บทที่ 287 ผู้ชนะ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 287 ผู้ชนะ

บทที่ 287 ผู้ชนะ

ฉากนี้ทำให้ถังเย่รู้สึกงงงวยนิดหน่อย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นเขาได้แต่รีบเดินตามทั้งสามไป

“ท่านทั้งสามพักอยู่ที่นี่สักครู่ก่อนไหม? ที่นี่มีของว่างมากมายเลยนะครับ” ถังเย่ยิ้มแล้วพูดด้วยความเคารพ

ผู้ส่งสารทั้งสามมองเขาด้วยความรังเกียจ พวกเขาเดินออกไปและเมื่อร่างของพวกเขาหายไป ถังเย่ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ดี

แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเชื่อว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับโจวรุยแน่ ๆ เขารู้สึกว่าเป็นเพราะทัศนคติที่ไม่ดีของฉู่เหินทำให้อีกฝ่ายโกรธ หลังจากคิดแบบนี้เขาก็โกรธมากจนตรงไปที่ห้องของฉู่เหินแต่ปาเค่อ ก็ปิดประตูใส่เขาพร้อมกู่อี๋ที่ยืนขวางเอาไว้

ถังเย่ยืนโกรธอยู่ที่หน้าประตู เขาไม่กล้าเข้าไป แม้คนแคระทั้งสองจะไม่ได้ดูดีอะไรแต่พลังการฝึกตนของพวกนี้ก็สูงกว่าเขา ทั้งคู่เป็นขั้นปรมาจารย์ ซึ่งถังเย่แม้จะพยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่ก็ยังไม่ได้เป็นแม้กระทั่งครึ่งก้าวปรมาจารย์

เขายืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยความโกรธจัดและตะโกนเสียงดัง

“โจวรุย แกออกมาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะทัศนคติของแกผู้ส่งสารทั้งสามคงไม่โกรธจนเดินกลับไปแบบนั้นแน่ รีบออกมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเรื่องนี้ไม่จบง่าย ๆ แน่” ถังเย่ตะโกนเสียงดังมากจนคนที่อยู่ใกล้เคียงได้ยิน

แต่เดิมฉู่เหินไม่อยากใส่ใจไอ้โง่คนนี้ แต่ถังเย่ก็ยังคงตื้ออยู่เรื่อย ๆ ยิ่งกว่านั้นเขายังตะโกนเสียงดังหนวกหู จนฉู่เหินทนไม่ได้จริง ๆ

“นี่นายโง่หรือไม่รู้จริง ๆ ห่ะ ถ้าอยากชนะก็ไปฝึกฝีมือไป แล้วถ้านายยังกล้าแหกปากอยู่อีก ฉันจะโยนนายออกไปซะ” หลังจากพูดจบฉู่เหินก็หันหลังเดินจากไป การพยายามพูดคุยกับคนแบบนี้เหมือนเป็นการดูถูกไอคิวของตัวเองสุด ๆ

“โจวรุยแกกล้าที่จะดูถูกฉันเชียวเหรอ? กล้ามากนะ เหอะ แกคิดจะกบฏงั้นสิ?” ถังเย่เห็นฉู่เหินพูดกับเขาแบบนี้ก็โกรธมาก เขาคำรามเหมือนเสือโกรธที่จัดและจะพุ่งเข้าใส่ได้ตลอดเวลา

ฉู่เหินที่เดินกลับไปได้เพียง 2 ก้าวหยุดเท้าลง เขาหันหลังกลับมาและเหลือบมองไปที่ถังเย่ เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ผู้ชายคนนี้อาศัยอยู่กับสุนัขตั้งแต่เด็กหรือไงถึงได้ไม่เข้าใจอะไรเลย ฉู่เหินถอนหายใจก่อนพูดกับปาเค่อและกู่อี๋ “โยนเขาออกไป ถ้าเขากล้าส่งเสียงอีกก็ทำให้เขาส่งเสียงไม่ได้ซะเลย”

พูดจบเขาก็กลับเข้าไปในห้อง จากนั้นก็รู้สึกบางอย่างอยู่ภายในใจ เขาเพิ่งมาที่นี่และรู้กันอีกฝ่ายแค่ 2 วัน ทำไมมันถึงมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นขนาดนี้ล่ะ?

เดิมทีเขาอยากทำภารกิจอย่างปลอดภัย เขาไม่คิดว่าจะมีเพื่อนบ้า ๆ โง่แบบนี้ในการเดินทาง เขาส่ายหน้าและหัวเราะออกมา

หลังจากที่ไอ้โง่อย่างถังเย่ถูกโยนออกไป คราวนี้ถังเย่ก็ไม่โวยวายอีก ถังเย่ไม่กล้าที่จะอยู่บ้านพักใกล้กับฉู่เหิน ตอนนี้โจวรุยบ้าไปแล้ว โจวรุยปกติไม่มีทางทำตัวแบบนี้แน่ ๆ หากเพื่อนคุฯเปลี่ยนไป คุณจะไม่คิดว่ามันบ้าบ้างเหรอ?

ผู้ส่งสารทั้งสามกลับไปหาเจ้านายของตนและบอกสิ่งที่เกิดขึ้น องค์ชายอดไม่ได้ที่จะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อได้ยินเรื่องนี้ มันทำให้เขาอารมณ์เสียมากกับผู้ส่งสารที่รับผิดชอบเรื่องนี้ เขาคิดว่าผู้ส่งสารช่างโง่เขลานัก เขาชักชวนคนอื่นต่อหน้าฝ่ายตรงข้ามได้ยังไง?

องค์ชายรู้สึกว่าไอ้พวกนี้เป็นแค่พวกคนโง่เท่านั้น อีกฝ่ายเป็นบุคคลธรรมดา ถ้าไปพร้อมกัน 3 คน เขาคงไม่อยากปฏิเสธคำเชิญอีกสองฝ่ายไปด้วย เพราะหากเป็นแบบนี้ความเกลียดชังของอีกสองอาณาจักรก็จะมีต่อคน ๆ นี้ในอนาคต คนธรรมดาไม่กล้าเลือกข้างง่าย ๆ เป็นแน่

เมื่อองค์ชายลองคิดดู หากเป็นเขาเองก็คงไม่ลังเลเลยที่จะปฏิเสธทั้งสาม ดังนั้นหลังจากได้คิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็รู้สึกซาบซึ้งในความเฉลียวฉลาดของฉู่เหิน และอยากที่จะไปเชิญฉู่เหินด้วยตัวเอง

แต่เขาก็รู้ว่าด้วยตัวตนขององค์ชาย ถ้าเขาไปที่นั่นเขากลัวว่ามันจะเกิดความวุ่นวายขึ้น และถ้าเกิดเหตุการณ์เดียวกันอีก 2 องค์ชายไปเชิญพร้อมกับเขาพวกเขาจะก็ถูกปฏิเสธ มีแต่จำทำให้ตัวเองขายหน้าเท่านั้น เมื่อคิดได้องค์ชายก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป!

แต่พวกเขาไม่รู้แม้จะไปตอนนี้พวกเขาก็จะไม่เจอฉู่เหิน หลังจากเจอเรื่องน่ารำคาญเหล่านี้เขาก็แอบออกมาอย่างลับ ๆ เหตุผลคือกลัวว่าพวกองค์ชายจะมาที่นี่ด้วยตนเอง และการขังตัวเองอยู่ในห้องในเวลาแบบนี้มันก็ดูเป็นตัวเลือกที่ไม่ดีเท่าไหร่

และถ้าเขาไม่เลือกใครเลย องค์ชายก็ต้องอับอาย เรื่องนี้อาจทำให้เขาตายได้เลย โชคดีที่เขาออกมาเที่ยวกลางคืนวันนี้ไม่เจออันตรายอะไรเลย พอเช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็ตรงไปที่สถานที่แข่งขัน วันนี้เป็นวันสุดท้ายและรอบสุดท้าย จะชนะหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการแข่งขันในวันนี้

การเอาชนะการแข่งขันรอบชิงครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อฉู่เหิน หากเขาชนะเขาจะได้รางวัลมากมาย แต่ถ้าไม่เขาจะไม่อาจกลับไปสู่โลกของเขาได้!

รอบแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับสายตาและรอบที่สองคือเกี่ยวกับการทอผ้า เพราะฉะนั้นรอบที่สามคือการตัดชุด! ไม่ว่าสองรอบแรกจะทำได้ดีเพียงใดหากไม่สามารถเปลี่ยนผ้าให้กลายเป็นเสื้อผ้าได้มันก็ไม่ใช่เครื่องแต่งกาย

ดังนั้นวันนี้คือการแข่งคือให้พวกเขาเลือกผ้าแล้วตัดเย็บมันต่อหน้าทุกคน ในที่สาธารณะ หลังจากรอบที่สองจะเหลือคนแค่ 200-300 คน ทุกคนที่สามารถเข้าสู่รอบที่สามคือผู้ที่มีคุณสมบัติของปรมาจารย์

คน 200-300 คนต้องทำเสื้อผ้าในที่โล่งต่อหน้าผู้คน รอบบนี้ไม่มีใครเป็นช่างตัดเสื้อผ้าธรรมดา ๆ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือปรมาจารย์อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้รอบที่สามจึงดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากกว่าสองรอบแรกหลายเท่า

วันนี้อาณาจักรต้าเซียได้เตรียมผ้าชิ้นเดียวกันให้ทุกคนและผู้แข่งขันเหล่านี้ต้องทำเสื้อผ้าที่สอดคล้องกันภายในเวลาที่กำหนด นี่เป็นบททดสอบที่ยากที่สุดในการแข่งขัน! ในอดีตทุกคนจะได้รับผ้า 1-2 ผืน เพื่อทำเสื้อผ้าที่ดูดีที่สุด

แต่วันนี้ไม่รู้ว่าลมอะไรพัดผ่านอาณาจักรต้าเซีย ผู้แข่งขันเหล่านี้เห็นผ้าขนาดน้อยกว่า 1 ฟุตที่ด้านหน้าพวกเขาพวกเขาได้แต่ขมวดคิ้ว พวกเขาคิดอะไรไม่ออก แค่จะใช้เป็นผ้าคลุมศีรษะยังทำไม่ได้เลย ทำอย่างอื่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ฉู่เหินมองขนาดของผ้าและด้วยความคิดเพียงเล็กน้อยเขาก็ได้ข้อสรุป เมื่อเขากำลังจะเริ่มทำงานเขาก็พบว่าเจียฉิวฉิวยังสับสนอยู่เธอไม่รู้จะทำยังไงดี

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉู่เหินก็เดินมาหาเธอและกระซิบเข้าที่หูของเธอ ทันทีที่ได้ยินใบหน้าของเจียฉิวฉิวก็หน้าแดงก่ำ เธอดูเขินนิดหน่อย ซึ่งคนอื่นไม่รู้ว่าฉู่เหินพูดอะไรกับเธอ

แต่ยังไงซะทั้งสองก็ขยับมือทันทีทำให้คนนอกรู้สึกแปลก ๆ ทั้งสองไม่ยอมให้ใครเห็นในสิ่งตัวเองทำและยังใช้ความพยายามสุด ๆ เพื่อสร้างม่านแสงปิดกั้นสายตาของทุกคน

“สองคนนี้ทำอะไรนะ? พวกเขาจะโกงเหรอ? แค่ม่านแสงมันจะปิดกั้นจิตวิญญาณขององค์ชายได้ยังไง? นี่มันโกงชัด ๆ รนหาที่ตายกันจริง ๆ นะ แต่บททดสอบนี้ถ้าไม่โกงแล้วพวกเขาจะทำอะไรได้?”

คนที่ดูพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาอยากรู้จริง ๆ เพราะขณะที่ทุกคนตกอยู่ในความสิ้นหวัง ทั้ง 2 คนก็เริ่มเคลื่อนไหวราวกับตีโจทย์แตกแล้ว