“ขอประทานอภัยนะคะ ท่านดันทาเลี่ยนคะ ไม่ทราบว่า ท่านโง่หรือยังไงกันคะ?”
“……ผมขอโทษ”
ไหล่ของผมนั้นสั่นเทา ที่ยืนตรงหน้าผมคือเด็กผู้หญิงที่กำลังแผ่ออร่าสีดำ ราวกับจะถามผมว่า ‘รู้ไหมคะว่า ดิฉันต้องตกใจขนาดไหน?’ เธออารมณ์เสียนับตั้งแต่รู้ว่า ผมไล่ก็อบลินเฒ่าตัวนั้นกลับไปแล้วตามเธอกลับมา
“ดิฉันก็บอกท่านแล้วยังไงคะว่า ไม่ควรพูดกับปีศาจด้วยภาษาสุภาพ”
“ระ-เราขอโทษ”
ขอโทษไว้ก่อน อย่างอื่นจะตามมาทีหลัง ผมไม่รู้ว่า ทำไมแต่จิตใจของผมกลับเปราะบางเหลือเกินเมื่ออยู่กับลาพิส (TTL : ไอ้โลลิค่อน) เหมือนอย่างที่พูดกันนั่นแหละ ความประทับใจแรกพบจะเป็นตัวตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในทันที ?
มันอาจเป็นเพราะครั้งแรกที่เราพบกันนั้น ผมทำตัวสบายๆง่ายๆ ไม่ได้แสดงตัวเป็นจอมมารต่อหน้าเธอ ถ้าอยู่ๆจะมาแกล้งแสดงท่าองอาจสง่างามต่อหน้าลาพิสตอนนี้กลับยากยิ่งกว่า
ลาพิสจึงถอนใจออกมาน้อยๆ ผมจึงผ่อนไหล่ลง
“ท่านโทรุเคล ไม่สิ โทรุเคลนั้นเป็นผู้บริหารระดับตำนานในบริษัทเคียนคุสก้า แม้ชาติกำเนิดของเขาจะเป็นก็อบลิน ปีศาจชั้นต่ำแต่ก็สามารถเป็นอาร์คเมจและมีชีวิตอยู่มานานเกือบพันปีแล้ว ไม่ถือว่าเกินไปด้วยซ้ำหากจะกล่าวว่า เขานั้นเป็นสัตว์ประหลาดตัวเป็นๆ”
“เจ้าลูกพรุนแก่ๆเหี่ยวๆนั่นยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?”
“…….”
“กรุณาพูดต่อด้วยครับ!”
เฮ่อ ตอนนั้นเองที่ผมแทบจะได้ยินเสียงเปรียะปร๊ะกลางอากาศตอนที่เธอมองมาที่ผม
เด็กสาวคนนึงจะตาดุอะไรได้ขนาดนั้นกันนะ? แม่สาวน้อย ทำแบบนี้เธอจะหาเพื่อนไม่ได้เอานะ
เอ้อ นั่นสินะ เธอคงไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียวนี่นา ถึงแม้เด็กสาวคนนี้จะถูกรังเกียจเสมอมาจากปีศาจตนอื่นๆ เริ่มจะชี้แจงแถลงไขให้ผมรู้ว่า มันโง่แค่ไหนกับการกระทำแบบนั้น และผมควรสร้างความสัมพันธ์แบบไหนกับบริษัทเคียนคุสก้านับแต่นี้เป็นต้นไป
ผมได้ฟังคำบ่นสุดจู้จี้เต็มหูซ้ายจนทะลักออกมายังหูขวา เรื่องความสำคัญเกี่ยวกับการสบกับผู้อื่น และการพยายามพยักหน้าทุกๆ 7 วินาทีเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่า คุณยังตั้งใจฟังอยู่ 4 วินาทีนั้นถี่เกินไปและ10 วินาทีนั้นก็นานเกินไป ประมาณเกือบ 7 วินาที เพียงพอที่จะลวงให้อีกฝ่ายเข้าใจอย่างนั้น ด้วยความรู้ที่ว่ามาเนี่ย ถ้าผมได้กลับไปโลกจริงนี่ผมกลายเป็นนักแสดงตัวยงได้เลยนะเนี่ย
“อ้าใช่ ผมเพิ่มค่าความชอบของลาพิสเกิน 20 แล้วนี่นา?”
เมื่อค่าความชอบของอีกฝ่ายสูงกว่า 20 สเตตัสของพวกเขาจะแสดงถึง ความคิดในตอนนั้นด้วย ด้วยความสงสัยจึงเปิดสแตทของลาพิสดู ผมเชื่อว่าลาพิสเป็นปีศาจที่มีความสามารถ เด็กสาวที่สามารถทำให้เงินจาก1,000 กลายเป็น 20,000 โกลด์ได้นี่ จะมีค่าสแตทที่สูงขนาดไหนกันนะ?
‘สเตตัส’
ติ้ง!
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ชื่อ: ลาพิส ลาซูลิ
เผ่า: ลูกครึ่งซัคคิวบัส ฝ่าย: บริษัท เคียนคุสก้า
สถานะ: เป็นกลาง Neutral(-10)
เลเวล: 23 ชื่อเสียง: 122
อาชีพ: แม่ค้า(A-), แม่มด(B), นักดาบ(D)
ความเป็นผู้นำ: 55 อำนาจ: 32 ความฉลาด: 53
ไหวพริบ: 72 เสน่ห์: 50 เทคนิค: 2
ค่าความชอบ: 31
ความคิดตอนนี้: ‘ชายคนนี้ไม่มีความรู้เรื่องการเมืองเลยแม้แต่น้อย’
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ผมส่งเสียงร้องออกมาด้วยความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม
“…… สุดยอด”
“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านสามารถที่จะเจรจากับบุคคลที่มีตำแหน่งสูงกว่า โดยขึ้นกับว่า ท่านนั้นสามารถเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปได้สูงแค่ไหน ……ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่ายังฟังดิฉันอยู่หรือเปล่าคะ? ท่านไม่ได้ไม่สนใจหรือกำลังดูถูกต่อคำแนะนำที่ดิฉันกำลังให้ท่านอยู่ใช่ไหมคะ?
แน่นอนว่า ไม่มีทางอยู่แล้ว!
สลัดความคิดพวกนั้นออกไป!
ผมส่ายหัวถี่ๆ
.
ลาพิสจ้องมองหน้าผมอย่างไม่วางตา แต่มันไม่มีประโยชน์หรอกก็ในเมื่อความหน้าด้านของผมนั้นไปเกินกว่าระดับมาตรฐานแล้ว การแสดงแบบนี้มันของกล้วยๆ ลาพิสขยับหัวสองครั้งก่อนจะเริ่มบ่นต่อ
เฮ่อ สำหรับคนที่ปรกติจะเย็นชาและอยู่เงียบๆ วันนี้กลับพูดมากเหลือเกิน
‘แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีค่าสแตทที่น่าประทับใจอยู่นะ’
ค่าสแตทของเธอเหนือกว่าที่ผมคาดไว้ เธอมีค่าสแตท 3 ค่าที่เกิน 50 และใน3ค่าที่ว่านั้น ค่าไหวพริบ(Politic) นั้นสูงเกิน 70
แม้จะมีข้อเสียแถมมาด้วย แต่ความจริงที่ว่า เธอนั้นสามารถทำงานระดับA ไปจนถึงถึงระดับB นั้นน่าประทับใจอยุ่แล้ว
หากให้เทียบในฐานะคนเล่น Dungeon Attack เธอนั้นอยู่ระดับเดียวกันกับหัวหน้าคณะทูติผู้ติดตามในอาณาจักรสักแหง่
แม้จะไม่สูงพอจะเป็นระดับนายกรัฐมนตรี แต่ความสามารถเธอก็เพียงพอที่จะรั้งตำแหน่งเจ้ากระทรวงการต่างประเทศ
‘ีนี่พวกเขาปล่อยให้คนมีความสามารถแบบนี้นเน่าอยู่ระดับล่างองค์กรได้ยังไงกันเนี่ย? เฮ่อ แม้แต่ในสังคมปีศาจก็มีอะไรเน่าเหม็นแบบนี้ด้วยสินะ หืม?”
พวกปีศาจอ้างว่าสนับสนุนระบบ ใครดีใครได้ มอบชื่อเสียงและความเคารพให้แก่ผู้มีความสามารถ ความเก่งกาจเฉพาะตนนั้นจะได้รับการเชิดชูจากสังคม ทั้งสองสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้โลกปีศาจหมุนไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นชื่อเสียงก็เริ่มมีความสำคัญเหนือความสามารถในบางที่
……
สถานการณ์ในเกม Dungeon Attack มีปีศาจหลายตนเริ่มเป็นกังวลกับเรื่องดังกล่าว ผมคิดว่า พวกปีศาจเองก็มีปัญหาในแบบของตัวเองเหมือนกัน
“โอเค โอเค”
ผมโบกมือพลางพูดไปด้วย ผมเข้าใจที่ลาพิสต้องการจะบอกอย่างคร่าวๆแล้ว
“โดยสรุปก็คือ เธอต้องการให้ ผมทำธุรกิจกับพวกคนตำแหน่งสูงและมีความสามารถนั่นเอง”
“ถูกแล้วค่ะ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ควรจะแสดงความเป็นศัตรูกับคนพวกนั้น ถึงอย่างนั้น การแสดงออกของท่านที่มีต่อโทรุเคลค่อนข้างจะ……”
“ลาพิส ลาซูลิ”
เธอหุบปากในทันที ผมมองเธอด้วยรอยยิ้มสว่างสดใสบนใบหน้า
“……ดิฉันขอประทานอภัยค่ะ ดิฉันพูดเกินไป”
“ผมไม่ได้จะตำหนิเธอหรอก ผมไม่โง่พอที่จะดูถูกคนที่พยายามให้คำแนะนำกับผม ผู้อ่อนแอก็มีวิถีการดำเนินชีวิตในแบบของตัวเองถูกไหม?”
“…….”
ผู้อ่อนแอ
คำนั้น สื่อความหมายถึง ปีศาจลูกผีลูกคน แบบผมและลูกครึ่งซัคคิวบัสแบบลาพิส พื้นฐานของพวกเรานั้นคือ การมีชีวิตอยู่แบบครึ่งๆกลางๆ ผมไม่ได้เป็นจอมมารเพราะปรารถนาที่จะเป็น เช่นเดียวกับลาพิสที่ไม่ได้ปรารถนาจะเกิดมาเป็นลูกครึ่งซัคคิวบัส
มันเป็นความจริงที่ว่า เราได้รับตัวตนที่เราไม่ได้ต้องการและต้องใช้ชีวิตต่อไปด้วยสิ่งเหล่านั้น เราสองคนมีหลายอย่างที่เหมือนกัน ดังนั้นผมจึงเริ่มชอบลาพิส ผมยังคงรักษายิ้มสดใสของตัวเองบนใบหน้าไว้ต่อไป
“ลาพิส ผมนั้นอ่อนแอน อารมณ์ก็ไม่เสถียรแถมผมยังเป็นพวกขี้ขลาดอย่างมาก นั่นคือ สาเหตุที่ว่าทำไมผมจึงตั้งใจคิดถึงสิ่งที่ต้องการมากที่สุดในการเอาชีวิตรอดให้ได้ในฐานะผู้อ่อนแอน
ผมผูกตัวเองไว้กับคนที่แข็งแกร่งกว่าแล้วใช้ชีวิตแบบนั้นรึเปล่า? ถ้าเพื่อการอยู่รอดฉุกเฉิน มันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่ แต่ถึงอย่างนั้นเหตุผลเดียวที่ผู้แข็งแกร่งยังคงอนุญาตให้ผู้อ่อนแอยังเกาะอยู่ก็เพราะผู้อ่อนแอยังมีประโยชน์บางอย่าง ถ้าหมดประโยชน์ลงเมื่อใดชีวิตของผู้อ่อนแอก็ดับลงเมื่อนั้น
ตั้งแต่นี้ไปร่วมทำธุรกิจกับเหล่าผู้บริหาร เป็นคำแนะนำที่ดี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม
เหตุผลเดียวที่ผู้บริหารของบริษัทมาหาผม แต่แรกนั่นก็เพราะสำเร็จอย่างมากในการทำธุรกิจขายสมุนไพรดำ
แต่หากผมไม่สามารถทำธุรกิจสร้างกำไรให้ได้มากกว่าระดับนั้นได้ ก็แน่ชัดอยู่แล้วว่า พวกผู้บริหารก็ทิ้งผมได้ทันทีโดยไม่ลังเล
“ผมจะไม่ยอมให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ผมไม่สามารถหนีไปจากตำแหน่งที่ต่ำต้อยนี้ได้
ทุกอย่างจะจบลงทันทีหลังจากที่เอาแต่เฝ้ารออยู่เฉยๆ
ลาพิส สำหรับผู้อ่อนแอแล้ว พวกเรามี ทางเลือกที่ดีที่สุด ทางเลือกกลางๆ และทางเลือกที่เลวร้าย
ทางเลือกที่เลวร้ายที่สุด คือ การมีชีวิตอยู่โดนกัดกินผู้แข็งแกร่ง
ทางเลือกกลางๆ คือ การสร้างพันธมิตรกับผู้อ่อนแออื่นที่เชื่อใจได้
ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ การค้นจุดอ่อนของผู้แข็งแกร่งแล้วใช้มัน
ผมไม่พร้อมสำหรับทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากผมไม่มีทางรู้จุดอ่อนของบริษัทเคียนคุสก้า ตัวเลือกที่แย่ที่สุดก็ไม่มีทางอยู่แล้ว ไม่มีอะไรยืนยันว่า เคียนคุสก้าจะสนับสนุนผมไปตลอด ดังนั้น
“ผมจึงเลือกที่จะใช้ตัวเลือกกลางๆ”
“แผนที่จะเป็นพันธมิตรกับผู้อ่อนแอคนอื่นหรือคะ? แต่ผู้นั้นคือใครกัน?……?”
“ก็เธอไง”
ผมชี้ไปที่เธอ ผมมองตรงไปยังดวงตาที่เหมือนหินสีฟ้า
ลาพิสเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากออกมา
“ดิฉันเหรอคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ ลาพิส ลาซูลิ เธอเป็นบุคคลมีความสามารถที่ผมต้องการ”
“ดิฉันต้องขอประทานอภัยค่ะ แต่ดิฉันไม่เข้าใจถึงเจตนาของท่านเลยค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน”
ใบหน้าที่ไม่ยินดียินร้ายกลับแสดงความสับสนอย่างเห็นได้ชัด
“ดิฉันเป็นเพียงลูกจ้างที่ต้อยต่ำระดับล่างสุดขององค์กร อย่างที่เคยได้บอกท่านไปก่อนหน้านี้ สถานะทางสังคมของดิฉันนั้นแย่ ดิฉันดีใจที่ท่านดันทาเลี่ยนให้ความไว้เนื้อเชื่อใจกับดิฉัน และตัวดิฉันเองก็ต้องการอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นในบริษัทด้วยการให้การสนับสนุนท่าน”
เธอพูดราวกับกำลังเล่าชีวิตตัวเองย่อๆให้ฟัง
ลาพิสได้พูดสรุป
“ไม่มีอะไรดีๆเกิดขึ้นหากผู้คนพบว่า จอมมารกลับมามีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับพวกนอกรีตอย่างดิฉัน สำหรับปีศาจแล้ว จอมมารนั้นเป็นตัวตนที่สูงส่งและบริสุทธิ์มาก
พวกเขาเป็นเหมือนกระจกคริสตัลที่สะท้อนให้เห็นถึงความฝัน รวมถึงจิตใต้สำนึกมวลรวมของเหล่าชาติปีศาจ ดิฉันไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าสีแดงสนิมที่เกาะอยู่บนกระจกของท่านดันทาเลี่ยน”
อารมณ์ดิบๆของลาพิสส่งมาถึงผม ผมรับรู้ได้ถึง การยอมแพ้ที่ฝังรากลึกไปแล้ว อารมณ์ของเธอนั้นยึดติดกับความสิ้นหวัง ความคิดเรื่องการแก้แค้น การตกเป็นเหยื่อ การถูกทำร้ายที่ก่อตัวมายาวนานจนตอนนี้แทบจะกลายเป็นหินก้อนใหญ่
ผู้คนเป็นเช่นนั้น ทุกคนต่างไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ชีวิตต่อไปโดยมีหินพวกนั้นอยู่บนหลัง
สักวันหนึ่งหินพวกนั้นก็ต้องถูกลมถูกฝนแล้วพังทลายไปอยู่ดี นั่นคือสิ่งที่ผมเชื่อและปรารถนาที่จะเป็นสายลมที่จะผลักดันเธอ
“ไม่เลย เธอเป็นคนเดียวที่ผมต้องการ ผมต้องการคุณแบบเธอนี่แหละอยู่ข้างกาย”
ผมบอกเธอตรงๆ
“ใครคือ คนที่ตอบรับคำขอร้องตอนที่ผมไม่มีใคร? ก็เธอไง
ใครคือ คนที่ตัดสินใจจะผูกพันอยู่ด้วยกันไปร้อยปี? ก็เธอไง
ใครคือ คนที่เชื่อใจผมในวันที่ไม่มีใครเชื่อ และทำให้ผมทำกำไรได้มากมาย? ก็เธอไง
ใครคือ คนที่คอยให้คำแนะนำแก่ผม ดันทาเลี่ยน เพื่อให้ทุกอย่างประสบความสำเร็จ? ก็เธออีกนั่นแหละ”
“ไม่ควรทำอย่างนั้นนะคะ สำหรับแผนชีวิตระยะยาวของท่านดันทาเลี่ยน ดิฉันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า━━.”
“แล้วเธอจะแน่ใจว่าเป็นอย่างนั้นได้ยังไงกัน? ผมเคยพูดแบบนั้นกับเธอรึเปล่า?”
ลาพิสปิดปากชมพูอ่อนสนิท
น้ำเสียงของผมเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ผมเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะตัดสินใจในชีวิตว่าจะ มีชีวิตอยู่แบบไหน ไม่ใช่เธอ ลาพิส! อย่ามาวางแผนชีวิตแทนผมเลย”
จอมมารที่อ่อนแอที่สุด
เพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ คุณไม่สามารถที่จะกลมกลืนไปกับโครงสร้างอำนาจทางสังคมที่มีมาก่อนอยู๋แล้วได้
มีจอมมารอยู่แล้วเกือบ 70 คน ถ้ามีเจ้าหน้าใหม่แบบผมเข้ามาเพิ่มอีก ไม่มีทางที่ผมจะสู้ได้ และจบลงด้วยการถูกหลอกใช้แทน
ในกรณีนั้น ผมจะสร้างพันธมิตรที่ประกอบไปด้วยคนชายขอบที่ถูกทิ้งจากสังคมแทน ผมจะชักชวนพวกเขามาเพื่อให้พวกเขากลายเป็นสหายและผู้ใต้บังคับบัญชา ผมอาจจะเป็นพวกขี้ขลาด ผมอาจจะมีค่าสเตตัสที่ห่วย━━แต่ผมจะอยู่รอดด้วยการใช้ความปรารถนาและความแค้นใจจำนวนนับไม่ถ้วนของผู้อ่อนแอเป็นอาวุธ
นี่คือ แผนการอันยิ่งใหญ่ที่ผมคิดขึ้นมาได้ตอนที่หมดหวัง
เป็นการกระทำที่เยี่ยมที่สุดที่เป็นไปเพื่อพิทักษ์ดันเจี้ยน(Dungeon Defense)
และก้าวแรกของแผนนั่นคือ เธอ ลาพิส
“…….”
ลาพิสยังคงเงียบงัน เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่เงียบๆ ปากของเธอนั้นเปิดและหุบลงครั้งแล้วครั้งเล่า เธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ไม่สามารถสรรหาคำพูดที่เหมาะสมขึ้นมาได้
ณ ตอนนั้นเอง
─นักผจญภัยได้บุกเข้ามาในดันเจี้ยน!
การแจ้งเตือนปรากฏต่อหน้าผม มันแสดงให้รู้ว่า มีกลุ่มนักผจญภัยแร๊งF 15คนเข้ามาในดันเจี้ยน
ผมยิ้มกริ่มออกมา
“มีผู้บุกรุกเข้ามาแล้ว”
เข้ามาได้ถูกจังหวะจริงๆ
ผมเรียกหน่วยโกเลมกับแฟรี่ในหัว ประสาทการรับรู้มากมายของมอนสเตอร์ที่ตอบรับคำสั่งของผมไหลเข้ามาในหัว ความตื่นเต้นที่จะได้ต่อสู้ ความตั้งใจที่จะรบเพื่อมาสเตอร์ และความดีใจที่จะได้ฆ่ามนุษย์ จิตใจของผมได้รับการเติมสีสรรเหล่านั้นในทันที
“ลาพิส ตามผมมา จะแสดงให้เห็นถึงสงครามของผู้อ่อนแอ”
ผมก้าวไปพร้อมกับมอนสเตอร์ในหน่วย ไม่จำเป็นต้องรออยู่หน้าห้องจอมมารแล้ว หน่วยของผมเผชิญหน้ากับปาร์ตี้นักผจญภัย
พวกเขาตกใจกับจำนวนที่มีมากเกินกว่าที่คาดไว้ พวกเขาพอมีความกล้าและความสามารถที่จะจัดรูปแบบและตอบโต้;แต่ถึงอย่างนั้น หอกของเขาถูกกำแพงกั้นที่ชื่อว่า โกเลมดันออกไปอย่างไร้กำลัง
“ทำไมโกเลมมันยืนกันเป็นแนวแบบนั้น!? ไม่เห็นรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย!”
“แม่งเอ้ยยย! ใครมันบอกวะว่าที่นี่ มันเดินเล่นก็ยังได้?”
เกิดช่องว่างทุกครั้งที่นักผจญภัยแกว่งแทงหอกและแกว่งดาบ ผมใช้เวลานั้นสั่งหน่วยแฟรี่ให้ใช้เวทย์มนตร์
เสียงสายลมกรรโชกพัดใส่ Wind Cutterเฉือนแขนขาของนักผจญภัยไม่เลิกรา เสียงกรีดร้องดังขึ้นเต็มถ้ำ
“ก-อ๊ากกกกกh!”
“เวทย์ แม่ง นั่นมันเวทย์มนตร์!”
“ลุค ไอ้ห่าลาก!อย่าหนีสิวะ อย่าเพิ่งถอยสิวะ! ห่าเอ้ย”
ความจริงอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมันไม่หนักหนาเลย หากพวกเขาจัดการด้วยการตอบสนองอย่างใจเย็น จะลดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งสติได้ทัน
หมัดของโกเลมทุบเข้าที่หัวนักผจญภัยดังราวกับฝนกระหน่ำ แขนนักผจญภัยที่บาดเจ็บนั้นปล่อยมือจากโล่ที่ถืออยู่ ราคาของการทำแบบนั้นมันร้ายแรงมาก กำปั้นโกเลมอัดเข้าที่อกของเขา และเลือดก็กระเซ็นไปทั่วทุกที่
─ คุณได้เอาชนะ ปาร์ตี้นักผจญภัยหมู่บ้านรู๊ค ประสบการณ์เพิ่มขึ้นจากการที่กวาดล้างทั้งปาร์ตี้ได้หมด
─ขอแสดงความยินดีด้วย! ดันเจี้ยนของคุณเลเวลเพิ่ม
─ เนื่องจากดันเจี้ยนของคุณเลเวล 2 ตอนนี้คุณสามารถที่จะสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในดันเจี้ยนของคุณได้แล้ว
ทุกอย่างมันเป็นเรื่องง่ายเมื่อเกิดช่องโหว่ในการจัดทัพของฝ่ายตรงข้าม ทั้งปาร์ตี้ถูกกวาดล้างชั่วพริบตา นักผจญภัยคนที่พยายามจะวิ่งหนีไปกลับถูกหั่นเป็นชิ้นด้วยหน่วยแฟรี่ ผมยืนอยู่ท่ามกลางศพทั้ง15ศพ ผมรู้สึกปลอดโปร่งและอิ่มเอมที่มอนเสอตร์ของผมได้รับชัยชนะ แม้พวกมันจะยังคงอยู่เงียบๆเพื่อผมก็ตาม
ลาพิสบ่นพึมพัมข้างๆผม
“ด้วยมอนสเตอร์ระดับต่ำที่สุดนี่ โดยไม่ได้รับความเสียหายใดเลย…….”
“ผมอาจจะอ่อนแอ แต่ไม่ได้โง่เขลา”
ผมผายมือขวาออกมา
“ลาพิส ให้โลกใบนี้ได้เห็นความภาคภูมิใจของเหล่าผู้อ่อนแอเถิด”
เธอมองที่มือของผมด้วยดวงตาสีฟ้า ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาแล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ผมไม่ได้กดดันและยังคงรอเงียบๆ หลังจากนั้นไม่นาน ลาพิสก็ได้จับมือผมอย่างระวงั ผมสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือของเธอที่ส่งผ่านมาให้ผม
「ซัคคิวบัสระดับต่ำ ลาพิส ลาซูลิ มีค่าความชอบถึง 20! ตอนนี้อีกฝ่าย ‘เชื่อใจ’ คุณ 」
「หากผู้อื่นมีค่าความชอบถึง 50 คุณสามารถชักชวนพวกเขาเป็นพันธมิตรได้」
“ดิฉันอยู่ใต้การดูแลของท่านแล้วค่ะ……ฝ่าบาทดันทาเลี่ยน”
“เช่นกัน”
ขณะนั้นเองที่ มอนสเตอร์ทั้งหลายที่เฝ้ารออยู่อย่างเงียบๆ ระเบิดเสียงเชียร์ออกมาพร้อมกัน เสียงเชียร์นั้นก้องสะท้อนไปทั่วทั้งถ้ำ
วันนั้นเป็นวันแรกจริงๆ นับตั้งแต่ที่ผมมาสู่โลกนี้ที่ได้รับชัยชนะอย่างแท้จริง
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━