เมื่อใดที่คุณทำงานด้วยการเป็นฮันเตอร์มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการที่ภาพลักษณ์ของคุณจะถูกเปิดเผยออกสู่สาธารณชน ในทุกวันนี้เหล่าฮันเตอร์ทั้งหลายได้รับการปฏิบัติดุจดังกับว่าพวกเขาเป็นดาราแต่ในอดีตที่ผ่านมานั้นมันค่อนข้างที่จะมีฮันเตอร์บางคนอยู่เหมือนกันที่ไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยชื่อจริงของตนเองเพราะว่ามันมีเหล่าฮันเตอร์สายปราบปรามอยู่เป็นจำนวนมากที่ทำการล่าเหล่าฮันเตอร์ทั้งหลายซึ่งใช้พลังพิเศษของตนเองไปในทางที่ผิด

วีฮุนเป็นฮันเตอร์ในตอนที่เขาอายุ 16 ปี เขาได้เปิดตัวด้วยการเป็นฮันเตอร์จากประเทศจีนภายใต้นามแฝง เขามีพลังพิเศษแรงค์ A และยังเป็นหัวหน้ากิลด์ซิริงวินอีกด้วย

เขาได้หันไปเป็นนักธุรกิจหลังจากที่ได้เกษียณอายุจากการเป็นฮันเตอร์ไปเมื่อ 8 ปีก่อน ณ ตอนนั้นมันมีกฎที่ได้ว่าเอาไว้ในเรื่องที่หัวหน้าของกิลด์ควรที่จะมีอาชีพเป็นฮันเตอร์ ด้วยความที่ตำแหน่งของเขาเป็นเพียงแค่ฮันเตอร์ที่ได้เกษียณอายุไปแล้วนั้นทำให้เขาอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ แต่เขาเป็นชายที่ประสบความสำเร็จด้วยการก้าวผ่านอุปสรรคที่ขวางกันพวกนั้นโดยผ่านการดำเนินการและกลยุทธ์ต่างๆ

ถึงแม้ว่าในตอนนี้มันใกล้ที่จะพังพลายลงแล้วก็ตาม

ในอดีตกิลด์จของเขามีฮันเตอร์เป็น 100 คนแต่ในตอนนี้นั้นมีฮันเตอร์เหลืออยู่เพียงแค่ 20 คนแถมยังเป็นโชคไม่ดีสำหรับวีฮุนยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อฮันเตอร์ทั้ง 20 คนนั้นไม่ได้เชื่อใจในตัวเขาเลย มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นเองก่อนที่พวกเขาที่เหลือทั้งหมดจะจากไป

เปลวไฟกำลังรนก้นเขาอยู่

กิลด์ซึ่งเหล่าฮันเตอร์ทั้งหลายได้ทำงานให้กับตัวของพวกเขาเองนั้นก็เปรียบเหมือนกับว่าเป็นบริษัททหารเอกชน เอกสารที่พวกเขาต้องกรอกเพื่อที่จะสร้างกิลด์ขึ้นมานั้นสูงเท่ากับชายตัวโตๆคนหนึ่งเลยทีเดียวและแม้ว่าพวกเขาจะได้รับการอนุมัติแล้วก็ตามใครจะไปรู้หละว่ามันจะใช้เวลานานเท่าใดกันเพื่อที่จะเดินเรื่องในการเพิ่มขนาดความจุสูงสุดของกิลด์ได้

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้พยายามทำมาจนถึงตอนนี้กำลังที่จะสูญเปล่า ขีดจำกัดสูงสุดของกิลด์ซิริงวิน คือ 150 คนซึ่งเทียบเท่ากับจำนวนของกิลด์ขนาดกลางแต่ด้วยการที่จำนวนของฮันเตอร์ที่ได้ทำสัญญากับกิลด์ที่ค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆนี้เองที่ทำให้ความกดดันของการลดขีดจำกัดสูงสุดของกิลด์เกิดขึ้น

เหล่านักลงทุนทั้งหลายของกิลด์ซิริงวินค่อยๆเริ่มที่จะวิพากษ์วิจารณ์เขาด้วยการจัดประชุมผู้ถือหุ้น ในท้ายที่สุดวีฮุนก็ได้รู้ว่ากิดล์ซิริงวินอาจจะหายไปตลอดกาล

เขาไม่สามารถที่จะปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นได้

เขาต้องการที่จะได้บัตรฮันเตอร์อีกครั้ง แต่ว่ามันได้สายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในตอนนี้อีกทั้งความภาคภูมิใจของเขาก็ไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้นด้วย

ในเวลานี้ เขาได้ยินข่าวบางอย่างมาจากเกาหลี

‘ยูซอดัม…’

ชายที่มีความสามารถซึ่งไม่ใช่พลังพิเศษมันเป็นความสามารถที่จะสามารถจะเรียนรู้ได้โดยคนทั่วไปที่ขาดคุณสมบัติในการเป็นยอดมนุษย์ ณ ตอนนี้ข่าวสารเกี่ยวกับเขาและควาสามารถของเขาได้กลายเป็นพายุที่พัดพาให้โลกในตอนนี้วุ่นวายขึ้นได้

ดังนั้นวีฮุนได้ติดต่อยูซอดัมไปในทันที

วีฮุนรู้นิสัยของยูซอดัมเป็นอย่างดีก่อนหน้าที่เขาจะได้เกษียณอายุไปจากการเป็นฮันเตอร์เขาได้ใช้เวลา 8 ปีไปกับยูซอดัม

ท่ามกลางเหล่าฮันเตอร์ทั้งแปดคนนั้น พรสวรรค์ของวีฮุนสามารถที่จะพิจารณาได้ว่าอ่อนแอที่สุดจากคนทั้งหมดมันเป็นหลังพิเศษที่มีความสามารถเพียงเล็กน้อย

ประเภทของความสามารถที่เขามีก็ยังเป็นแบบธรรมดา มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะได้รับความสนใจ มากไปกว่านั้นเขาก็ยังเป็นคนที่ไม่เก่งเลยในเรื่องของการต่อสู้

อย่างไรก็ดีเขามักจะรู้สึกได้รับการปลอบใจเมื่อเขาได้มองไปที่เด็กชายคนหนึ่ง เด็กชายคนนั้นก็คือยูซอดัม คนขี้แพ้ที่ไม่ได้มีพลังพิเศษใดๆ

บางทีเนื่องจากความจริงที่ว่าวีฮุนสามารถจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขาได้ทำให้เขาคุ้นเคยที่จะทรมานซอดัมเมื่อไหรก็ตามที่เขามีเวลาว่าง เมื่อไหรก็ตามที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นซอดัมจะไม่ทั้งต่อต้านหรือโต้กลับใดๆ ในความทรงจำของเขานั้น ยูซอดัมเป็นแค่เพียงคนไร้ความสามารถที่มีบุคลิกแบบนั้น

อย่างน้อยที่สุดเขาก็หวังว่ายูซอดัมจะยังหวาดกลัวเขาอยู่ นอกจากนั้นแล้วยูซอดัมก็ยังเป็นใครบางคนที่ได้ส่งเนื้อชิ้นสุดท้ายมาให้กับเขาแม้ว่าตัวซอดัมเองกำลังกินมันอยู่ในยามที่ตัวของวีฮุนเองต้องการ

แน่นอนว่ามันไม่มีทางที่ซอดัมในตอนนี้จะยังเป็นคนที่โง่เง่าดังเช่นในตอนนั้น บางทีในตอนนี้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกคงกำลังต้องการที่จะอยู่ฝั่งเดียวกับยูซอดัม คนพวกนั้นคงเข้าหาซอดัมพร้อมด้วยข้อเสนอมากมายในมือของตน แต่ว่าหากนำมาเทียบกับสิ่งที่เขาจะเสนอออกไปหละก็ข้อเสนอพวกมันก็ไม่นับว่าเป็นอะไรเลย

วีฮุนไม่ได้ต้องการให้ซอดัมมาบอกให้เขาขอโทษในสิ่งที่เขาเคยได้ทำลงไป ดังนั้นเขาเลยได้นำบางสิ่งบางอย่างที่มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ให้มันกับซอดัมได้ไปด้วย

มันเป็น ‘สิ่ง’ ที่ยูซอดัมได้สูญเสียไปเมื่อแปดปีก่อน

เขาจะให้ความลับที่ไม่มีใครสักคนนอกไปจากตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับมัน

“ได้โปรดรออีกหน่อยเถอะนะครับ เขาบอกว่าเขาจะมาถึงในเร็วๆนี้แล้วครับ”

และ วีฮุนในตอนนี้ก็อยู่ที่เกาหลีเพื่อที่จะได้นัดเจอกับซอดัม ถัดไปจากเขามันมีตัวแทนทั้งสามคนจากบริษัทต่างๆที่ได้สนับสนุนกิลด์ของเขาและรวมไปถึงตัวแทนที่มาจากสมาคมฮันเตอร์อีกด้วยเช่นกัน

อีฮยอนซัง เป็นตัวแทนจาก ‘อุตสาหกรรมเคจ’ เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องด้วยตรงกับอุตสาหกรรมป้องกันตนเองโดยการผลิตอุปกรณ์ป้องกันสำหรับเหล่าฮันเตอร์ทั้งหลาย

เอเจนซีที่ทำหน้าที่ในการจัดการเกตและดันเจี้ยนเพื่อให้ฮันเตอร์สามารถที่จะทำงานของตนเองได้ ‘เอทีน่าดอทคอม’

และก็ ‘สำนักงานใหญ่ของสมาคมฮันเตอร์’ ที่ได้มาเพื่อตัดสินคุณสมบัติของกิลด์

บริษัททั้งหมดเหล่านี้เป็นบริษัทในระดับโลกที่ไม่สามารถจะมองข้ามได้เลย

เพื่อที่จะให้เหล่าฮันเตอร์ทั้งหลายในกิลด์ของตนสามารถที่จะทำงานต่อไปได้ มันเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับเขาที่จะต้องมีการติดต่อกับอุตสาหกรรมป้องกันและพวกบริษัทยักษ์ใหญ่พวกนี้เพื่อที่จะได้รับการสนับสนุนด้วยอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงจากพวกเขาและพร้อมด้วยเอเจนซีชั้นที่สามารถจะระบุเกตและเกตและดันเจี้ยนได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าใครๆที่ทั้งยังทำการจัดการ ‘งาน’ ให้กับกิลด์ได้ดำเนินการอย่างเหมาะสมที่สุด

ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ สำนักงานใหญ่ของสมาคมฮันเตอร์จะทำการทบทวนว่าขนาดของกิลด์จะถูกลดลงหรือขยายขึ้นหรืออาจจะเป็นการลบกิลด์ออกไปด้วยก็ตาม

‘นี้เป็นโอกาส’

นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเหล่าตัวแทนทั้งหลายถึงได้ตามวีฮุนมาที่เกาหลีนั้นเป็นเพราะว่าตัวตนของ ‘ความสามารถในอุดมคติ’ ถ้าหากว่าวีฮุนสามารถที่จะทำให้ยูซอดัมเขาร่วมกิลด์ของตนเองได้หละก็อนาคตของเขาที่สดใสของเขาก็จะได้รับการประกัน

“โอ้ เขามาแล้ว”

ตำแหน่งในปัจจุบันที่พวกเขาอยู่ก็คือร้านอาหารในโรงแรงแห่งหนึ่ง ยูซอดัมได้มาถึงพร้อมทั้งยังสวมใส่ชุดสูทที่เขาได้รับมาจากตระกูลคอสแตนตินีในวันวาน มันเป็นสูทที่หรูหราด้วยตัวมันเองอยู่แล้วแต่เขากลับรู้สึกอึดอัดที่ต้องใส่มันบ่อยครั้ง

“ฮ่าฮ่า ไงซอดัม ไม่ได้เจอกันสักพักแล้วนะ”

“ใช่เลย มันก็สักพักแล้ว”

ยูซอดัมจ้องมองไปที่วีฮุน เขาถึงกับครุ่นคิดไปอยู่ชั่วขณะหนึ่งเลยว่าวีฮุนเป็นชายที่ดูดีพร้อมกับความหน้าด้านหน้าทนเลยทีเดียว

‘ไอ้สารเลวนี้…นี้เขาจำไม่ได้เลยหรือไงว่าตัวเองได้ทรยศเขาแล้วก็เกษียณออกไปนะ?’

ยูซอดัมเก็บอารมณ์ของตนเองไว้ภายในการควบคุม มันเป็นเพราะว่าคนทั้งสี่ที่ได้มาพร้อมกับวีฮุนนั้นสำคัญยิ่งกว่า

‘ฮวังแจกุน’

เดิมที ยูซอดัมนั้นคิดว่าจะมาเจอกับวีฮุนแล้วด่ามันสักหน่อยแต่ในตอนนี้เขาได้เห็นแล้วว่าชายคนนี้ได้นัดเจอตนเองมาเพื่อที่จะเอาใจคนเหล่านี้ดังนั้นแผนที่วางเอาไว้เลยได้เปลี่ยนไป

วีฮุนนั้นดูดีกว่าวีฮุนคนเก่าที่อยู่ในความคิดของเขา เขายังคงใช้ประโยชน์ได้อยู่

ยูซอดัมยิ้มออกมาและพูดกลับไปทางวีฮุนอย่างโจ่งแจ้งว่า

“อะใช่แล้ว ฉันได้บอกนายรึป่าวว่าฉันได้พาแขกของตัวเองมาด้วยเหมือนกัน?”

“โอ้ว? แน่นอนๆ แต่ว่าใครกันหละ…?”

“เขาคือ…”

ในขณะที่ซอดัมมองไปทางด้านหลังของวีฮุน ชายหนุ่มรูปงามที่มีส่วนสูงราวๆ 190 เซนติเมรและมีหน้าตาที่หล่อเหลาได้เข้ามาหาตนด้วยรอยยิ้มที่อ่อนๆ เมื่อเขาได้เห็นว่ามีวีฮุนอยู่ด้วยเขาก็ได้โบกมือให้เบาๆและเข้าไปจับมือกับอีกสี่คนที่เหลืออย่างสุภาพจากนั้นก็พูดว่า

“คุณวีฮุน นานมากแล้วนะครับตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่พวกเราได้เจอกัน ผมยังคิดถึงคุณอยู่เลยครับ”

“ใช่เลย กี่ปีแล้วนะ? ริวจินซู”

ริวจินซูชายที่เหมือนกับวีฮุน เขาได้เริ่มต้นเดินเข้าสู่เส้นทางของการเป็นหัวหน้ากิลด์ เขาเองก็เป็นหัวหน้ากิลด์และเป็นฮันเตอร์ที่เกษียณอายุไปแล้วเช่นเดียวกับวีฮุน

อย่างไรก็ตามทั้งสองมีเส้นทางที่แตกต่างกันไป

ในขณะที่วีฮุนได้เดินหน้าตรงไปสู่ปากเหว ชื่อเสียงของกิลด์ริวจินซูกลับมามูลค่าที่มากขึ้นเรื่อยๆ

กิลของริวจินซู ‘เลย์ตันวัน’ เป็นกิลด์ที่ประกอบด้วยสมาชิกชั้นยอดไม่กี่คนและยังเป็นกลุ่มคนที่โดดเด่นออกมาด้วยการได้เข้าร่วมในดันเจี้ยนและเกตขนาดใหญ่โดยที่ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับงานเล็กๆน้อยๆทั่วไป

“โอ้ว คุณคือหัวหน้าของเลย์ตันวันใช่ไหมครับ? ผมอยากที่จะได้เจอตัวคุณจริงๆนานแล้วครับ”

“ยินดีที่ได้พบนะครับ”

เมื่อริวจินซูได้ปรากฏตัวขึ้นมา ในหน้าของวีฮุนได้เริ่มที่จะแข็งค้าง เขาจ้องไปที่ยูซอดัม เขาไม่ต้องพูดกับซอดัมก็รู้ได้ว่าซอดัมกำลังคิดอะไรอยู่

‘ไอ้เวรนี้ เขาพยายามที่จะเล่นแง่กับฉันใช่ไหม?’

ริวจินซูและวีฮุนไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ในความเป็นจริงแล้ววีฮุนเกลียดริวจินซูอยู่ฝ่ายเดียว เหตุผลนั้นง่ายมาก ก็เพราะว่าริวจินซูนั้นเหนือกว่าเขาในทุกๆด้าน ทั้งที่สถานการณ์ในกิลด์ของพวกเขาทั้งคู่ก็เหมือนๆกันแต่ว่าสมาชิกทั้งหมดของกิลด์ริวจินซู ‘เลย์ตันวัน’ กลับเป็นแรงค์ S ทั้งหมด และตัวเขาเองก็ยังเป็นแรงค์ S เช่นกัน

และไม่เหมือนกับกิลด์อื่นๆในทุกวันนี้ซึ่งเป็นในรูปแบบของเชิงพาณิชย์ เลย์ตันวันเป็นกิลด์ที่โดดเด่นไปทั่วทั้งโลกเนื่องจากว่ามันเป็นกิลด์ที่คงไว้ซึ่ง ‘ประเพณีดังเดิม’ ในเรื่องของการปกป้อง

ริวจินซูเป็นหัวหน้าของกิลด์ที่ชนะ ในขณะที่วีฮุนเป็นหัวหน้ากิลด์ที่พ่ายแพ้

ดังนั้นวีฮุนเลยได้อิจฉาริษยาริวจินซูอยู่เรื่อยมา

‘นี้มันบ้าอะไรกัน? ทำไมเขาถึงได้มาหาซอดัมเหมือนกัน?’

วีฮุนกัดฟันของตนเองและมองไปที่ริวจินซู

หากมองเพียงครั้งแรก ริวจินซูดูเป็นคนที่อัธยาศัยดีกับทุกคนเพราะว่าวิธีการพูดของเขาให้ความรู้สึกที่อ่อนน้อมและสุภาพ ถึงอย่างนั้นก็ตามเขาก็เป็นฮันเตอร์เยือกเย็นที่สุดและเป็นนักธุรกิจในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตามริวจินซูก็ได้ดูแลยูซอดัมเป็นอย่างดีมาโดยตลอดแม้ว่าคนอื่นๆจะบอกกับเขาว่าการทำเช่นนั้นมัน ‘ไม่มีประโยชน์’ อะไรเลยก็ตาม ตัวของยูซอดัมเองก็ดูเหมือนกับว่าไม่ได้เต็มใจมากนักที่จะได้รับความช่วยเหลือจากเขามันราวกับว่าเขารู้อะไรบางอย่าง แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือความจริงที่ว่าริวจินซูก็อยู่ที่นี้เช่นกัน

และปัญหาที่จริงจังมากที่สุดในตอนนี้ก็เกี่ยวกับเรื่องของการปรากฏตัวของริวจินซู หัวหน้ากิลด์เลย์ตันวันคนที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใดๆ มันทำให้เอเจนทางธุรกิจมากมายให้ความสนใจกับเขาเป็นพิเศษ

‘ไม่สิ ฉันไม่ควรที่จะสนใจเรื่องพวกนั้น ตราบเท่าที่ฉันสามารถจะใช้วิธีอะไรก็ตามนำตัวยูซอดัมมาอยู่ที่กิลด์ของฉันได้…’

แล้วยูซอดัมก็ได้เปิดปากของตน

“ฮ่าฮ่า ใช่แล้วๆ ตามจริงแล้วผมได้สร้างกิลด์ชั่วคราวขึ้นมานะ และในอนาคตผมคิดว่าจะสร้างกิลด์ของตัวเองขึ้นมาจริงๆ”

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบสงบหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา…

การสร้างกิลด์ขึ้นมานั้นเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนแม้แต่วีฮุนก็จ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่สับสนแต่ว่าเอเจนที่ถูกส่งมาจากสำนักงานใหญ่ของสมาคมฮันเตอร์ได้พูดกับเขาด้วยสายตาที่ดูเยือกเย็น

“ไม่ทราบว่าคุณฮันเตอร์ยูซอดัมรู้หรือไรครับว่าการสร้างกิลด์ขึ้นมานั้นจำเป็นที่จะต้องมีอย่างน้อยสามทีมและสมาชิกอีก 15 คนนะครับ มากไปกว่านั้นจะต้องมีหนึ่งทีมในนั้นที่สามารถจะทำภารกิจแรงค์ C หรือเหนือขึ้นไปกว่านั้นได้ด้วยครับ”

ข้อกำหนดมากมายได้ไหลออกมาจากปากของตัวแทนสมาคมฮันเตอร์ กิลด์เป็นกลุ่มของเหล่ายอดมนุษย์ที่ได้ครอบครองพลังอำนาจในระดับกองกำลังและการจะทำเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้นั้นเป็นปัญหาที่อะเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก

แล้วริวจินซูก็ได้เปิดปากของตัวเองขึ้น

“ใช่แล้วครับ นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงได้คิดที่จะร่วมกิลด์ของพวกเราเข้าด้วยกันครับ”

“คุณหมายถึงสหภาพอย่างนั้นนะเหรอ?”

มันเป็นคำที่ไม่คุ้นหูนักกับคนทุกวันนี้แต่ในอดีตก่อนที่กิลด์จะได้กลายมาเป็นบริษัทดังเช่นทุกวันนี้นั้น เมื่อตอนที่เหล่าฮันเตอร์ทั้งหลายยังเป็นตัวตนที่ดำรงอยู่ได้ด้วยการสร้างทีม ตัวตนของ ‘สหภาพ’ เป็นทางออกสำหรับการที่ทั้งสองกิลด์จะกลายมาเป็นหนึ่งเดียวและออกทำภารกิจร่วมกัน

วีฮุนถึงกับสั่นสะท้าน

ใช่แล้ว ไม่นับในเรื่องของการที่ริวจินซูนั้นได้ช่วยเหลือซอดัมไว้มากมายแค่ไหนก็ตามนอดีต สิ่งที่เขาได้ทำในตอนนี้นั้นเป็นเรื่องง่ายๆที่จะได้รับความชื่นชอบจากชายที่ชื่อว่ายูซอดัม มันไม่มีทางอยู่แล้วที่นักธุรกิจที่เลือดเย็นอย่างริวจินซูจะมาที่นี่โดยที่ไม่มีผลประโยชน์อะไร พวกเขาทั้งหมดก็มาที่นี้เพราะว่ามันมีผลประโยชน์ที่พวกเขาสามารถจะได้รับเช่นกัน

‘อย่าบอกฉันนะว่า นี้แกวางแผนเอาไว้แบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วนะ?’

วีฮุนมองไปที่ยูซอดัม อย่างไรก็ตามยูซอดัมไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด เขายุ่งอยู่กับการสนทนากับคนทั้งห้าคนที่อยู่ที่นี้

วีฮุนไม่แน่ใจว่ายูซอดัมรู้หรือป่าวว่าเขามาที่นี้เพื่อที่จะดึงตัวเขากิลด์ตนเองแต่ว่ายูซอดัมก็ยังได้ใช้ประโยชน์จากเขาอยู่ดี

‘ไอ้เชี่ยเอ้ย…’

วีฮุนไม่ได้ชอบเลยกับความจริงที่ว่า คนที่ไร้ความสามารถมาทั้งชีวิตของตนเองนั้นจะยืนขึ้นมาได้อย่างภาคภูมิใจด้วยความสามารถของตัวเขาเอง ในตอนที่วีฮุนกัดฟันของตนเองอย่างแรง ริวจินซูก็ได้มองมาที่เขาและพูดขึ้น

“เป็นอะไรไหมครับ? คุณวีฮุน คุณดูไม่ดีเลยนะครับ”

“…….!”

มันเป็นคำถามที่เต็มไปด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ ชายคนนี้ที่มักจะเป็นคนที่เย็นชาและคมกริบอยู่เสมอได้แสดงออกถึงความอบอุ่นที่ไร้ขอบเขตให้กับใครก็ตามที่อยู่ใน ‘ขอบข่าย’ ของเขาและวีฮุนก็อยู่ภายในขอบข่ายนั้นของริวจินซูเหมือนกัน

‘หึหึ ในสายตาของแก ยูซอดัมเป็นคนที่จะต้องปกป้องหรือไงกันหะ?’

ริวจินซูเป็นยอดมนุษย์แรงค์ S ในขณะที่ยูซอดัมเป็นคนไร้ความสามารถในความคิดของเขานั้นมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แถมตัวของวีฮุนเองก็ถึงจะมาถึงระดับแรงค์ A ได้เมื่อเร็วๆนี้มันทำให้เขารู้สึกรังเกียจมันมากยิ่งขึ้นไปอีก

“ขอโทษด้วยนะครับ ผมของตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ”

เขาไม่สามารถที่จะเปิดเผยอารมของตัวเองออกมาได้ ทุกสิ่งที่อย่างกำลังเลวร้ายลงแต่เขาเชื่อว่ามันจะต้องมีทางออกสักทาง

ในขณะที่วีฮุนได้ลุกขึ้นจากที่นั่งของตนเอง ซอดัมจ้องที่ที่แผ่นหลังของเขายิ้มออกมาและเดินตามเขาไป

“คอยฉันด้วยสิ ฉันก็อยากจะไปเข้าห้องน้ำเหมือนกัน”