ตอนที่ 339 ศัตรูที่แข็งแกร่ง (2)
“เจ้าแน่ใจหรือ” บุรุษผู้มีรอยยิ้มมุมปากตกตะลึงไม่แพ้กัน
“ไข่มุกวิญญาณมีปฏิกิริยาตอบโต้ คนคนนั้นจะต้องอยู่ไม่ไกลแน่! หากตามไปเวลานี้น่าจะยังทัน” บุรุษผู้นั้นจ้องไปที่แสงสีเขียวของไข่มุกวิญญาณที่เรืองแสงอยู่บนข้อมือ ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย
“ฮ่าๆ! นี่ก็คือย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พานพบ ยามได้มากลับไม่เสียแรงเลย[1]ใช่หรือไม่ รีบตามไปกันเถอะ ในเมื่อพบแล้วก็จะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เป็นอันขาด” บุรุษที่มีรอยยิ้มมุมปากยิ่งยิ้มเจิดจ้ามากขึ้นไปอีก
ร่างของทั้งสองคนกะพริบครั้งหนึ่ง จากนั้นก็หายไปจากยอดเขาของเทือกเขาเมฆา!
บริเวณไหล่เขา กลุ่มของจวินอู๋เสียที่กำลังเดินทอดน่องเอื่อยเฉื่อยไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามาสักนิด ร่างเล็กของจวินอู๋เสียจ้องไปที่ร่างใหญ่โตของเจ้าหมีขนาดใหญ่ที่ตามหลังพวกเขามาไม่วางตา ขนสีขาวและดำของมันที่ตัดกัน ทำให้มันดูราวกับสมบัติของประเทศใดประเทศหนึ่งในชาติภพก่อนของนาง แต่ขนาดของร่างกายนี้ มีขนาดใหญ่โตมากกว่าหลายเท่า
“กุ๋นกุ่นของข้า ทั้งสง่างามและน่าเกรงขามมากใช่หรือไม่!” เฉียวฉู่เห็นจวินอู๋เสียจ้องมองไปที่วงแหวนภูติวิญญาณของเขาตาไม่กะพริบ ก็ตบไปที่ท้องหมีที่แข็งแรงอย่างภาคภูมิใจ ขนที่นุ่มฟูนั้น ดูนุ่มลื่นน่าสัมผัสเกินจะทานทน
เจ้าแมวดำตัวน้อยที่นอนอยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสียยกอุ้งเท้าของมันขึ้นเพื่อปิดหน้า
จบสิ้นแล้ว!
โรคเก่าของเจ้านายมันกำเริบอีกแล้ว!
จวินอู๋เสียมองไปที่ ‘หมีแพนด้า’ ตัวใหญ่ และหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางก็พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นว่า “ข้าขอสัมผัสมันหน่อยได้หรือไม่”
“แน่นอน!” เฉียวฉู่ตอบรับอย่างใจกว้าง
จวินอู๋เสียเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของกุ๋นกุ่น มองไปที่เจ้าหมียักษ์ที่สูงสองเมตร ดวงตาคู่เล็กที่เผยความเย็นชาเป็นนิจ ก็จับจ้องไปที่มันอย่างจดจ่อมากขนาดนี้เป็นครั้งแรก
กุ๋นกุ่นเอียงศีรษะเล็กน้อย มองกลับไปยังร่างของเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ ตรงหน้า มันรับรู้ได้จากจิตสำนึกของเจ้านายมันว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู ดังนั้นจึงโจมตีไม่ได้
เช่นนั้น หนึ่งคนและหนึ่งหมี จวินอู๋เสียและกุ๋นกุ่นก็ยืนสบตากันเช่นนั้นเป็นเวลานาน จนเมื่อเฉียวฉู่คิดว่าจวินอู๋เสียไม่คิดจะสัมผัสเจ้ากุ๋นกุ่นของเขาอีกแล้ว ร่างเล็กของจวินอู๋เสียก็กระโดดฟุ่บเกาะแหมะไปที่เอวของเจ้าหมีตัวใหญ่ ถูไถร่างเล็กๆ นั้นไปกับพุงที่เต็มไปด้วยไขมันและขนนุ่มลื่น ทั้งกอด ทั้งกลิ้ง ทั้งฟัด ดูหลงใหลและสนุกสนานเป็นอย่างมาก
ขนหรือก็เรียบลื่นนุ่มฟู สัมผัสจากพุ่งก็ยืดหยุ่นเด้งดึ๋งกำลังดี จวินอู๋เสียหรี่ตาลงอย่างสบาย ถูไถไปกับร่างใหญ่โตนั้นด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
เจ้าแมวดำบนไหล่ของจวินอู๋เสียอยากจะร้องไห้
โรคเก่าของเจ้านายมันกลับมากำเริบจริงๆ อย่างที่คิด!
จวินอู๋เสียไม่มีความชื่นชอบใดเป็นพิเศษ เว้นเสียแต่ภูมิต้านทานของนางที่มีต่อสัตว์ประเภทขนปุยค่อนข้างจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ตอนนั้นที่วิ่งไปสอบใบอนุญาตสัตวแพทย์ ประการแรกเพื่อต้องการแก้แค้นไม่ผิดแล้ว หากแต่ประการที่สอง เป็นเพราะความชื่นชอบของนางที่มีต่อเหล่าสัตว์ขนปุกปุยเหล่านี้นี่เอง
พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจวินอู๋เสียผู้มีใบหน้าเย็นชาตลอดทั้งวัน เมื่อนางเห็นลูกแมวและลูกสุนัข ดวงตาที่คล้ายจะไร้อารมณ์ก็จดจ่อไม่สามารถดึงกลับมาจากร่างเล็กๆ ของพวกมันได้อีก
หลังจากกลับมาเกิดใหม่โดยไม่คาดคิด โรคประหลาดนี้ของจวินอู๋เสียก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!
งูกระดูกสองหัวแทบไม่มีแรงดึงดูดใจใดๆ ต่อนาง แต่กับเจ้าหมีแพนด้าตัวโต รูปลักษณ์ที่ไร้เดียงสาของมันได้กระตุ้นต่อมความสนใจของจวินอู๋เสียในโหมดคลั่งสัตว์ขนปุกปุยได้อย่างสมบูรณ์
เฉียวฉู่เบิกตากว้าง มองไปที่จวินอู๋เสียผู้ซึ่งปกติเย็นชายากจะเข้าถึงที่กำลังทุ่มตัวเองลงไปบนท้องของเจ้ากุ๋นกุ่น แถมยังกลิ้งไปกลิ้งมา พริบตานั้นกรามของเขาก็ตกลงมา ไม่สามารถเก็บมันขึ้นไปได้เพราะกำลังตกใจสุดขีด
นี่…
การเปลี่ยนแปลงนี้จะมากเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!
ดวงตาของฮวาเหยาเองก็ฉายแววอัศจรรย์ใจออกมาจางๆ
ความสงบและสติปัญญาของจวินอู๋เสีย มักจะทำให้ผู้คนมองข้ามอายุที่แท้จริงของนางไปโดยไม่รู้ตัว แต่ตอนนี้พฤติกรรมของนางที่มีต่อกุ๋นกุ่นนั้น กลับเหมือนสิ่งที่ควรจะปรากฏตามวัยของนาง
“กุ๋นกุ่นของข้า…มัน…มันชวนให้คนเอ็นดูจริงๆ นั่นแหละ” เฉียวฉู่ใช้เวลานานมากในการงัดประโยคนี้ออกมาจากปากของเขา เขาคิดว่าคำว่า ‘องอาจและทรงพลัง’ อาจจะไม่ค่อยถูกใจจวินอู๋เสียที่ตอนนี้กำลังกลิ้งอย่างสนุกสนานบนพุงของมันเท่าไร
ฮวาเหยาขยับมุมปากของเขาขึ้นเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
บนต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ กัน เยี่ยซาซึ่งซ่อนตัวอยู่มองดูท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของจวินอู๋เสีย และเกือบจะร่วงลงมาจากต้นไม้ด้วยความตกใจ
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคุณหนูใหญ่ผู้ที่ฉลาดหลักแหลมและเงียบขรึมชอบวางตัวเป็นผู้ใหญ่ จะหลงใหลในสัตว์ขนปุกปุยมากขนาดนี้!
………….
ตอนที่ 340 ศัตรูที่แข็งแกร่ง (3)
“เรื่องนี้…สามารถรายงานให้นายท่านทราบได้” เยี่ยซาถูคางของเขาและปล่อยเจ้าอสรพิษทมิฬออกไปอย่างลับๆ
หน้าที่ประจำวันของเยี่ยซาก็คือการปกป้องจวินอู๋เสียอย่างลับๆ แต่คุณหนูใหญ่นั้นโหดร้ายเกินไป ไม่มีอะไรที่นางไม่สามารถรับมือได้ ในสำนักชิงอวิ๋น การปกป้องของเยี่ยซาจึงกลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์และฟุ่มเฟือย ภายหลังจากหน้าที่อารักขาทุกวัน จึงเพิ่มมาเป็นต้องรายงานเรื่องน้อยใหญ่ต่างๆ ของคุณหนูใหญ่ให้นายท่านได้ทราบ ไม่ว่าจะเป็นความชอบ กิจกรรมที่ทำแต่ละวันของคุณหนูใหญ่ ล้วนถูกบันทึกโดยย่อแล้วให้อสรพิษทมิฬช่วยทำหน้าที่ส่งสารไปยังนายท่านที่อยู่ห่างไกลถึงรัฐชี
ในขณะที่เยี่ยซาเพิ่งจะปล่อยอสรพิษทมิฬลงพื้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันใด
พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของสายกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ด้วยความเร็วที่เร็วมาก!
เยี่ยซาเก็บท่าทีเกียจคร้านและสบายๆ ของตัวเองกลับไป และเปลี่ยนมาเฝ้าสังเกตสถานการณ์โดยรอบอย่างระมัดระวัง
จวินอู๋เสียที่กำลังรู้สึกผ่อนคลายอยู่บนท้องที่มีขนปุกปุยของเจ้ากุ๋นกุ่น จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังส่งมา ทำเอาอารมณ์ดีๆ ของนางแตกสลายไปในพริบตา
“ที่แท้ก็อยู่ตรงนี้”
เสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย ทำให้พวกจวินอู๋เสียทั้งสามคนหันไปมองยังต้นเสียงทันที
เห็นเพียงแต่ว่าบุรุษรูปงามไม่ธรรมดาสองคนซึ่งปรากฏอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่นัก กำลังมองมาที่พวกเขาทั้งสามด้วยแววตาแปลกประหลาด แววตานั้นไม่เหมือนกับกำลังมองเด็กหนุ่มสามคนเลย แต่เหมือนกับกำลังพิจารณาวัตถุสามชิ้นอยู่มากกว่า
เต็มไปด้วยความดูถูกอย่างไม่คิดจะปิดบัง!
“เป็นเจ้าหรือ หรือว่าเจ้า หรือว่า…เป็นเจ้าตัวเล็กคนนี้” บุรุษผู้ที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ที่มุมปากเอียงศีรษะและมองที่ฮวาเหยา เฉียวฉู่ และสุดท้ายสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่จวินอู๋เสีย
ดวงตาของจวินอู๋เสียเย็นลง ด้วยเหตุผลบางอย่าง บุรุษสองคนที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นทำให้นางรู้สึกแย่มาก
ฮวาเหยาและเฉียวฉู่เองก็ปรับการแสดงออกของพวกเขาด้วย กุ๋นกุ่นกลับมายืนอยู่ด้านข้างเฉียวฉู่ ในขณะที่งูกระดูกสองหัวก็มีท่าทีป้องกันเช่นกัน
“ห๊ะ! นี่ข้าเห็นอะไร ในสามโลกเบื้องล่างมีคนจากเผ่ากลั่นกระดูกอยู่ด้วย? เจ้าหนู งูกระดูกสองหัวของเจ้าคือวงแหวนภูติวิญญาณของเจ้างั้นสินะ” บุรุษผู้นั้นหรี่ตาลงและมองไปที่ฮวาเหยา
ฮวาเหยาตัวแข็งทื่อ ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างอันตราย
“หมีหยินหยาง…จุ๊ๆ วงแหวนภูติวิญญาณเหล่านี้กลับมาปรากฏอยู่ในสามโลกเบื้องล่าง มันทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาจริงๆ” หลังจากพูด ดวงตาของบุรุษผู้นั้นก็หันไปที่ร่างของกุ๋นกุ่นอีกครั้ง
“งูกระดูกสองหัว หมีหยินหยาง ดูเหมือนว่าเจ้าสองคนไม่ใช่คนที่เรากำลังมองหา…” ดวงตาของบุรุษผู้นั้นค่อยๆ กวาดไปที่ร่างของจวินอู๋เสีย มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าหนูน้อย เช่นนั้นเจ้าก็คือผู้ครอบครองวงแหวนภูติวิญญาณประเภทพฤกษาไม่ผิดแน่แล้ว”
จวินอู๋เสียลอบประหลาดใจ นางไม่ได้ปลดปล่อยเจ้าดอกบัวขาวน้อยออกมา อีกฝ่ายสังเกตเห็นได้อย่างไรว่าวงแหวนภูติวิญญาณของนางเป็นประเภทพฤกษา!
“พวกเจ้าเป็นใคร” จวินอู๋เสียพูดอย่างเย็นชา ความรู้สึกที่บุรุษสองคนนี้มอบให้กับนางนั้นแตกต่างจากทุกคนที่นางเคยพบ พวกเขาแค่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่กลับทำให้พวกนางรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกที่อันตราย เพียงแค่จะสูดลมหายใจเข้าก็ยังลำบาก
ความรู้สึกแบบนี้ นับตั้งแต่ที่จวินอู๋เสียกลับมาเกิดใหม่ก็เพิ่งรู้สึกได้เป็นครั้งแรก
“พวกเราเป็นคนดี เจ้าหนูน้อย บอกพี่ชายทีว่าเจ้ามีภูติวิญญาณประเภทพฤกษาอยู่ในร่าง” บุรุษผู้มีรอยยิ้มที่มุมปากแสะยิ้ม พูดราวกับกำลังกล่อมเด็กน้อยอยู่
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วมุ่น ร่องรอยของความเป็นปรปักษ์ปรากฏชัดบนใบหน้าของนาง
“ไอ้หยา อย่าได้เคร่งเครียดมากขนาดนั้นสิ พวกเราก็แค่อยากถามอะไรเจ้านิดหน่อย” บุรุษผู้นั้นถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียไม่ยอมตกหลุมพรางของตัวเอง
ในทางกลับกัน บุรุษอีกคนที่ไม่พูดจาเลยตลอดการปรากฏตัวกลับจ้องมาที่จวินอู๋เสียตาไม่กะพริบ ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยความอันตราย
“กับคนแปลกหน้า ข้าไม่มีอะไรจะพูดด้วย” จวินอู๋เสียลอบสังเกตพฤติกรรมของคนทั้งคู่อย่างระมัดระวัง
“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมให้ความร่วมมือ เช่นนั้นข้าก็คงทำให้เพียง…” บุรุษผู้ที่มีรอยยิ้มมุมปาก จู่ๆ นัยน์ตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดมนทันที
………..
[1] ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พานพบ ยามได้มากลับไม่เสียแรงเลย หมายถึง พยายามหาแทบตายไม่เจอ พอเลิกหาเลิกสนใจกลับได้มาง่ายๆ แบบคาดไม่ถึงเสียอย่างนั้น