รายนามนภา
“ตระกูลซือถูมีข้อกำหนดว่ารับเฉพาะปรมาจารย์จารึกเซียนมารักษาเช่นนั้นหรือ…งั้นข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
ต้วนหลิงเทียนมองตอบสตรีงามที่ชักสีหน้าเคร่งขึ้นมาด้วยท่าทางไม่แยแส
สตรีงามดังกล่าวพอได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ก็แลดูใจเย็นลงทันที เพียงจ้องมองต้วนหลิงเทียนตาเขม็งอีกครั้งค่อยออกเดินนำทางต่อ
ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ไปพกพาความมั่นใจมาจากไหน แต่นางก็ไม่คิดปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไปแบบนี้ ในเมื่อมาก็มาแล้วเช่นนั้นก็จำต้องให้อีกฝ่ายลองดู! หากนางปล่อยให้อีกฝ่ายไปก็เท่ากับว่านางบกพร่องในหน้าที่!!
ด้วยมีสตรีนำทาง ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็มาถึงหน้าเรือนใหญ่หลังหนึ่ง
“ข้าจะเข้าไปแจ้งการมาถึงของท่าน”
สตรีงามหันมากล่าวบอกต้วนหลิงเทียน และก้าวเข้าไปในเรือนหลังดังกล่าวโดยไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนตอบสนอง
ต้วนหลิงเทียนก็ยืนรอเงียบๆหน้าประตู ในแววตาเผยประกายเล็กน้อย ‘สตรีผู้ดูแลฝ่ายในของตระกูลซือถูไม่ธรรมดาจริงๆ…ด่านพลังของนางบรรลุสูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ทว่ากลิ่นอายพลังที่แผ่ออกกลับไม่ได้ด้อยไปกว่ารองเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงเลย’
หากเป็นก่อนหน้านี้ พอต้วนหลิงเทียนทราบว่าพลังฝีมือของนางสมควรทัดเทียมกับครึ่งก้าวเซียนเขาอาจจะระวังมากกว่านี้
ทว่าตอนนี้เขาไม่ได้สนใจอะไร
ด้วยพลังฝึกปรือของเขาตอนนี้ ต่อให้ไม่ใช้กระบี่นิลสวรรค์ เขาก็จัดการตัวตนที่อยู่ใต้ขอบเขตเซียนได้อย่างง่ายดาย!
ไม่นานสตรีดังกล่าวก็กลับออกมาอีกครั้ง โดยมีชายชราติดตามมาด้วย
ชายชรามาในชุดคลุมสีขาว ท่วงท่าสงบแลดูน่าเกรงขาม
ทุกย่ำก้าวแลดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติโดยรอบ
นอกจากนี้ยังให้แรงกดดันประการหนึ่งต่อต้วนหลิงเทียน
‘ขอบเขตเซียนงั้นเหรอ…’
ทันทีที่เห็นชายชราที่มาพร้อมสตรีน่าดู ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายสมควรบรรลุขอบเขตเซียนแล้ว ยังอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย
ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นบ้านที่คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูพักรักษาตัว…
กลับมีขอบเขตเซียน?
อย่างน้อยๆในขุมพลังชั้น 7 ขอบเขตเซียนก็มีอยู่น้อยคนนัก ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดประหลาดใจไม่ได้ที่เห็นตัวตนระดับนี้มาทำหน้าที่เฝ้าไข้อะไรแบบนี้
“นี่คือท่านผู้อาวุโสโฮ่ว”
สตรีงามที่เดินนำชายชรามากล่าวแนะนำชายชราให้ต้วนหลิงเทียน
“อาวุโสโฮ่ว”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้ชายชราพร้อมกล่าวทักทาย
“อาวุโสโฮ่วเป็นอาวุโสระดับสูงของตระกูลซือถูเรา! เช่นนั้นเจ้าโปรดให้ความเคารพด้วย!!”
ชายชรายังไม่ทันได้ตอบคำอะไร กลับเป็นสตรีผู้ดูแลกล่าวส่งเสียงผ่านปราณแท้ออกมาก่อน ท่าทางน้ำเสียงยังเผยความไม่พอใจออกมา
“ผู้ดูแลฝูเจ้าไม่คิดว่าเจ้าจะมากเรื่องไปหน่อยเหรอ จุดประสงค์การมาของข้าคือช่วยคุณชายตระกูลซือถูของเจ้า เป็นอาวุโสระดับสูงแล้วจะอย่างไร หรือเจ้าจะให้ข้าก้มกราบคารวะเลยหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนมองสตรีด้วยสายตาเฉยเมยกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงประชด
“เจ้า!”
เห็นได้ชัดว่าสตรีงามไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้าพูดออกมาตรงๆแบบนี้ ใบหน้าของนางมืดดำลงทันใด แววตายังเผยความดุร้ายออกมาทันที
“อะไร? ข้าพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ย
ทันทีที่เขาตัดสินใจมายังตระกูลซือถู เขาก็ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะรักษาการวางตัวเป็นอย่างดี เพื่อให้รู้ว่าเขาเป็นคนสำคัญ และมีศักดิ์ศรี!
ด้วยพลังฝีมือและความมั่นใจรวมถึงความสามารถของเขา ย่อมมีคุณสมบัติวางตัวแบบนี้ต่อตระกูลซือถู!
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็เลิกแยแสสตรีผู้ดูแลสืบไปเพียงหันมองไปทางชายชราด้วยความสนใจ
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนพลันพบว่ามุมปากายชราพลันยกยิ้มมีเลศนัยขึ้นมา!
ไม่ทราบว่าทำไมแต่พอเห็นรอยยิ้มดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนพลันตื่นตัวขึ้นมาทันที
ปง!
ทันใดนั้นเสียงสนั่นปานหินระเบิดพลันปะทุออก! ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงสายลมแรงหอบหนึ่งสาดมาทางเขา!!
ยังมีกลิ่นหอมโชยมาพร้อมกับสายลมแรงดังกล่าว!
กลิ่นหอมนี้ไม่ใช่อะไรที่ไม่คุ้นสำหรับต้วนหลิงเทียน เป็นน้ำหอมที่ผู้ดูแลฝูใช้! อีกฝ่ายพุ่งปราดออกมาจากข้างกายชายชรา แถมลงมือต่อเขาเสียอย่างนั้น!
การลงมือของผู้ดูแลฝูทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ใช่พลับสุกอ่อนนุ่มที่ใครคิดจะบีบเล่นก็ทำได้! แขนขวาเขาไหววูบ ปราณแท้พวยพุ่งออกมาฉับไวไหลผ่านชีพจรเซียน 99 สาย ควบรวมสู่หมัด ก่อนที่จะง้างชกสวนออกไป!
ฝ่ามือของผู้ดูแลฝูมาได้รุนแรงไม่น้อย! สภาวะยังประหนึ่งพัดใบลานอัดเขื่องหมายฟาดต้วนหลิงเทียนให้ปลิดปลิว!!
หากแต่ต้วนหลิงเทียนก็ยิงหมัดออกไปหมายปะทะรับฝ่ามือดังกล่าวโดยไร้ความหวั่นหวาดอะไร
ทันใดนั้นหมัดฝ่ามือก็ปะทะกันอย่างจัง!
เปรี๊ยงงง!!
เสียงสนั่นลั่นดังปานฟ้าร้อง! พลังจากหมัดต้วนหลิงเทียนกับพลังจากฝ่ามือของผู้ดูแลฝูระเบิดออกอย่างแรง!!
การประมือครั้งนี้ ไร้วรยุทธ์เซียน ทั้งไร้ลูกเล่นใดๆของตัวตนในด่านสู่เซียนทั้งหมด เพียงปราณแท้ก็เท่านั้น ไม่ต้องใช้เขตแดนอะไรให้วุ่นวาย!
แน่นอนสำหรับต้วนหลิงเทียนมันไม่ใช่แค่ปราณแท้…ยังเป็นพลังดิบเถื่อนจากร่างกาย!
เพราะหลังจากต้วนหลิงเทียนทะลวงมาสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ร่างกายของเขาก็ทวีความแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นอย่างน่ากลัว!!
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนที่พึ่งทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ย่อมไม่อาจเอาชนะนางได้ในแง่ของปริมาณปราณแท้
และถึงเขาจะมีชีพจรเซียน 99 สาย หากแต่เขาเป็นฝ่ายลงมือทีหลัง จึงไม่ได้มีความได้เปรียบเรื่องจ่ายส่งพลังงานฉับไวอะไร
เช่นนั้นแล้วในแง่พลังทำลายจากปราณแท้คราวนี้เขาจึงไม่ได้มีเปรียบอะไรนาง..
มวลอากาศ ณ จุดที่ฝ่ามือหมัดปะทะเริ่มเบิดเบือน หากแต่ต้วนหลิงเทียนยังยืนนิ่งหน้าไม่เปลี่ยนสี!
ตรงกันข้าม ผู้ดูแลฝูที่ลงมือออกมาด้วยความมั่นใจกลับกลายเป็นสีหน้าบิดเบี้ยว สุดท้ายก็ถูกพลังดิบเถื่อนอันร้ายกาจซัดทำลายจนพลังฝ่ามือสิ้นสูญ!
จากนั้นร่างงามก็กระเด็นถอยหลังปลิดปลิวไปไม่เป็นท่า แม้จะไม่ล้มหงายหลังอะไร แต่ทว่าก็เซถลาไปแทบยืนไม่อยู่!
แถมนี่ยังเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนมีเมตตาเบามือให้นางกว่าครึ่ง!
หาไม่แล้วสภาพของผู้ดูแลฝูน่ากลัวว่าอย่างดีคงได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นเดือน อย่างร้ายอาจร่างระเบิดแหลกเหลวตายตก!
“ข้าจะเข้าไปได้รึยัง?”
หลังจากซัดผู้ดูแลฝูจนปลิดปลิวต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เหลียวแลนางอีกเลย เพียงหันไปกล่าวถามชายชราด้วยแววตาเฉยเมย
ไม่ต้องเดาเขาก็พอทราบได้ว่าสมควรเป็นชายชราสั่งนางให้ลงมือทดสอบเขา!
หาไม่แล้วอยู่ต่อหน้าชายชราเช่นนี้ ต่อให้เป็นผู้ดูแลฝูที่หัวร้อนปานใด นางย่อมไม่กล้าลงมือส่งเดช
“ย่อมเข้ามาได้”
หลังได้ยินวาจาเฉยเมยของต้วนหลิงเทียน ซือถูโฮ่ว ก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มพร้อมผายมือเชื้อเชิญ
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้กล่าวคำใด เพียงก้าวเดินออกไปตามที่อีกฝ่ายผายมือ
ขณะเดียวกันซือถูโฮ่วที่เตรียมเดินนำต้วนหลิงเทียนไป ก็หันไปมองสตรีผู้ดูแลอีกครั้ง “หมดหน้าที่ของเจ้าแล้ว…เจ้าไปได้”
“ค่ะท่าน”
ผู้ดูแลฝูรับคำด้วยเคารพ
อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะจากไปนางก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนด้วยสายตายำเกรง
‘ข้ามั่นใจว่าเขายังมิได้บรรลุขอบเขตเซียน…ทว่าพลังฝีมือกลับอยู่เหนือข้าไปมาก! หรือเขาจะเป็นยอดฝีมือในรายนามนภากัน?’
ทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้ ลูกตาของผู้ดูแลฝูก็ส่องสว่างขึ้นมาทันที
รายนามนภานั้น คือการจัดอันดับพลังฝีมือในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอย่างหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วผู้ที่รับผิดชอบในการดูแลเรื่องนี้จะเป็นขุมพลังชั้น 5
กล่าวง่ายๆว รายนามนภาคือการจัดอันดับยอดฝีมือในเขตการปกครองของขุมพลังชั้น 5!
และรายนามนภานี้ก็จัดอันดับพลังฝีมือในขอบเขตสู่เซียน!
ในรายนามนภานั้นจะมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 100 รายชื่อ นี่คือเหล่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในขอบเขตสู่เซียน และอีกแค่ไม่กี่ก้าวจะบรรลุขอบเขตเซียน!
ว่ากันว่าผู้ที่ติดอันดับในรายนามนภานั้น ต่อให้อ่อนด้อยที่สุด ก็มีพลังฝีมือทัดเทียมกับครึ่งก้าวเซียนทั่วๆไป 3 คนกลุ้มรุม!
หากต้วนหลิงเทียนทราบถึงการมีอยู่ของรายนามนภา เขาคงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เพราะมันละม้ายคล้ายเหมือนกับรายนามปฐพีของเขตปกครอง 9 พันธมิตรไม่มีผิด แตกต่างกันก็แค่รายนามปฐพีจัดอันดับยอดฝีมือในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ ส่วนรายนามนภาจัดอันดับยอดฝีมือในขอบเขตสู่เซียน
อันที่จริงแล้วรายนามปฐพีของเขตปกครอง 9 พันธมิตรก็ทำเลียนแบบรายนามนภานี้นี่เอง…
มีเขตปกครองที่เกิดจากขุมพลังรวมตัวกันอย่าง 9 พันธมิตรมากมาย
หากทว่าในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มีเขตปกครองของขุมพลังชั้น 5 อยู่แค่หลักสิบเท่านั้น
ทำให้แม้ขุมพลังชั้น 5 บางกลุ่มจะร่วมมือกันสร้างรายนามนภาแต่มันก็มีรายนามนภาไม่กี่ชุดเท่านั้น กลับกันรายนามปฐพีนั้นกลับมีแทบนับไม่ถ้วน
เช่นนั้นผู้ที่สามารถติดอันดับในรายนามนภาได้ จึงนับว่าเป็นสุดยอดฝีมือตัวจริง!
ด้วยเหตุนี้พอผู้ดูแลฝูสงสัยว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะติดอันดับในรายนามนภา ทัศนคติของนางที่มีต่อเขาก็แปรเปลี่ยนไป
กระทั่งพอคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาอันแสนเย็นชาและไม่แยแสนาง กับพลังดิบเถื่อนสมชายชาตรีเมื่อครู่ ผู้ดูแลฝูยังอดไม่ได้ที่จะเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบถึงขั้นใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ แลดูเหนียมอายคล้ายกุลสตรีในหอน้อยคอยรักไปทันตา…
ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าไม่ได้รู้เรื่องทีท่าของผู้ดูแลฝูที่เปลี่ยนไปเลย
และเป็นธรรมดาที่เขาไม่สนใจจะรู้!
ตอนนี้เขาเดินตามผู้อาวุโสระดับสูงอย่างซือถูโฮ่วเข้าไปในเรือน และไม่นานก็บรรลุถึงห้องนอนแห่งหนึ่ง แม้ห้องนอนนี้จะกว้างใหญ่แต่กลับไร้สิ่งของตกแต่งมากมาย มีเพียงของธรรมดาและลายพู่กันที่คล้ายจะเขียนเองเท่านั้น…
เพียงมองการตกแต่งในห้องนอนที่เรียบง่ายสมถะนี้ ต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความรู้สึกประทับใจคุณชายใหญ่ตระกูลซือถูเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน
และตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นร่างชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลซือถู
คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูแม้จะแลดูอิดโรย หากแต่กล่าวไปนับว่าเป็นบุรุษที่หล่อเหลาคนหนึ่ง ตอนนี้ใบหน้าอีกฝ่ายซีดเซียวคล้ายกระดาษ หว่างคิ้วยังปรากฏปานสีดำคล้ายแมงมุมตัวเขื่องเกาะอยู่!
เมื่อต้วนหลิงเทียนเข้ามา คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูก็คล้ายสัมผัสได้ถึงการมา มันพยายามฝืนลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เผยให้ทราบว่าตอนนี้มันอ่อนแรงเพียงใด มองไปคล้ายคนธรรมดาที่กำลังป่วยหนักแม้แต่น้อย
“ท่านปู่โฮ่ว”
มันทักทายซือถูโฮ่วก่อน หลังจากนั้นค่อยมองมาทางต้วนหลิงเทียน กล่าวถามออกมาด้วยริมฝีปากที่แห้งแตก “แล้วคุณชายท่านนี้…”
“คุณชายท่านนี้มาดูอาการเจ้า”
ซือถูโฮ่วคล้ายจะมีสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับคุณชายใหญ่ตระกูลซือถู เพราะแววตาของมันกลับอ่อนโยนลงหลายส่วนขณะกล่าววาจากับอีกฝ่าย
“ข้ายอมแพ้ไปแล้ว ไฉนพวกท่านถึงได้…”
คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูกล่าวออกมาพร้อมทอดถอนใจ
“หากยังไม่จบสิ้น! ก็อย่าได้ยอมแพ้!!”
ซือถูโฮ่วกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เอาล่ะ”
คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูพยักหน้ารับ ก่อนที่จะมองต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มฝืนๆ “รบกวนท่านแล้ว…”