บทที่ 3 บุรุษงาม เจ้าช่างหล่อเหลานัก

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 3 บุรุษงาม เจ้าช่างหล่อเหลานัก

สตรีหลายคนนั้นสีหน้าซีดสลับเขียว ประหนึ่งกิ้งก่าก็ไม่ปาน มิต้องพูดเลยว่าน่าขันแค่ไหน

“พวกเจ้าทั้งหลาย พวกเราไป” หยุนถิงโอบซ้ายคนขวาคน พลางเดินเข้าไปข้างใน

สตรีคนอื่นรีบตามไป คุณหนูหยุนผู้นี้ใจป้ำกว่าบุรุษพวกนั้นเสียอีก วันนี้รวยแล้วพวกเรา

เยว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังมองงง ทำไมนางไม่รู้มาก่อนว่าคุณหนูมีเงินมากขนาดนี้ พอเห็นคุณหนูโดนประคองเข้าไป เยว่เอ๋อร์กังวลมาก ถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่สถานที่ดีอะไร แต่นางก็เป็นห่วงคุณหนู เลยตัดสินใจตามเข้าไป

ในห้องส่วนตัว หยุนถิงวางตั๋วเงินปึกนั้นลงบนโต๊ะ และให้แม่เล้าเรียกหญิงคณิกามาทั้งหมด ไม่ว่าจะเล่นพิณ ร้องเพลง เต้นรำ ป้อนเหล้าป้อนผลไม้ ดูสบายอารมณ์จริง

มิน่าคนโบราณชอบมาเดินหอคณิกา บริการนี้ไม่เลวเลย

เมื่อกี้ตอนออกจากจวนหลีอ๋อง ของประดับในห้องหยุนถิง พวกที่เอามาได้เธอก็จับยัดเข้าช่องว่างหมด แม้แต่ตั๋วเงินก็ยัดเข้าไปด้วย ถึงหลีอ๋องจะไม่ไยดีเธอ แต่ของพวกนั้นที่ประดับในห้องราคาไม่น้อยเลย หยุนถิงเลยไม่เกรงใจ

ช่องว่างติดตัวในยุคปัจจุบันของเธอก็ย้อนเวลาตามมาด้วย ไม่แค่เก็บของได้ ยังสร้างของ แบบก๊อบปี้เพลสได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งอีกด้วย เงินและข้าวของที่อยู่ในนั้น อยากได้เท่าไหร่ก็กดก๊อบปี้ได้เลย มีเงินนี่มันรู้สึกดีจริงๆ

ห้องส่วนตัวเยื้องตรงข้าม

พอได้ยินเสียงร้องเพลงเต้นรำเฉลิมฉลองดังขั้นที่ชั้นสอง เสียงเฮฮาสรวลเสครึกครื้นไม่หยุด จวินหย่วนโยวขมวดคิ้วน้อยๆว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“เรียนซื่อจื่อ หยุนถิงอยู่ในห้องส่วนตัวข้างๆ นางน่าจะเพราะโดนหลีอ๋องทำร้ายจิตใจ เลยมาดื่มเหล้าที่นี่” องครักษ์รั่วจิ่งรายงาน

จวินหย่วนโยวเลิกคิ้ว หันไปก็เห็นห้องส่วนตัวที่อยู่เยื้องตรงข้าม

โดนหลีอ๋องหย่าร้างไม่เพียงไม่รู้สึกรู้สา ยังมาดื่มเหล้า กินเนื้อคำโตที่นี่ ซ้ายโอบขวาโอบ ดูอิสรเสรี สบายๆ เช่นนี้ นี่คือหยุนถิงที่เคยจะเป็นจะตายเพราะหลีอ๋องคนนั้นจริงรึ?

“ซื่อจื่อ พวกเราควรไปได้แล้ว” รั่วจิ่งเอ่ยเตือน

“ได้” จวินหย่วนโยวลุกขึ้นเดินไปด้านนอก พอออกมา เหล่าสตรีด้านนอกห้องส่วนตัวพากันตกตะลึง

“สวรรค์ มีบุรุษรูปงามเช่นนี้ด้วย หน้าตาหล่อเหลานัก”

“ทำไมข้ารู้สึกว่าเขาดูหล่อเหลากว่าหลีอ๋อง อีกเล่า ใบหน้าเช่นนี้ ใจข้าแทบจะเต้นออกมานอกอกแล้ว”

“เขามองข้าแล้ว เขามองข้าแล้ว ตื่นเต้นนัก ข้าอยากโผหาเขานัก”

พอได้ยินเสียงร้องวี๊ดว้ายและชื่นชมของสตรีนอกห้องส่วนตัว หยุนถิงขมวดคิ้ว หรือมีผู้ชายที่หล่อเหลากว่าโม่ฉือหานจริงๆ เธอผลักสตรีข้างกายออก ลุกขึ้นเดินโอนเอียงออกจากห้องไป

สุดท้ายเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินมาทางเธอ ชุดขาวยิ่งกว่าหิมะ ไร้ซึ่งฝุ่นใดมากร้ำกราย ผมดำขลับส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ่งขาวใสมากขึ้น

คิ้วงามดุจภาพวาด สายตาเป็นประกาย กวาดมองซ้ายขวา มีเสน่ห์กระจายไปทุกทิศ

ในมือเขาถือพัดสีขาวอันหนึ่ง ดูสง่างามสูงส่ง รอบกายแผ่ซ่านกลิ่นอายความสูงส่งที่โดดเดี่ยวชนิดหนึ่งออกมา เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ต้องทำอะไร ก็เหมือนภาพวาดแล้ว

คุณชายตระกูลสูงงามดุจหยก ไร้ผู้เทียบเคียง

นี่เป็นสิ่งเดียวที่หยุนถิงนึกออกตอนนี้ ผู้ชายหล่อตรงหน้านี้หล่อเกินไปแล้ว ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันต้องฆ่าดาราและหนุ่มน้อยหน้าใสตายเรียบแน่

นี่มันหล่อกว่าโม่ฉือหานจมเลย หยุนถิงเต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้ม ก้าวพุ่งเข้าไปกอดจวินหย่วนโยวเอาไว้

“หนุ่มรูปงาม เจ้าหน้าตาดีนัก หากข้าจะต้องการเจ้า คิดเท่าไหร่กัน?”

หยุนถิงเข้ามาเร็วเกินไป จวินหย่วนโยวไม่คิดว่านางจะทำเช่นนี้ พอเห็นใบหน้าอัปลักษณ์ที่กอดตนไว้ เขาก็ตกใจจนลืมผลักออก

และพอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนพากันตะลึง

หญิงอัปลักษณ์อย่างหยุนถิงนี่ไม่ทำใครหัวใจวายตายไม่เลิกราจริงๆ ตรงหน้าคนนี้คือซื่อจื่อ ดูเหมือนสง่างามหรูหรา ที่จริงแล้วเจ้าเล่ห์เพทุบาย กระหายเลือดอำมหิต ขนาดฮ่องเต้กับไทเฮายังต้องไว้หน้าเขาอยู่สามส่วน หยุนถิงนี่หาเรื่องตายรึ

“เจ้าหญิงอัปลักษณ์อย่าพูดจาซี้ซั้วนะ รีบออกห่างจากซื่อจื่อของข้า” รั่วจิ่งจะโจมตีเข้ามา

หยุนถิงตกใจมาก จากนั้นพูดต่อด้วยสีหน้าพึงพอใจ “ซื่อจื่อรึ งั้นเจ้าอายุเท่าไหร่ แต่งงานหรือยัง ต่อให้แต่งแล้วก็มิเป็นไร แค่ใบหน้าเจ้าเช่นนี้ ข้ายอมลดตัวเป็นอนุละกัน”

“แค่กแค่ก…” จวินหย่วนโยวพลันไอค่อกแค่กออกมา เขาพึ่งเคยเจอสตรีใจกล้าเช่นนี้ครั้งแรก

“หน้าไม่อาย ซื่อจื่อของเรามีหรือที่เจ้าจะเอื้อมถึงได้ เอาแค่หน้าตาเจ้า ให้เป็นอนุยังไม่คู่ควรเลย” รั่วจิ่งพูดอย่างโกรธจัด

ต้องเป็นเพราะตอนออกมาไม่ได้ดูฤกย์ยามให้ดี ถึงได้เจอกับหญิงอัปลักษณ์หยุนถิง

ทุกคนพากันบ่นรังเกียจหยุนถิง พึ่งจะโดนหลีอ๋องหย่าร้างไป ก็คิดจะอาจเอื้อมจวินซื่อจื่อแล้ว อัปลักษณ์แล้วยังมิเจียมตนอีก

ถึงจวินซื่อจื่อจะขี้โรค แต่ก็ดุร้ายเด็ดขาด อำมหิตยิ่งนักจนเป็นที่เลื่องลือ ดังนั้นเหล่าสตรีชั้นสูงของ เมืองเซิ่งจิงถึงจะรักใคร่ชื่นชมรูปโฉมของจวินซื่อจื่อ แต่ก็ไม่มีใครกล้าโดดเข้ากองไฟ คราวนี้มีละครสนุกๆดูละ

จวินหย่วนโยวมองไปที่ใบหน้าอัปลักษณ์ตรงหน้านี้ ปานดำที่ฉาบไปครึ่งแก้มซ้ายของนางช่างขัดตานัก

แต่ดวงตาสุกสกาวคู่นั้น ด้วยสีหน้าราวกับหมาป่าหิวโหยเห็นเนื้อสดเข้า

จวินหย่วนโยวยิ้มมุมปากน้อยๆ ดวงตาทุ้มลึกจับจ้องไปที่คนเบื้องหน้า “เจ้าแน่ใจว่าจะเป็นอนุของข้า?”

“แน่นอน เจ้าหน้าตาหล่อเหลาเพียงนี้ ดีกว่าโม่ฉือหานมากนัก ถึงเจ้าจะอายุสั้น อย่างมากอยู่ได้อีกแค่สามปี แต่ข้าไม่ถือ ซื่อจื่อชีวิตคนเราสั้นนัก ราตรีนี้มีค่าดุจทองคำพันชั่ง พวกเรารีบกลับไปเข้าหอกันเถิด” หยุนถิงยิ้มบอก

พอได้ยินคำว่า “อย่างมากอยู่ได้อีกแค่สามปี” จวินหย่วนโยวที่เดิมจะผลักหยุนถิงออก พลันขมวดคิ้วมองนาง

สตรีตรงหน้าอัปลักษณ์จริงๆ หากดวงตานางกลับใสกระจ่างสะอาด เหมือนดวงดาวสกาลสุกใส ฉายแววเชื่อมั่นและมั่นใจออกมา

ประหนึ่งว่า นางมั่นใจว่าจะต้องได้ตนมาครองแน่

นี่เป็นครั้งแรกที่จวินหย่วนโยวเห็นแววตาเช่นนี้ในตัวสตรีผู้หนึ่ง นางที่อยู่เบื้องหน้านี้น่าสนใจยิ่ง

“ได้” จวินหย่วนโยวพยักหน้ารับปาก

“แหะๆ ข้ารู้ว่าท่านต้องรับปากแน่” หยุนถิงพูดอย่างเมามาย เอนร่างลงอ้อมกอดจวินหย่วนโยวหลับไป

พอเห็นใบหน้าน้อยๆแดงเรื่อของนาง ลมหายใจแผ่วเบา มุมปากจวินหย่วนโยวคล้ายจะยิ้มขึ้น

สตรีผู้นี้กล้านัก แต่หน้าตาอัปลักษณ์เยี่ยงนี้ คงมิมีผู้ใดสนใจนาง

จากนั้นท่ามกลางความตกตะลึง แปลกใจ และยากจะเชื่อของทุกคน จวินหย่วนโยวก็อุ้มหยุนถิงขึ้นมา และก้าวเท้าออกไป

“สวรรค์ ข้ามิได้ตาฝาดไปกระมัง จวินซื่อจื่ออุ้มหยุนถิง และยังรับปากจะให้หญิงอัปลักษณ์หยุนถิงเป็นอนุอีก ใจข้าสลายหมดแล้ว” สตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆพูดอย่างเสียใจ

“นังหญิงอัปลักษณ์หยุนถิงโชคดีอะไรหนักหนากัน พึ่งโดนหลีอ๋องหย่าร้าง ก็มาเจอจวินซื่อจื่อ ช่างเป็นนางจิ้งจอกโดยแท้”

รั่วจิ่งอึ้งไปเลย เขาต้องเห็นภาพลวงตาแน่ ซื่อจื่อที่สูงส่งไร้ผู้ใดเทียบเคียง บริสุทธิ์มิมีสิ่งใดแผ้วพานของเขาคนนั้นอุ้มหญิงอัปลักษณ์เช่นหยุนถิงไป

เขายังไม่ทันคิดอะไรมาก ก็รีบตามไป ซื่อจื่อท่านอย่าคิดไม่ตกเด็ดขาดนะ

เยว่เอ๋อร์ที่อยู่รอบนอกกลุ่มคนตะลึงไปนานแล้ว จวบจนรถม้าของจวินซื่อจื่อแล่นไปไกล นางยังไม่ได้สติกลับมาเลย

คุณหนูของนางจับตนเองแต่งให้กับจวินซื่อจื่อไปแบบนี้ แถมยังเป็นอนุ

ไม่ได้การละ เยว่เอ๋อร์รีบไล่ตามไป