ตอนที่ 207 ตัดบัวไม่เหลือใย

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 207 ตัดบัวไม่เหลือใย

ตอนเที่ยงของฤดูร้อนนั้นร้อนจะแทบร้องขอชีวิต กระทั่งจั๊กจั่นยังร้อนตายจนไม่ส่งเสียงร้อง

ครอบครัวของหวังหรงมาแต่เช้า อยู่กับแม่เฒ่าหวังเพื่อรอฟางจั๋วหรานนำเงินมาให้

แม่หวังหรงไม่พอใจเล็กน้อย และบ่นกับแม่เฒ่าหวัง “แม่แก่แล้ว อย่าเอาใจไปแลกกับเด็กเมื่อวานซืนอย่างฟางจั๋วหรานเลยค่ะ ในเมื่อเขาบอกไม่มีเงินสามหมื่นหยวน ดังนั้นแม่ควรขอทองคำสักสิบยี่สิบแท่งแทน น่าจะได้มากกว่าสามหมื่นหยวนอีก! “

ใบหน้าของแม่เฒ่าหวังค่อยๆ สลดลง

นางทำงานหนักเพื่อครอบครัว แต่สุดท้ายก็ถูกตำหนิ!

หวังหรงอยู่ข้างๆ ดูคำพูดและการกระทำ เมื่อเห็นว่าใบหน้าของแม่เฒ่าหวังไม่น่าดูมากขึ้นเรื่อย ๆ หล่อนก็น้ำตาไหลและพูดกับแม่ของตน “แม่หยุดพูดเถอะค่ะ มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด ทำไมแม่ถึงโทษยายล่ะคะ?”

ในเวลานี้พ่อหวังหรงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน และพูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย “เอาล่ะ เธอหยุดพูดได้แล้ว!”

จากนั้นแม่หวังหรงก็หุบปากพลางทำสีหน้าบูดบึ้ง

ในห้องโถงที่เต็มไปด้วยบรรยากาศพิกล นาฬิกากำลังเดิน

เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาบ่ายโมงแล้วผมของฟางจั๋วหรานยังไม่โผล่มาสักเส้น หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะพูดอีกครั้ง “ทำไมจั๋วหรานยังไม่มา คงไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากให้เงินหรอกนะ?”

ไม่มีใครตอบหล่อน ทุกคนเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

หากฟางจั๋วหรานปฏิเสธที่จะให้เงินจริงๆ พวกเขาจะกำจัดครอบครัวทั้งสามคนของฟางเว่ยตั่งได้อย่างไร

หากหาเงินค่าทำขวัญมาให้ครอบครัวทั้งสามของฟางเว่ยตั่งไม่ได้ ครอบครัวของพวกเขาอาจอยู่รอดในแผนกไฟฟ้าได้ยาก และวันดีๆของพวกเขาก็จะสิ้นสุดลง

ในเวลานี้ก็มีเสียงเคาะประตูที่ด้านนอก

“สงสัยจั๋วหรานจะมาแล้ว!” พ่อหวังหรงกระโดดลงจากเก้าอี้แล้วรีบวิ่งไปเปิดประตู

แม่เฒ่าหวังและคนอื่นๆมองไปที่ประตูบ้านด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย

แต่เห็นว่าฟางจั๋วหรานไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมกับป้ากวาดถนนหลายคนที่กางร่มเดินเข้ามา

แม่เฒ่าหวังและและคู่แม่ลูกหวังหรงมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง

หลังจากที่ทุกคนเข้ามาในห้อง แม่เฒ่าหวังก็ถามอย่างสงสัย “จั๋วหราน ทำไมแกเรียกป้ากวาดถนนพวกนี้มาที่นี่?”

ฟางจั๋วหรานขอให้บรรดาป้ากวาดถนนนั่งลงแล้วพูดกับนางว่า “การตัดความสัมพันธ์กับคุณเป็นเรื่องใหญ่ ผมจึงต้องเชิญพยานมาสองสามคน ไม่งั้นถ้าถูกคุณยึดเงินไป แล้วคุณไม่ยอมรับเงื่อนไขตั้งแต่ต้น ผมจะไปหาเหตุผลมาจากไหน?”

เมื่อฟางจั๋วหรานพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนนอก แม่เฒ่าหวังก็ไม่สามารถสะกดกลั้นสีหน้าของนางได้เลย

นางแสร้งทำเป็นโกรธแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กคนนี้ทำไมถึงได้ขี้ระแวงนัก? เมื่อวานแกเป็นคนพูดเอง ว่าจะจ่ายเงินให้ฉันจำนวนหนึ่ง? ทำไมวันนี้ถึงต้องการที่จะตัดสัมพันธ์กับฉัน? แล้วยังมาพูดว่าฉันขอเงินจากแก ฉันเคยไปขอเงินแกตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ฟางจั๋วหรานเห็นนางไม่ยอมรับสิ่งที่นางเคยพูด แล้วยังมาพลิกหน้ามือเป็นหลังมืออีก

เขาไม่ได้แก้ตัวใดๆ ก่อนหยิบเครื่องบันทึกเทปขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากกระเป๋าที่เขานำกลับมาจากการแลกเปลี่ยนทางวิชาการที่เยอรมนีเมื่อปีที่แล้ว และกดปุ่มเล่น

บทสนทนาระหว่างเขากับแม่เฒ่าหวังเมื่อวานนี้ถูกเล่นตั้งแต่ต้นจนจบ

ป้ากวาดถนนล้วนมองไปที่แม่เฒ่าหวังอย่างมีนัยยะ

แม่เฒ่าหวังมีสีหน้าอับอายขึ้นมาทันที

นางไม่เคยคาดคิดว่าเมื่อวานนี้ฟางจั๋วหรานจะมาพร้อมกับบันทึกการสนทนาของพวกเขาแบบคำต่อคำ

ตอนนี้นางปฏิเสธว่าตนขอเงินฟางจั๋วหรานต่อหน้าป้ากวาดถนน และแอบใส่ร้ายเขาว่าเล่นตลก กลับไม่คาดคิดว่าจะถูกตบหน้าด้วยการบันทึกเสียงนี้ในไม่กี่นาที

ฟางจั๋วหรานไม่สนใจความลำบากใจของนางเลย และเอ่ยเข้าประเด็น

“ในเมื่อแม่เฒ่าต้องการทวงค่าเลี้ยงดูกับผม งั้นเรามาชำระความกันต่อหน้าป้ากวาดถนนเหล่านี้กันเถอะ ตั้งแต่ผมห้าขวบ ผมก็อยู่ที่บ้านของคุณจนจบชั้นประถม หลังจากนั้นก็อาศัยอยู่ในโรงเรียน ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนและฤดูหนาวผมถึงกลับไปอยู่กับคุณ แม้ว่าผมจะอาศัยอยู่ในบ้านของคุณเป็นเวลานาน แต่ปู่ย่าของผมได้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับค่าอาหารและเสื้อผ้า และยังจ่ายให้กับการทำงานหนักของคุณด้วย คุณยอมรับหรือเปล่าครับ?”

แม่เฒ่าหวังเม้มปากแน่นและพยักหน้า

นางไม่กล้าไม่ยอมรับ พ่อเฒ่าฟางเป็นสมาชิกของคณะกรรมการกลางปักกิ่งที่เกษียณแล้ว และนางไม่มีความกล้าที่จะทำผิดต่อเขาและภรรยา

อีกอย่างจะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่พ่อเฒ่าฟางให้เงินกับนาง เขาก็ให้นางเขียนใบเสร็จรับเงินทุกครั้ง และกำกับด้วยว่าเป็นเงินสำหรับอะไร

แม่หวังหรงรู้สึกระแวงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “ปู่ย่าของเธอให้เป็นค่าที่คุณยายทำงานหนัก เหมือนกับที่เธอต้องตอบแทนย่าที่เลี้ยงเธอมานะ!”

ฟางจั๋วหรานมองหล่อนอย่างเย็นชา “ผมรู้ว่าแม่เฒ่าหวังขอเงินผมมากกว่าสองหมื่นหยวน ทั้งหมดก็เพื่อครอบครัวของคุณ แต่คุณอย่าโลภมากเกินไปเชียว ผมนำเรื่องที่ปู่ย่ามอบเงินค่าเหนื่อยให้แม่เฒ่าหวังกับเรื่องการเลี้ยงดูมาปนกันตั้งแต่เมื่อไหร่?

แม่หวังหรงพูดไม่ออก

ป้ากวาดถนนไม่อยากจะเชื่อ “ต้องการสองหมื่นหยวนสำหรับค่าเลี้ยงดู? มากเกินไปมั้ง !”

สิ่งที่ป้ากวาดถนนอีกคนพูดทำให้ตระกูลหวังใจสลายยิ่งกว่า:

“เนื่องจากปู่ย่าของศาสตราจารย์ฟางจ่ายเงินให้กับการทำงานหนัก หมายความว่าปู่ย่าพวกเขาจ้างแม่เฒ่าหวังเป็นพี่เลี้ยงเพื่อดูแลศาสตราจารย์ฟาง ในเมื่อพวกเขาจ่ายเงินไปแล้ว จะมีพระคุณเลี้ยงดูได้อย่างไร!”

หลังจากฟังการบันทึกเสียงเมื่อครู่ หล่อนก็โกรธจนแทบระเบิด

แม่เฒ่าหวังปฏิบัติต่อศาสตราจารย์ฟางอย่างไม่มีความรู้สึกรักใคร่เห็นใจเลย เพียงเพื่อเรียกร้องเงิน และก็อยากได้มันมากถึงสามหมื่นหยวน!

แม่เฒ่าหวังและครอบครัวของลูกชายนางต่างก็วิตกกังวล พลางคิดว่าวันนี้คงเป็นเรื่องยากที่จะรับเงินจากฟางจั๋วหรานเสียแล้ว

ฟางจั๋วหรานพูดกับป้ากวาดถนนเหล่านั้นว่า “พวกคุณคิดว่าเงินเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอเหมาะสมกับแม่เฒ่าหวังครับ?”

ป้าหลายคนรวมตัวกันและพูดคุยกันด้วยเสียงต่ำ และป้าคนหนึ่งพูดว่า “สามถึงห้าพันก็พอ”

ป้าอีกคนเห็นว่าแม่เฒ่าหวังและคนอื่นๆ มีสีหน้าไม่ยอมรับ จึงพูดว่า “มันมีอะไรให้น่าตกใจหรือ หากมีการฟ้องร้อง ฟางจั๋วหรานมีสิทธิ์ไม่ให้เงินแก่พวกคุณได้นะ อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ปู่ย่าของเขาจ่ายเงินให้กับการทำงานหนัก”

ฟางจั๋วหรานพูดอย่างใจเย็นในเวลานี้ “ขอบคุณพวกคุณป้าสำหรับคำพูดอันชอบธรรมของคุณ แต่ผมยังคงวางแผนที่จะให้เงินหนึ่งหมื่นหยวนเพื่อตัดขาดกับแม่เฒ่าหวัง”

ป้าผู้เปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมต่างก็ไม่พอใจ “ทำไมให้หล่อนเยอะขนาดนั้น?”

ฟางจั๋วหรานโบกมืออย่างเหนื่อยอ่อน “ช่างมันเถอะครับ ตราบใดที่ผมสามารถตัดขาดกับแม่เฒ่าหวังได้ จ่ายเพิ่มเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร ผมไม่ต้องการถูกท่านข่มเหงอีกต่อไป ก็เลยใช้เงินเพื่อตัดปัญหา อีกอย่างผมไม่อยากถูกเรียกว่าหมาป่าตาขาว ผมกลัวว่าจะส่งผลต่อชื่อเสียงและอนาคตของผม”

ป้ากวาดถนนเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ให้เงินคุณแม่เฒ่าหวังอย่างมากที่สุดห้าพันหยวนเถอะ ถ้าใครกล้าพูดว่าคุณเป็นหมาป่าตาขาว ฉันจะเป็นคนแรกที่จะมีเรื่องกับเขา!”

ป้าอีกหลายคนกล่าวว่า “มีพวกเราปกป้อง คุณจะกลัวอะไร? ให้เงินไปห้าพัน ห้าพันยังแพงไปด้วยซ้ำสำหรับแม่เฒ่าหวัง!”

ในท้ายที่สุด ฟางจั๋วหรานให้เงินแม่เฒ่าหวังเพียงห้าพันหยวน และตัดขาดกับนางตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

หลังจากเรื่องคลี่คลาย ก็ไม่มีความสงบ เหล่าคุณป้าก็พูดเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังเพราะเกลียดความโลเลของแม่เฒ่าหวัง

ไม่เพียงแต่เพื่อนบ้านเท่านั้น แต่ทุกคนในบริเวณนี้รู้ว่าแม่เฒ่าหวังปฏิบัติกับฟางจั๋วหรานได้แย่มาก ชื่อเสียงของแม่เฒ่าหวังกระฉ่อนไปทั่ว และเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาที่ต้องคุยกันทีหลัง

ในวันเดียวกัน

หลังจากที่ฟางจั๋วหรานแยกย้ายกับป้ากวาดถนน คู่แม่ลูกหวังก็นำเงินห้าพันหยวนไปหาหวังเหวินฟาง

แม่หวังหรงมีท่าทางกังวล “จั๋วหรานผีบ้าอายุสั้นนั่นให้เงินฉันแค่ห้าพันหยวน ฉันจะทำยังไงดี ยังขาดอีกตั้งสองหมื่นห้าพัน?”

หวังเหวินฟางเงียบเป็นเวลานานและพูดว่า “คุณเอาเงินห้าพันหยวนไปให้ฟางเว่ยตั่งและภรรยาของเขาก่อน และขอพวกเขาผ่อนผันอีกเจ็ดหรือแปดปี ในเจ็ดหรือแปดปีนี้ คุณเก็บเงินเดือนของคนๆหนึ่งไว้เพียงเพื่อดำรงชีพ และใช้เงินเดือนของอีกสองคนเพื่อชำระหนี้ หลังจากเจ็ดหรือแปดปี คุณก็จะสามารถชำระสองหมื่นห้าพันหยวนที่เหลือได้ “

สมาชิกในครอบครัวของหวังหรงทั้งสามคนทำงานในภาคการผลิตไฟฟ้า โดยได้รับค่าจ้างสูง ซึ่งพนักงานรัฐวิสาหกิจทั่วไปไม่สามารถเทียบได้

ในยุคนี้ พนักงานรัฐวิสาหกิจทั่วไปมีรายได้สองถึงสามสิบหยวนเพื่อดำรงชีพตามงบประมาณ

และหวังหรงซึ่งทำงานในภาคพลังงานไฟฟ้าได้เงินเดือนประมาณหนึ่งร้อยหยวน ไม่ต้องพูดถึงพ่อแม่ของหล่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่

ให้ครอบครัวสามคนปลดหนี้ด้วยเงินเดือนคนสองคน กินเงินเดือนของคนๆ เดียวทุกวันยังพออยู่ได้

แม่หวังหรงไม่พอใจและพูดว่า “คุณให้เรายืมเงินที่เหลืออีกสองหมื่นหยวนสำหรับกรณีฉุกเฉินได้ไหม ใช่ว่าครอบครัวของคุณจะไม่มีเงินเสียหน่อยนี่!”

แม้ว่าเงินเดือนของหวังเหวินฟางในคณะศิลปะประจำจังหวัดจะไม่สูงเท่าหล่อน แต่ฟางเว่ยกั๋วในฐานะหัวหน้าขององค์กรกลางขนาดใหญ่ก็มีรายได้จำนวนมากและเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย เงินเพียงสามหมื่นหยวนไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับครอบครัวของเขาเลย

หวังเหวินฟางลำบากใจ “ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากให้ยืม แต่เหล่าฟางบอกว่าเคยให้ครอบครัวของคุณยืมเงินหลายพันหยวนไปแล้ว และคุณไม่ได้คืนแม้แต่สตางค์เดียว ฉันเลยไม่ได้รับอนุญาตให้คุณยืมเงินอีก”

แม่หวังหรงกำลังตกอยู่ในภาวะขาดทุน ไม่สามารถพูดเรื่องยืมเงินได้ ดังนั้นหล่อนจึงพึมพำด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “เป็นญาติกันแท้ๆ ทำไมถึงได้คิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้น ใจแคบมาก!”

หล่อนพาหวังหรงไปที่บ้านของฟางเว่ยหมินอย่างช่วยไม่ได้

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พี่หมอร้ายมาก อัดเทปเสียงเป็นหลักฐานไว้เลย จะมาหัวหมอกับพี่หมอไม่ได้นะคะแม่เฒ่า

คราวนี้ก็ขอให้พี่หมอมีชีวิตสงบๆ เสียทีเถอะ

ไหหม่า(海馬)