ตอนที่ 379 เงินตำลึงตกลงมาจากฟากฟ้า ตอนที่ 380 เขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 379 เงินตำลึงตกลงมาจากฟากฟ้า

“โขกไปเถอะ โขกไป นี่เจ้าต้องการร้านค้าเสียที่ไหนเล่า เจ้าต้องการเอาชีวิตข้ามากกว่า! หากเจ้าอยากได้สักสี่ห้าตำลึงเงิน ข้ายังพอยอมเสียหน้าไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นทั่วสารทิศได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะหาเงินสมทบให้เจ้าได้ แต่นี่เจ้าเล่นเอ่ยปากขอคราวเดียวตั้งสามร้อยตำลึงเงิน!”

“หลานเอ้ย! สามร้อยตำลึงเงินเชียวนะ นี่เป็นจำนวนที่มหาศาล! ปู่เจ้าอย่างข้าผู้นี้ลำบากมาทั้งชีวิต หาเลี้ยงพวกเจ้าลูกหลานทั้งหลายก็ยังไม่เคยได้เห็นเงินเหล่านี้เลย! แล้วเจ้าจะให้ข้าไปเอามาจากไหนหรือ ให้ข้าเอาตัวเองไปขายหรือไร ข้าอายุปูนนี้แล้วก็ไม่มีคนต้องการเช่นกัน!” ซ่งเหล่าเกินตระหนกตกใจจนเสียศูนย์แล้วจริงๆ

สมาชิกทั้งครอบครัวตั้งแต่หัวปียันท้ายปีหาเงินกันได้จำนวนเท่าไหร่กันเชียว?

ตอนที่ยังไม่ได้แยกครอบครัว คำนวณโดยรวมกับรายได้ที่ได้จากผลผลิตในแปลงนา รวมๆ แล้วก็ประมาณสี่สิบห้าสิบตำลึงเงินกระมัง

ฟังดูเยอะ แต่ตระกูลซ่งมีสมาชิกตั้งหลายคนเพียงนี้ แต่ละคนต้องกินต้องใช้ ธัญพืชในที่ดินก็ต้องแบ่งเอาไปจ่ายเป็นภาษี สมาชิกในครอบครัวก็ต้องจ่ายภาษีเช่นกัน บางครั้งหากเจ็บไข้ได้ป่วยหรือมีภัยพิบัติเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องหาหมอรักษา เรื่องจิปาถะมากมาย เก็บเงินได้ยี่สิบตำลึงเงินก็นับว่าสวรรค์เมตตาแล้ว

แล้วนับประสาอะไรที่ยังมีบางครั้งสวรรค์ก็ไม่เมตตาอีกด้วย

หลายปีก่อน ที่นาแห้งแล้งและมีภัยพิบัติแมลง ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ยังไม่พอยาไส้ด้วยซ้ำ ไม่มีธัญพืชจ่ายเป็นภาษีก็ทำได้เพียงควักเงินตัวเอง ควักเงินจ่ายภาษีแล้วยังต้องหาซื้อธัญพืชอีกหน่อยเอาไว้เผื่อขาดแคลน

อย่าว่าแต่เก็บออมเงินเลย เงินที่เก็บหอมรอมริบมาหลายปีก็ใช้จนไม่เหลือ

ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากเพียงนั้น เขาเลี้ยงดูลูกหลานให้เติบใหญ่ได้ และมีที่นาของครอบครัวเหลือเอาไว้ให้หน่อยก็นับว่าไม่ทำให้บรรพบุรุษผิดหวังแล้ว

เมื่อซ่งเหล่าเกินคิดเช่นนี้ก็อยากจะร้องไห้ รู้สึกปวดใจ กรอบตาแดงระเรื่อ

“ท่านปู่…ท่านลองเอ่ยปากขอยืมเงินกับเอ้อร์ยาและอารองดูสิ พวกเขาต้องมีเงินก้อนนี้แน่… ในเดือนหนึ่งเอ้อร์ยาก็ต้องได้เงินจากการขายยาสระผมสักหน่อยกระมัง อารองตอนนี้ร่ำรวยแล้วเช่นกัน…ข้าจะไปคำนับศีรษะให้เขา ข้าจะไปอ้อนวอนเขา”

“หุบปาก! เจ้ารู้จักแต่มองตอนที่คนอื่นเขาสุขสบาย!” ซ่งเหล่าเกินโมโห “เอะอะก็เอ่ยว่าเอ้อร์ยาหาเงินได้ บอกมาสิ! เจ้าฟังนางเมียปีศาจผู้นั้นเสี้ยมมาอีกแล้วใช่หรือไม่! เอ้อร์ยาก็ลำบากมากเช่นกัน! เจ้าลองออกจากบ้านไปถามไถ่ดูสิว่า นางต้องตื่นแต่เช้าตรู่แล้วกลับบ้านมืดค่ำหรือไม่ ทุกวันยังไม่ทันฟ้าสางก็ต้องดูแลเด็กๆ ทั้งยังต้องเคี่ยวยาสระผม กลิ่นของยาสระผมนั่นใครบ้างไม่เคยได้กลิ่น เงินตำลึงไม่ได้ตกลงมาจากฟากฟ้าหรอกนะ!”

“ซ่งต้าหลาง ตอนนี้ข้าอยากเฆี่ยนตีเจ้าให้ตายเสียเลย! เจ้าสู้เอ้อร์ยาไม่ได้! แม้แต่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเจ้ายังสู้ไม่ได้! เจ้ามีมือมีเท้า หาเงินด้วยตัวเองได้หรือไม่ หากไม่ได้จริงๆ ภายภาคหน้าพ่อแม่เจ้าเอาที่ดินทรัพย์สินแบ่งให้เจ้า เจ้าก็อยู่บ้านดูแลที่นาก็สิ้นเรื่อง! ไยจึงคิดแต่จะยืมเงินอยู่ได้!” ซ่งเหล่าเกินไม่เข้าใจจริง

ชั่วชีวิตนี้ของเขา ยืมเงินคนอื่นแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ประมาณสองสามครั้งเห็นจะได้ หลังยืมเงินมาก็รู้สึกจิตใจกระวนกระวายไม่เป็นสุข นอนหลับก็ไม่สนิท เห็นเจ้าหนี้ก็อดอยากจะเด็ดหัวฝังลงไปในดินไม่ได้

“ท่านปู่ ข้าเอวไม่ดี ทำงานหนักไม่ได้” ซ่งเสี่ยนหงุดหงิดขึ้นมาแล้วเช่นกัน “ข้าตั้งใจไว้แน่วแน่แล้วว่าจะเปิดร้านค้าให้จงได้ ท่านกับท่านพ่อข้าก็คิดหาวิธีให้ข้าแล้วกัน!”

“เหอะ!” ชายชรารู้สึกถึงความเดือดดาลที่พลุ่งพล่าน

“ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้าจะยืมเงินโดยอาศัยนามใคร! เป็นตัวเจ้าเอง หรือพ่อเจ้า หรือว่าปู่เจ้าอย่างข้า!” ซ่งเหล่าเกินกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง

ซ่งเสี่ยนเงยหน้ามองผู้เฒ่า

“ท่านปู่ ท่านเป็นคนไปยืม แม้เป็นจำนวนเงินมาก เอ้อร์ยาก็ย่อมให้เป็นแน่ ต่อให้นางไม่มีเงินอยู่กับตัว แต่ก็จะไปสรรหามารวมๆ กันได้ห้าสิบตำลึงเงินอย่างแน่นอน จากนั้นเอาบ้านในตัวอำเภอขายไปก็จะได้มาอีกหนึ่งร้อยตำลึงเงินแล้ว ท่านปู่ ท่าน…ยังมีเห็ดหลินจือด้วย เอาไปขายด้วยก็ได้เช่นกัน แล้วค่อยเอามาสมทบกัน จะมากจะน้อยก็คงได้มาเพิ่มอีกหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ทางด้านพ่อกับแม่ข้าแบ่งเงินให้ข้าหน่อย หากไม่พอ…พ่อข้ามีความสัมพันธ์อันดีงามกับเถ้าแก่ ไปหาเถ้าแก่เพื่อเบิกเงินค่าแรงล่วงหน้าของปีนี้ก็ย่อมได้….

เสียงดัง ‘เพล้ง’ ชายชราคว้าถ้วยน้ำชาใบใหญ่เขวี้ยงไป

“เจ้าคิดคำนวณเสร็จแล้วหรือยัง เห็นปู่เจ้าอย่างข้าและพ่อของเจ้าเป็นตัวอะไรไปแล้ว!?” ซ่งเหล่าเกินตระหนกตกใจกลัวหลานชายคนนี้เข้าแล้วจริงๆ

นี่ก็คือหลานที่เขาเชื่อปักใจว่าเป็นคนดี!

สามร้อยตำลึงเงิน…

มิน่าล่ะ จำเป็นต้องเอาสามร้อยตำลึงเงิน เขาอยากจะเปิดร้านเสียที่ไหนกัน เขาก็แค่อยากได้เงินต่างหากเล่า!

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ได้ยินเสียงมาพักใหญ่แล้วเช่นกันจึงเดินมา เมื่อเดินพ้นประตูเข้ามา ก็ได้ยินคำพูดนั้นของซ่งเสี่ยน นางเกือบเป็นลมล้มพับไปแล้วเช่นกัน

ตอนที่ 380 เขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง

ก่อนหน้านี้ ซ่งอิงไม่วางใจทางด้านบ้านซ่ง เป็นห่วงว่าซ่งเสี่ยนจะก่อปัญหาขึ้นจึงให้ซ่งต๋ากลับมาอยู่บ้านซ่งซักระยะหนึ่ง โชคดีที่เขาอยู่ข้างหน้าเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ ตาไวมือไวจึงรีบประคองนางไว้ได้ทัน

ซ่งเสี่ยนกุมศีรษะพลางลุกขึ้นมา

“ข้าอุตส่าห์ขอร้องดีๆ ท่านปู่ ท่านไม่ยินยอมสินะ?” ซ่งเสี่ยนเอ่ยถามอย่างสงบนิ่ง

“อยากได้เงิน?! ฝันไปเถอะ! เจ้าล้มเลิกความตั้งใจนี้ไปได้เลย!” ซ่งเหล่าเกินโมโหจนหน้าแดงก่ำ

ซ่งเสี่ยนจ้องมองซ่งเหล่าเกินเขม็ง “ท่านปู่คิดให้ดีๆ เถอะ เงินก้อนนี้ไม่ใช่ว่าสรรหามาไม่ได้ ข้าก็ไม่ได้ต้องการมากมาย หากท่านคิดว่าเอ้อร์ยาดีนักหนา ทำให้ท่านเอ่ยปากไม่ได้ เช่นนั้น…ก็คงไม่อยากเก็บหลานชายอย่างข้าผู้นี้เอาไว้แล้วสินะ”

“ก็จริง ข้าลำบากตรากตรำมานานเพียงนี้ ทว่าพวกท่านใช้ชีวิตกันอย่างสุขกายสบายใจ แม้แต่ท่านแม่ข้าก็ยังถูกเอ้อร์ยาคว้าไปเป็นพวกแล้ว ทั้งครอบครัว มีเพียงข้าและเผยซื่อเป็นคนนอก เด็กที่นางอุ้มท้องอยู่ก็ยังถูกพวกท่านรังแกอีกด้วย…”

“เดิมทีข้าคิดอยู่ว่า หากท่านตกลง เช่นนั้นทุกคนก็จะได้มีความสุขไปด้วยกัน ข้าหาเงินมาได้ก็จะได้เอามาตอบแทนคุณท่านเช่นกัน แต่นึกไม่ถึงว่า ท่านจะชักสีหน้าและต่อว่าข้ายกใหญ่…” ซ่งเสี่ยนส่งเสียงหัวเราะเยาะ “เอาแบบนี้แล้วกัน หากท่านหาเงินมาให้ข้า จากนี้ข้าก็จะยังเป็นหลานที่ว่านอนสอนง่ายของตระกูลซ่ง ตอนที่สมควรเชิดหน้าชูตาให้ท่าน ข้าก็จะมาหาอย่างแน่นอน หรือไม่…หากท่านไม่ยืมเงินเอามาให้ข้า ร้านค้าที่ว่านี้ข้าก็คงเปิดไม่ได้แล้วเช่นกัน ข้าก็จะกลายเป็นคนไม่เอาไหนคนหนึ่ง ไม่สู้…ไปเป็นเขยที่แต่งเข้าตระกูลเผยจะดีกว่า หลังจากนี้ไปก็เปลี่ยนชื่อใหม่ เด็กในท้องเผยซื่อ แน่นอนว่าก็จะแซ่เผยเช่นกัน…”

ซ่งเสี่ยนพูดจบ ปัดๆ ฝุ่นบนอาภรณ์ตนเองแล้วย่างก้าวออกไป

ตอนที่เดินพ้นประตูออกไป ยังไม่มองเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ด้วยซ้ำ

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รู้สึกเพียงงุนงงหน้ามืด

“เฮือก!”

ในเวลานี้เอง ชายชรากระอักเลือดออกมา จากนั้นคว่ำล้มลงกับพื้น

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ตระหนกตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง “เรียกหมอมาเร็วเข้า! ลูกต๋า ไปเรียกหมอมา! เหล่าซาน ซ่งเหล่าซาน! ท่านพ่อล้มหมดสติ มานี่เร็วเข้า!!”

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ส่งเสียงตะโกนลั่น ทั่วทั้งบ้านซ่งเต็มไปด้วยความโกลาหล

หม่าซื่อหญิงชราผู้นี้อยู่ในห้องมาโดยตลอด ยามนี้ก็ถูกเรียกมาด้วยเช่นกัน

ซ่งต๋ารีบไปเรียกหมอในทันที หลังหมอมาถึง เขาก็รีบสาวเท้าวิ่งแจ้นมุ่งหน้าไปในบ้านซ่งอิง

“พี่รอง! พี่รองแย่แล้ว! ท่านปู่หมดสติ!” เมื่อซ่งต๋าพ้นประตูเข้ามาก็ปรี่ไปหาซ่งอิงแล้วกล่าว

ซ่งอิงกำลังเทตัวอย่างสบู่ลงแม่พิมพ์ในขั้นตอนสุดท้าย ครั้นมือไม้สั่นก็เลยกระฉอกออกไป

นางรีบถอดถุงมือที่ใช้ระหว่างทำสบู่ออก “ใครหมดสติแล้วนะ”

“ท่านปู่สลบไปแล้ว!” ซ่งต๋าดวงตาแดงก่ำ “แล้วยังกระอักเลือดด้วย…”

ซ่งอิงได้ยินดังกล่าวขมวดคิ้วทันที “เจ้าอย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือซ่งเสี่ยนไอ้สารเลวผู้นั้น”

“ใช่ พี่ชายข้าเอง…” ซ่งต๋าเริ่มสะอึกสะอื้น โมโหจนหายใจแทบไม่ทัน “พี่ พี่รอง นี่จะทำอย่างไรดี ข้าได้ยิน ได้ยินมาว่า พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ต้องการเงิน ต้องการให้ท่าน ท่านปู่ยืมเงินท่าน… หากท่านปู่ไม่ยอม พี่ใหญ่ก็จะไป ไป ไปเป็นเขยที่แต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิง!”

“แต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิง? ผู้เฒ่าคิดว่าเขาจะไปตายหรืออย่างไร!” ส่งอิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หยุดร้องไห้ได้แล้ว ไปกัน กลับบ้านไปดูกันหน่อย”

ซ่งอิงไม่ทันได้เอ่ยเรียกฮั่วหลิน รีบมุ่งหน้าไปบ้านตระกูลซ่งทันที

เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน ก็ได้ยินเสียงโกลาหลวุ่นวายด้านใน

มีเสียงร้องไห้ของหม่าซื่อ ย่าของนาง เสียงกระวนกระวายใจของอาสาม เสียงสะอื้นไห้ของเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ แล้วยังมีเสียงด่าทอด้วยความเดือดดาลของเจียวซื่อที่อยู่ใต้ชายคาเรือนของครอบครัวบุตรคนโต

ช่างวุ่นวายไปหมดจริงๆ

ซ่งอิงถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินเข้าไปในเรือน

ซ่งเหล่าเกินนอนอยู่บนเตียง มองดูแล้วชวนตกใจไม่น้อย และยังมีหมอผู้เฒ่าที่มาในวันนั้น สีหน้าเคร่งเครียด ชวนตระหนกตกใจเสียยิ่งกว่า

“ท่านหมอ ท่านพ่อข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ซ่งอิ๋นซานร้อนรนใจแทบแย่แล้ว

“เอ่อ…อาการเช่นนี้หนักไม่เบาเลย” หมอผู้เฒ่าถอนหายใจ “ทางด้านข้านี้มียาเม็ดตัวหนึ่งอยู่ เอาไว้กินก่อนแล้วกัน อย่างน้อยจะได้ทุเลาอาการลงไปหน่อย เพียงแต่…หากจะทำให้ผู้เฒ่าซ่งได้สติขึ้นมา ยานี้คงไม่ได้ผล”

“เช่นนั้นต้องใช้ยาอะไรหรือ พวกข้าจะเข้าอำเภอไปซื้อมาคืนนี้เลย!” ซ่งอิ๋นซานรีบเสนอตัวในทันที