ตอนที่ 205 เบี่ยงเบนความสนใจ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 205 เบี่ยงเบนความสนใจ

ครอบครัวของฟางเว่ยตั่งอยากจะระบายโทสะแต่ก็ไม่ได้ผล สมาชิกในครอบครัวทั้งสามคนถูกครอบครัวของหวังหรงกดและถูลงกับพื้น พวกเขาไม่สามารถแบกรับความเลวร้ายนี้ได้ รีบกลับไปที่บ้านของฟางเว่ยกั๋วทันที

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ฟางเว่ยกั๋วไม่ได้ออกไปสังสรรค์ เมื่อเขาเห็นครอบครัวของพี่ชายคนรองวิ่งมาด้วยความตื่นตระหนก เขาก็ตกใจและถามว่า “ทำไมพวกนายถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?”

ฟางเว่ยตั่งจ้องมองหวังเหวินฟางด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ พูดพลางกัดฟัน “ครอบครัวเราสามคนถูกครอบครัวพี่ชายกับพี่สะใภ้ของคุณทำร้ายมาน่ะสิ!”

หวังเหวินฟางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “พี่ชายและพี่สะใภ้ของฉันใจดีมาก จะลงไม้ลงมือทำร้ายคนอื่นได้ยังไง มีอะไร… เข้าใจผิดหรือเปล่าคะ?”

หยางรั่วหลานรีบไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และตบหล่อนแหลายครั้งด้วยความเร็วดุจสายฟ้า พลางตะโกนด้วยความโกรธ “เข้าใจผิด! ทุบตีเราแบบนี้ ยังบอกว่าเป็นการเข้าใจผิดอีก! ครอบครัวพี่ชายคุณเป็นหมาบ้ากันหมด พวกเขากระโดดขึ้นทับแล้วกัดคน คุณยังบอกว่าพวกเขาใจดีเหรอ! “

ว่ากันว่าก่อนจะตอบโต้ผู้อื่นควรคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลก่อน แต่หยางรั่วหลานไม่ได้ให้เกียรติใด ๆ และกระทืบหวังเหวินฟางอย่างรุนแรงต่อหน้าฟางเว่ยกั๋ว

ฟางเว่ยกั๋วหน้าเสียเล็กน้อยและสีหน้าของเขาก็ไม่สู้ดี

เขากลั้นหายใจและถามว่า “ทำไมครอบครัวนายถึงมีเรื่องกับครอบครัวของหรงหรงล่ะ?”

ฟางเว่ยตั่งบอกเขาอย่างขมขื่นว่าหวังหรงวางแผนทำร้ายฟางถิงอย่างไร ครอบครัวของเขาขอคำอธิบายจากหวังหรงและเล่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับการทุบตีทั้งครอบครัวให้เขาฟัง

หลังจากที่ฟางเว่ยกั๋วได้ยิน ใบหน้าของเขาก็ดำราวกับก้นหม้อ และเขาพูดด้วยความโกรธกับหวังเหวินฟาง “ดูสิ่งที่หลานสาวของคุณทำสิ ใจคออำมหิตยิ่งกว่างูพิษเสียอีก!”

หวังเหวินฟางไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน หล่อนไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่หวังหรงทำ

หล่อนแอบดุหวังหรงในใจว่าหล่อนช่างโง่นัก ต่อให้หล่อนคิดจัดการกับหลินม่าย แล้วใช้ฟางถิงเป็นเครื่องมือก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมต้องคิดส่งหล่อนเข้าคุกตะรางด้วย

หล่อนเอ่ยพึมพำ “ฉันจะบอกพี่ชายและพี่สะใภ้ของฉันในภายหลัง และขอให้พวกเขาลงโทษหรงหรงอย่างเคร่งครัดค่ะ”

หยางรั่วหลานตะคอกอย่างเย็นชา “พี่ชายและพี่สะใภ้ของเธอก็ไม่ใช่คนดี หากเธอขอให้พวกเขาสั่งสอนหรงหรง สัตว์ร้ายด้วยกันจะฝึกกันได้ที่ไหน? จะฝึกได้ดีไหมล่ะ?”

เมื่อได้ยินหล่อนดุพี่ชายและพี่สะใภ้ของตน หวังเหวินฟางก็โกรธจนแทบจะระเบิดทันที แต่ก็ต้องข่มกลั้นไว้และถามอย่างอ่อนแรงว่า “แล้วคุณคิดว่าควรทำยังไงล่ะคะ?”

ฟางเว่ยตั่งกล่าวกับฟางเว่ยกั๋ว “พี่ใหญ่ ถ้าพี่ยังเห็นว่าถิงถิงเป็นหลาน พี่จะต้องให้ครอบครัวหวังหรงออกจากแผนกไฟฟ้า!”

หยางรั่วหลานรีบตอบ “ใช่ ไล่พวกเขาทั้งสามออกจากแผนกพลังงานไฟฟ้า! อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของพวกเขาเป็นนักโทษ เป็นไปตามระเบียบของรัฐวิสาหกิจ ต้องไล่ออก”

หวังเหวินฟางร้อนใจ หากสมาชิกในครอบครัวของพี่ชายทั้งสามคนถูกไล่ออกจากภาคไฟฟ้าก็จะเท่ากับตกงาน

แม้จะสามารถส่งตัวไปยังหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ได้ แต่จะมีหน่วยงานของรัฐกี่แห่งกันที่ให้ผลกำไรมากกว่าการไฟฟ้า

หวังเหวินฟางส่ายศีรษะและขอร้องฟางเว่ยกั๋ว “อย่าย้ายครอบครัวพี่ชายของฉันออกจากแผนกไฟฟ้าเลยค่ะ ให้พวกพี่ชายของฉันจ่ายเงินให้ถิงถิงเป็นการชดเชยเถอะ”

ฟางเว่ยตั่งพูดด้วยใบหน้ามืดมน “คุณกลัวว่าครอบครัวของพี่ชายคุณจะตกงาน แต่ถิงถิงของเราถูกหน่วยงานไล่ออกแล้ว! ยิ่งกว่านั้นเป็นเพราะหล่อนถูกควบคุมตัว หล่อนจึงมีประวัติอาชญากรรมติดตัวและไม่มีหน่วยงานของรัฐใดยอมรับ หล่อนตกงานแบบนี้แล้วจะชดใช้ยังไง? คุณให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ชดใช้เงินให้กับถิงถิงจะมีประโยชน์อะไร ใครจะสน!”

หวังเหวินฟางไม่โต้ตอบคำพูดของพวกเขา แต่มองไปที่ฟางเว่ยกั๋วเพื่อขอความช่วยเหลือ

ฟางเว่ยกั๋วเงียบไปนาน ฟางเว่ยตั่งและภรรยาของเขากล่าวว่า “เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ต่อให้ครอบครัวของหวังหรงจะถูกขอให้ออกจากแผนกพลังงานจริงๆ มันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก พวกนายรับเงินชดเชยเสียเถอะ ต้องการเท่าไหร่ ฉันจะให้เหวินฟางถามพี่สะใภ้ของหล่อน”

ฟางเว่ยตั่งเย้ยหยันและพูดว่า “พี่ใหญ่ นี่พี่กำลังเบี่ยนเบนความสนใจหรือเปล่า?”

ฟางเว่ยกั๋วปฏิเสธ “เปล่า ฉันกำลังจัดการอย่างสมเหตุสมผลที่สุด”

ฟางเว่ยตั่งถามอย่างเย็นชา “จัดการอย่างสมเหตุสมผลที่สุด? แล้วมันยุติธรรมกับถิงถิงไหม?”

ฟางเว่ยกั๋วรู้สึกเหนื่อยใจและพูดว่า “ก็บอกว่าจะให้ชดใช้ให้ถิงถิงอยู่ไม่ใช่หรอ!”

หยางรั่วหลานพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “ในเมื่อลุงของเด็กยืนยันที่จะปกป้องข้อบกพร่องของเขา แขนของเราไม่สามารถบิดต้นขาได้ ดังนั้นฉันจะฟังพี่ เอาแบบนี้แล้วกัน ครอบครัวหวังจะต้องชดเชยถิงถิงเป็นเงินสามหมื่นหยวน”

หวังเหวินฟางโกรธมากจนกำหมัดแน่น แต่แสดงสีหน้าลำบากใจเท่านั้น พูดอย่างอ่อนแรงว่า “สามหมื่น มากไปหน่อยหรือเปล่า?”

“มากบ้าอะไร!” ฟางเว่ยตั่งตะโกน “ถิงถิงของพวกเราทำงานในสำนักงานยาสูบได้เงินเดือนสองร้อยหยวน ในหนึ่งปีก็ได้สองพันกว่า และอย่างน้อยเจ็ดหมื่นเมื่อเกษียณตอนอายุห้าสิบปี เพื่อช่วยหล่อนในครั้งนี้ พวกเราต้องให้เงินชดเชยแก่หลินม่ายสามหมื่นหยวน ซึ่งรวมแล้วมากกว่าหนึ่งแสนหยวน แค่ขอให้คุณเอาเงินสามหมื่นหยวนมาชดเชย ถือว่าพวกคุณได้เปรียบแล้ว แต่คุณยังคิดว่ามันมากเกินไป! “

แม้ว่าจะให้หลินม่ายเพียงสองหมื่นหยวน แต่ฝ่ายฟางเว่ยตั่งก็จงใจพูดว่าสามหมื่นหยวน เพียงเพื่อให้ฟางเว่ยกั๋วคิดว่าเขาไม่ได้ขอเงินเพิ่มจากครอบครัวของหวังหรง

หวังเหวินฟางมองไปที่ฟางเว่ยกั๋วด้วยความลำบากใจ

ฟางเว่ยกั๋วนิ่งเงียบเป็นเวลานานและพูดกับน้องชายคนรองของเขาว่า “ครอบครัวของหรงหรงจะหาเงินสามหมื่นหยวนได้ที่ไหน? ให้พวกเขาใช้แค่หมื่นห้าก็ได้แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นครอบครัวของเราก็สมควรที่จะล้มละลายและไปขอค่าชดเชยกับหลินม่าย?” ฟางเว่ยตั่งพยักหน้าด้วยความโกรธ

“ฉันเข้าใจแล้ว ในหัวใจของพี่ใหญ่ หลานสาวของตัวเองและน้องชายเป็นคนนอก ส่วนหวังเหวินฟางและครอบครัวของหล่อนเป็นญาติกันนี่เอง ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่ยอมทวงความยุติธรรมให้ถิงถิง ดังนั้นเราควรหาทางด้วยตัวเอง แม้ฉันจะไม่มีอำนาจเท่าพี่ใหญ่ แต่ฉันก็ยังมีเส้นสายอยู่บ้าง ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉันที่จะไล่ครอบครัวหวังออกจากแผนกไฟฟ้าหรอก!”

ว่าแล้วเขาก็พาลูกกับภรรยาออกไป

หวังเหวินฟางเอ่ยอย่างร้อนรน “ตกลง! ฉันสัญญาว่าจะให้พี่ชายและพี่สะใภ้ของฉันจ่ายสามหมื่นหยวนเพื่อชดเชยถิงถิง”

หล่อนยอมที่จะชดเชยฟางถิงด้วยเงินสามหมื่นหยวน ดีกว่าให้ครอบครัวพี่ชายของหล่อนตกงาน นั่นจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่!

หลังจากที่ครอบครัวของฟางเว่ยตั่งจากไป ฟางเว่ยกั๋วถามหวังเหวินฟางว่า “คุณจะให้ครอบครัวพี่ชายหาเงินสามหมื่นหยวนจากไหน?”

หวังเหวินฟางถามอย่างไม่แน่ใจ “ครอบครัวของเราให้พี่ชายฉันยืมเงินสามหมื่นหยวนได้ไหม”

ฟางเว่ยกั๋วปฏิเสธเสียงเรียบ “ให้ครอบครัวของพวกเขายืมเงินมันฟังดูดีนะ แต่ความจริงแล้วมันเป็นการเอาเนื้อให้สุนัขกิน ไม่มีทางได้คืน คุณเองก็บอกว่าพี่ชายยืมเงินไปหลายพันหยววน เขาได้คืนบ้างไหมล่ะ?”

หวังเหวินฟางพูดไม่ออก

เมื่อนึกถึงรายได้ที่สูงของฟางจั๋วหราน เขาสามารถใช้จ่ายสามหมื่นหยวนได้อย่างง่ายดาย

แม้เขาจะหาเงินสามหมื่นหยวนมาไม่ได้ แต่เขาก็มีทองคำแท่งมากมายที่แม่ผู้ล่วงลับไปแล้วของเขาทิ้งไว้ให้ เขาสามารถหาเงินสามหมื่นหยวนได้จากการขายทองคำแท่งเพียงไม่กี่ชิ้น

หวังเหวินฟางจึงหมายตาเขาไว้

หล่อนรู้ว่าถ้าตนขอเงินฟางจั๋วหราน เขาก็คงไม่คุยกับหล่อน

ดังนั้นแทนที่จะแบกหน้าไปยืมเขา ขอให้ฟางจั๋วเยวี่ยลูกชายของตนเป็นคนยืมเงินมาจากพี่ชายของเขาจะดีกว่า

แม้ทั้งสองจะเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีมาตั้งแต่เด็ก

เมื่อฟางจั๋วหรานเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เพื่อสั่งสอนเด็กเลวที่รังแกฟางจั๋วเยวี่ย เขาก็หยิบมีดทำครัวและไล่ตามเด็กคนนั้นไปตามท้องถนน วิ่งจนอีกฝ่ายรองเท้าหลุดหาย คุกเข่าลงบนพื้นแล้วเรียกเขาว่าพ่อ

ตราบใดที่ฟางจั๋วเยวี่ยออกปากยืมเงินจากฟางจั๋วหราน ความเป็นไปได้ที่ฟางจั๋วหรานจะปฏิเสธก็น้อยมาก

หวังเหวินฟางโทรหาฟางจั๋วเยวี่ยซึ่งซ่อนตัวอยู่ในโรงงานและไม่ค่อยกลับบ้าน

ฟางจั๋วเยวี่ยกลับบ้านพร้อมกับอาหารเสริมและผลไม้เต็มมือ เมื่อเขาเห็นหวังเหวินฟางนั่งเป่าพัดลมไฟฟ้าและกินแตงโมในห้องนั่งเล่น ใบหน้าของเขาก็มืดลง

“แม่บอกว่าแม่ไม่สบาย ผมเลยรีบกลับ จริงๆแล้วแม่ไม่ได้ป่วย แค่โกหกเพื่อให้ผมกลับมาสินะ”

หวังเหวินฟางมองเขาอย่างรักใคร่ “แม่คิดถึงลูก อยากเจอลูก โกหกเพื่อให้ลูกกลับมาหามันจะทำไมหรอ?”

ฟางจั๋วเยวี่ยมองเห็นท่าทางมีพิรุธของหวังเหวินฟาง เหมือนหล่อนทำอะไรผิดมา ดังนั้นเขาจึงวางของในมือลงและทำท่าจะจากไป

หวังเหวินฟางรีบหยุดเขาไว้ “แม่ยังมีเรื่องจะพูดกับลูก”

ฟางจั๋วเยวี่ยถามอย่างโกรธเคือง “เรื่องอะไรครับ?”

หวังเหวินฟางรู้ว่าเขาไม่ชอบครอบครัวพี่ชายหล่อน หล่อนจึงไม่พูดถึงพวกเขา

“คืออย่างนี้ แม่มีเพื่อนร่วมงานที่ต้องการเงินหมุนเวียน ลูกสามารถยืมเงินสามหมื่นหยวนจากพี่ชายให้หน่อยได้ไหม”

ฟางจั๋วเยวี่ยไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจทันที และพูดเย้ยหยัน “แม่กำลังยืมเงินพี่ชาย เพื่อไปช่วยบ้านนู้นใช่ไหม งั้นผมจะไม่ช่วยเรื่องนี้!”

หลังจากพูดจบเขาก็จากไปโดยไม่ลังเล ตรงไปที่มหาวิทยาลัยแพทย์ผู่จี้และเข้าพบฟางจั๋วหราน

ฟางจั๋วหรานกำลังล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และมองไปที่ฟางจั๋วเยวี่ย

ผู้ชายคนนี้ถ้าไม่มีเรื่องก็จะไม่มาหาเขา ทุกครั้งที่มาหา เขาอาจจะเสบียงหมด หรือเงินหมด และขอเงินจากเขาเพื่อดำรงชีพ

“ว่ามา จะเอาเท่าไหร่?” ฟางจั๋วหรานถามอย่างห้วนๆ

ฟางจั๋วเยวี่ยยิ้มและพูดว่า “ครั้งนี้พี่ให้ฉันมากหน่อย อย่างน้อยห้าสิบหยวน”

แม้เขาจะมาที่นี่เพื่อรีดไถกับฟางจั๋วหรานเป็นครั้งคราว ทว่าแต่ละครั้งเขาขอไม่มาก อย่างมากก็ยี่สิบสามสิบหยวน เขาไม่ใช่คนไม่รู้จักพอ เสียหน่อย

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขอเงินฟางจั๋วหรานเป็นเงินห้าสิบหยวน

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พี่หมอเหมือนเป็นตู้กดเงินของทั้งบ้านยังไงไม่รู้ อยากให้พี่พาตัวเองหลุดพ้นจากตระกูลนี้จริงๆ

ไหหม่า(海馬)