ตอนที่ 310 พนันได้เลยว่านางแตกต่างจากนักพรตคนอื่นๆ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 310 พนันได้เลยว่านางแตกต่างจากนักพรตคนอื่นๆ

เมื่อฉินหลิวซีตะโกนว่ามีโจร ก็มีเสียงฝีเท้าทยอยมา ในไม่ช้าองครักษ์จวนเถิงก็หลั่งไหลเข้ามาในลานเล็ก แม้แต่บนกำแพงก็มีคนถือคันธนูอยู่ เล็งไปยังชายไว้หนวดที่สวมชุดนักพรตเต๋า

ชายไว้หนวด “!”

เขาอยากจะบอกว่าเขามาที่นี่เพียงเพื่อจับผีบาปเท่านั้น พวกเขาจะเชื่อหรือไม่

ฉินหลิวซีโยนยันต์ออกไปเพื่อตรึงวิญญาณผีสาวที่อยู่บนพื้น โบกแขนเสื้อย้ายนางไปไว้ที่มุม

สีหน้าของผีสาวเปลี่ยนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เมื่อรู้สึกถึงพลังวิญญาณของตัวเองก็ประหลาดใจเล็กน้อย

เถิงเจามองไปยังแขนเสื้อของฉินหลิวซีอย่างครุ่นคิด

เถิงเทียนฮั่นเดินเข้ามาท่ามกลางการรายล้อมของพ่อบ้านและองครักษ์ด้วยใบหน้านิ่งขรึม เมื่อเห็นว่ามีนักพรตแปลกหน้าที่ลาน จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เอาตัวไป!”

ชายไว้หนวดถอนหายใจ เอ่ย “อย่านะ ข้าเพียงแค่ต้องการจับผีบาปจึงได้บุกเข้ามาในจวนของท่านโดยพลการ ไม่ได้เป็นโจร เข้าใจผิดกันแล้ว สหายเต๋า เจ้าก็รู้ดี”

เขามองไปยังฉินหลิวซี ท่าทางราวกับว่า ‘เจ้ารีบช่วยข้าอธิบายเร็วเข้า’

ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไร รู้เพียงว่าเจ้าบุกเข้ามาอย่างกะทันหัน หากไม่ได้แอบเข้ามาล่อลวงสตรี ก็ต้องเป็นโจร”

องครักษ์ก้าวเข้ามา กำลังจะเข้าไปจับชายไว้หนวด ชายไว้หนวดกลับหลบอย่างรวดเร็ว กล่าวเสียงดังว่า “เจ้ากำลังโกหกตาใส ทั้งๆ ที่เจ้าช่วยข้าจับผีบาปตนนั้นแล้ว”

“ฟ้ามืดทำให้ตาฝ้าฟาง ดวงตาแก่ๆ ของเจ้าพร่ามัวแล้ว” ฉินหลิวซีปฏิเสธอย่างแน่วแน่

ชายไว้หนวดโกรธมาก อยากจะพุ่งไปหาฉินหลิวซี แต่มีลูกธนูปักลงมาตรงหน้าเขา หางของลูกธนูสั่นไหว

นี่เป็นคำเตือน

หากก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวเดียว ลูกธนูก็จะปักลงไปบนร่างของเขาแล้ว

ในขณะที่ชายไว้หนวดกำลังตกตะลึงก็ถูกองครักษ์สองคนคุมตัวไว้แล้ว เมื่อได้สติกลับมาเขาก็สูญเสียอิสรภาพไปโดยสิ้นเชิง

ชายไว้หนวดไม่ใช่คนโง่เขลา มองไปยังฉินหลิวซีแล้วมองไปที่ผีสาวตนนั้น “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกัน ผีสาวตนนี้มาที่นี่เพื่อมาหาเจ้า อยากให้เจ้าช่วยเหลือนางใช่หรือไม่”

“ใต้เท้าเถิง เกรงว่าคนผู้นี้จะเสียสติ ต้องจับตาดูอย่างเข้มงวด เดี๋ยวจะทำให้เจาเจาตกใจ” ฉินหลิวซีลูบศีรษะเถิงเจา

เถิงเทียนฮั่นมองไปยังบุตรชาย เขาไม่ได้มีท่าทางตื่นตระหนกเลยแม้แต่นิด

ชายไว้หนวดกล่าวตำหนิด้วยใบหน้าขรึม “เจ้าสหายเต๋าน้อย เหตุใดจึงได้ช่วยผีบาปตนนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่านางต้องการจะฆ่าคน เจ้าไม่กลัวเจ้าลัทธิเต๋าตำหนิเจ้าหรือ พวกเราชาวเสวียนเหมินยึดหลักปราบสิ่งชั่วร้ายปกป้องเต๋า เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ปราบ ซ้ำยังช่วยนาง เสียแรงที่เป็นคนในลัทธิเต๋าของข้า”

“ใต้เท้า ยัดถุงเท้าเน่าใส่ปากให้โจรผู้นี้จะสบายหูกว่า ท่านว่าอย่างไร” ฉินหลิวซีแคะหู

ชายไว้หนวด “!”

ทุกคน “…”

ร้ายกาจ!

เถิงเทียนฮั่นโบกมือ “เอาตัวไป”

องครักษ์คุมตัวชายไว้หนวดเดินออกไป

ชายไว้หนวดร้อนรน พยายามดิ้นรนพลางตะโกนว่า “ปล่อยข้า ข้าไม่ใช่โจรจริงๆ ข้ามีนามเต๋าว่าปรมาจารย์เฉิงหยาง เป็นอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในลัทธิเต๋า มีเอกสารตรวจสอบได้ ไม่ใช่โจรอย่างที่กล่าวหา เข้าใจผิดแล้ว ข้ารับรองได้ เดี๋ยว เจ้าถอดรองเท้าทำไม อย่านะ…อือ อือ”

กลิ่นเหม็นเปรี้ยวที่ลอยมาตามสายลมทำให้โลกเงียบสงบขึ้น

“กลิ่นนี้อธิบายไม่ถูกเลยจริงๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องล้างเท้าทุกวัน เจาเจาจำไว้นะ” ฉินหลิวซีบีบจมูกพลางกล่าวกับเถิงเจา

เถิงเจา “…”

องครักษ์ที่จากไปมีสีหน้าเศร้าและไม่พอใจ แอบบีบปรมาจารย์เฉิงหยางอย่างแรง

นักพรตเฉิงหยางเจ็บจนสีหน้าแสดงออกถึงความร้ายกาจ “อือ อือ อือ!”

มันเป็นความผิดของข้าหรือ

เถิงเทียนฮั่นเดินมา ขมวดคิ้วพลางลูบต้นแขนของตัวเอง รู้สึกหนาวเย็นเล็กน้อย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ที่นักพรตผู้นั้นพูดถึงผีบาปหมายความว่าอย่างไร”

ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ก็เป็นอย่างที่ท่านเห็น”

เถิงเทียนฮั่นตัวแข็งทื่อเล็กน้อย มองไปตามสายตาของฉินหลิวซี แม้ว่าจะมองไม่เห็นอะไร แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจ

เขาก้มศีรษะลง เมื่อเห็นว่าบุตรชายจ้องมองไปทางนั้น ก็อดตกใจไม่ได้ ถามว่า “เจาเอ๋อร์ เจ้าก็มองเห็นหรือ”

เถิงเจาส่ายหน้า “หมอกดำ”

เถิงเทียนฮั่นมองไปอีกครั้ง หมอกดำอะไรกัน เขาก็มองไม่เห็นอยู่ดี โนเวลพีดีเอฟ

“มันคืออะไรกันแน่” เถิงเทียนฮั่นอดถามอีกครั้งไม่ได้

ฉินหลิวซีให้ผีสาวมาตรงนี้ กล่าวว่า “เจ้าคนแซ่จย่าฆ่าเจ้าอย่างไร”

เมื่อผีสาวได้ยินนางเอ่ยถึงคุณชายจย่า ร่างของนางก็เติมไปด้วยรัศมีของความขุ่นเคือง เอ่ย “เขามันไม่ใช่คน! ข้าแซ่เหลียง เป็นเพียงแค่หญิงสาวชาวนาธรรมดา น่าเสียดายที่ชะตาชีวิตไม่ดีนัก สามีเสียชีวิตกะทันหัน ด้วยใบหน้างดงามนี้ จึงไปต้องตาเจ้าคนแซ่จย่าผู้นั้นในงานศพ กระดูกสามีของข้ายังไม่ทันเย็น ชุดไว้ทุกข์ก็ยังไม่ทันได้ถอด เขาหาบ้านของข้าเจอ เขาย่ำยีข้าต่อหน้าบุตรสาวของข้า”

ขณะที่นางกล่าว น้ำตาก็ไหลออกมาเป็นสายเลือด กล่าวว่า “เขาไม่เพียงย่ำยีข้า ซ้ำยังใช้สิ่งของเหล่านั้นมาทรมานข้า แล้วยังให้สุนัขรับใช้ทั้งสองของเขา…”

“พวกเขามันไม่ใช่คน ย่ำยีข้าคนเดียวไม่พอ แม้แต่บุตรสาวของข้าก็ไม่ยอมปล่อยไป บอกว่านางจึงจะเป็นสาวบริสุทธิ์อย่างแท้จริง แต่บุตรสาวข้าพึ่งจะห้าขวบเอง” ผีสาวร้องไห้คร่ำครวญ

แววตาของฉินหลิวซีแฝงไว้ด้วยความโกรธ “บุตรสาวของเจ้าก็เสียแล้วหรือ”

ผีสาวส่ายหน้า น้ำตาเลือดไหลอาบหน้าไม่ขาดสาย “ยังเจ้าค่ะ แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากความตายแล้ว นางตกใจกลัวจนเสียสติ ตายไปเสียยังจะดีกว่า”

ฉินหลิวซีถ่ายทอดคำพูดของผีสาวให้เถิงเทียนฮั่น

เถิงเทียนฮั่นสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่มีคนแจ้งความหรือ”

ผีสาวหัวเราะเสียงดัง “แจ้งความจะไปมีประโยชน์อะไร ชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเราเช่นนี้ ไหนเลยจะต่อสู้กับพ่อค้าร่ำรวยอย่างสุนัขเลวจย่าได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าหน้าที่ เงินยี่สิบตำลึง พวกเขามอบเงินยี่สิบตำลึงให้แม่สามีข้า เรื่องนี้ก็จบลงแล้ว ฮ่าๆๆ หนึ่งชีวิตกับชะตากรรมของผู้หญิงสองคน พวกเขาซื้อด้วยเงินยี่สิบตำลึง เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะมีประโยชน์อะไรกัน”

เมื่อได้ฟังคำถ่ายทอดจากฉินหลิวซี เถิงเทียนฮั่นก็สีหน้ามืดครึ้ม หันไปข้างๆ เล็กน้อย พ่อบ้านที่อยู่ข้างกายรีบโค้งคำนับแล้วถอยออกไปทันที

ฉินหลิวซีเห็นเช่นนั้นจึงกล่าวว่า “ดังนั้นเจ้าจึงต้องการเอาชีวิตมาชดใช้ชีวิต?”

“ยังไม่พอ ข้าต้องการให้เขาครอบครัวแตกสลาย” ผีสาวดวงตาแดงก่ำ กล่าวว่า “ความทุกข์ทรมานทั้งหมดที่ข้าได้รับ เขาก็ต้องได้รับ ตระกูลจย่าเคยหานักต้มตุ๋นกับแม่หมอมาขับไล่วิญญาณ ล้วนถูกข้าทำให้ตกใจจนหนีไปหมด จนกระทั่งคนตระกูลเซียวผู้นั้นพาสุนัขเลวจย่าไปหาท่าน ข้าได้ยินเรื่องของตระกูลเซียวจากผีตนอื่น แม้แต่ปรมาจารย์เฉิงหยางก็ยังจัดการไม่ได้ แต่ท่านกลับแก้ไขได้ ข้ารู้ถึงความเก่งกาจของท่าน ข้ากลัวว่าท่านก็จะขับไล่ข้าเช่นกัน จึงติดตามสุนัขเลวจย่าไปพบท่าน แต่ท่านกลับไม่ได้ลงมือ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ผีสาวมองไปยังฉินหลิวซีด้วยความรู้สึกขอบคุณ กล่าวว่า “ท่านไม่ได้ช่วยสุนัขเลวจย่า แต่เจ้าคนผู้นั้นกลับไปหาปรมาจารย์เฉิงหยางมาขับไล่ข้า ข้าไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ จึงได้มาขอร้องท่าน ข้าพนันว่าท่านแตกต่างจากนักพรตคนอื่นๆ และข้าพนันถูกแล้ว”

ฉินหลิวซีกล่าวว่า “เจ้าอย่าลืมว่าแม้ว่าเจ้าจะเป็นผี แต่เจ้าก็ทำร้ายคน ในเรื่องบาปบุญคุณโทษ ความผิดของเจ้าจะถูกบันทึกไว้ ชาติหน้าอาจไม่ได้มีชีวิตที่ดีนัก”

ผีสาวหัวเราะดังลั่น “ชีวิตนี้แม้แต่ไก่หนึ่งตัวก็ยังไม่เคยฆ่า เมื่อเป็นคนดีแล้ว เหตุใดสวรรค์จึงได้ทำกับข้าเช่นนี้ ชาตินี้ข้ายังไม่เคยใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเลย แล้วจะสนใจชาติหน้าทำไมกัน สวรรค์ไม่ยุติธรรมกับข้า เช่นนั้นข้าก็จะแก้แค้นด้วยตัวเอง เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้ข้าและลูกของข้า แม้ว่าวิญญาณจะดับสลายก็ไม่เสียดาย!”

ทันทีที่นางกล่าวจบก็เต็มไปด้วยพลังความแค้น

ที่ลานมีลมพัดแรงขึ้น

ฉินหลิวซีรู้สึกว่าชายเสื้อตึงๆ เมื่อก้มลงไปมองก็เห็นว่ามือของเถิงเจากำลังจับชายเสื้อของนางไว้ จึงสะบัดแขนเสื้อ สงบพลังความแค้นของนางลงแล้วจึงเอ่ย “หากเจ้ายินดีที่จะรับโทษของการทำร้ายผู้อื่นโดยไม่เสียใจภายหลัง เช่นนั้นก็ไปเถิด”