“เจ้า…ช่างเถอะ เจ้าไม่จำเป็นจะต้องมายุ่งเรื่องนี้ ข้าจะจัดการเรื่องนี้เองเจ้ามีหน้าที่แค่สนับสนุนความคิดข้าก็พอ!”จางซุนห่าว รู้สึกโกรธจางซุนหวูจี๋มาก

จางซุนหวุจี๋ ได้โค้งคำนับเล็กน้อยก่อนที่จะออกจากห้องไป

เมื่อเขามาถึงด้านนอกเขาก็มองกลับไปที่ห้องที่ออกมาและถอนหายใจพึมพัม”ท่านพ่อ นะ ท่านพอ ฝ่าบาท ทรงพระปรีชาสามารถขนาดนี้ ท่านคิดหรือว่าเขาจะมองแผนการท่านไม่ออก ถ้าเกิดฝ่าบาทไม่พอพระทัย แม้แต่ข้าก็คงไม่อาจปกป้องตระกูลจางซุนเอาไว้ได้!”

หึย!

จางซุนหวูจี๋ ได้ถอนหายใจออกมา เขาจะไม่รู้ความคิดพ่อของเขาได้อย่างไร

แต่เขาทำได้แค่ปล่อยผ่านและจากไป

หลังจากที่ ลู่เฟิง กลับไปที่ค่ายทหารของเขา เจี๋ยสวี่ ก็มาเข้าเฝ้าทันที

“เหวินเหอ มีเรื่องอะไรงั้นหรือ?”ลู่เฟิง ได้กล่าวถาม เจี๋ยสวี่ ด้วยรอยยิ้ม

เจี๋ยสวี่ ได้ตอบกลับ”ฝ่าบาท มีข่าวจากจินยี่เหว่ย ที่เมืองหลิงหยาง ทางตอนเหนือของอาณาจักรซีหยาง ชูจิน ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิทันทีหลังจากได้รับข่าวการเสียชีวิตของ ชูหยี เขาพยายามจะต่อต้านฝ่าบาท โดยได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลขุนนางเหล่านั้นในการส่งทหารส่วนตัว”

“งั้นหรือ?”

ลู่เฟิง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย”ดูเหมือนว่าข้าจะตัดสินใจผิดที่ไว้ชีวิต ชูจิน”

ก่อนหน้านี้ ลู่เฟิง ไม่รู้ว่า เส้นเลือดวิญญาณจะปรากฏ เขาจึงปล่อยให้ ชูจิน กลับมาที่อาณาจักรซีหยาง เพื่อต่อสู้แย่งชิงอำนาจกับ ชูหยี

แต่เขาไม่คิดเลยว่าแผนการที่วางก่อนหน้านี้จะไร้ประโยชน์ทั้งหมด เขาได้ปล่อยจักรพรรดิของศัตรูกลับประเทศและตอนนี้อีกฝ่ายก็กำลังทวงคืนอำนาจเพื่อมาต่อต้านเขา

นี่คือสิ่งที่ ลู่เฟิง ไม่คาดคิด

เจี๋ยสวี่ ได้ยิ้มและตอบกลับ”ฝ่าบาท บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา”

“ดียังไง?”

“ฝ่าบาท ทหารส่วนตัวจากตระกูลขุนนางเหล่านั้น มีโอกาสมารวมกองทัพกันในคราวเดียว ซึ่งเราไม่จำเป็นจะต้องเดินทางไปแต่ละตระกูลเพื่อจัดการ ซึ่งมันย่อมใช้เวลานานอย่างมาก อย่างน้อยก็น่าจะใช้เวลาครึ่งปีในการแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แต่ตอนนี้ ชูจิน ได้รวบรวมทหารเหล่านี้ให้กับพวกเรา หากเราสามารถจัดการพวกเขาได้สำเร็จ ปัญหาก็จะหมดไปทันที”เจี๋ยสวี่ ได้ตอบกลับ

ลู่เฟิง ได้พยักหน้า เจี๋ยสวี่ ก็ได้พูดต่อ”ทหารส่วนตัวจากตระกูลขุนนางเหล่านั้น แม้จะมีทักษะความสามารถที่ดีแต่ก็ยังไม่ยอดเยี่ยมที่จะทำสงคราม สำหรับ ทหารส่วนตัวจากตระกูลขุนนางของเราภายใต้สังกัดของ เมิ่งเถียน พวกเขาต่างก็ได้รับการฝึกฝนจากสงครามก่อนหน้านี้ ดังนั้นการต่อสู้ครี้งนี้ ข้าเชื่อว่าผลลัพธ์ชัยชนะครั้งใหญ่คงกินเวลาไม่เกิน 5 วัน”

“ฮ่าฮ่า”

ลู่เฟิง หัวเราะออกมา”ตอนนี้ ข้าเพียงหวังว่า ชูจิน จะรวบรวมทหารส่วนตัวจากทั่วทุกมุมโลกของเขา และ มาให้ข้าแก้ไขจัดการปัญหาในทีเดียว”

“เจ้าลงไปจัดการเรื่องนี้ให้ จินยี่เหว่ย คอยรายงานส่งข่าวโดยเร็วที่สุด”

“ขอรับ!”

เจี๋ยสวี่ ได้ตอบกลับ และ จากไปทันที

หลังจาก เจี๋ยสวี่ จากไป จางฮั่น ก็เดินทางมาถึง

“ฝ่าบาท มีข่าวจากกองทัพเงา แม่ทัพลิโป้ที่นำกำลังพวกเขาเข้าเคลียร์พื้นที่ถนนบนภูเขาไม่นานก็น่าจะเสร็จ ข้าน้อยคิดว่าถือโอกาสนี้บุกโจมตีเมืองเฉียนซานดีเลยหรือไม่?”จางฮั่น ได้กล่าวถาม

ลู่เฟิง ได้พยักหน้า”อืม,เจ้าไปรายงานเมิ่งเถียน เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อ!”

“ขอรับ!”

จางฮั่น ได้ออกไปทันที

ลู่เฟิง ได้แสดงรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา”เมืองหนานกวง,เมืองเฉียนซาน สองสถานที่อันตรายทางตอนเหนือของอาณาจักรซีหยาง ตอนนี้ เมืองหนานกวงได้ถูกยึดไปแล้ว เหลือก็แค่เมืองเฉียนซาน หากสามารถยึดครองได้สำเร็จ ทั่วทั้งอาณาจักรซีหยาง ก็ไม่มีอันตรายใด ๆ อีกแล้ว ถึงตอนนั้น แม้ว่าเจ้าจะรวบรวมทหารมาจากตระกูลขุนนางทั่วทุกมุมโลก ข้าก็จะจัดการพวกมันทั้งหมด”

ในห้องศึกษาของจักรพรรดิแห่งเมืองหลิงหยาง ชูจิน ได้มองไปที่ สารน์ในมือของเขา ก่อนที่เขาจะบ่นพึมพัมออกมา”กว่า 80% ของตระกูลขุนนางเหล่านั้นได้ตอบรับ และ พวกเขาได้ส่งกองกำลังทหารมารวมกันอย่างน้อย 1.2 ล้านคน จำนวนเท่านี้ ก็น่าจะนับว่าเพียงพอ!”

“ฝ่าบาท องค์หญิง ชูฉี ต้องการเข้าเฝ้า”

“ชูฉี?”

ชูจิน ได้ยิ้มและตอบกลับ”ให้เธอเข้ามา”

ในไม่ช้า สาวงามอายุยี่สิบแปดปีก็เดินเข้ามาพร้อมกับโค้งคำนับเล็กน้อย”ถวายบังคมเสด็จพ่อ”

ชูจิน ได้ยิ้มและตอบกลับ”ฉีเอ๋อร์ เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใด?”

ชูฉี ได้คร่ำครวญเล็กน้อยและกล่าวถาม”เสด็จพ่อ คิดจะต่อสู้กับจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหนานหยานจริง ๆ ?”

ใบหน้าของ ชูจิน ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมา”มันเป็นสงครามที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไม่งั้น ข้าก็คงไม่อาจรักษาอาณาจักรซีหยางแห่งนี้ได้อีกต่อไป”

“เสด็จพ่อ พี่ชายคนโต แม้เขาจะมีกองทหารชั้นยอดมากกว่า 1.5 ล้าน คน เขาก็ยังพ่ายแพ้ และ กองกำลังของท่านในตอนนี้ช่างน้อยนิด ท่านคิดว่าจะสามารถเอาชนะด้วยกองทัพนับล้านนี้ได้งั้นหรือ?”ชูฉี ได้กล่าวถาม

การแสดงออกของ ชูจิน ได้เปลี่ยนไปแน่นอนว่าเขารู้ตัวเองดี

“เสด็จพ่อ ได้โปรดฟังคำแนะนำของลูกเถิด มันยังมีหนทางอื่นนอกจากการฆ่าแกงกันอย่างแน่นอนดังนั้นข้าคิดว่า…”

“พอได้แล้ว!”

ก่อนที่ ชูฉี จะพูดจบ ชูจิน ก็ตวาดใส่”ฉีเอ๋อร์ เจ้ากลับไปห้องของเจ้าซะ และไม่จำเป็นจะต้องมาแทรกแซงเรื่องเหล่านี้”

“แต่เสด็จพ่อ…”

“ออกไป!”

ชูฉี มองไปที่ พ่อของเธอ เธอได้ถอนหายใจออกมาและเดินออกไปทันที

หลังจาก บุตรสาวของเขาจากไป ชูจิน ก็ถอนหายใจด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

เขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้โดยธรรมชาติว่า ชูหยี บุตรชายของเขา เพิ่งสูญเสียกองทัพ 1.5 ล้านไป แม้ว่าเขาจะรวบรวมทหารจากตระกูลขุนนางเหล่านั้นได้ แต่เขาจะสามารถหยุดทหารของ ลู่เฟิง ได้งั้นเหรอ?

มันเป็นเรื่องยากมาก

แต่ทว่า เขาไม่คิดจะยอมแพ้เช่นนี้ ไม่งั้น เขาก็คงถูกเขี่ยลงจากบัลลังก์จักรพรรดิ!

อีกด้านหนึ่ง จางซุนหวูจี๋ ได้มารายงานตัวที่ค่ายทหาร

“ดูจากสีหน้าของเจ้า เจ้าคงมีอะไรอยากจะถามข้าสินะ?”ลู่เฟิง กล่าวถาม จางซุนหวูจี๋ ด้วยรอยยิ้ม

จางซุนหวูจี๋ ได้ครุ่นคิดเล็กน้อยและกล่าวถามออกไป”ฝ่าบาท ข้าน้อยมีเพียงน้องสาวคนเดียว ปีนี้ นางก็อายุ 28 ปีแล้ว จากที่ข้าเห็น ดูเหมือนว่า นางจะรู้สึกชมชอบฝ่าบาทพอสมควร ฝ่าบาทคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”

จางซุนหวูจี๋ ไไม่ได้เปิดเผยความคิดของพ่อเขา เขาต้องการถามฝ่าบาทด้วยตัวของเขาเอง

แน่นอนว่าหากฝ่าบาทไม่พอพระทัยโทษทันฑ์ทั้งหมดก็อาจจะมาลงที่้เขาแค่คนเดียว

หากฝ่าบาททรงชอบพอน้องสาวของเขาและแต่งงานกับนาง มันก็เป็นเรื่องดีแต่ถ้าอีกฝ่ายไม่เห็นด้วยเขาจะไปบังคับอะไรได้

ลู่เฟิง ได้มีสีหน้าเเปลก ๆ เขาแน่นอนว่าตนเองรู้สึกว่า จางซุนอู๋โกว ในเวลานั้น ไม่ได้ชมชอบตัวเองเลย แต่ตอนนี้ จางซุนหวูจี๋ ได้บอกว่าอีกฝ่าย ชมชอบตัวเอง ใครจะไปเชื่อ?

เขาไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจโดยธรรมชาติว่า จางซุนหวูจี๋ หรือ จางซุนห่าว ต้องการเป็นญาติกับองค์จักรพรรดิ

หรือก็คือเสด็จลุงของจักรพรรดิ