บทที่ 112: เข้าสู่ทวีปซินหวู่และพรสวรรค์มิติ
ณ สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน
หวังเต็งไปพบกับอีกห้าคนจากทีมพยัคฆ์นักรบ
หวังเต็งสวมชุดรบและรองเท้าบู๊ตของเขา เขามีกระเป๋าเป้สะพายหลังบนหลังของเขาและโลงศพบรรจอาวุธ พาดอยู่บนไหล่ของเขา
อาวุธทั้งหมดของเขาถูกเก็บไว้ในโลงศพรรจุอาวุธของเขา แม้แต่คันธนูหนักๆ ของเขาก็ยังเข้าไปข้างในได้
ทิ้งมาก แม้ว่ามันจะไม่ใหญ่มาก แต่มันก็ใช้
เขาต้องยอมรับเลยว่าการออกแบบของโลงศพบรรจุ พื้นที่ทั้งหมดภายในให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สิ่งที่เขาต้องถือในมือนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือโล่
สําหรับมีดบิน เขาก็ได้ใส่มันไว้ใต้เสื้อผ้าของเขา ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะสามารถปล่อยการโจมตีถึงตายได้โดยแค่คิด
เมื่อเทียบกับหลินซานและสมาชิกคนอื่นๆ อุปกรณ์ของเขาก็ถือว่าน้อยมาก
สมาชิกอีกห้าคนนั้นมีกระเป๋าหลายใบ บางคนถึงกับหอบกระเป๋ากีฬามา เมื่อหวังเต็งถามพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ได้รู้ว่าในกระเป๋านั้นเต็มไปด้วยกระสุน
เขาขยับตาไปรอบๆและเห็นปืนกลรูนหนักที่หลิวหยานแบกไว้บนหลังของเธอ
ใครบอกว่ามีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ปืนได้?
ปืนและสาวงาม
นี่แหละการจับคู่ที่สวรรค์สรรสร้าง
หลิวหยานสวมชุดรบที่รัดแน่น มันเผยให้เห็นเรือนร่างของเธอ นอกจากปืนกลหนักที่ดูหยาบแล้ว เธอก็ยังมีเสน่ห์ที่ดูดุร้ายอีกด้วย
หวังเต็งเปลี่ยนไปมองที่ขวานศึกขนาดใหญ่สองอันในมือของหลินซาน… เขาทําได้เพียงอุทานในใจของเขา ลูกผู้ชาย!
หยางเฟยใช้กระบองในขณะที่ หยานจินหมิงและหยานจินเยวใช้มีดและดาบตามลําดับ เมื่อพวกเขายืนอยู่ ด้วยกัน พวกเขาก็ปลดปล่อยออร่าที่ดูน่าเกรงขามออกมา
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนมาถึงแล้ว งั้นเราก็ไปกันเถอะ”
ด้วยการโบกมือของหลินซาน ทุกคนก็คว้ากระเป๋าเดินทางของพวกเขาและขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าออกไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็ขับเข้าไปในค่ายทหาร
“ค่ายทหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นหลังจากรอยแยกมิติที่นําไปสู่ทวีปซินหวี่ปรากฏขึ้น มันได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา และมันก็มีนักสู้จํานวนมากเฝ้าอยู่รอบๆเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น” หลินซานอธิบาย
รถของพวกเขาหยุดจอดที่จุดตรวจ สมาชิกทั้งห้าคนนําข้อมูลประจําตัวของนักสู้ออกมาและส่งให้ทหารยาม
หวังเต็งเห็นการกระทําของพวกเขาและทําตามตัวอย่างของพวกเขา โดยนําเอาหนังสือรับรองนักสู้ออกมาด้วย
ทหารยามกําลังถือเครื่องสแกน เขาสแกนข้อมูลประจําตัวของนักสู้ที่ละคนก่อนจะสแกนใบหน้าของทุกคน หลังจากยืนยันว่าไม่มีข้อผิดพลาด เขาก็ปล่อยให้พวกเขาเข้าไป
หลินซานอธิบายในขณะที่เขาขับรถเข้าไปในค่ายทหาร “นายจะไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้หากนายไม่มีข้อมูลประจําตัวนักสู้ของนาย”
ระหว่างทาง พวกเขาก็สามารถเห็นการลาดตระเวนจํานวนมากในค่าย
พวกเขาจอดรถในที่จอดรถและล็อครถไว้ จากนั้นพวกเขาไปที่ลานกว้าง
มีคนไม่มากนักที่นี่ แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือประตูเหล็กขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ตรงกลางของพลาซ่า
มันมีความสูงอย่างน้อย 30 เมตร กว้างประมาณ 20 เมตร และมีรูปร่างเหมือนวงแหวน
ตรงกลางกรอบประตูมีวังวนสีดําสนิท ลึกและยาว เมื่อคุณเหลือบมองไปที่วังวน สายตาของคุณก็จะถูกดีงดูดโดยไม่รู้ตัว
พูดตามตรง ใครที่เห็นรอยแยกมิติครั้งแรกนั้นต่างก็คงจะตกใจ
หวังเต็งก็ไม่มีข้อยกเว้น ในขณะนี้ เขายืนอยู่หน้ากรอบประตูขนาดมหึมาและพูดไม่ได้อยู่เป็นเวลานาน
“เป็นอะไรไป? ตกตะลึงหรอ?” หลินซานยิ้มและถาม
สมาชิกอีกสี่คนมองไปที่หวังเต็งด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นมัน พวกเขาก็มีสีหน้าแบบหวังเต็งนี่แหละ
หวังเต็งพยักหน้า
“ไปกันเถอะ เมื่อนายไปถึงทวีปซินหวี่ นายก็จะรู้สึกตกตะลึงมากกว่านี้อีก” หลินซานยิ้มและพูดต่อ เขาเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปที่ประตู
มันมีเครื่องจักรขนาดใหญ่จํานวนมากวางอยู่ข้างๆประตูขนาดมหึมา หวังเต็งไม่รู้ว่าพวกมันถูกใช้เพื่อทําให้รอยแยกมิติคงที่หรือเพื่อตรวจสอบอะไร กระนั้นมันก็มีพนักงานคอยเฝ้าเครื่องจักรอย่างแน่นหนา
พนักงานเหล่านี้เพิกเฉยต่อหวังเต็งและสมาชิกในทีม
หวังเต็งเหลือบมองพวกเขาแล้วติดตามสมาชิกในทีมของเขา เขาเดินไปข้างหน้า
หลินซานและคนอื่นๆเดินผ่านรอยแยกมิติโดยไม่หยุด
หวังเต็งหายใจเข้าลึกๆแล้วตามพวกเขาเข้าไปอย่างใกล้ชิด เขาก้าวผ่านประตูไป
มันรู้สึกเหมือนชั่วขณะ แต่ในขณะเดียวกันมันก็รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนาน โลกของเขาหมุนและวิสัยทัศน์ของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดําสนิท…
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกราวกับว่าพื้นแข็งๆอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา หวังเต็งเปิดตาของเขา หลินซานและคนอื่นๆยืนอยู่ไม่ไกล
พวกเขาโผล่ออกมาจากการเทเลพอร์ตแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นหวังเต็งได้สติ อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็ประหลาดใจ
เมื่อพวกเขาผ่านช่องว่างมิติในครั้งแรก พวกเขาก็ต้องพักอยู่กว่าครึ่งวันจึงจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นปกติ
“ชายคนนี้ไม่ธรรมดา!” พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากัน ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในจิตใจของพวกเขาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
หวังเต็งไม่รู้ว่าพวกเขากําลังคิดอะไรอยู่ ในขณะนี้สายตาของเขาก็กําลังถูกดึงดูดโดยฟองสบู่ข้างๆคนเหล่านั้น
มันมีฟองสบู่อยู่ใต้เท้าของเขาด้วย
ฟองเหล่านี้มาจากไหนกัน? หวังเต็งงงงวย
มิติ*0.1
มิติ*0.1
ค่าคุณสมบัติมิติ!
พวกมันเป็นค่าคุณสมบัติมิติ!
ดวงตาของหวังเต็งเป็นประกาย เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าฟองสบู่เหล่านี้จะเป็นฟองสบู่ค่าคุณสมบัติมิติ!
พวกมันอาจมาจากรอยแยกมิติ?
ขณะครุ่นคิด เขาก็ไม่ลืมที่จะเก็บฟองสบู่
นับตั้งแต่ได้รับพลังแห่งจิตวิญญาณมา เขาก็ได้ลองทดลองอะไรหลายต่อหลายครั้ง และตอนนี้เขาก็สามารถใช้พลังแห่งจิตวิญญาณของเขา เพื่อดึงเองฟองสบู่ค่าคุณสมบัติมาที่เขา เขาไม่จําเป็นต้องเดินไปเก็บมันอีกต่อ
ถ้าไม่อย่างนั้น คนอื่นก็อาจจะมองเขาราวกับว่าเขาเป็นคนง่เง่าก็ได้เมื่อเห็นเขาวิ่งไปมาทุกที่
ในอดีตเขา เขาต้องกลายมาเป็นคนงี่เง่าครั้งแล้วครั้งเล่าเพียงเพื่อเก็บฟองสบู่
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ตอนนี้เขาเป็นอิสระจากความทรมานนั่นแล้ว!
เขาไม่จําเป็นต้องเป็นคนงี่เง่าอีกต่อไป!
เขาดึงฟอ
งสมาชิกในทีมเข้าหาเขาและรวบรวมพวกมัน
มิติ*0.8
ค่าคุณสมบัติมิติของเขาเพิ่มขึ้น 0.8 คะแนน หวังเต็งจ้องมองไปที่หน้าต่างค่าคุณสมบัติของเขา ในที่สุดเขา ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงในแถบพรสวรรค์ของเขา
มิติ (0.8/1000)
มันเป็นค่าคุณสมบัติของพรสวรรค์!
หัวใจของหวังเต็งเต็มไปด้วยความปิติยินดี นี่เป็นของขวัญจากสวรรค์!
ทันทีที่เขาเข้าสู่ทวีปซินหวี่ เขาก็ได้รับความประหลาดใจอย่างมาก!
ดูเหมือนว่าทวีปซินหวี่แห่งนี้จะเป็นมิตรกับเขา
แม้ว่าเขาจะไม่ทราบเกี่ยวกับการใช้พรสวรรค์มิติที่แน่นอน แต่เขาก็มีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ในนิยายแนวเกมเหล่านั้น พวกเขาก็มักจะโอ้อวดว่าพรสวรรค์ด้านมิตินั้นยอดเยี่ยมเพียงใด ดังนั้นพรสวรรค์ ด้านมิตินี้จึงไม่น่าจะเป็นอะไรที่กาก!
ขณะที่หวังเต็งกําลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลินซานก็เปิดปากของเขาด้วยรอยยิ้ม “ยินดีต้อนรับสู่ทวีปซินหวี่!”
หวังเต็งฟื้นความรู้สึกของเขา
ทวีปซินหวี่!
โอใช่ เขามาถึงทวีปซินหวุ่แล้ว!
เขามองสภาพแวดล้อมโดยรอบ นี่ดูเหมือนจะเป็นห้องโถงขนาดยักษ์ มันมีกรอบประตูโค้งมนขนาดใหญ่อยู่ ข้างหลังเขาซึ่งดูคล้ายกับกรอบที่อยู่อีกด้านหนึ่งของรอยแยกมิติ น้ําวนที่ส่วนลึกของประตูหมุนอย่างช้าๆ
“ออกไปดูกันเถอะ” หลินซานกล่าวและเดินออกไป
คนที่เหลือติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด
เมื่อพวกเขาเดินผ่านประตูและก้าวออกไปด้านนอก หวังเต็งก็ตระหนักได้ว่าพวกเขากําลังอยู่ในหอคอยสูง อยู่ในขณะนี้
ในขณะนี้ พวกเขากําลังยืนอยู่ที่ด้านล่างของหอคอย
“นี่คือหอคอยแห่งฟอร์ส! มันตั้งอยู่ใจกลางเมือง และพลังฟอร์สทั้งหมดในเมืองก็มาจากหอคอยแห่งนี้” หลินซานกล่าว
หวังเต็งเงยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นหอคอยสูงสองถึงสามร้อยเมตร โครงสร้างทั้งหมดทําจากเหล็ก มันเจาะเข้าไปในหมู่เมฆราวกับยอดเขาที่สูงชันและอันตราย
มันมีอักษรรูนลึกลับจํานวนนับไม่ถ้วนถูกสลักอยู่บ
นอาคาร
ที่ด้านล่างของหอคอยเป็นลานกว้าง หินสีดําที่ไม่รู้จักถูกปูเป็นพื้น และพวกมันก็ถูกแกะสลักด้วยอักษรรูนซึ่งเปล่งประกายออร่าลึกลับออกมาเช่นกัน
หวังเต็งรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่ผลักเขาลงมาจากฟากฟ้า เขาตะลึง
เขาอดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึกๆ
“นี่เป็นผลผลิตมาจากอารยธรรมในทวีปซินหวี่ นายคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อใช่ไหมล่ะ?” หลินซานถาม
“ทวีปซินหวั่นี้แตกต่างจากจินตนาการของฉันเล็กน้อย” หวังเต็งหายใจอย่างหนักหน่วงขณะที่เขาตอบ