ตอนที่ 502 หลี่ฉิงเฟิงปราณสังหารของเจ้ารุนแรงเกินไป !
แปล Tarhai
เมื่อเห็นนักบวชชราตื่นขึ้น ฉิงเฟิงเหยียดมือขวาถอนเข็มที่ฝังอยู่บนร่างกายของเขาทั้งหมดออกมาอย่างรวดเร็ว
” อาจารย์ ! ท่านฟื้นแล้ว !” ซวนเหมียวพุ่งเข้าหานักบวชชราอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาเห็นนักบวชชราตื่นขึ้น
แค่ก แค่ก !
นักบวชชราไอสองครั้งและกล่าวด้วยเสียงต่ำ ” เด็กโง่ เจ้าร้องไห้ทำไมกัน ? ไม่ใช่ว่าตอนนี้ข้าฟื้นแล้วหรอกหรือ ?”
ซวนเหมียวเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า เขาหันหลังกลับไปและคุกเข่าลงข้างหน้าฉิงเฟิง เขากล่าวด้วยความเคารพอย่างสูง “พี่ใหญ่หลี่ ขอบคุณสำหรับการช่วยชีวิตอาจารย์ของผม !”
เขารู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากฉิงเฟิง อาจารย์ของเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่ในตอนแรกเขากลับพยายามขัดขวางฉิงเฟิง นั่นทำให้เขาคุกเข่าขอโทษฉิงเฟิงด้วยความสำนึกเสียใจ
ฉิงเฟิงเหยียดแขนออกเพื่อพยุงซวนเหมียวให้ลุกขึ้นและกล่าวว่า “ฉันรู้ว่านายทำอย่างนั้นก็เพื่ออาจารย์ อย่าพูดถึงมันอีกเลย”
“ฉิงเฟิง ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยชีวิตข้าไว้” นักบวชชรากล่าวด้วยความชื่นชมอย่างมาก
นักบวชชราได้สังเกตเห็นเหงื่อที่ไหลไปทั่วหน้าผากของฉิงเฟิงและแม้กระทั่งเสื้อผ้าของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าฉิงเฟิงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการช่วยชีวิตเขา
รูปลักษณ์บนใบหน้าของนักบวชชราเปลี่ยนไปทันทีที่เขาเห็นโสมแดงพันปีในมือของฉิงเฟิง เขากล่าวว่า “นั่นมันโสมพันปี ? เจ้าใช้สิ่งนี้เพื่อช่วยชีวิตข้าเช่นนั้นหรือ ?”
ในฐานะเจ้าอาวาสของวัดลัทธิเต๋า นักบวชชราย่อมรู้ถึงคุณค่าที่มิอาจประเมินได้ของโสมพันปี มันล้ำค่าอย่างยิ่ง ด้วยมลภาวะที่เป็นพิษอย่างมากในสังคมยุคใหม่นี้ โสมที่เติบโตมาเป็นระยะเวลานานแล้วจะถูกขุดขึ้นมาขายแทบหมดสิ้น
นักบวชชราเคยได้เห็นโสมพันปีเมื่อหลายสิบปีก่อน เขาเห็นมันจากปรมาจารย์ไร้เทียมทานผู้หนึ่ง นอกจากครั้งนั้นแล้ว ตลอดชั่วชีวิตเขาก็ไม่เคยเห็นโสมพันปีอีกเลย
“อาจารย์ มันเป็นการรวมกันระหว่างโสมพันปีและแมลงกู่ พี่ใหญ่หลี่ใช้พวกมันใช้การช่วยชีวิตท่านให้ฟื้นขึ้นมา” ซวนเหมียวกล่าวด้วยใบหน้าที่ชื่นชม
ก่อนหน้านี้บุคลเพียงคนเดียวที่ได้รับการยกย่องของซวนเหมียวก็คืออาจารย์ของเขา
แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนก็คือหลี่ฉิงเฟิง นอกจากนี้ในความคิดของซวนเหมียว ในบางเรื่องฉิงเฟิงยังน่าทึ่งกว่าอาจารย์ของเขาเสียอีก
แมลงกู่ ?
ใบหน้าของนักบวชชราเปลี่ยนเป็นตกตะลึง เขารู้ว่าสิ่งเดียวที่สามารถละลายสารพิษในร่างกายของเขาได้ก็คือแมลงกู่จากเหมียวเจียงเท่านั้น อย่างไรก็ตามมีเพียงเฉพาะนักบุญหญิงเท่านั้นสามารถเป็นเจ้าของแมลงกู่ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉิงเฟิงได้พบนักบุญแล้ว
นักบวชชราเริ่มหันไปมองรอบๆห้อง เขาก็เห็นหญิงสาวผู้งดงามคนหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าในชุดเหมียวเจียงสีแดง เธอไม่เพียงแค่งดงามและบริสุทธิ์เท่านั้น แต่เธอยังเผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพลังลมปราณที่แผ่ออกมา บอกได้ทันทีว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา
“เจ้าคือนักบุญหญิงแห่งเหมียวเจียงใช่ไหม ?” นักบวชชราถาม
เหมียวซิยี้พยักหน้าและกล่าวว่า “ถูกต้อง ชั้นชื่อเหมียวซิยี้, นักบุญหญิงแห่งเหมียวเจียง”
“ขอบคุณเจ้ามากสำหรับการใช้แมลงกู่ในการดูดสารพิษในร่างกายของข้า” นักบวชชรากล่าวด้วยความซาบซึ้ง
อย่างไรก็ตาม เหมียวซิยี้ส่ายหัวและกล่าวว่า “คุณไม่ต้องขอบคุณชั้นหรอก ถ้าคุณจะขอบคุณก็ควรจะเป็นนายท่านของชั้น ถ้านายท่านไม่เอ่ยปากขอ ชั้นไม่มีทางนำของล้ำค่ำทั้งสองอย่างนี้มาหรอก”
“นายท่าน ? ใครคือนายท่านของเจ้า ?” นักบวชชราถามด้วยความตกตะลึง เขาเพิ่งตื่นขึ้นมาและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เหมียวซิยี้ชี้ไปที่ฉิงเฟิงและกล่าวด้วยความเคารพว่า “เขาคือเจ้านายของชั้น”
“อะไร? หลี่ฉิงเฟิงคือเจ้านายของเจ้า ??”
ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นบนใบหน้าและดวงตาของนักบวชชรา เขาคงจะไม่ตกใจขนาดนี้เลยถ้าหากเหมียวซิยี้กล่าวว่าเธอเป็นเพื่อนของฉิงเฟิง แต่เธอกลับบอกว่าเขาคือเจ้านาย เรื่องนี้ทำให้นักบวชชราอึ้งมาก
นักบวชชราผ่านโลกและมีประสบการณ์ชีวิตอย่างมาก แน่นอนว่าเขาย่อมรู้เรื่องราวของนักบุญหญิงในเหมียวเจียง เธอคือผู้หญิงที่มีสถานะสูงสุดในเหมียวเจียง !
ในความทรงจำของนักบวชชรา เขาเคยได้ยินเพียงแค่นักบุญหญิงสยบผู้อื่นและเป็นเจ้านายของคนเหล่านั้น ซึ่งมีแม้กระทั่งนักบุญหญิงที่เฆี่ยนตียอดฝีมือจนตายมาก่อน
ไม่มีอะไรที่นักบวชชราสามารถรู้สึกได้มากไปกว่าความช็อคจากความจริงที่ว่าฉิงเฟิงสยบนักบุญหญิงเหมียวซิยี้และเป็นเจ้านายของเธอ
ทันใดนั้นนักบวชชราก็หันไปมองฉิงเฟิง และรูปลักษณ์บนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เนื่องจากเขาสังเกตเห็นรอยคล้ำระหว่างคิ้วของฉิงเฟิง
รอยคล้ำสีดำนี้มีขนาดเล็กมากจนแทบไม่อาจสังเกตเห็นหากไม่เพ่งมองจริงๆ
เมื่อฉิงเฟิงได้เห็นรูปลักษณ์แปลกๆบนใบหน้าของนักบวชชรา ฉิงเฟิงจึงถามไปว่า
“ท่านเจ้าอาวาส, มีอะไรหรือ?”
“ฉิงเฟิง, ปราณสังหารของเจ้ารุนแรงเกินไปจนน่าหวาดหวั่น” นักบวชชราแสดงออกถึงความกังวลอย่างใหญ่หลวง
นักบวชชราไม่เพียงแค่เป็นเลิศในด้านการทำนายดวงชะตา แต่เขายังมีชื่อเสียงในด้านทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะทักษะทางด้านวิชาไท่เก๊กที่น่าเหลือเชื่อ ซึ่งทำให้เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
เขาก็เคยฆ่าคนเมื่อสมัยเป็นหนุ่ม แต่ตอนนี้เขาชราแล้ว จากการทำสมาธิทำให้เขาสงบจิตใจลงและลดการฆ่าฟัน
นักบวชชรารู้ว่าปราณสังหารเกิดขึ้นจากการฆ่าคนเป็นจำนวนมาก ยิ่งฆ่ามากยิ่งเพิ่มมาก พอถึงจุดจุดหนึ่ง คนผู้นั้นจะกลายเป็นอสูรกายและควบคุมตัวเองไม่ได้
ฉิงเฟิงชะงักไปครู่หนึ่งหลังจากได้ฟังคำพูดของนักบวชชรา อันที่จริงเขารู้ตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติกับตัวเอง เขามักจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ทุกครั้งที่เขาฆ่าคน มันเกิดขึ้นตั้งแต่เขาทำภารกิจในทวีปหมาป่า
ฉิงเฟิงได้พาอลิซติดตามไปกับเขาทุกครั้งที่เขาต้องไปปฏิบัติภารกิจที่ต้องฆ่าคน
ทุกครั้งที่เขาเกือบจะเสียสติเขาก็จะไประบายกับอลิซบนเตียงเสมอ
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ฉิงเฟิงมาอาศัยอยู่ที่เมืองทะเลตะวันออกและแต่งงานกับหลินเสวี่ยนับตั้งแต่ที่เขาได้แต่งงานกับหลินเสวี่ย เขาก็ใช้ชีวิตที่เงียบสงบซึ่งห่างไกลจากสงครามและการฆ่าฟัน ซึ่งช่วยในการควบคุมอารมณ์ของเขาเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เรื่องบางเรื่องก็ไม่อาจควบคุม ฉิงเฟิงได้ฆ่าคนเป็นจำนวนมากเมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาล้างผลาญตระกูลเฉินในเมืองทะเลตะวันออก จากนั้นก็ตระกูลหวังในเมืองหลวง ซึ่งทำให้เขาสะสมปราณสังหารมากขึ้นทบทวี และกระตุ้นเตือนความดุร้ายภายในร่าง
มีหลายครั้งที่ฉิงเฟิงแทบจะไม่สามารถควบคุมสติของเขาได้ จนกระทั่งเขาเห็นหลินเสวี่ยได้รับบาดเจ็บ จึงทำให้เขาบังคับอาการจนสงบลง
สิ่งที่เขารู้ก็คือปราณสังหารที่ครอบงำจะไม่สามารถควบคุมได้ง่ายๆ เมื่อใดที่มันหลุดจากการควบคุม มันก็จะทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย
“ท่านเจ้าอาวาส เกี่ยวเรื่องนี้..ท่านมีหนทางในการแก้ไขหรือไม่ ?” ฉิงเฟิงถาม
เขาคาดว่าตราบเท่าที่เจ้าอาวาสกล่าวถึงเรื่องนี้ เขาย่อมมีวิธีในการรับมือกับมัน
ใบหน้าของนักบวชชรากลายเป็นกระอักกระอ่วน หลังจากได้ยินฉิงเฟิงถามถึงวิธีแก้ปัญหา เขาพูดไม่ออก
“ท่านอาจารย์, บอกพี่ใหญ่หลี่ด้วยเถอะ ยังไงเขาก็ช่วยชีวิตท่านอาจารย์เอาไว้” ซวนเหมียวกล่าว เพราะในขณะนี้ฉิงเฟิงกลายเป็นบุคลที่เขาชื่นชมอย่างยิ่ง เขาจึงไม่ต้องการให้เกิดอันตรายขึ้นต่อฉิงเฟิง
นักบวชชรากลอกตาขณะที่มองหน้าซวนเหมียว เขาตอบตะกุกตะกักว่า
“ฉิงเฟิง มีเพียงวิธีเดียวที่จะลดปราณสังหารภายในตัวของเจ้า นั่นก็คือเจ้าต้องทำเรื่องบนเตียงกับสตรีให้บ่อยขึ้น”
ใบหน้าของนักบวชชราเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงหลังจากพูดวิธีแก้ไขออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุมากกว่า 50 ปี แต่เขาก็ยังคงบริสุทธิ์ มันทำให้เขาอับอายอย่างมากเกี่ยวกับพูดเรื่องเซ็กส์และสตรีเพศ
“ท่านอาจารย์ ทำเรื่องบนเตียงกับผู้หญิงคืออะไร ทำไมผมถึงไม่เคยทราบวิธีการรักษาเช่นนี้ ?” ซวนเหมียวเงยหน้าขึ้นและถามอย่างไร้เดียงสา เขาเป็นเด็กชายอายุสิบหกปี ที่ยังไม่ประสาอะไรเกี่ยวกับเรื่องระหว่างชายหญิง