ตอนที่ 228 ว่าไปตามกฎหมายหรือส่วนตัวดี

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 228 ว่าไปตามกฎหมายหรือส่วนตัวดี

เฉิงหรานกับเหลยโจวรั้งเหลยถิงไว้ในออฟฟิศประมาณสามชั่วโมง พอเห็นร่างกายของเขาไม่มีความผิดปกติจึงให้ออกไปหาซื้อของขวัญ

“อาหราน เจียงจี๋จะค่อยวางยาวันพรุ่งนี้หรือเปล่า”

“เป็นไปได้สูง อาถิงจะไปส่งพวกเขาที่สถานีรถไฟ เป็นโอกาสดีมากสำหรับเขา”

ถึงแม้พวกเขาจะไม่อยากให้เหลยถิงทุกข์ทรมาน แต่เจียงจี๋มีนิสัยแบบนั้น โอกาสที่จะวางยามีสูงเลยทีเดียว

“พรุ่งนี้ฉันจะขับรถตามอาถิงไป”

“พี่เขย ให้คนของเสี่ยวเยาเยาตามไปดีกว่า อาถิงจะจำรถของพี่ได้นะครับ”

“…ก็ได้ ก็แค่จะเป็นการรบกวนเสี่ยวเยาเยามากเกินไปน่ะสิ”

“พี่เขยอย่าพูดแบบนี้นะครับ เสี่ยวเยาเยารู้เข้าจะไม่พอใจ เด็กคนนี้ปกป้องคนของตัวเองมาก…” บลาๆๆ

เหลยโจวฟังแล้วก็พยักหน้าไม่หยุด

“ทั้งๆ ที่เพิ่งจะโตเป็นผู้ใหญ่ แต่เสี่ยวเยาเยากลับให้ความรู้สึกเหมือนผู้อาวุโส…รอบคอบทุกเรื่องเลยจริงๆ…”

เฉิงหรานตอบด้วยรอยยิ้ม “ใช่ครับ ขนาดอาจารย์ของผมยังแอบสงสัยเลยว่าเขาเลี้ยงเด็กคนนี้มาเองจริงหรือเปล่า นิสัยของเสี่ยวเยาเยาไม่เหมือนใครที่เธอคลุกคลีด้วยเลย…ก็ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ได้ยังไง…”

“นั่นสิ แปลกดีเนอะ…”

“เอาเป็นว่าไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง”

“อืม อาหรานนายจะกลับโรงพยาบาลก่อนไหม”

“กลับแล้วกันครับ ไว้ผมจะโทรบอกเสี่ยวเยาเยา บอกเธอเรื่องที่เจียงจี๋ไม่ได้วางยา พรุ่งนี้จะกลับเซิ่งตู และก็เรื่องที่อาถิงจะไปส่งพวกเขาที่สถานีรถไฟ”

“ได้ พี่สะสางงานเสร็จก็จะกลับบ้าน รออาถิงกลับมาค่อยคุยกับเขา มีอะไรพี่จะโทรไป”

“ครับ งั้นผมกลับโรงพยาบาลก่อนนะ”

เหลยโจวพยักหน้า เดินไปส่งที่ลิฟต์

เฉิงหรานคิดเรื่องชาติกำเนิดของมู่เถาเยาขณะขับรถ

ตั้งแต่รู้ว่าเหมียวฉีแม่ของเจียงเย่ว์เป็นพี่สาวของเหมียวอวี้พี่เลี้ยงของเสี่ยวเยาเยา เขาก็สังหรณ์ใจไม่ค่อยดี

พอกลับถึงห้องทำงานในโรงพยาบาล เฉิงหรานก็ดูตารางเรียนของพวกเด็กๆ

ตอนนี้เป็นเวลาเรียน เขาโทรหาเสี่ยวเยาเยาไม่ได้ จึงบังคับให้ตัวเองมีสมาธิกับการทำงานก่อน

ต่อมายังไม่ทันที่เขาจะโทรไป มู่เถาเยาก็โทรมาระหว่างเวลาเรียน

“ศิษย์พี่ใหญ่ เหลยถิงเป็นไงบ้างคะ”

“เสี่ยวเยาเยา อาถิงปกติดี แต่พรุ่งนี้เจียงจี๋กับเมียจะกลับเซิ่งตู อาถิงจะไปส่งพวกเขาแทนเจียงเย่ว์”

“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะให้คนคอยดูไว้”

“อืม เสี่ยวเยาเยา ตอนเย็นมากินข้าวที่บ้านพี่สิ”

“ค่ะ เดี๋ยวฉันจะโทรบอกเสี่ยวหว่านกับพวกเสี่ยวเหมียน”

ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากพาไปด้วย แต่ไม่อยากให้สามสาวต้องมารับรู้เรื่องโสมมพวกนี้

ถึงแม้ฉือซานกับสามีจะกลับไปแล้ว แต่เหลียงจีก็กลับมาแล้ว ไม่ต้องกลัวสามคนนั้นจะระเบิดครัว

“อืม”

หลังจากวางสายเฉิงหรานก็สบายใจขึ้น แต่ยังคงอดโทรหาอาจารย์อาเล็กไม่ได้

“อาจารย์อาเล็กครับ ตอนเย็นพาอาสะใภ้มากินข้าวบ้านผมนะครับ เสี่ยวเยาเยาก็มา”

“ได้สิ อาหราน เหลยถิงเป็นอะไรไหม”

“ไม่ครับ เจียงจี๋ยังไม่ได้วางยาครั้งที่สอง”

“…เจียงจี๋นิสัยเปลี่ยนไปแล้วเหรอ”

ต้องพูดเลยว่าอาจารย์อาเล็กรู้สึกแปลกใจมากจริงๆ

คนที่รู้จักเจียงจี๋ดีจะรู้ว่าคนคนนี้ไม่มีทางยอมวางมือง่ายๆ เป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ถ้าคิดว่าเขาจะล้มเลิกกลางคันเท่ากับเพ้อฝัน

ถ้าไม่มีเรื่องวางยาเหลยถิง พวกเขายังพอฝืนใจเชื่อได้ว่าเจียงจี๋กลับตัวกลับใจแล้ว อย่างไรเสียผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ก็ไม่เคยได้ยินว่าเกิดเรื่องอะไรใหญ่โตในวงการแพทย์

“อาจารย์อาเล็ก…”

เฉิงหรานเล่าแบบเดียวกับที่เล่าให้มู่เถาเยาฟังเมื่อครู่

“อาจารย์อาเล็ก เรื่องของอาถิงก็ประมาณนี้ครับ แต่เรื่องที่พวกเราอยากพูดก็คือเรื่องของเสี่ยวเยาเยา”

“เสี่ยวเยาเยามีเรื่องอะไรเหรอ”

“เหมียวฉีเมียของเจียงจี๋เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเหมียวอวี้ที่เคยเลี้ยงเสี่ยวเยาเยามาตอนเกิดครับ!”

“!”

ต่อให้ไม่ได้อยู่ตรงหน้า เฉิงหรานก็รู้ว่าสีหน้าของอาจารย์อาเล็กจะตกใจขนาดไหน ไม่ต่างจากตอนที่รู้ว่าตัวเองมีน้องสาวแน่!

พออาจารย์อาเล็กได้สติกลับมาก็พูดทันที “อาหราน อาจารย์จะไปหาเดี๋ยวนี้”

“งั้นพวกเราไปซื้อกับข้าวก่อนค่อยกลับบ้านกันครับ”

“ได้ ไปรออาจารย์ที่ตลาดสดแถวบ้านนะ”

“ครับ”

หลังจากวางสาย ทั้งสองคนก็โทรบอกภรรยาตัวเองก่อนแล้วถึงเก็บของออกไป

เมื่อทั้งสองคนเจอกันแล้ว ซื้อของเสร็จก็กลับบ้านเข้าครัว

ไม่นานหลี่อวี้เสวี่ยกับกู่ย่าก็กลับมา

ทั้งสี่คนช่วยกันทำอาหารอยู่ในครัว

เฉิงหรานสรุปเรื่องเหลยถิงให้ฟังจากนั้นก็พูดเรื่องมู่เถาเยา

หลี่อวี้เสวี่ยกับกู่ย่าตกใจมาก

อาจารย์อาเล็ก “พวกเราต้องบอกให้เสี่ยวเยาเยาระวังตัวหน่อย”

“ครับ” เฉิงหรานพยักหน้า

ถึงแม้หลี่อวี้เสวี่ยก็เป็นห่วงมู่เถาเยา แต่ก็ยังคงถามด้วยความสงสัย “ต่อให้เหมียวฉีเกี่ยวข้องกับเรื่องในตอนนั้น แต่ตอนนั้นเสี่ยวเยาเยาเพิ่งจะเกิด เหมียวฉีไม่มีทางจำได้ว่าเสี่ยวเยาเยาก็คือเจ้าหญิงน้อยคนนั้น พวกเราทำตัวระแวงมากเกินไปกลับจะเป็นที่น่าสงสัยเอานะคะ”

กู่ย่าพูด “อวี้เสวี่ยพูดถูก ฉันว่าแปลกมาก เหมียวฉีไม่มีเหตุผลที่ต้องทำร้ายเสี่ยวเยาเยาหรือเปล่า เธอให้เหมียวอวี้อุ้มเสี่ยวเยาเยาออกไปทิ้งจะมีประโยชน์อะไร ดูเหมือนจะไม่มีแรงจูงใจนะ พวกคุณคิดมากเกินไปแล้ว มองใครก็เป็นคนร้ายไปหมด…”

ผู้หญิงทั้งสองต่างไม่สงสัยเหมียวฉีเท่าไร

ก็ไม่ใช่เพราะความใจดีของผู้หญิง แต่เพราะต่อให้เหมียวฉีเป็นคนชนเผ่า อีกทั้งเป็นภรรยาของเจียงจี๋พอดี แต่การลงมือกับเจ้าหญิงน้อยของเผ่าจะทำไปเพื่ออะไร

ทั้งสองคนไม่ว่าจะสถานะหรืออะไรก็แล้วแต่ ในอนาคตย่อมไม่มีความเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว

เหมียวอวี้เป็นน้อง มีโอกาส แต่เหมียวฉีไม่มีแรงจูงใจเลยนะ!

ไม่มีใครอยู่ๆ ก็ทำร้ายคนอื่นโดยไม่มีสาเหตุหรือเปล่า

อาจารย์อาเล็กขมวดคิ้วพูด “นี่เป็นจุดที่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก มันออกจะบังเอิญเกินไปหน่อย! แล้วก็ ทำไมเหมียวฉีต้องแต่งออกมาด้วย ใครๆ ก็อยากเข้าไปอยู่ในเผ่า เธอเป็นคนที่นั่นอยู่แล้ว ยังจะคิดว่าบ้านเกิดไม่ดีอีกเหรอ”

เฉิงหราน “เจียงจี๋น่าจะเพิ่งรู้จักเหมียวฉีตอนถูกไล่ออกจากสำนักแพทย์โบราณแล้วย้ายไปอยู่เมืองหลวงนะครับ ยังไงซะตอนเขาอยู่สำนักแพทย์โบราณก็ไม่เคยข้องเกี่ยวกับผู้หญิงเลย”

อาจารย์อาเล็ก “เหมือนจะใช่นะ”

หลี่อวี้เสวี่ย “พวกเรามัวมานั่งเดาก็ไม่มีประโยชน์ สืบเรื่องครอบครัวของเหมียวฉีไม่ได้ เหมียวอวี้ก็หายตัวไปแล้ว…”

กู่ย่า “ตอนนี้ทำได้เพียงรอข่าวจากพี่ชายของเสี่ยวเยาเยา”

อาจารย์อาเล็ก “เอาเป็นว่าอาจารย์คิดว่าเหมียวฉีดูไม่ชอบมาพากล”

เฉิงหราน “ผมก็คิดแบบนั้นครับ”

หลี่อวี้เสวี่ยยิ้มพูด “นี่คือสัญชาตญาณของผู้ชายเหรอ”

กู่ย่าหลุดขำ “คงงั้นมั้ง”

อาจารย์อาเล็ก “พวกเรารอเสี่ยวเยาเยามาค่อยสรุปเรื่องนี้อีกรอบแล้วกัน”

ทั้งสี่คนทำอาหารพลางคุยเรื่องของเด็กๆ เวลาผ่านไปเร็วมาก

เมื่อมู่เถาเยา เฉิงอันนั่ว และปาอินมาถึงบ้าน อาหารก็เพิ่งทำเสร็จพอดี

หลี่อวี้เสวี่ย “รีบไปล้างมือมากินข้าวนะ”

“ค่ะ”

บนโต๊ะอาหาร ปาอินพูดขึ้น “วันนี้เจียงเย่ว์ดูแปลกๆ อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรค่ะ”

แม้ปกติจะไม่ได้ดูอารมณ์ดีมาก แต่วันนี้ตอนบ่ายแค่ดูก็รู้ว่าอารมณ์ไม่ดีเป็นพิเศษ

มู่เถาเยาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ดูจากตอนนี้ มีความเป็นไปได้ที่เจียงเย่ว์จะไม่อยากกลับไปจริงๆ และก็ไม่อยากให้เหลยถิงกลับไปด้วย สองพ่อลูกไม่ลงรอยกัน ไม่รู้ว่ามีสาเหตุจากอย่างอื่นอีกไหมนอกจากเรื่องเย่ว์ตู”

เฉิงหราน “เสี่ยวเยาเยา ถ้าเจียงจี๋แค่วางยากับอาถิงไม่ได้ทำร้ายคนอื่น งั้นจะจัดการยังไงดี ดำเนินการตามกฎหมายหรือจัดการเงียบๆ ดี”

“พี่เขยเหลยเป็นทนาย รู้ดีว่าพฤติกรรมแบบนี้จะมีโทษอะไร แต่ก็ต้องดูว่าเหลยถิงคิดยังไง ถ้าเขาอยากจัดการเองก็ใช่ว่าจะไม่ได้…”

“แต่ก็ต้องภายใต้เงื่อนไขที่ว่า เจียงจี๋ไม่ได้จ้องจะเอาชีวิตของเหลยถิงจริงๆ แค่วางยาพิษครั้งสองครั้งเพื่อเอาคืนสำนักแพทย์โบราณ ระบายความแค้นส่วนตัว…แต่พวกเราจะเอาชีวิตของเหลยถิงไปหยั่งเชิงก็ไม่ได้”

ทุกคนต่างพยักหน้า