ตอนที่ 241 แยกย้ายอย่างไม่เต็มใจ(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 241 แยกย้ายอย่างไม่เต็มใจ(2)

ตอนที่ 241 แยกย้ายอย่างไม่เต็มใจ(2)

นายท่านเหยาเอ่ยอย่างดีใจมาก จากนั้นก็หันไปพูดกับเซี่ยเจ๋อหลี่ “อาหลี่ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้หลานไปทำเรื่องกับพ่อบ้านเหยาให้เรียบร้อยนะ เอาล่ะ ตกลงตามนี้แล้วกัน ทุกคนก็ไปพักผ่อนเถอะ”

พูดจบนายท่านเหยาก็รีบเดินหนีไปทันที ประหนึ่งมีสัตว์ร้ายกำลังไล่ตามหลังของเขาเสียอย่างนั้น

เมื่อเห็นว่านายท่านเหยาวิ่งเร็วมาก ฉินมู่หลานกับคนอื่นก็รู้สึกตลกขบขันอยู่ในใจ

แต่เหยาจิ้งจือนึกถึงสิ่งที่ฉินมู่หลานเพิ่งเอ่ย จึงอดไม่ได้ที่จะหันมองเธอแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน ถ้าเธอไม่ต้องการ จะปฏิเสธข้อเสนอของคุณตาก็ได้นะ”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้ม แล้วเอ่ย “แม่คะ เรื่องนี้ยังอีกนานค่ะ รอดูต่อไปก่อนแล้วค่อยคุยกัน นอกจากนี้มันก็เป็นแค่แซ่เท่านั้น ลูกไม่ว่ายังไงก็ยังเป็นลูกของเราอยู่วันยังค่ำ พวกเราก็จะคอยดูแลลูกหลานอยู่ข้าง ๆ ตลอด”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็อึ้งไปชั่วขณะ

ใช่แล้ว นายท่านเหยาเพิ่งพูดแค่เรื่องแซ่เท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่นเลย แค่เปลี่ยนแซ่ของเด็กเท่านั้น อย่างอื่นไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เมื่อคิดได้แบบนี้ เหยาจิ้งจือก็รู้สึกผ่อนคลายลง “ใช่ๆ งั้นเอาไว้ค่อยคุยก็ได้”

หลังจากนั้นเหยาจิ้งจือก็บอกให้ลูกชายกับสะใภ้คนเล็กไปพักผ่อน

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่ที่ตอนแรกมีความคิดจะออกไปข้างนอก เพียงแต่ถูกนายท่านเหยารั้งเอาไว้เสียก่อน สุดท้ายก็ต้องยอมตามพ่อบ้านเหยาไปทำเรื่อง

อีกด้านหนึ่งก็ถึงเวลาที่ตระกูลเสิ่นกับตระกูลฟู่ต้องมาพบปะกัน ทั้งสองครอบครัวจึงแต่งตัวเรียบร้อย แล้วไปเจอกันที่ภัตตาคารจิงเฉิงทันที

เมื่อเสิ่นเจิ้นอวี่กับถงทิงผิงได้พบพ่อแม่ของฟู่ซวี่ตง สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานเลย”

ฟู่หมิงเซิงกับคุณแม่ฟู่ได้พบสองสามีภรรยาตระกูลเสิ่นแล้ว จึงพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทาย

ฟู่ซวี่ตงเห็นพ่อกับแม่ทำเช่นนี้จึงขมวดคิ้วนิดหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร มองเสิ่นหรูฮวนพร้อมรอยยิ้มแทน

เสิ่นหรูฮวนก็ยกยิ้มแล้วมองตอบเช่นกัน

เสิ่นเจิ้นอวี่กับถงทิงผิงพยายามที่จะชวนคนตระกูลฟู่มานั่งสนทนากัน แต่จากที่พูดคุยกันก็ได้พบว่าครอบครัวของพวกเขาเป็นฝ่ายชวนคุยตลอดตั้งแต่แรกเริ่ม ส่วนทางด้านพ่อแม่ของฟู่ซวี่ตงดูไม่ค่อยให้ความสนใจสักเท่าใดและไม่ได้พูดอะไรมาก

เมื่อเห็นแบบนี้ สีหน้าของเสิ่นเจิ้นอวี่กับถงทิงผิงก็ค่อย ๆ ปรากฎชัดขึ้นนิดหน่อย แม้แต่เสิ่นหรูฮวนก็รู้สึกได้

สุดท้ายฟู่ซวี่ตงจึงเอ่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “พ่อครับ แม่ครับ พ่อกับแม่บอกเองไม่ใช่เหรอว่าอยากเจอลุงเสิ่นกับครอบครัว ก็รีบ ๆ คุยสิครับ”

เมื่อได้ยินคำพูดของฟู่ซวี่ตง เสิ่นเจิ้นอวี่ก็เอ่ยอะไรบางอย่าง “พวกคุณพูดบ้างเถอะครับ พวกเราสองครอบครัวต่างมาพบปะกันก็แสดงว่าพอจะรู้เรื่องราวกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ผมว่าเรามาตกลงฤกษ์วันกันก่อนดีกว่า หากเด็กทั้งสองเต็มใจ จะได้แต่งงานกันโดยเร็ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฟู่ซวี่ตงก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาหันมองตรงไปที่พ่อตัวเอง ก่อนจะส่งสัญญาณให้เขารีบพูด

เพียงแต่ฟู่หมิงเซิงยังไม่ทันจะเอ่ยพูด คุณแม่ฟู่ก็เอ่ยปากขึ้นก่อน

“เจ้าบ้านเสิ่น นี่มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอคะ ซวี่ตงกับลูกสาวของคุณยังรู้จักกันได้ไม่นานเลยค่ะ แล้วจะให้แต่งงานกันเลยเหรอ ทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนั้นกันคะ”

“แม่ ไม่รีบร้อนหรอก ผมกับหรูฮวนรู้จักกันมาระยะหนึ่งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็ชอบพอกัน ก็ต่างอยากให้ตกลงเรื่องของพวกเราสองคนโดยเร็ว เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ตกลงกันให้จบเถอะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ คุณแม่ฟู่ก็หันไปมองฟู่ซวี่ตง ก่อนจะเอ่ย “ผู้ใหญ่คุยกันอยู่ แกมีสิทธิ์อะไรเข้ามาแทรก”

ถงทิงผิงเห็นแบบนี้ก็รู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมา

“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร รู้สึกว่าครอบครัวของพวกคุณกำลังดูถูกหรูฮวนของพวกเราอยู่นะคะ หากเป็นอย่างนั้นวันนี้เราก็ไม่ต้องพูดคุยอะไรกันต่อแล้วล่ะ” หลังจากพูดจบ ถงทิงผิงก็ดึงเสิ่นหรูฮวนให้ลุกขึ้น แล้วเอ่ย “หรูฮวน พวกเราไปกันเถอะ”

“คุณป้าครับ รอเดี๋ยวนะครับ แม่ของผมไม่ได้หมายความแบบนั้นเลยนะครับ”

แววตาของฟู่ซวี่ตงเต็มไปด้วยความกังวล จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับแม่ตัวเอง “แม่ รีบพูดสิ”

แต่ถึงอย่างนั้นคุณแม่ฟู่ก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่เอ่ยสิ่งใดเลย

“เหอะ…รู้สึกว่าจะมีแค่ซวี่ตงคนเดียวที่ร้อนรุ่ม พวกคุณในฐานะพ่อแม่ไม่เห็นด้วยที่จะแต่งกับครอบครัวของเราเลยด้วยซ้ำ”

เสิ่นเจิ้นอวี่แค่นหัวเราะ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเช่นกัน “ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องมาเจอหน้ากันอีกแล้วล่ะครับ”

หลังจากพูดจบ เสิ่นเจิ้นอวี่กับถงทิงผิงสองสามีภรรยาก็พาตัวเสิ่นหรูฮวนกลับไป

เสิ่นหรูฮวนหันมองฟู่ซวี่ตงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจากไปพร้อมสีหน้าเจ็บปวด

ฟู่ซวี่ตงอยากจะตามไป แต่ตระกูลเสิ่นจากไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาเดียวก็หายตัวไปแล้ว

จนถึงตอนนี้ฟู่ซวี่ตงก็ยังคงไม่เข้าใจ หากพ่อกับแม่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องของตนกับหรูฮวน ถ้าอย่างนั้นที่พวกท่านมาในวันนี้ ก็เพียงเพื่อจะมายุติความสัมพันธ์หรอกหรือ

“พ่อ! แม่! ไม่เห็นเหรอว่าทำอะไรลงไป ทำไมพ่อกับแม่ต้องมาทำลายชีวิตผมด้วย”

“ฟู่ซวี่ตง แกพูดกับคนเป็นพ่อเป็นแม่แบบนี้เหรอ”

ฟู่ซวี่ตงแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะยืนขึ้นแล้วพูดว่า “พวกคุณเป็นพ่อแม่ประสาอะไรกัน พวกคุณแค่อยากจะควบคุมชีวิตลูกตัวเอง แม้แต่เรื่องแต่งงานก็ยังจะบังคับ พวกคุณไม่สมควรเป็นพ่อเป็นแม่ใครด้วยซ้ำ ผมจะบอกอะไรให้พวกคุณรู้ไว้นะ นอกจากหรูฮวนแล้ว ผมจะไม่มีวันแต่งงานกับใครอื่น”

หลังจากเอ่ยจบ ฟู่ซวี่ตงก็ออกมาทันที

“ฟู่ซวี่ตง แก…เจ้าลูกคนนี้”

คุณพ่อฟู่กับคุณแม่ฟู่เห็นลูกชายเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกโกรธจนขึ้นสมอง

ถึงอย่างนั้นลูกชายคนโตก็เดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยวโดยไม่สนใจพ่อแม่อย่างพวกเขาเลย “เอาล่ะ พวกเราเองก็กลับกันเถอะ ถึงยังไงความสัมพันธ์กับตระกูลเสิ่นก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ฉันไม่เข้าใจเลย เสิ่นหรูฮวนเด็กคนนั้นไม่บริสุทธิ์แล้ว ทำไมซวี่ตงถึงไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้กัน ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าหล่อนมีอะไรให้น่าหลงใหลนัก”

ในขณะที่การหมั้นหมายของฟู่ซวี่ตงกับเสิ่นหรูฮวนมีอุปสรรค อีกด้านหนึ่งก็ยังมีคนวางแผนการณ์ใหญ่ให้ชีวิตตัวเองอยู่

“อวี่หรง พรุ่งนี้ตามแม่ไปนัดดูตัวนะ”

“แม่ หนูก็บอกไปชัดแล้วนะ ว่าหนูจะไม่ไปดูตัว”

“อวี่หรง ลูกกำลังคิดอะไรอยู่ ลูกไม่ใช่เด็กแล้วนะ ทำไมถึงไม่ยอมไปดูตัว หรือว่าอยากเป็นหญิงโสดทึนทึกอยู่คนเดียว”

“แม่ หนูมีคนที่ชอบแล้ว เพราะฉะนั้นหนูจะไม่ไปดูตัวหรอก”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เติ้งซูหลานก็หันไปมอง ก่อนจะเอ่ยถาม “ลูกมีคนที่ชอบแล้วเหรอ แล้วทำไมถึงไม่บอกแม่ล่ะ ใครกัน อยากให้แม่นัดดูตัวกับพวกลูกสองคนไหม”

“ไม่ต้องหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวหนูจัดการเอง แม่ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ”

เติ้งซูหลานเอ่ยด้วยความสงสัย “ลูกไม่อยากไปดูตัว ก็เลยโกหกแม่ใช่ไหม”

“โธ่เอ๊ย ไม่ใช่หรอกค่ะ แม่รีบไปเถอะ”

ฉินมู่หลานที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่รู้เรื่องเลยว่ามีคนกำลังคิดถึงสามีตัวเอง และคนผู้นั้นก็ดูท่าจะไม่ยอมแพ้เสียด้วย ในตอนนี้เธอหันมองฟู่ซวี่ตงผู้มีท่าทางหดหู่ตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยถาม “นายมาที่นี่ได้ยังไง ครอบครัวนายกับครอบครัวหรูฮวนนัดคุยกันวันนี้ไม่ใช่เหรอ?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พ่อแม่บ้านฟู่นี่ก็บังคับชีวิตลูกเกิน ระวังตอนแก่ตัวลงแล้วจะไม่มีลูกคนไหนมาเลี้ยงเถอะ

ยัยอวี่หรงยังไม่เลิกซักทีนะ สงสัยต้องลองให้ปีนต้นงิ้วสักที

ไหหม่า(海馬)