บทที่ 289 กลับบ้าน

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 289 กลับบ้าน

บทที่ 289 กลับบ้าน

ท่าทางที่เปลี่ยนไปของโจวรุ่ยทำให้ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การกดดันขององค์ชายทั้งสามพร้อมทหารนับไม่ถ้วนที่ล้อมโจวรุ่ยเอาไว้ แต่โจวรุ่ยกลับไร้ซึ่งความหวาดกลัว ทำให้คนรอบข้างไม่อยากจะเชื่อสายตา

สถานะของนักออกแบบเครื่องแต่งกายในอาณาจักรต้าเซียเป็นอะไรที่สูงส่งมาก และไม่มีใครคิดว่าทหารพร้อมอาวุธในมือจะมาเผชิญหน้ากับ

นักออกแบบเครื่องแต่งกายที่พึ่งชนะเลิศ จากนั้นซักพักหนึ่งผู้ชมที่ดูอยู่ก็รู้สึกรับไม่ได้!

“โจวรุยอย่าเข้าใจฉันผิด เราไม่มีความหมายอื่น ตราบใดที่นายมอบยาศพปีศาจทั้งหมดมา นอกจากเราจะไม่ทำให้นายอับอาย เราจะมอบความปลอดภัยให้นายด้วย” องค์ชายแห่งอาณาจักรต้าเซียคิดอยู่สักพักแล้วพูดออกมา

“ในสายตาของพวกท่าน ยาศพปีศาจคงจะวิเศษมากสินะ แล้วคิดว่าฉันที่เรียนเรื่องเสื้อผ้ามาจะกลั่นยาล้มเหลวไปเท่าไร? ยานั่นพวกท่านก็ได้ไปแล้ว ฉันไม่เข้าใจพวกท่านจริง ๆ นี่คิดว่าฉันมีมันสักกี่เม็ดกัน!”

ในขณะที่งฉู่เหินพูด เขาก็ยิ้มออกมาอย่างน่าสังเวช “ชาวเมืองทุกคนที่มาดูวันนี้ เดิมทีฉันคิดว่าอาณาจักรต้าเซียเป็นสถานที่ให้ความเคารพต่อกฎหมาย แต่ไม่คิดเลยว่าคนทำเสื้อผ้าธรรมดา ๆ อย่างฉันจะมาถูกกลั่นแกล้งแบบนี้ โลกแม้จะกว้างใหญ่แต่คงไม่มีที่ให้โจวรุยคนนี้อยู่แล้ว เพราะงั้นลาก่อน!”

หลังจากพูดจบ ฉู่เหินก็ยื่นมือออกฟาดเข้าไปที่ตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่องค์ชายทั้งสามและผู้คนคาดคิด ผู้แข่งขันที่เพิ่งได้รับตำแหน่งชนะเลิศกลับฆ่าตัวตาย นั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถยอมรับได้

องค์ชายทั้งสามพุ่งรีบไปยังร่างของโจวรุยที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น พวกเขารู้สึกงุนงงและเวียนหัวเพราะควันที่ฟุ้งไปทั่วจากพลังฝ่ามือของโจวรุย ถ้าหากพวกเขาไม่ได้ฝึกตนพวกเขาคงกระอักเลือดออกมาแล้ว ในเวลานี้องค์ชายทั้งสามเกลียดคนจากศาลาว่านเป๋าที่บอกข้อมูลพวกเขามาเหลือเกิน ถ้ามันเงียบเอาไว้ยอดฝีมือที่หาได้ยากแบบนี้คงไม่ต้องฆ่าตัวตาย

ขณะที่องค์ชายสั่งให้ช่วยชีวิตโจวรุย ชายชราจากโรงประมูลก็ถูกปล่อยตัวและในเวลาเดียวกันคนจากศาลาว่านเป๋าก็ถูกจำคุก คน ๆ นี้จิตใจเต็มไปด้วยความโลภสมควรแล้วที่จะนอนอยู่ในคุก

เหตุผลที่ฉู่เหินทำแบบนี้ก็เพราะเขาอยากจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นแก่โจวรุย การที่เขามาอยู่ที่นี่เขาต้องอาศัยร่างของโจวรุย แม้โจวรุยจะมีวิชาการออกแบบเสื้อผ้าเพียงพื้นฐานเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาก็น่าจะได้เรียนรู้วิชาต่าง ๆ จากความทรงจำของฉู่เหิน

กล่าวอีกนัยหนึ่งหลังจากที่วิญญาณของโจวรุยกลับสู่ร่างของเดิม เขาก็เทียบเท่ากับปรมาจารย์เครื่องแต่งกาย แต่ฉู่เหินได้ทิ้งความยุ่งเหยิงไว้มากมายหากไม่แก้ไขก่อนจะจากไป เขากลัวว่าแม้โจวรุยจะมีชีวิตอยู่เขาก็ไม่มีอนาคตที่ดีแน่และสิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือการแสดง การแสดงที่ขมขื่นของโจวรุยจนต้องฆ่าตัวตาย!

ทุกอย่างเหมือนที่เขาจินตนาการไว้จริง ๆ ปฏิกิริยาขององค์ชายทั้งสามเปลี่ยนไปในขณะที่โจวรุยจะฆ่าตัวตายต่อหน้าผู้คน! หลังจากนี้โจวรุยก็จะปลอดภัยสำหรับชนชั้นสูงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าหน้าตา หลังจากนี้ถ้าโจวรุยรอดตาย โจวรุยจะได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างดีจาก องค์ชายทั้งสามอาณาจักร!

และในขณะที่โจวรุยกำลังอาการโคม่า องค์ชายทั้งสามก็สั่งให้คนของเขาค้นหาหาแหวนมิติบนตัวโจวรุย แต่ราวกับว่าพลังฝ่ามือการฆ่าตัวตายของโจวรุยมันรุนแรงเกินไปจนทำให้แหวนมิติบนมือของเขาพังทลายจนกลายเป็นเศษฝุ่นไปอย่างสมบูรณ์ เป็นผลให้พวกเขาไม่พบอะไรเลยในตัวโจวรุย

ไม่กี่วันต่อมาเมื่อโจวรุยตื่นขึ้นมา เขาก็ถูกสอบสวนอย่างหนัก ทั้งตอบได้บ้างไม่ได้บ้างซึ่งทุกคนพูดตรงกันว่าเขาสูญเสียความทรงจำ แม้ว่าแรงบันดาลใจในการออกแบบเสื้อผ้าของเขาจะยังคงอยู่ แต่ความรู้อื่น ๆ ดูเหมือนจะหายไปอย่างสมบูรณ์

หลังจากฉู่เหินตบฝ่ามือลงไป เขาก็รู้สึกว่าวิญญาณของเขาร่อนเรพเนจรอยู่พักหนึ่ง มันสับสนแยกทิศทางไม่ได้ ขณะที่เขารู้สึกวิงเวียนศรีษะเขาก็ลืมตาขึ้นมาและพบว่าเขากลับมาอยู่บนเรือประมงของตัวเองแล้ว ทำให้

ฉู่เหินโล่งอกถอนหายใจออกมา เป็นการเดินทางที่แปลกประหลาดจริง ๆ

ถ้าไม่ใช่ว่าเขาเคยไปอาณาจักรโบราณโหลวหลานมาก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ครั้งนี้คงทำให้เขาตกใจมากแน่ ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นนับว่าแปลกมากแต่มันก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรสำหรับฉู่เหินขนาดนั้น

ในขณะที่เขากำลังคิด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนของแหอย่างต่อเนื่อง เขาจึงยกแหขึ้นมาทันทีโดยไม่ลังเล

ในขณะที่แหถูกยกขึ้นมา คนแคระมากมายรวมถึงเจียฉิวฉิวก็ลอยขึ้นมาบนอากาศโดยไม่ได้ตั้งใจ! ทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ในแหภายในก็เพราะกว่าจู่ ๆ ภายในหัวของพวกเขามีเสียงบางอย่างดังก้องเป็นคำว่า

“พวกนายเลือกได้นะว่าจะอยู่ที่นั้น หรือตามฉันมา”

เสียงนั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่คือเสียงของโจวรุย แน่นอนว่าฉู่เหินในสายตาของพวกเขาคือโจวรุย เสียงที่พวกเขาได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงของฉู่เหิน แต่มันเป็นเสียงของฉู่เหินในตอนที่ยังอยู่ในร่างของโจวรุย

แต่ตอนนั้นทุกอย่างมันเร็วเกินไปจนไม่ทันได้ตั้งตัว วิญญาณของเขาก็กลับมายังโลกเดิมแล้ว ใครจะไปรู้ว่าความคิดของเขาในตอนนั้นจะส่งผลต่อคนพวกนี้ให้ตามมายังโลกใบนี้ด้วย

คนแคระหลายคนเฝ้าดูโจวรุยฆ่าตัวตายบนเวที ในขณะนั้นพวกเขารู้สึกว่าทุกอย่างเป็นสีเทา ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น แม้แต่เจียฉิวฉิวเองก็เช่นกัน น้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตาของพวกเขาอย่างไม่จบไม่สิ้น!

และในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ไม่พอใจต่อทั้งสามอาณาจักร แม้แต่คนแคระ 2-3 คนที่ดูอยู่ก็พร้อมที่จะแก้แค้นในอนาคต! แต่ไม่นานพวกเขาก็ต้องส่ายหน้าเพราะพวกเขายังไม่แข็งแกร่งพอ ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเป็นเสียงของฉู่เหิน พวกเขาไม่แม้แต่จะคิดพยักหน้าตกลงทันที

จากนั้นร่างของพวกเขาก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าและผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นล้วนเห็นคนแคระและเจียฉิวฉิวลอยขึ้นไป องค์ชายทั้งสามเองก็ได้เห็นเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยตาของพวกเขาเองและไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ในขณะที่ทุกคนตกตะลึง แหยักษ์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน หลังจากที่แหปรากฏได้ไม่นานแหยักษ์ก็เอาคนแคระและเจียฉิวฉิวหายไปในพริบตา!

ทุกคนตกตะลึงขณะที่เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นก็มีคนอุทานออกมา “เทพเจ้าแห่งการขโมย แหคือเทพเจ้าแห่งการขโมย!” น่าเสียดายที่มันก็สายเกินไปแล้วที่จะพวกเขาคิดได้ว่าต้องหยุดแหไม่ให้เอาตัวคนไป

แหแสงม่วงหยินเหล๋ยเป็นของระบบเชื่อมโลกามันกลับมาปรากฏที่โลกของฉู่เหินอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ทำให้ฉู่เหินประหลาดใจก็คือเขาไม่คาดหวังว่าเหล่าคนแคระรวมถึงเจียฉิวฉิวทั้งหมดจะอยู่ในตาข่าย มันทำให้เขาพูดไม่ออก!

ไม่กี่วินาทีหลังจากที่เห็นฉู่เหิน พวกเขาก็ระมัดระวังตัวพร้อมพุ่งเข้าโจมตีใส่ฉู่เหินตลอดเวลา ซึ่งฉู่เหินก็เข้าใจเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าร่างนี้คือร่างจริงๆของเขา

“ปาเค่อ กู่อี๋ พวกนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะ?” ฉู่เหินแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะเอาแหขึ้นมา เขาไม่คิดจะส่งคนเหล่านี้กลับไปอยู่แล้ว แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือเจียฉิวฉิวอยู่ท่ามกลางพวกคนแคระด้วยเช่นกัน นี่ทำให้เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เขาพาผู้หญิงกลับมาด้วยอีกแล้วเขาจะอธิบายกับเสี่ยวชิงยังไงดี

“คุณคือคุณโจวรุยเหรอ?”

ปาเค่อมองฉู่เหินด้วยความตื่นตัว แม้รูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนไปแต่น้ำเสียงรวมถึงความรู้สึกต่ออีกฝ่ายนั้นช่างคุ้นเคย ไม่นานเขาขจัดข้อสงสัยไปอย่างสมบูรณ์ เขาเชื่อแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นโจวรุยจริง ๆ

“เป็นไปได้ยังไง?” เจียฉิวฉิวไม่เชื่อสายตาตัวเองและมองไปที่ฉู่เหินอย่างต่อเนื่อง เธอมองเขาอย่างพิจารณาทั้งภายในและภายนอก! แต่พอมองบ่อยๆใบหน้าของเธอแดงก่ำ เธอกำลังเขิดอายเพราะเธอรู้สึกว่าฉู่เหินหล่อมากๆ เธออยากจะจ้องมองเขาให้นานกว่านี้และนั่นทำให้ฉู่เหินรู้สึกสับสนกับท่าทางของเจียฉิวฉิว

“ยินดีต้อนรับสู่โลกของฉัน ฉันเชื่อว่าชีวิตที่นี่จะทำให้พวกนายตกหลุมรักมันจนคิดว่าที่นี่คือบ้านอีกหลังได้อย่างแน่นอน” ในเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่แล้ว ฉู่เหินก็คิดว่ามันยากที่จะส่งกลับไปดังนั้นเขาต้องรับผิดชอบต่อทุุกคน