ตอนที่ 195 ศึกใหญ่ในสถาบัน 3

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 195 ศึกใหญ่ในสถาบัน 3

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกนายจะต้องออกไปเป็นกลุ่มเท่านั้น และทางที่ดีที่สุดทุกกลุ่มจะต้องมีระดับ 6 ดาวอยู่ด้วย ทุกคนจะต้องไม่ออกไปเดินเพ่นพ่านคนเดียวแล้วถูกพวกชั้นปีที่สองรังแกอีก”

“อีกอย่าง!” ดวงตาของสวี่หลิงอวิ๋นเต็มไปด้วยประกายแห่งความเจ้าเล่ห์ เตรียมพร้อมตั้งท่าและตั้งรับ ราวกับว่าเธอกำลังรอคอยวันนี้อยู่ “พวกนายไม่อยากแก้แค้นหรือไง?!”

“จดจำเอาไว้ให้ดี ความโกรธเคืองที่พวกนายได้รับในตอนนี้ ฮึ่ม! ถ้าพวกนายเป็นผู้ติดตามของฉัน พวกนายจะต้องเรียนรู้วิธีการแก้แค้นและเรียนรู้ที่จะต่อต้าน! เราจะต้องขจัดความขุ่นเคืองนี้ออกไปจากใจเราให้หมด!” เท้าของสวี่หลิงอวิ๋นเหยียบย่ำอยู่บนเก้าอี้ในสนาม ขณะสั่งสองนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งอย่างคมคาย

“เอาทักษะของพวกนายออกมาใช้! แสดงกลอุบายให้ฉันดูหน่อย!”

ทันทีที่สวี่หลิงอวิ๋นประกาศก้องดังนั้น นักเรียนชั้นปีที่สองที่ยังเดินออกไปไม่หมดก็เริ่มหารือมาตรการการรับมือกับหัวหน้าเยล ออสมอนด์

“องค์หญิงสามทำเกินไปแล้ว! ไม่สนใจธรรมเนียมของสถาบันที่มีมาหลายปีด้วยซ้ำ! นอกรีตเสียจริง!”

“องค์หญิงสามก็เป็นแบบนี้แหละ ทำยังกับพวกนายไม่รู้อย่างนั้น” เยล ออสมอนด์กล่าวออกมาอย่างเรียบง่าย ขณะจ้องมองโทนี่ ฮีทเธอร์ “นายประมาทเกินไป จะไปตะครุบองค์หญิงสามในที่สาธารณะได้ยังไง?”

“ขอโทษ!” แม้ว่าโทนี่จะรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่กล้าแก้ต่างให้ตนเองต่อหน้าหัวหน้า ใครจะรู้ว่าองค์หญิงสามจะเป็นบ้าและวิ่งเข้าใส่แบบนี้?! “แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก” เยล ออสมอนด์กล่าว “ดูจากการกระทำขององค์หญิงสามในวันนี้แล้ว ไม่ช้าก็เร็วนี้พวกเราคงได้พบกับเธอ”

“ไม่มีทั้งกฎเกณฑ์ และมาตรฐาน ในเมื่อองค์หญิงสามไม่สนใจธรรมเนียมปฏิบัติ ก็ปล่อยให้เธอสัมผัสประสบการณ์ที่ตามมาด้วยตัวเธอเอง!”

กองกำลังชั้นปีที่สองทั้งหมดยืนขึ้นรอบโต๊ะและแสดงความเคารพต่อหัวหน้าของพวกเขา ขณะหัวเราะออกมาดังลั่น

องค์หญิงสามช่างใจร้อนเสียจริง!

เธอคิดว่าสถาบันคือสนามรบหรือไง? จะใช้กำลังจัดการทุกอย่างเลยหรือ? เธอคิดผิดแล้ว! สังคมในวิทยาเขตเป็นเพียงสังคมขนาดย่อม และสังคมขนาดเล็กนี้ก็เพียงให้พวกเขากดดันเธอได้แล้ว

ไม่นานนักหรอก องค์หญิงสามผู้สูงศักดิ์จะต้องเดินก้มศีรษะเข้ามากล่าวขอโทษเขาด้วยตัวของเธอเอง!

เฮอะ! เมื่อนึกถึงเอริก้า หญิงสาวในฝันที่ถูกตระกูลของสวี่หลิงอวิ๋นตีบ้านแตกสาแหรกขาดจนน้ำตานองหน้าทั้งวันทั้งคืน ในฐานะลูกผู้ชาย หากเขาไม่สามารถล้างแค้นให้กับหญิงผู้เป็นที่รักได้ ถ้าอย่างนั้นเขาจะเป็นผู้ชายแบบไหนกัน?!

ก็แค่พึ่งพาสถานะของตนเองมาทำชั่วอย่างเหิมเกริมไม่ใช่หรือไง?!

เขายังคงฝันหวาน ในขณะที่โลกอินเทอร์เน็ตกำลังโกลาหล!

เพียงเพราะสวี่หลิงอวิ๋นโพสต์ข้อความของเธอลงบนสาธารณะ

[ต่อจากนี้ไปจะไม่อนุญาตให้นักเรียนปีที่สูงกว่าล่วงเกิน ทุบตี ด่าทอหรือแย่งเวลาพักผ่อนของนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งอีก และไม่อนุญาตให้ออกคำสั่งต่อเพื่อนร่วมชั้นของเราเพื่อทำตามวัตถุประสงค์ที่พวกคุณต้องการ!]

[ไม่อย่างนั้น พวกคุณจะถือว่าเป็นศัตรูของเรา! พวกเราไม่เกรงกลัวกองกำลังอะไรทั้งนั้น และพวกเรากล้าที่จะต่อสู้กับทุกชั้นปี!]

[นักเรียนชั้นปีที่สอง เข้ามาเลยสิ!]

ด้านล่างข้อความทั้งหมดล้วนเป็นลายเซ็นของนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งที่แสดงตนว่าพวกเขาไม่ต้องการเคารพรุ่นพี่และปฏิบัติตามธรรมเนียมอีกต่อไป

[พวกเขาบ้าหรือองค์หญิงสามบ้ากันแน่?!]

จิตวิญญาณที่แสนทรมานของนักเรียนชั้นปีที่สี่เริ่มทนไม่ไหว และคาดเดาเกี่ยวกับชีวิตชั้นปีที่ต่ำกว่าแข็งแกร่งเกินไปหรือเปล่า? หรือองค์หญิงสามแข็งแกร่งเกินไปกันแน่? ถึงกับประกาศสงครามกับทั่วทั้งวิทยาเขตอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้!

นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งมีความแข็งแกร่งน้อยนิดและเพิ่งเข้าสถาบันมาได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น พวกเขายังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์และข้อบังคับของสถาบันอย่างถ่องแท้เลยด้วยซ้ำ ประมาทเลินเล่อเกินไปไหมที่จะเร่งรีบทำสงคราม?

แล้วรุ่นพี่ชั้นปีที่สองทำบ้าอะไรกัน ที่ถึงกับทำให้องค์หญิงสามออกมาโพสต์ข้อความประกาศสงครามแบบนี้?!

[ใครจะอธิบายให้ฉันฟังได้บ้าง? เกิดบ้าอะไรขึ้น?]

นักเรียนที่ไม่รู้สาเหตุเริ่มตั้งคำถาม

[ใครที่รู้ข่าวเม้ามอยแล้วก็ช่วยมาบอกต่อทีได้ไหม?]

เม้ามอย? เม้ามอยอะไร?!

นักเรียนชั้นปีที่สองปิดปากของตนเองอย่างแน่นหนาและไม่เต็มใจที่จะพูดอะไรออกไป ขณะที่นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งรู้สึกโกรธเคืองอย่างมากจนไม่ยอมปริปากพูดเรื่องดังกล่าว จนถึงตอนนี้ วัยรุ่นหนุ่มสาวทั้งหลายก็ยังไม่รู้ถึงเรื่องลี้ลับนี้

แม้ว่าวันเวลาจะผ่านพ้นไป คนจุ้นจ้านทั้งหลายก็ยังต้องการซักไซ้เกี่ยวกับเรื่องนี้

นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งหวนนึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว และปิดปากเงียบ

นักเรียนชั้นปีที่สองรู้สึกท้องผูก ราวกับกำลังนึกถึงบางอย่างที่เลวร้าย และไม่กล้าพูดออกมา

คณบดีพูลแมนนั่งอยู่ในห้องทำงานด้วยท่าทีสงบนิ่ง และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำของนักเรียน

แต่คณะอาจารย์ทั้งหลายเริ่มทนไม่ไหว โดยเฉพาะอาจารย์ของชั้นปีที่สองที่เดินตรงมายังหน้าประตูด้วยตัวเขาเอง “ท่านคณบดี ท่านไม่คำนึงถึงนักเรียนชั้นปีหนึ่งบ้างเหรอครับ? ว่าพวกเขาจะทำอะไร? จะก่อกบฏงั้นเหรอ?!”

“องค์หญิงสามทำเกินไปแล้ว ยุแยงผู้ติดตามของตัวเองให้ประจันหน้ากับรุ่นพี่ ทำแบบนั้นได้ยังไง? เกิดภายภาคหน้าพวกเขาไม่เชื่อฟังผู้บัญชาการในสนามรบล่ะ?!”

“กังวลอะไรนักหนา?” คณบดีพูลแมนเหลือบมองเขาและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เลิกเข้ามาพูดเยินยอเด็ก ๆ ได้แล้ว พวกเขาเป็นเด็กนักเรียน ก็คนเหมือนกัน!”

“เรากำลังฝึกเขาให้เป็นนักรบ ไม่ได้ฝึกให้เป็นหุ่นยนต์ที่ไม่หลงเหลือความรู้สึก ถ้าต้องพบเจอกับความไม่ยุติธรรมแล้วยังทนอยู่อีก พวกเขายังจะเป็นนักเรียนหรือคนหนุ่มสาวอยู่ไหมล่ะ?”

“แต่ว่า…” อาจารย์ประจำชั้นปีที่สองพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกคณบดีพูลแมนขัดจังหวะเสียก่อน

“ผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง ไม่ต้องกังวลไป! เด็กพวกนั้นมีความคิดพอ!”

คณบดีพูลแมนมองดูอาจารย์ประจำชั้นปีที่สองเดินออกไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ

ครั้งนี้องค์หญิงสามสร้างเรื่องใหญ่จริง ๆ! จนทำให้ผู้คนทั้งหลายจากกองทัพทหารโทรมาถามเขาด้วยตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง? นักเรียนชั้นปีนี้คงไม่กลายเป็นอุปสรรคในอนาคตหรอกใช่ไหม?

สำหรับธรรมเนียมการเคารพรุ่นพี่ชั้นปีที่สูงกว่า เมื่อคณบดีพูลแมนยังเป็นวัยรุ่น เขาก็เคยประสบกับปัญหานี้เช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าบางครั้งนักเรียนรุ่นพี่ก็จงใจสร้างความยากลำบากให้กับพวกเขา แต่ในฐานะรุ่นน้อง พวกเขาจึงทำได้เพียงก้มหน้าเชื่อฟังอย่างไร้เหตุผล ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะโดนรุ่นพี่ทั้งชั้นกลั่นแกล้งได้ เว้นแต่ว่าพวกเขาจะพักการเรียน

แม้ว่าในใจจะเกลียดธรรมเนียมที่สืบทอดกันมา แต่ทำไมไม่มีใครกล้าต่อต้านหรือคัดค้านต่อหน้าสาธารชนเป็นเวลาหลายปีล่ะ? คำตอบนั้นง่ายเพียงนิดเดียว

เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาได้เลื่อนขั้นและกลายเป็นรุ่นพี่ ความเคียดแค้นทั้งหมดที่พวกเขาเคยได้รับจะตกไปอยู่กับรุ่นน้องทันที!

เช่นเดียวกับกระบอกเสียง และการส่งต่อความเจ็บปวด

“หวังว่าองค์หญิงสามจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะหยุดเรื่องนี้ในอนาคต”

เรื่องราวที่องค์หญิงสามท้าทายธรรมเนียมปฏิบัติอย่างโจ่งแจ้งแพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว และเป็นข่าวลือไปทั่วทุกสถาบัน

นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งของสถาบันทั้งหลายแอบเฝ้าภาวนาให้องค์หญิงสามสามารถนำชัยชนะมาสู่นักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง และขจัดความโอหังของนักเรียนชั้นปีที่สองออกไปเสียที

สำหรับนักเรียนที่อยู่ในชั้นปีอื่นต่างรู้โกรธจัด โดยเฉพาะนักเรียนชั้นปีที่สองที่โอดครวญออกมาด้วยความโกรธ!