ตอนที่ 79: จุดเริ่มต้นสุดเลวร้าย

“ไม่มีอะไร ฉันก็แค่ได้ยินเสียงคนคุยกันข้างนอก ก็เลยเดาเอาน่ะ” เสี่ยวเฉิงตอบกลับพร้อมกับเสียงหัวเราะ ไม่นานนัก เขาก็เงียบลง

“แล้วทําไมนายถึงต้องเลือดกําเดาไหลด้วยล่ะ?” เซินเหยาพลันชี้นิ้วไปยังเสี่ยวเฉิงด้วยความประหลาดใจและถามด้วยความสงสัย

เสี่ยวเฉิงพลันสะดุ้งและรีบใช้มือเช็ดจมูกทันที แน่นอนว่ามันคือเลือด

สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างน่าอึดอัดเล็กน้อย

“อาจเป็นเพราะป้าหลินเอาพวกอาหารเสริมมาให้ฉันมากเกินไปล่ะมั้ง”

“ให้ฉันโทรเรียกคุณหมอมาไหม?” เซินเหยาถามด้วยความกังวล

“ไม่เป็นไรหรอก”

เซินเหยาพยักหน้า เธอพลันลุกขึ้นและกําลังจะถอดแจ็คเก็ตออก เพราะภายในห้องผู้ป่วยมีเครื่องปรับอุณหภูมิอยู่แล้ว เธอจึงไม่จําเป็นต้องสวมใส่แจ็คเก็ตอยู่ตลอดเวลา

แต่ทว่า ใครจะไปรู้ล่ะว่าเสี่ยวเฉิงจะชี้นิ้วมาที่เซินเหยาและกล่าวคําพูดขึ้น ”อย่าถอดนะ”

ทั้งหรานจิงและเซินเหยารู้สึกตกใจเล็กน้อย

เสี่ยวเฉิงในตอนนี้ก็รู้สึกอึดอัดกับคําพูดเมื่อครู่ของตัวเองเช่นกัน อันที่จริง เสี่ยวเฉิงแค่รู้สึกกังวลกับความสามารถใหม่ของตน ถ้าเขาหลับตาลงอีกครั้งและเซินเหยาถอดเสื้อนอกออก เขาอาจจะสามารถมองทะลุเสื้อชั้นในของเธอไปเลยก็ได้

“เป็นบ้าอะไรของนายล่ะเนี่ย? ทําตัวน่าสงสัยไปเสียทุกอย่างเลยนะ” เซินเหยาเดินไปแขวนเสื้อแจ็คเก็ตและพูดขึ้น

“เธอไม่หนาวเหรอ?” เสี่ยวเฉิงพลันรู้สึกเลิ่กลั่ก เขาพยายามเปลี่ยนประเด็น

“แอร์มันก็ปรับอุณหภูมิได้ไม่ใช่หรือยังไงกัน?” เซินเหยาพลันลอกตา

“ถ้าอย่างนั้น เธอช่วยย้ายราวตากผ้าไปไว้ตรงหน้าต่างหน่อยได้ไหม?” เสี่ยวเฉิงกล่าว

” ทําไมล่ะ?”

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนร้ายเป็นมือปืนล่ะ? ถ้าไม่เอาอะไรมาบังหน้าต่างไว้ ฉันก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะลั่นไกใส่หัวฉันน่ะสิ”

เซินเหยาเองก็คิดว่าเสี่ยวเฉิงพูดมีประเด็น เธอจึงเลื่อนราวตากผ้าไปไว้ติดกับหน้าต่างและปิดม่านเพื่อไม่ให้คนนอกมองเข้ามา

จากนั้น เสี่ยวเฉิงก็แสร้งทําเป็นงีบและหลับตาลง แต่ทว่า เขาในตอนนี้ก็ไม่สามารถหลับลงได้เลย หลังจากรู้ว่ามีความสามารถอันน่าพึ่งเช่นนี้ ใครบ้างล่ะที่จะสามารถหยุดความตื่นเต้นในใจเอาไว้และผล็อยหลับลงได้?

เสี่ยวเฉิงพลันหลับตาลง เขาเริ่มเพ่งสมาธิ และด้วยการฝึกใช้ความสามารถของอัลตราซาวนด์ มันจึงทําให้สมองของเสี่ยวเฉิงควบคุมระดับสมาธิได้ง่ายมากขึ้น

ทันทีที่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เสี่ยวเฉิงก็พบว่าเขาสามารถมองทะลุกําแพงรอบตัวได้อย่างน่าตกใจ เขามองเห็นแม้กระทั่งผู้คนที่เดินไปมาอยู่รอบนอก เสี่ยวเฉิงสามารถมองเห็นวัสดุทุกประเภทตรงหน้า อีกทั้งยังสามารถพุ่งสมาธิไปยังสิ่งมีชีวิตที่กําลังเคลื่อนไหวอยู่ได้อีกด้วย

หนูตัวเล็กกําลังวิ่งอยู่ตรงหัวมุม ผู้คนมากมายกําลังเดินอยู่ในโถงทางเดิน สมาชิกของครอบครัวหนึ่งกําลังยืนรอใครบางคนอยู่นอกห้องฉุกเฉินอย่างใจจดใจจ่อ เจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพกําลังเดินเข้ามาเปลี่ยนกะ ตลอดจนฝูงชนที่เดินขึ้นและลงบันได ตราบใดที่มันเป็นสิ่งมีชีวิต ดูเหมือนว่าเสี่ยวเฉิงจะสามารถมองเห็นได้ทั้งหมด ส่วนวัตถุที่ไม่มีชีวิตก็จะกลายเป็นเหมือนความโปร่งใสสําหรับเขาไปเลย

เสี่ยวเฉิงพลันรู้สึกสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

“มันเป็นไปได้ไหมนะที่เราจะสามารถมองเห็นสิ่งที่คลื่นอัลตร้าโซนิคตรวจพบได้โดยตรง?” เสี่ยวเฉิงค่อนข้างตกใจ

อันที่จริง คลื่นอัลตร้าโซนิคที่ถูกส่งออกไปจะสะท้อนข้อมูลกลับมายังสมองของเสี่ยวเฉิง และจากนั้น ข้อมูลทั้งหมดก็จะถูกส่งต่อไปยังดวงตาของเขา ด้วยเหตุนั้น ทันทีที่เสี่ยวเฉิงลืมตาขึ้น เขาจึงสามารถเพิกเฉยต่อสิ่งที่ไม่มีชีวิตและเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ผู้คนที่เคลื่อนไหวไปมาเพียงอย่างเดียวได้

ทว่า สิ่งที่ทําให้เสี่ยวเฉิงตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ… เมื่อทัศนะพิสัยหรือลานสายตาของเขามีผู้คนจํานวนมากปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน สมองของเสี่ยวเฉิงก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือได้รับเสียหายจากข้อมูลที่พุ่งเข้ามามากเกินไปในคราวเดียวเลย เสี่ยวสามารถมองเห็นและได้ยินเสียงผู้คนเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนราวกับกําลังยืนอยู่ข้างกายพวกเขา ทั้งสมองและดวงตาของเสี่ยวเฉิงไม่ได้รู้สึกอ่อนล้าเลยแม้แต่น้อย

เสี่ยวเฉิงหันไปทางซ้ายของโรงพยาบาล แล้วหันไปทางขวาพร้อมกับมองต่ำลงไป เขาสามารถมองเห็นได้แม้กระทั่งคนที่กําลังยืนจ่ายค่ายาอยู่ที่เคาน์เตอร์ รวมถึงผู้คนที่กําลังเดินเข้าและออกทางประตู

ให้ตายเถอะ! มันดูจะเป็นความสามารถที่ทรงพลังเกินไปแล้ว!

เสี่ยวเฉิงเงยหน้าขึ้นและมองไปยังเพดาน เขาอยากรู้ว่าตนสามารถมองเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวได้หรือไม่ แต่ทว่า ทันทีที่เสี่ยวเฉิงพิงหัวเตียงและกําลังจะเพลิดเพลินกับวิวข้างบนหัว เขาก็บังเอิญเห็นผู้ชายคนหนึ่งอยู่บนหลังคา