บทที่ 192 คำถามแสนยาก

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

เซี่ยซิวแสดงสีหน้าเลิ่กลั่ก สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการคือการเข้าไปพัวพันกับเรื่องบ้าๆ นี่ แต่ซูอันกลับลากเขามาเกี่ยวข้องด้วยซะงั้น!

เขาเหลือบมองไปที่ซือคุนที่กำลังแสดงสีหน้าหยิ่งผยอง จากนั้นเขาก็หันกลับมาถอนหายใจและตอบกลับซูอัน “ไม่แน่นอน”

ประการแรก ตระกูลเซี่ยของเขาอยู่ฝ่ายเดียวกับราชันฉี แต่ตระกูลซือนั้นอยู่ฝ่ายจักรพรรดินี ฉะนั้นมันหมายความว่าไม่มีเหตุผลที่เซี่ยซิวจะต้องเข้าข้างซือคุน และยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ซูอันก็เป็นอาจารย์ของสถาบันจันทร์กระจ่างซึ่งมันยิ่งทำให้เขามีเหตุผลน้อยลงที่จะเข้าข้างซือคุน

ซูอันพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนที่จะอนุญาตให้เซี่ยซิวนั่งลงก่อนจะเรียกนักศึกษาคนอื่น “นักศึกษาสาวสวยคนนั้นที่นั่งแถวหน้า เจ้าคิดว่าข้าเป็นตัวตลกด้วยรึเปล่า?”

เจิ้งตานรู้สึกดีใจเล็กน้อยที่ได้ยินซูอันชมเชยนางว่า ‘สวย’ ต่อหน้าผู้คนในชั้นเรียน แต่การถูกบังคับให้ต้องอยู่คนละฝั่งกับซือคุนในที่สาธารณะ มันก็ทำให้เกิดอาการขนลุกไปทั่วทั้งแขน ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงตอบอย่างคลุมเครือว่า “เป็นไปได้อย่างไร?”

คู่หมั้นของนางคือซ่างเชียน ซึ่งปัจจุบันอยู่ฝ่ายเดียวกับซือคุน แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานะปัจจุบันของซูอันในฐานะอาจารย์ของสถาบัน มันก็ไม่มีทางที่นางจะกล้าเรียกเขาเป็นตัวตลกอย่างเปิดเผยต่อหน้าทุกคน

ซือคุนดูเป็นคนมีไหวพริบดีนี่นา ทำไมตอนนี้เขาถึงได้โง่นักล่ะ?

ซูอันพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนที่จะหันไปมองอู๋ฉิง “แล้วเจ้าล่ะคุณหนูตระกูลอู๋ เจ้าคิดว่าข้าเป็นตัวตลกด้วยรึเปล่า?”

อู๋ฉิงกัดฟันของนาง นางอยากที่จะพยักหน้ามากที่สุด แต่เมื่อคิดถึงคำขู่ก่อนหน้านี้แล้ว มันไม่มีทางที่นางจะกระโดดเข้าไปในกับดักของเขาอย่างโง่เขลาอีกรอบ นอกจากนี้เซี่ยซิวได้แสดงจุดยืนของเขาอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นด้วยความรักที่ยังคงมีอยู่ต่อเซี่ยซิว นางจึงจำเป็นต้องตอบไปในทิศทางเดียวกับคนที่นางมีใจด้วยอาการกัดฟันกรอด “ข้าไม่กล้า!”

ดวงตาของฉู่ชูเหยียนเบิกกว้างด้วยความงุนงง เกิดอะไรขึ้นวันนี้? ทำไมคนเหล่านี้ถึงไม่กล้าต่อต้านซูอัน?

นอกจากนี้ คนพวกนี้บางคนไม่ถูกกับนางอีกต่างหาก แล้วเหตุใดวันนี้พวกเขากลับเข้าข้างซูอันซะงั้น?

จากนั้น ฉู่ชูเหยียนก็พลันนึกถึงคำพูดที่คลุมเครือของอู๋ฉิงซึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อครู่

ซูอันคงไม่ได้มีอะไรกับอู๋ฉิงจริงๆ หรอกใช่ไหม?

ไม่ใช่แค่ฉู่ชูเหยียนที่ไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ ซือคุนก็ตกตะลึงจนไปต่อไม่ถูกเช่นกัน เขานึกไม่ออกเลยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้กันแน่ ทำไมคนเหล่านี้ถึงกล้าต่อต้านเขาเพียงเพื่อขยะตัวนี้ด้วย?

หลังจากซักถามนักศึกษาคนอื่นๆ อีกสองสามคน ในที่สุดซูอันก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายและจ้องมองไปที่ซือคุนที่งงงวย จากนั้นเขาจึงตวาดลั่นด้วยน้ำเสียงเผด็จการ “เจ้า! ไปยืนสำนึกผิดอยู่นอกห้องเรียนซะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของซูอัน ซือคุนพลันระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? กล้าดียังไงมาสั่งข้า!”

ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เกิดอะไรขึ้น? ทำไมวันนี้ผู้ชายคนนี้ถึงทำตัวแปลกไปขนาดนี้? ไม่ ไม่ใช่แค่เขา แต่ทุกคนที่นี่ด้วย!

ซูอันถอนหายใจเบาๆ และกล่าวว่า “กฎของสถาบันจันทร์กระจ่างกำหนดเอาไว้ว่านักศึกษาคนใดที่พูดจาหยาบคายกับอาจารย์ของพวกเขาในระหว่างชั้นเรียนจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด พวกเขาอาจถูกไล่ออกจากสถาบันด้วยซ้ำ เจ้าคิดว่าคำสั่งของข้าไม่มีค่าเลยในสายตาของเจ้าใช่ไหม?”

อันที่จริงซูอันรู้ดีว่าบทลงโทษแรงๆ ไม่อาจถูกบังคับใช้กับคนอย่างนายน้อยหกของตระกูลซือได้ แต่ถ้าหากเป็นการลงโทษเล็กๆ น้อยๆ เช่นให้ยืนนอกห้องเรียนมันก็ไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่

“เจ้า? อาจารย์?” ราวกับว่าซือคุนเคยได้ยินเรื่องตลกที่เฮฮาที่สุดในโลก แต่แล้วในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง หยวนเหวินตงกลับดึงแขนเสื้อของเขาอย่างร้อนรนเพื่อหยุดเขา

“เขาเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์คนใหม่ของสถาบันจันทร์กระจ่างจริงๆ!”

ความคิดแรกของซือคุนคือหยวนเหวินตงเสียสติไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็เห็นคนอื่นๆ อีกสองสามคนพยักหน้าอย่างเห็นอกเห็นใจ ซึ่งมันทำให้รอยยิ้มของเขากลายเป็นแข็งค้างในทันที

“บ้าจริง ทำไมไม่พูดอะไรก่อนหน้านี้!”

ซือคุนโกรธมากจนลืมไปว่าเขาต้องคงภาพลักษณ์ของตัวเองเอาไว้และเขาก็สาปแช่งออกมาเสียงดัง

“ก็ท่านไม่ได้ถามเรา!”

หยวนเหวินตงรู้สึกอยากจะร้องไห้กับความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น แทบทุกคนในสถาบันต่างรู้เรื่องนี้ และเจ้าคือคนที่มีสายข่าวมากมายคอยรายงานเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมือง… แต่เจ้ากลับไม่รู้เรื่องใหญ่แบบนี้ได้ยังไง!?

ซือคุนรู้สึกหายใจไม่ออกจนแทบจะกระอักเลือดออกมา ทำไมเสวี่ยเอ๋อร์หรือไอ้โง่เหม่ยเฉาเฟิงไม่บอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้!! พวกมันทำให้ข้าอับอายต่อหน้าทั้งชั้น! ไม่น่าแปลกใจเลยที่บรรยากาศในชั้นเรียนก่อนหน้านี้มันถึงแปลกประหลาด!

โชคดีที่สติปัญญาอันเฉียบแหลมของเขาทำให้เขานึกมุกโต้ตอบได้อย่างรวดเร็ว “ข้าเพิ่งย้ายมาวันนี้ ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ข่าวการเปลี่ยนแปลงอาจารย์ของสถาบัน นอกจากนี้ เจ้าไม่ได้แนะนำตัวเองในตอนที่เจ้าเดินเข้ามาในห้อง ดังนั้นข้าไม่คิดว่าข้าควรถูกตำหนิสำหรับความเข้าใจผิดนี้”

ซูอันพยักหน้าเห็นด้วย “เหตุผลของเจ้าฟังขึ้น ข้าแน่ใจว่าเจ้าจะรู้สึกไม่เป็นธรรมถ้าข้าลงโทษเจ้าแบบนั้น เอาเป็นว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้างั้นพวกเรามาแก้ปัญหานี้โดยใช้เลขคณิตแทนกันดีกว่า วันนี้ข้าจะทำแบบทดสอบ และใครก็ตามที่ไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างถูกต้องจะต้องยืนอยู่นอกห้องเรียน ฟังดูยุติธรรมไหม?”

คำพูดนี้ทำให้นักศึกษาแทบทั้งห้องรู้สึกหนังหัวชา ภาพการพ่ายแพ้อย่างย่อยยับของหยางเว่ยยังคงตราตรึงอยู่ในหัวสมองของพวกเขาอยู่เลย

ขนาดหยางเว่ยยังตอบคำถามไม่ถูกแม้แต่ข้อเดียวแล้วพวกเขาจะไปเหลืออะไร? ไม่ใช่ว่าวันนี้ทั้งชั้นเรียนต้องออกไปยืนอยู่นอกห้องหรอกเหรอ?

โดยไม่สนใจปฏิกิริยาของนักศึกษาในห้อง ปากของซือคุนทำงานอย่างรวดเร็ว “ได้เลย! มันฟังดูดีสำหรับข้า!”

เขามั่นใจมากทั้งในด้านการบ่มเพาะและวิชาการ เขาไม่คิดว่าเขาจะสะดุดกับคำถามที่ซูอันคิดขึ้น นอกจากนี้ การทดสอบนี้ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ทำมัน แต่คนอื่นๆ ในชั้นเรียนก็ต้องทำด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าซูอันคงไม่คิดคำถามที่มันยากเกินจนทุกคนในห้องต้องออกไปยืนนอกห้องเรียนกันหมดจริงไหม? ซูอันคงไม่กล้าส่งภรรยาของตัวเองออกไปยืนนอกห้องเหมือนกับคนอื่นๆ ใช่รึเปล่า?

“เอาล่ะ ตั้งใจฟังให้ดี” ซูอันเริ่มตั้งคำถามของเขา “คำถามนี้เกี่ยวข้องกับคนสองคน ก และ ข โดย ก จะพูดแต่เรื่องโกหก ในขณะที่ ข พูดแต่ความจริงเท่านั้น แต่ทั้งสองคนสามารถตอบคำถามได้ด้วยการพยักหน้าหรือส่ายหัวเท่านั้น วันหนึ่ง พวกเจ้ากำลังเผชิญกับถนนสองสายที่แยกจากกัน ถนนหนึ่งและถนนสอง ทางหนึ่งนำไปสู่เมืองหลวง อีกทางหนึ่งนำไปสู่หมู่บ้านเล็ก ๆ บังเอิญว่าเจ้าเห็น ก และ ข กำลังยืนอยู่ตรงทางแยกเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่รู้ว่าใครคือ ก และใครคือ ข ดังนั้นเจ้าจึงไม่รู้ว่าการพยักหน้าหมายถึงใช่หรือไม่ใช่ ตอนนี้ เจ้าต้องถามคำถามพวกเขาและหาว่าถนนสายใดที่นำไปสู่เมืองหลวง จากนี้เจ้าจะถามคำถามอะไร?[1]

นักศึกษาในห้องเรียนอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำถาม อย่างที่คาดไว้ ไอ้อาจารย์ไร้ยางอายผู้นี้มันเอาคำถามยากๆ มาถามพวกเขาจริงๆ ด้วย!!

ซือคุนตะลึงงัน แม้จะได้ยินคำถามครบถ้วนแล้ว จิตใจของเขาก็ยังงุนงงไม่แน่ใจว่านี่มันคำถามคณิตศาสตร์หรือคำถามวิชาบ้าอะไรกัน? หลังจากครุ่นคิดจนหัวแทบระเบิดอย่างยาวนาน ในที่สุดเขาก็ตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ข้าไม่รู้! แต่ข้าเองไม่เชื่อว่านักศึกษาคนอื่นๆ จะสามารถตอบคำถามนี้ได้เช่นกัน! ข้าขอท้าให้เจ้าทดสอบนางด้วย!”

เขาชี้นิ้วไปที่ฉู่ชูเหยียน แม้ว่าเขาจะถูกลิขิตให้ถูกลงโทษในวันนี้ แต่ตราบใดที่ฉู่ชูเหยียนออกไปยืนอยู่เคียงข้างเขามันก็ถือว่านี่เป็นเรื่องที่เขายอมทน!

ซูอันเดินไปที่ด้านข้างของฉู่ชูเหยียน และมองดูนางอย่างเงียบๆ ส่งผลให้จิตใจของฉู่ชูเหยียนยิ่งยุ่งเหยิงเข้าไปอีก ทั้งความสับสนในสถานะของซูอันที่จู่ๆ ก็เป็นอาจารย์ของสถาบัน และคำถามที่ซูอันตั้งขึ้นก็ยิ่งทำให้นางปั่นป่วนมากกว่าเดิม

นางมีชื่อเสียงในฐานะอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสถาบันมาหลายปีแล้ว และเป็นที่เคารพนับถือจากนักศึกษาคนอื่นๆ หากนางไม่สามารถตอบคำถามได้ถูกต้องที่นี่และลงเอยด้วยการถูกลงโทษ ชื่อเสียงของนางจะต้องพังทลาย!

ในขณะที่ซูอันเห็นความตื่นตระหนกผ่านดวงตาของนาง รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนริมฝีปากของเขาและเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าพร้อมไหม? ข้าจะถามคำถามเจ้าตอนนี้”

“หืม?” ฉู่ชูเหยียนรู้สึกงุนงง นางคิดว่าเขาจะใช้คำถามเดียวกับที่เขาถามซือคุนเมื่อครู่กับนาง แต่ตอนนี้มันดูเหมือนว่าซูอันจะตั้งคำถามใหม่ให้นางงั้นเหรอ?

อย่างไรก็ตาม นางก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ดีเพราะเมื่อคิดถึงคำถามแรกที่ยากนรกแตกนั่นแล้ว คำถามต่อไปที่ซูอันคิดขึ้นคงชวนปวดหัวไม่ต่างกัน นางพยักหน้าและตอบกลับเสียงอ่อย “อืม ถามมาเถอะ…”

จากนั้น ต่อหน้าต่อตาทุกคน ซูอันถามว่า “คำถามของเจ้าคือ 1+1 เท่ากับเท่าไหร่”

[1] นี่เป็นปริศนาเชิงตรรกะยอดนิยมอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า The Liar และ The Truth-teller