ตอนที่ 238 ความขัดแย้ง(1)

ตอนที่ 238 ความขัดแย้ง(1)

เหยาซื่อซินได้ยินสิ่งนี้ ก็อดพูดไม่ได้ “ก็ใช่ พี่เจอลูกสาวแท้ ๆ แล้ว แต่ลูกสาวพี่แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นคนตระกูลอื่น”

เหยาจิ้งถงแต่งสามีเข้าบ้าน จึงเป็นสาเหตุที่เหยาอี้หนิงใช้แซ่เหยา แต่เหยาจิ้งจือแต่งออก ลูกชายของหล่อนจึงไม่ได้ใช้แซ่เหยา

นายท่านเหยาได้ยินแบบนี้ก็แค่นหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะบอกกล่าว “ถึงลูกสาวฉันจะแต่งงานออกเรือนไปแล้ว แต่หล่อนก็ยังเป็นลูกสาวฉัน เพราะฉะนั้นทุกอย่างในตระกูลจะต้องเป็นของหล่อน ฉันไม่รู้นะว่าพวกแกคิดอะไรอยู่ แต่ฉันจะบอกอะไรให้ พวกแกยอมแพ้เสียเถอะ ฉันไม่มีทางรับเลี้ยงเซิ่งซวนหรอก”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยาซื่อซินก็โกรธมากจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วง ก่อนจะตวาดเสียงต่ำ “เหยาซื่อหง พี่จะยกทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลเหยาให้คนนอก พี่ทำแบบนี้กับตระกูลเหยาได้ลงเหรอ”

แต่ถึงอย่างนั้นนายท่านเหยาก็เอ่ยโต้ตอบอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ทรัพย์สินของตระกูลเหยาเดิมทีก็เป็นของฉัน ฉันจะยกให้ใครมันก็เรื่องของฉัน ไม่ใช่เรื่องของแก เดินช้า ๆ ล่ะ ขอไม่ส่งนะ พวกแกกลับกันไปไปได้แล้ว ครอบครัวของพวกเราไม่ต้อนรับแขกอย่างพวกแก”

“พี่ใหญ่ พี่…พี่อย่าลืมสิว่าพวกเราเป็นครอบครัว เรื่องของตระกูลเหยาไม่ใช่เรื่องที่พี่จะตัดสินใจตามใจตัวเองแบบนั้นได้”

หลังจากพูดจบ เหยาซื่อซินก็หันมองลูกชายตัวเองแล้วพูดขึ้น “เซิ่งซวน พวกเราไปกัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าผู้อาวุโสในตระกูลจะมองข้ามเรื่องนี้ ฉันก็อยากจะรู้นักว่าผู้อาวุโสหลายคนจะเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ทำหรือเปล่า”

หลังจากสองพ่อลูกเหยาซื่อซินกลับไป สีหน้าของนายท่านเหยาก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า รู้สึกเพียงแค่ว่าช่วงนี้รู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่ไม่นานเขาก็หันมองเหยาจิ้งจือด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะเอ่ย “ขอโทษนะจิ้งจือที่ต้องให้ลูกมาเห็นเรื่องน่าขันแบบนี้ แต่ว่าลูกวางใจได้เลยนะ พ่อจะไม่รับใครเข้าตระกูลอีก แล้วก็จะไม่รับเลี้ยงเด็กจากตระกูลเหยาคนอื่นด้วย”

เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ก็ส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะ พ่อคะ ฉันแต่งงานออกเรือนแล้วอย่างที่ว่าจริง พ่อจะฝากฝังตระกูลเหยาเอาไว้กับคนอื่นที่พ่อต้องการยังไงก็ได้ ไม่จำเป็นต้องสนใจฉันหรอกค่ะ” ตอนแรกหล่อนรู้สึกมีความสุขมากหลังจากได้เจอพ่อแม่แท้ ๆ แต่หลังจากได้มาเจอเรื่องมากมายที่เมืองหลวง ตอนนี้หล่อนก็ได้ปล่อยวางแล้ว

ก่อนหน้านี้เป็นยังไง หลังจากนี้ก็คงจะดีขึ้นไม่ว่าจะอย่างไร

เมื่อนายท่านเหยาได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “จิ้งจือ พ่อรู้ว่าลูกโดนทำร้าย ในใจลูกก็ต้องมีข้อเรียกร้องอะไรบางอย่างให้พวกเราชดเชยอยู่แล้ว แต่ลูกวางใจเถอะ พ่อจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกต้องลำบากอีกแล้ว ทุกอย่างในตระกูลเหยาจะต้องเป็นของลูก ก่อนหน้านี้ทรัพย์สินมรดกครึ่งหนึ่งเป็นของลูกแล้ว ส่วนอีกครึ่งที่เหลือเดี๋ยวอีกสองวันพ่อจะให้พ่อบ้านเหยาโอนเป็นชื่อลูกให้หมด”

เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ก็ส่ายหัวทันทีแล้วพูดขึ้น “พ่อคะ พ่อให้ฉันมากพอแล้วค่ะ ที่เหลือไม่ต้องแล้ว”

นายท่านเหยาอดพูดไม่ได้ “ไม่ได้ สิ่งพวกนี้ควรเป็นของลูก แผนการของเหยาซื่อซินคืออะไร พ่อรู้ทุกอย่าง พวกเขาแค่หวังจะเอาทรัพย์สินเพราะเห็นว่าพ่อมีแต่ลูกสาวไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมจะต้องไปใส่ใจพวกมันด้วย สมบัติส่วนที่พ่อมอบให้ลูก ลูกอยากจะส่งต่อให้ใครนั่นก็ขึ้นอยู่กับลูกเลย”

เมื่อเห็นเหยาจิ้งจือจะยังปฏิเสธ นายท่านเหยาก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที แล้วพูดขึ้น “ถ้าลูกไม่อยากได้ทรัพย์สินมรดกอีกครึ่งหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นพ่อจะโอนเป็นชื่อลูกชายคนรองของลูกแล้วกัน ตอนนี้ลูกปฏิเสธไม่ได้แล้วนะ เพราะทรัพย์สินจะถูกมอบให้พวกเขา ฉะนั้นพวกเขาจะต้องตัดสินใจกันเอง”

เหยาจิ้งจือได้ยินสิ่งนี้ ก็อดหันมองลูกชายคนเล็กเสียไม่ได้

เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดหันมองแล้วพูดกับนายท่านเหยาเสียไม่ได้ “คุณตาครับ จริง ๆ แล้วคุณตาไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ พวกเรา…”

ก่อนที่เซี่ยเจ๋อหลี่จะทันได้พูดจบ นายท่านเหยาก็โบกมือขึ้น แล้วเอ่ย “พอแล้ว วันนี้ค่อนข้างยุ่ง พวกหลานก็คงจะเหนื่อยกันแล้ว รีบกลับไปก่อนเถอะ ถึงพวกหลานจะไม่เหนื่อย แต่เจ้าหนูสองคนนั้นก็ยังต้องพักผ่อนเยอะ ๆ”

เมื่อพูดถึงลูกทั้งสองคน ใจของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ระทวย หลังจากที่เขาตั้งสติได้ ก็พบว่านายท่านเหยาเดินออกไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเห็นแบบนี้ เขาก็รู้สึกหมดหนทางอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็หันมองฉินมู่หลานก่อนจะเอ่ย “มู่หลาน พวกเราก็รีบกลับเถอะ”

“อื้ม”

อีกด้านหนึ่ง คุณนายเซี่ยเพิ่งกลับจากงานเลี้ยงดื่มฉลองวันครบรอบเดือน

เมื่อกลับถึงบ้านก็พบว่าหลานสาวกำลังนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น “อวี่หรง หลานมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“คุณย่าคะ ฉันเพิ่งมาค่ะ”

ขณะพูด เซี่ยอวี่หรงก็มองคุณนายเซี่ยแล้วเอ่ยถามด้วยแววตาสดใส “คุณย่าคะ ย่าเจอสหายเซี่ยแล้วใช่ไหมคะ?”

คุณนายเซี่ยได้ยินเช่นนี้ก็เอ่ยขึ้นด้วยความฉุนฉียว “แน่นอนว่าเจอแล้ว วันนี้เป็นงานฉลองครบรอบเดือนของลูกชายกับลูกสาวของเขา เขาก็ต้องอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว แต่ย่าว่าหลานหยุดความคิดเรื่องนั้นเสียเถอะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยอวี่หรงก็ดูตกตะลึง

“คุณย่า ทำไมอยู่ ๆ คุณย่าถึงพูดแบบนี้ล่ะคะ ก่อนหน้านี้เราก็เคยคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ”

คุณนายเซี่ยปรายตามองหลานสาวสักครู่ ก่อนจะพูด “ฉินมู่หลานได้ลูกแฝดมังกรหงส์ มีฝาแฝดชายหญิงสองคนนั้นแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่มีทางทิ้งนังนั่นหรอก เพราะฉะนั้นหลานตัดใจเรื่องนี้เสียเถอะ”

เมื่อพูดถึงฝาแฝดมังกรหงส์ แววตาของคุณนายเซี่ยก็ฉายแววความอิจฉา

“ไม่คิดเลยว่าฉินมู่หลานที่เป็นแค่สาวบ้านนอกตัวเล็ก ๆ แต่กลับโชคดีขนาดนี้ ตั้งท้องครั้งเดียวก็ได้ลูกแฝดชายหญิง คงจะดีไม่น้อยถ้าครอบครัวเราได้ลูกแฝดชายหญิงกับเขาบ้าง” หลังจากพูดจบ แววตาของคุณนายเซี่ยก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง ที่บ้านของพวกเขาไม่เคยมีใครตั้งท้องแฝดมาก่อน อย่าว่าแต่แฝดชายหญิงเลย

เมื่อเห็นคุณย่าเยินยอฉินมู่หลาน ใบหน้าของเซี่ยอวี่หรงก็มืดมนลงทันที

“คุณย่า ทำไมจะต้องเยินยอฉินมู่หลานด้วย หล่อนก็แค่ใช้ความพยายาม มีอะไรน่าภูมิใจกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใบหนาของคุณนายเซี่ยก็ยับยู่ขณะหันมองไป “หลานคิดว่าใครก็มีลูกแฝดได้อย่างนั้นเหรอ ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่ย่ามองดูวันนี้ นายท่านเหยานั่นก็ชอบหลานสะใภ้ไม่น้อยลย ยิ่งมีแฝดชายหญิงยิ่งแล้วใหญ่ แล้วยังมีหัวหน้าตระกูลเจี่ยงที่ชื่นชอบฉินมู่หลานถึงขนาดยกเป็นลูกบุญธรรมเลยด้วยซ้ำ แค่นี้มันก็มากพอให้ล้มเลิกความคิดได้แล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยอวี่หรงก็เม้มปากแน่นก่อนจะหันไปมองคุณนายเซี่ยแล้วเปิดปากเอ่ยขึ้น “คุณย่า นี่คุณย่ากำลังบอกให้หนูยอมแพ้เหรอ”

“ใช่แล้ว ยอมแพ้เสียตั้งแต่ตอนนี้เถอะ เซี่ยเจ๋อหลี่มีลูกแล้ว ทำไมหลานจะต้องคิดแขวนตัวเองบนต้นไม้ด้วย ถึงเซี่ยเจ๋อหลี่จะยอดเยี่ยมมาก เป็นหลานชายของนายท่านเหยา ตอนอยู่ในฐานทัพก็สร้างชื่อให้ตัวเองดีเยี่ยมขนาดไหน แต่ด้วยอำนาจของตระกูลเซี่ยอย่างเรา ต่อให้หลานต้องการคนที่ดีกว่านี้ก็ย่อมได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดเรื่องคนแต่งงานมีลูกเมียแล้วเลย”

“แต่ว่าคุณย่าคะ หนูไม่อยากยอมแพ้”

แววตาของเซี่ยอวี่หรงเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม “ก็เห็นอยู่ว่าหนูเจอเซี่ยเจ๋อหลี่ก่อน แล้วก็เป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แล้วทำไมถึงได้ตกไปเป็นของคนอื่นได้ เซี่ยเจ๋อหลี่เย็นชาใส่หนูตลอด แต่เขากลับอ่อนโยนกับฉินมู่หลานมากเลย เพราะอะไรกัน ทำไมเขาถึงทำแบบนี้”

เมื่อเห็นหลานสาวมีกิริยาเช่นนี้ คุณนายเซี่ยก็อดส่ายหัวไม่ได้

“อวี่หรง ย่ารู้ว่าหลานดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้ตัวหลานเองก็โตแล้ว หลานไม่ควรทำตัวแบบนี้”

ตอนแรกเซี่ยอวี่หรงคิดว่าคุณย่าจะเอ็นดูหล่อน ไม่คิดว่าเมื่อได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองครบรอบเดือนเพียงครั้งเดียวท่านจะชอบฉินมู่หลานมากกว่าเสียแล้ว หล่อนจึงรู้สึกไม่มีความสุขอย่างมาก ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปทันที ไม่อยากจะได้ยินคำพูดบั่นทอนของย่าตัวเองอีก

เมื่อเห็นหลานสาวเดินไปแล้ว คุณนายเซี่ยก็ส่ายหัว ด้วยไม่คิดว่าหลานสาวจะมีปัญหามากมายขนาดนี้

แต่เมื่อนึกถึงตอนที่ได้เจอฉินมู่หลานวันนี้ คุณนายเซี่ยก็ถึงกับขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้ไม่เคยมองอย่างชัด ๆ พอวันนี้ได้มาเจอเข้าจัง ๆ และเมื่อมองเพียงแวบเดียว กลับรู้สึกว่าฉินมู่หลานดูหน้าคุ้นนิดหน่อย แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ยอมแพ้เถอะยัยอวี่หรง หนามต้นงิ้วมันเจ็บและร้อนมากนะ

ไหหม่า(海馬)