ว่าไป๋เยี่ยกำลังคิดอะไร “ไม่ต้องกังวล ศักยภาพด้านการวิจัยของคุณ ตลอดจนคุณภาพและปริมาณงานวิจัยที่คุณตีพิมพ์นั้นจะเติมเต็มหน้าที่ตรงนี้ได้อย่างแน่นอน”

หูเฟิงอวิ๋นพยักหน้าตาม “ผู้ที่มีความสามารถพิเศษก็ต้องได้รับมาตรการพิเศษ หลังจากที่หนูรับงานนี้แล้ว โรงพยาบาลจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้เอง ดูแลหนูเหมือนหัวหน้าบรรณาธิการคนก่อนทุกประการ ป้าคิดว่านี่เป็นโอกาสนะ นี่เป็นแค่ตำแหน่งชั่วคราวเท่านั้น หนูยังทำงานของตัวเองต่อไปได้เรื่อยๆ เหมือนเดิม หน่วยวารสารมีพนักงานอยู่แล้ว หนูแค่ต้องสร้างแรงขับเคลื่อนให้มีการพัฒนาเท่านั้น”

หูเฟิงอวิ๋นพูดจบก็มองไป๋เยี่ย “พวกเรามองไม่ผิดแน่นอน!”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ…

ไม่นานนัก ไป๋เยี่ยก็พึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยอยากเด็ดเดี่ยว “ตกลงครับ!”

หูเฟิงอวิ๋นและหลิวป๋อหลี่หันมามองหน้าและพยักหน้าให้กันด้วยความพึงพอใจ “กลับไปเตรียมตัวซะ…พรุ่งนี้ป้าจัดการเอง ป้าจะรีบทำเรื่องให้ จากนี้ไปคงต้องเรียกว่าหัวหน้าไป๋แล้วเนอะ!”

ไป๋เยี่ยฝืนยิ้ม เอาเถอะ นี่ก็ถือเป็นเรื่องดี ยิงปืนนัดเดียวได้นกมาตั้งหลายตัว ทำไมจะไม่ทำ!

ถึงกระนั้นนี่ก็เป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง ตำแหน่งชั่วคราวใช่ว่าจะได้ทำงานง่ายๆ มีคนตั้งมากมายที่เหมาะสม แต่ทำไมถึงยังเลือกเขา

ไป๋เยี่ยพอจะเข้าใจเหตุผลแล้ว!

[1] พับเมด (PubMed) คือ เครื่องมือค้นหาฐานข้อมูลตัวหนึ่งซึ่งเรียกใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูล MEDLINE ซึ่งประกอบด้วยแหล่งอ้างอิง บทคัดย่อ และบทความตัวเต็มทางวิทยาศาสตร์และชีวเวชศาสตร์

[2] จงหนานซานเป็นแพทย์เฉพาะทางโรคปอดคนหนึ่งของจีน

[3] ทอมสัน รอยเตอร์ส (Thompson Reuters Coporation) คือ บริษัทที่รวบรวมข้อมูลต่างๆ ไว้