บทที่ 177 มอบตำแหน่งงานให้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 177 มอบตำแหน่งงานให้
บทที่ 177 มอบตำแหน่งงานให้

เธอไม่ได้มีแค่พ่อแม่พี่ชายพี่สะใภ้เสียหน่อย แต่ยังมีสามีและลูก ๆ ถึงบ้านฝั่งนี้จะไม่ชอบเธอ แค่สามีลูก ๆ ชอบ แค่นั้นก็พอแล้ว!

เหลียงซิ่วใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา ตัดสินใจจะไม่ร้องไห้ให้กับคนที่ไม่รักเธออีกต่อไปแล้ว

หลังจากตั้งสติได้ เธอก็ยืดแขนออกไปรับลูกสาวเตรียมจะจากไป

บ้านพ่อแม่ มีหน้าให้รักษาไว้ก็พอแล้ว

อย่างอื่นไม่ต้องคาดหวังหรอก!

เหลียงซิ่วเพิ่งก้าวขาออกประตูได้ก้าวเดียว กลับถูกคนที่วิ่งสวนมาพุ่งใส่จนเกือบล้ม

โชคดีที่เสี่ยวอู่ยืนอยู่ข้าง ๆ จึงพยุงเธอขึ้นยืนได้

“พ่อคะ แม่คะ อย่าปล่อยมันไปนะ!”

คนที่เข้ามาไม่ใช่ใครอื่น เป็นหลี่ชุ่ยฮวาผู้โหดเหี้ยมนั่นเอง

เหลียงซิ่วตอบสนองต่อหลี่ชุ่ยฮวาที่พุ่งพรวดเข้ามาไม่ทัน

ทำไมเธอจะไปไม่ได้? กลับมาแล้วจะให้อยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตเลยหรือ?

“สะใภ้สาม มีอะไร? ทำไมปล่อยมันไปไม่ได้?”

หลี่ชุ่ยฮวาชำเลืองมองเหลียงซิ่ว จากนั้นก็เคลื่อนศีรษะขยับเข้าไปใกล้แม่สามีก่อนกระซิบพึมพำข้างหูไม่รู้ว่าพูดอะไร

“เธอพูดจริงหรือ?” แม่เฒ่าเหลียงเมียงมองเหลียงซิ่วด้วยความประหลาดใจ

และเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมา เหลียงซิ่วก็รู้สึกขนลุก

ซูเสี่ยวเถียนพยายามที่จะลงจากอ้อมแขนแม่

แค่สีหน้าแววตาของสองคนนี้ก็บอกได้เลยว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่ แต่ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไร

เด็กหญิงแอบคิดกับตัวเองว่า ต่อให้ใช้ขุนพลต้านทหาร ใช้น้ำต้านดิน ก็ต้านอะไรไว้ไม่อยู่แล้ว

พวกเขาไม่สามารถกักขังลูกไว้ที่เวิ้งน้ำตระกูลเหลียงโดยไม่ให้กลับบ้านกลับช่องได้ใช่ไหม?

กลัวก็แต่คนบ้านนี้จะกลัวเปลืองอาหารนั่นแหละ

“ซิ่วเอ๋อร์ แม่มีเรื่องจะปรึกษากับแก ดูซิว่าจะตอบตกลงหรือเปล่า!” แม่เฒ่าเหลียงปรับสีหน้า แล้วยืนอยู่เบื้องหน้าลูกสาว

ซูเสี่ยวเถียนอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันอยู่ในใจ นี่คิดจะจั่วไพ่ทางความรู้สึก*[1] หรือ คิดจะเอาความรู้สึกมาบีบแม่ใช่ไหม?

แต่ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเธอคือสิ่งใดกันแน่

เด็กหญิงเอียงศีรษะครุ่นคิด ยังมีอะไรที่ควรค่าแก่การให้ตระกูลผู้เฒ่าเหลียงคิดอีกหรือ?

“มีเรื่องอะไรคะแม่?” เพราะเหลียงซิ่วเป็นคนจิตใจดี ถึงจะเสียใจกับความผิดหวังแต่ก็เอ่ยปากตอบ

แม่เฒ่าเหลียงยิ้ม “ซิ่วเอ๋อร์เอ้ย แกก็เห็นว่าพวกพี่ชายพี่สะใภ้อายุเยอะแล้ว แต่ยังไม่มีงานประจำเลย แกยกงานให้พี่ชายได้ไหม?”

เหลียงซิ่วไม่คาดคิดว่าแม่จะสามารถพูดเรื่องนี้ออกมาได้ ชั่วขณะหนึ่งที่พูดอะไรไม่ออก

แม่คิดอะไรอยู่?

ทำไมต้องยกงานให้คนอื่นไปโดยเปล่าประโยชน์?

เพื่องานตำแหน่งเดียว มีคนตั้งมากเกือบจะเหยียบกันตายเพื่อแย่งมันมา กว่าเธอจะได้มามันก็ไม่ได้ง่ายเหมือนกัน จะยอมยกให้คนอื่นได้อย่างไร?

แต่ถึงจะปล่อยให้ ทำไมแม่ไม่คิดสักหน่อยล่ะว่าครอบครัวทางฝั่งสามีของเธอจะยินดีหรือเปล่า?

เธอจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรถ้ากลับไป?

แม่ไม่ยุติธรรมเลย ไม่มีขอบเขตเลย

ในใจคิดถึงแต่ลูกชายหลานชายตัวเอง หรือว่าลูกสาวที่ตั้งท้องมาสิบเดือนไม่ได้คลอดออกมาเองหรือ?

ตระกูลหลักซูมีลูกสาวสองคน แต่พ่อแม่ของพวกเขาไม่เหมือนกับพ่อแม่ของเธอเลย ทั้งยังคอยดูแลอยู่ตลอดด้วย

เหลียงซิ่วรู้สึกราวกับตัวเองตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง มันเย็นเยือกเหลือเกิน!

“ทำไมแกไม่พูดอะไรเลยล่ะ?” พอเห็นเหลียงซิ่วไม่ได้พูดอยู่นานก็ชักหงุดหงิด

ก็ไม่ได้ต้องการของอะไรสักหน่อย ทำไมต้องบ่ายเบี่ยงด้วย?

ปกติจะพูดแต่เรื่องรื่นหู พวกกตัญญูอะไรพวกนี้ก็คงเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ

เก่งแต่ปาก รู้แล้วล่ะว่าคลอดไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุกออกมา ไม่มีประโยชน์อะไรเลย มีแต่ให้เปลืองข้าวเปล่า ๆ ไปอย่างนั้น

แม่เฒ่าเหลียงไม่พอใจทันที เธอชักสีหน้า

ลูกอกตัญญูจริง ๆ

“ถ้าเรื่องอื่นปรึกษาได้นะแม่ แต่เรื่องงานฉันช่วยไม่ได้จริง ๆ!” เหลียงซิ่วกัดฟันว่า

“ช่วยไม่ได้อะไรกัน แค่ตำแหน่งเดียวเองไม่ใช่หรือ ให้พี่ชายหน่อยจะเป็นไรไป? แกเป็นผู้หญิง ไม่อยู่บ้านดูแลสามีสั่งสอนลูกดี ๆ ล่ะ จะเสนอหน้าไปในเมืองทำไม?” แม่เฒ่าเหลียงจ้องลูกสาว แทบจะให้อีกฝ่ายพยักหน้าเห็นด้วยทันที

เธอมองท่าทางที่เป็นธรรมชาติของมารดา ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่พักหนึ่ง

“คุณยาย ยายคิดว่ายกตำแหน่งงานให้มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือคะ?” ซูเสี่ยวเถียนรู้จักนิสัยของเหลียงซิ่ว

ต่อหน้าคนอื่นแม่พูดได้ แต่ต่อหน้ายายแล้ว จะต้องพูดอะไรไม่ออกแน่ ๆ ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายเริ่มเอง

“แกเป็นแค่เด็กจะไปรู้อะไร? แล้วทำไมมันจะส่งให้กันไม่ได้?” เห็นกันจะ ๆ ว่าแม่เฒ่าไม่ชอบเสี่ยวเถียน ถ้อยคำของหล่อนไม่น่าฟังสักนิด

เด็กหญิงพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง “ถ้ามันส่งให้กันได้ แม่หนูก็คงให้พ่อไปตั้งนานแล้วค่ะ จะรอถึงตอนนี้ไหม?”

แม่เฒ่าเหลียงสำลัก ไม่รู้จะพูดอะไร

“แล้วทำไมต้องให้พ่อแก แม่แกก็คลานออกมาจากท้องฉัน มันนามสกุลเหลียง!”

“แต่แม่หนูเป็นสะใภ้บ้านซูแล้ว พ่อกับแม่แต่งงานกันด้วย ต่อให้ตายก็จะฝั่งด้วยกัน!”

ซูเสี่ยวเถียนพูดอย่างฉะฉานจนพี่ชายอดไม่ได้ที่จะปรบมือ

ซูเสี่ยวอู่รู้สึกว่าเขาเห็นคนไม่มีเหตุผลเลย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนไม่มีเหตุผลเหมือนคุณยาย

คนบ้านอื่นเป็นพวกโลภ อย่างมากที่สุดก็อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า แล้วยังจะเอางานอีก นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเลย

พอหลานสาวพูดแบบนั้น ยายเหลียงโกรธมากจนแทบจะเป็นลม แต่เธอรู้ว่าเด็กมันพูดความจริง เหลียงซิ่วแต่งงานแล้ว และเป็นคนของบ้านซู

สิบกว่าปีที่ผ่านมา ตอนนี้ไม่ได้ชื่อเหลียงซิ่วแล้ว ต้องเรียกว่าซูซิ่ว

แต่ถึงรู้ ก็ไม่ได้หมายความว่าแม่เฒ่าเหลียงจะเต็มใจยอมรับเรื่องนี้

เพราะโกรธเลยหยิบไม้ปัดฝุ่นขนนกที่วางไว้ข้างประตูแล้วเข้ามาหาเด็กหญิง หมายจะเฆี่ยนตีจนอีกฝ่ายไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย

ซูเสี่ยวเถียนรีบหลบ แล้วก็พบว่ามารดาเอื้อมมือไปขวางไม้ปัดฝุ่นของยายแล้ว

“ทำไม? แกเป็นลูกสาวแล้วยังไม่คิดเชื่อฟังแม่ของแกอีกหรือ?” หลี่ชุ่ยฮวาแดกดัน “พอเป็นคนงาน ได้กลับบ้านแม่มาแม้แต่เสียงยังไม่กล้าส่งเสียงร้องอีกหรือ?”

“ไม่กล้าหรอกครับ แล้วก็ไม่พูดด้วย ป้าสามก็รู้เรื่องนี้แล้วไม่ใช่หรือ แล้วยังคิดจะเอางานของแม่ไปอีก” ซูเสี่ยวอู่ไม่ใช่เด็กผู้ชายตัวเล็ก พอยืนต่อหน้าหลี่ชุ่ยฮวาที่เตี้ยกว่า พละกำลังไม่แพ้กันเลย

แต่หลี่ชุ่ยฮวาเป็นคนแบบนี้ ไม่มีความเกรงใจอยู่แล้ว ก่อนหล่อนจะตะโกนใส่เด็กหนุ่ม “แม่แบบไหนที่มันสั่งสอนให้ลูกออกมาเป็นแบบนี้ แกดูท่าทางของแกสิ เหมือนแม่ไม่มีผิด!”

*[1] การเอาความรู้สึกมาแลกผลประโยชน์