บทที่ 213 ออกล่า

บทที่ 213 ออกล่า

ภายในห้องสำนักงาน

เฉินเยว่ฉินที่กำลังทำงานได้ยินเสียงเคาะประตู และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าโจวอี้ยืนอยู่หน้าประตู

“หมอโจว เชิญเข้ามาได้เลย”

เฉินเยว่ฉินลุกยืนขึ้นและต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

โจวอี้เดินเข้าไปในห้องสำนักงานและมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาพบว่าเกล็ดหิมะที่ตกลงมาข้างนอกนั้นดูใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย

เขากลับมาที่โรงเรียนอนุบาลเพราะกังวลว่าลูกสาวของเขาจะตกอยู่ในอันตรายหากเธออยู่ที่นี่คนเดียว เขาจึงมาที่นี่เพื่อขอลาหยุดให้ลูกสาวและเตรียมรับเธอกลับไป

“เกิดอะไรขึ้น?” เฉินเยว่ฉินถาม

“ผมมาขอลาหยุดให้เหมียวเหมี่ยว ผมไปหาครูของเหมียวเหมี่ยวแล้วแต่ไม่พบ” โจวอี้ยิ้ม

“ตกลง เดี๋ยวฉันจะบอกครูของเหมียวเหมี่ยวให้” เฉินเยว่ฉินไม่ได้ถามเหตุผลในการขอลาหยุด

เธอได้รู้จักโจวอี้มากขึ้น และเธอก็ชอบชายหนุ่มคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

อีกฝ่ายมีทักษะทางการแพทย์ที่วิเศษมาก และตอนนี้เธอเกือบจะหายจากโรคหัวใจแล้ว

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายไม่ได้มีความเย่อหยิ่งเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูเป็นคนสบาย ๆ และยังมีอารมณ์ขันอีกด้วย ว่ากันว่าเขาเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ปกครองของนักเรียนชั้นอนุบาลแห่งนี้

โจวอี้กล่าวขอบคุณเฉินเยว่ฉินและเดินออกจากห้องสำนักงาน

เมื่อเขามาถึงประตูโรงเรียนพร้อมกับลูกสาวของเขาที่อยู่ในอ้อมแขน เหล่ารปภ. ก็มองมาอย่างงุนงง

ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เห็นว่าโจวอี้เข้ามาในโรงเรียน… แล้วเขาออกมาได้ยังไง?

“พี่ซานจิน คุณมีร่มไหม ยืมหน่อย” โจวอี้ถามเฉินซานจิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียน

“ได้” เฉินซานจินเดินเข้าไปในห้องรักษาความปลอดภัย เขาหยิบร่มออกมาและส่งให้โจวอี้ทันที

“ขอบคุณครับ เอาไว้ผมจะคืนให้คุณในภายหลัง” โจวอี้ยิ้ม

เขากางร่มเพื่อกันเกล็ดหิมะที่โปรยปรายไปทั่วท้องฟ้า และอุ้มลูกสาวเดินกลับไปที่ช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า

“พ่อ ทำไมพ่อถึงขอลาหยุดให้หนูล่ะ” ถังเหมียวเหมี่ยวถามด้วสีหน้าฉงน

“หิมะเริ่มตกหนัก พ่ออยากให้ลูกกลับไปดื่มชาและเค้กกับพี่เสี่ยวรุ่ยมากกว่า แล้วจากนั้นเราจะไปปั้นตุ๊กตาหิมะตอนที่พื้นมีหิมะเยอะ ๆ กันไง” โจวอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เย้ ๆ เหมียวเหมี่ยวอยากทำตุ๊กตาหิมะ!” ถังเหมียวเหมี่ยวปรบมือด้วยสีหน้าเบิกบาน

โจวอี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขายกร่มขึ้นเล็กน้อย และมองไปที่ชายสองคนในชุดหนังสีดำที่ยืนอยู่แถวริมถนนด้านหน้า

ครั้งที่สามแล้ว!

นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ชายทั้งสองปรากฏตัว

ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาเดินออกมาจากวิลล่า สองคนนี้ดูกลมกลืนเหมือนคนธรรมดาที่สัญจรผ่านไปมาอย่างเร่งรีบ

ส่วนการพบเห็นรอบที่สอง คือตอนที่เขาส่งลูกสาวที่หน้าประตูโรงเรียน เวลานั้นสองคนนี้ยืนอยู่ริมถนนเพื่อเรียกรถแท็กซี่ด้วยท่าทีไร้พิรุธ

แต่นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว โจวอี้มั่นใจว่ามันผิดปกติ แต่เขาก็เลือกที่จะเดินต่อไปอย่างเงียบ ๆ

หลังจากกลับมาถึงช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า โจวอี้ก็สบตากับถงหู่ที่อยู่ในสนามก่อนจะบอกออกไปว่า “ฉันถูกจับตามอง แล้วครั้งนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นเป็นใคร”

“ผมจะออกไปดูให้”

“อืม!”

โจวอี้เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นพร้อมกับลูกสาว และเห็นคุณย่าโจวนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น หญิงชราดูง่วง ๆ ในขณะที่ถังเสี่ยวรุ่ยนั่งอยู่ข้าง ๆ และกำลังดูรายการทีวี

“พี่สาวเสี่ยวรุ่ย!”

เมื่อถูกปล่อยลงพื้น ถังเหมียวเหมี่ยวก็รีบถอดรองเท้าแล้วกระโดดขึ้นไปบนโซฟาข้าง ๆ ถังเสี่ยวรุ่ย

“น้องสาว ทำไมกลับมาแล้วล่ะ?” ถังเสี่ยวรุ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

“ข้างนอกหิมะตก พ่อบอกว่าจะพาเราไปปั้นตุ๊กตาหิมะ!” ถังเหมียวเหมี่ยวหัวเราะเริงร่า

ถังเสี่ยวรุ่ยไม่ได้ยินดีกับสิ่งนี้

เธอเกลียดฤดูหนาว และยิ่งเกลียดวันที่หิมะตก เพราะนี่คือช่วงเวลาที่เธอและพี่ชายต้องหิวโหยและหนาวเหน็บ

ถงหู่ไม่ได้ออกจากบริเวณวิลล่าแต่เดินไปรอบ ๆ บริเวณวิลล่าสองครั้ง

และด้วยการรับรู้ที่เหนือมนุษย์ ทำให้เขาพบกลุ่มคนที่น่าสงสัยสองกลุ่มในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง

เขาไม่เร่งรีบที่จะลงมือ

หลังจากกลับเข้ามาในบ้าน เขาก็เรียกหาโจวอี้

“เจอแล้วเหรอ” โจวอี้ถาม

“ใช่ มีคนสองกลุ่ม กลุ่มละประมาณสองสามคน พวกเขาอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือของวิลล่าเรา ทั้งหมดกำลังจับตาดูเราอยู่” ถงหู่กล่าวอย่างเคร่งขรึม

“อืม!”

โจวอี้พยักหน้าและถามด้วยรอยยิ้ม “นายเคยฆ่าคนก่อนที่จะมาที่จินหลิงใช่ไหม”

“ใช่”

“นายนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ก่อนที่ฉันจะมาที่จินหลิง ฉันฆ่าสัตว์ป่าไปตั้งมากมาย แต่ฉันไม่เคยฆ่าคนด้วยตัวเองเลยสักคน” โจวอี้จุดบุหรี่ จากนั้นก็ส่ายหัวและพูดต่อ “ฉันเคยคิดว่าโลกภายนอกอันตรายมาก และมันก็อันตรายจริง ๆ อย่างที่ฉันคิด ขนาดฉันไม่ได้หาเรื่องใครก่อน ปัญหาก็เข้ามาหาฉันอยู่เรื่อย ๆ”

“ที่ที่มีผู้คนมากมาย ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้”

“ใช่!” โจวอี้เองก็คิดเช่นนั้น เขาสูบบุหรี่อีกสองสามทีแล้วพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “โดยรวมแล้ว ฉันก็ฆ่าคนไปมากมายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่จินหลิง มันแตกต่างจากความตั้งใจเดิมของฉันก่อนที่จะมาที่นี่”

เขามาที่จินหลิงเพื่อตามหาลูกสาวของเขา เขาแค่ต้องการมีชีวิตที่ปลอดภัย อยู่กับลูกสาวให้มีความสุข และดูแลเธอให้เติบโต

แต่ที่ไหนได้!

มันกลับกลายเป็นว่าชีวิตของเขายุ่งเหยิงจนต้องหัวหมุนกับปัญหาที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ

ตัวอย่างเช่น ไอ้พวกคนที่อยู่ข้างนอกตอนนี้ เขาไม่รู้ที่มาของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาไปทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองใจ

“จัดการกับมันยังไงดี” ถงหู่ถาม

“เดี๋ยวก่อน! มันไม่เหมาะที่จะทำในตอนกลางวัน รอจนถึงกลางคืนก่อนแล้วกัน” โจวอี้กล่าวอย่างใจเย็น

ตลอดวันมานี้ โจวอี้อยู่บ้านเพื่อทำอาหารอร่อย ๆ ให้ลูกสาว และเล่นเกมกับพวกเธออย่างสนุกสนาน เมื่อถึงตอนเย็นเขาก็พาพวกเธอไปปั้นตุ๊กตาหิมะและเล่นปาหิมะ

ดวงตาของย่าโจวยังคงถูกปิดด้วยผ้าคาดสีดำ ดูคล้ายกับว่าจะสามารถมองเห็นทุกสิ่งในโลกได้ เธอนั่งอยู่ที่ทางเข้าห้องโถงโดยมีไม้เท้าอยู่ในอ้อมแขนด้วยท่าทีที่ดูเกียจคร้าน

สี่ทุ่ม

โจวอี้อาบน้ำให้ลูกสาวสองคนและปล่อยให้พวกเธอนอนในห้องเดียวกัน

“คุณย่าโจว ผมจะออกไปล่ากับเสี่ยวหู่สักหน่อย ย่าช่วยอยู่บ้านดูแลเหมี่ยวเหมี่ยวกับเสี่ยวรุ่ยให้ผมทีนะ” โจวอี้นำหม้อชาหอมกรุ่นมาวางตรงหน้าแม่เฒ่าโจวที่อยู่ในห้องนั่งเล่น

“ไปเถอะ!” แม่เฒ่าโจวโบกมือเบา ๆ

สามนาทีต่อมา

ร่างสองร่างกำลังแอบเข้าไปในห้องโถงของวิลล่าอย่างเงียบ ๆ พวกเขาเห็นแม่เฒ่าโจวนั่งอย่างง่วงงุนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น

ดวงตาของพวกเขาฉายแววโหดเหี้ยม ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพุ่งเข้าหาแม่เฒ่าโจวทันทีเพื่อจัดการแทงมีดเข้าที่คอ

ปัง!

คล้ายกับเสียงประทัดที่ระเบิดในน้ำ

ชายคนนั้นกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงที่อยู่ห่างออกไปราวเจ็ดแปดเมตรอย่างแรง จากนั้นร่างของเขาจึงตกลงบนพื้นอย่างอ่อนปวกเปียกเหมือนโคลนและปราศจากลมหายใจ

“บัดซบ แกก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์เหมือนกันเหรอ?” สีหน้าของชายอีกคนดูเปลี่ยนไปอย่างมาก

ฉึก!!

แม่เฒ่าโจวขว้างมีดออกไป มันเจาะเข้าที่คอของฝ่ายและตอกร่างที่กระเด็นไปที่ผนังด้านหลัง

หญิงชราค่อย ๆ ยืนขึ้น ก่อนจะเดินไปที่ศพทั้งสอง จับข้อเท้าลากไปที่โรงยิม แล้วโยนศพเข้าไปในนั้นด้วยท่าทีเฉยเมย

ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบริเวณบ้านมีต้นไม้เล็กขึ้นอยู่หนาแน่น โจวอี้และถงหู่ควักบุหรี่ออกมาจุดสูบอยู่แถวนั้น

ฟุบ ฟุบ ฟุบ!

การเคลื่อนที่ที่รวดเร็วพุ่งมาจากทุกทิศทางและล้อมรอบพวกเขาไว้ ไม่นานนักพวกเขาก็ถูกล้อมจากคนแปลกหน้าจำนวนมากกว่าหนึ่งโหล

ฮวงฟู่จินซุนค่อย ๆ เดินออกมาจากด้านหลังของกลุ่มคนเหล่านี้

ใบหน้าแก่ชราของเขาเผยสีหน้าเยาะเย้ย ราวกับว่าเขากำลังหัวเราะเยาะคนหนุ่มสองคนที่ดูเหมือนจงใจพาพวกเขามาที่นี่