บทที่ 176 ใส่รองเท้าเล็ก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 176 ใส่รองเท้าเล็ก

บทที่ 176 ใส่รองเท้าเล็ก

กู้เสี่ยวหวานไม่กล้าตัดสิน ถ้าร้านจิ่นฝูไม่ต้องการ แล้วร้านอาหารอื่น ๆ จะต้องการได้อย่างไร อีกทั้งยังปฏิเสธพวกเขาด้วยเหตุผลที่ไร้สาระเช่นนี้! หน่อไม้ไม่อร่อย? ฝาด? ตอนที่กู้เสี่ยวหวานสอนวิธีกำจัดรสฝาดให้กับร้านจิ่นฝู พวกเขาก็ได้เรียนรู้อย่างเต็มที่แล้ว ต่อให้ร้านอาหารอื่น ๆ จะไม่สามารถขจัดความฝาดของหน่อไม้ได้ แต่อาหารจานนี้ของร้านจิ่นฝูก็โด่งดังมาก ร้านอื่นจะลอกเสียนแบบได้อย่างไร!

ร้านจิ่นฝูไม่ยอมรับสินค้าของพวกเขา แต่ยอมรับสินค้าของคนอื่น ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็แปลกมาก!

อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานไม่ได้เศร้าอย่างที่กู้หนิงผิงคิด ถ้าหนทางนี้ไม่สำเร็จ ก็ยังมีหนทางอื่น! กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ร้อนใจเลย

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ฉือโถวมาพร้อมเกวียนวัว โดยมีท่านป้าจางตามไปดูด้วยเพราะกลัวว่าเด็กทั้งสองจะทำการค้ากับคนในเมืองไม่ได้

ส่วนกู้หนิงผิงดูแลกู้เสี่ยวอี้อยู่ที่บ้าน

บนเกวียนวัวยังมีหน่อไม้อีกสองตะกร้าที่ขุดขึ้นเมื่อวานนี้ ก่อนรุ่งสางทั้งสามคนก็รีบเข้าเมือง

เพราะร้านอาหารต้องเปิดกิจการในตอนเช้าและต้องรีบไปซื้อผักสด กู้เสี่ยวหวานกลัวว่าพวกเขาจะไปไม่ทัน และเจ้าของร้านจะไปซื้อสินค้าของคนอื่น ดังนั้นจึงรีบร้อนเป็นอย่างมาก

เมื่อพวกเขามาถึงประตูหลังของร้านจิ่นฝู ใครบางคนก็กำลังหันหลังทำความสะอาดสวนหลังบ้านอยู่ กู้เสี่ยวหวานจึงรีบเรียก “พี่ชาย ที่นี่รับหน่อไม้หรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น บุคคลที่กำลังกวาดก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว โชคดีที่คนกวาดพื้นเคยเห็นกู้เสี่ยวหวานครั้งหนึ่ง และเคยเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานได้รับคำเชิญจากเถ้าแก่ให้ไปที่ห้องชั้นบน ลูกจ้างในร้านเห็นเจ้านายปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพจึงรู้ว่านางต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้านายเป็นแน่

เมื่อลูกจ้างในร้านเห็นเป็นคนที่มาในวันนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เจ้านี่เอง!”

กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าคนนี้รู้จักนาง และนางก็รู้ว่าบุคคลนี้เคยเห็นนางทำอาหารในวันนั้น แต่ในเวลานั้นกู้เสี่ยวหวานยุ่งอยู่กับการทำอาหาร จึงไม่ได้สนใจผู้อื่นที่อยู่รอบตัว ต่อมานางก็ตรงไปที่ชั้นบนและไม่เห็นพี่ชายคนนี้อีก ถ้าคนอื่นรู้จักตัวเอง นางก็ยังพอมีวิธี

ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเจือรอยยิ้ม และเอ่ยเสียงอ่อนหวาน “ใช่พี่ชาย! ข้าอยากจะถามว่าพวกท่านรับหน่อไม้หรือไม่?”

“แน่นอน รับสิ! พวกเจ้าไม่รู้สินะว่าอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดของที่นี่คือหน่อไม้ผัดผักดอง แน่นอนว่าร้านของพวกเราต้องการแน่นอน! ต้องใช้กว่าหลายร้อยชั่งในทุกวัน!” เด็กหนุ่มพูดอย่างภาคภูมิใจ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงสิ้นปี ความต้องการในร้านจิ่นฝูเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแม้แต่คนระดับต่ำสุดเช่นพวกเขาก็ยังได้รับเงินหลายตำลึงเงิน

ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานได้ยิน นางคลี่ยิ้มอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ข้ามีหน่อไม้จำนวนมาก ทั้งหมดเพิ่งถูกขุดเมื่อวานนี้ ทั้งสดทั้งนุ่ม รับประกันว่ารสชาติจะต้องถูกปากอย่างแน่นอน!”

ลูกจ้างในร้านสุภาพต่อกู้เสี่ยวหวานมากเพราะเถ้าแก่ของร้านสุภาพต่อนาง และเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ก็ดูน่าสงสารมาก นางออกไปทำงานข้างนอกตั้งแต่อายุยังน้อย ลูกจ้างในร้านตอบอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ พวกเจ้ารอเดี๋ยว ข้าจะไปเรียกผู้ซื้อมา”

ก่อนที่กู้เสี่ยวหวานจะตอบอะไร ลูกจ้างในร้านก็รีบวิ่งไปเพราะกลัวว่าจะทำให้กู้เสี่ยวหวานรอเป็นเวลานาน

ท่านป้าจางที่มาด้วยกันดีใจมากเมื่อเห็นว่าหน่อไม้สามารถขายได้ แต่นางก็ยังสงสัยว่าทำไมลูกจ้างในร้านคนนี้ถึงรู้จักกู้เสี่ยวหวาน “เสี่ยวหวาน ลูกจ้างในร้านคนนี้รู้จักเจ้า!”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “เกรงว่าเพราะข้าเคยมาที่นี่ พี่ชายคนนี้จึงจำข้าได้!”

เช่นนั้นท่านป้าจางจึงตอบรับหนึ่งคำ

กู้เสี่ยวหวานและท่านป้าจางกำลังรออยู่ในลาน และหลังจากรอเป็นเวลานาน พวกเขาเห็นว่าลูกจ้างในร้านเข้ามาพร้อมกับคนคนหนึ่ง เดินตามหลังชายคนนั้นไม่ห่าง ชายที่อยู่ข้างหน้าเอามือไพล่หลังอย่างเย่อหยิ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา กู้เสี่ยวหวานจำได้ทันทีว่าใครกำลังเดินอยู่ข้างหน้า

เหมียวเอ้อร์คือนักบัญชีที่ไล่นางออกไปเหมือนขอทานเมื่อครั้งที่แล้ว

กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าคนที่มาคือเขา หัวใจของนางพลันเต้นผิดจังหวะ คราวที่แล้วคนนี้มีเจตนาไม่ดีต่อนาง วันนี้เขามาที่นี่อีกแล้ว เป็นไปได้ไหมที่หน่อไม้นี้จะไม่ได้ขาย?

สีหน้าของกู้เสี่ยวหวานหม่นลง จากนั้นเหมียวเอ้อร์ก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาและทันทีที่เขาเห็นกู้เสี่ยวหวานจากระยะไกล เหมียวเอ้อร์ก็รู้สึกไม่พอใจ

เมื่อลูกจ้างในร้านเข้าไปคุยกับเหมียวเอ้อร์เพื่อแสดงความพิเศษของกู้เสี่ยวหวานและเขายังเน้นว่าเป็นเด็กหญิงที่เถ้าแก่หลี่พาไปที่ห้องรับรองชั้นบนในครั้งที่แล้ว ทันทีที่เหมียวเอ้อร์ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็นึกถึงขอทานเด็กทันที และเคยถูกเสี่ยวเซิ่งจื่อเยาะเย้ยในเรื่องนี้

ก่อนที่เหมียวเอ้อร์จะรอให้ลูกจ้างในร้านพูดจบ เขาก็บังเกิดความต้องการไล่กู้เสี่ยวหวานออกไป แต่แล้วก็คิดได้ว่าตนเคยเสียหน้าต่อหน้าทุกคนในครั้งที่แล้ว และครั้งนี้ต้องเอาหน้ากลับคืนมาให้ได้

ในตอนแรกเขาไม่ได้เร่งรีบ เขานั่งไขว่ห้างและดื่มชาจนหมดกา ลูกจ้างจึงเหงื่อตกอย่างกระวนกระวายใจ อยากจะเร่งก็เร่งไม่ได้ ทำได้แค่เพียงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น หลังจากที่เหมียวเอ้อร์ดื่มชาเสร็จแล้ว เขาก็ลุกขึ้น จัดเสื้อผ้า แล้วเดินไปที่ลานหลังร้านอย่างเย่อหยิ่ง

ทันทีที่เหมียวเอ้อร์เห็นกู้เสี่ยวหวาน เขาก็ลำพองตนมากขึ้น คราวนี้นางมาขอให้ตนเองช่วย ดูนางในครั้งนี้สิว่ามีใครช่วยหรือไม่ ในวันนี้ต้องกู้หน้าที่เคยเสียไปกลับมาให้ได้

“เจ้าต้องการขายหน่อไม้หรือ?” เหมียวเอ้อร์จ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานและพูดโดยไม่ยิ้ม ท่าทางที่ดูห่างเหินนั้นทำให้ฉือโถวที่เพิ่งเข้ามารู้สึกอึดอัดมาก

เมื่อเห็นว่าท่านป้าจางและกู้เสี่ยวหวานอยู่ข้างในมานานและไม่ออกมาสักที ดังนั้นเขาจึงวิ่งเข้าไปดู และเห็นว่าเหมียวเอ้อร์เข้ามาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

“ใช่! ข้าขุดหน่อไม้มาจากบ้านและต้องการขาย!” ทันทีที่เหมียวเอ้อร์เอ่ยออกมาแบบนั้น กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ แต่ตอนนี้ต้องการขายหน่อไม้ในเกวียนนี้ และร้านจิ่นฝูก็เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด

“โอ้! ต้องการขาย!” เหมียวเอ้อร์ตั้งใจพูดเสียงดังของเขาโดยหันหลังให้พวกกู้เสี่ยวหวาน ฉือโถวรู้สึกถึงความเป็นปรปักษ์ของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากู้เสี่ยวหวานและท่านป้าจาง เขาจึงจ้องมองไปที่เหมียวเอ้อร์อย่างระมัดระวัง

“หนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งชั่ง!”

“อะไรนะ” ฉือโถวตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น

แม้แต่ลูกจ้างในร้านที่อยู่ถัดจากเขาก็ยังมองเหมียวเอ้อร์อย่างสับสนและตกใจ เมื่อวานตอนที่ซื้อหน่อไม้มาเห็นได้ชัดว่าเป็นสามสิบตำลึงเงินต่อหนึ่งจิน แต่วันนี้จะเป็นหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งชั่งได้อย่างไร? เหมียวเอ้อร์คนนี้ช่าง……

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ร้องเรียนเถ้าแก่ให้ไล่นักบัญชีคนนี้ออกจากร้านเลยค่ะ ทำแบบนี้ทำให้ร้านอาหารเสียผลประโยชน์นะ

ไหหม่า(海馬)